ศพ – ตอนที่ 507 การโต้กลับในขณะที่กําลังใกล้ตาย

นิยาย ศพ ตอนที่ 507 การโต้กลับในขณะที่กําลังใกล้ตาย

ขณะมองสาวกตรงหน้าที่กําลังร้องขอชีวิต สีหน้าของผมก็ไม่ได้เปลี่ยนไปเลยสักนิด ผมเพียงพูดด้วยน้ําเสียงที่เย็นชาเท่านั้น “เอายายับยั้งสภาพสัตว์ออกมา !”

พอเจ้าสาวกคนนั้นได้ยินผมพูดแบบนี้ ก็เงียบไปพักหนึ่ง

ผมเห็นอีกฝ่ายเงียบ จึงเลิกคิ้วขึ้นแล้วพูดว่า “ทําไม ? จะไม่ทํา ?”

“ไม่ไม่ไม่ ผมทํา ทํา….” สาวกคนนั้นรีบรับปาก เห็นได้ชัดว่าเขากลัวมาก

“ยังไม่รีบอีก !” ผมขู่ต่อ ตอนนี้ท่านนักพรตตู๋ต้องการเจ้านี่มาก ยังไงผมก็ต้องเอาเจ้าสิ่งนี้มาให้ได้

เจ้าสาวกไม่รอช้า รีบยื่นมือเข้าไปในเสื้อ จากนั้นก็ค่อยๆหยิบขวดเล็กๆออกมาขวดหนึ่ง

“ท่าน ท่านนักพรต…..”

ผมมองมือที่ยืนขวดออกมาของอีกฝ่าย ทันใดนั้นม่านตาผมก็หดเล็กลงทันที ผมต้องการเจ้านแหละ

ผมดีใจ รีบเอื้อมมือไปจับทันที

ในสายตาของผม ผมเป็นฝ่ายควบคุมทุกอย่าง ปีศาจตรงหน้าตนนี้ ไม่มีทางกล้าเล่นตุกติกแน่นอน

แต่ผลลัพธ์กลับออกมาเหนือความคาดหมาย ในขณะที่ผมเอื้อมมือไปจับขวดยาขวดนั้นมา เจ้าสาวกที่ดูหวาดกลัว ก็เปลี่ยนสีหน้า อ้าปากอย่างรวดเร็ว พร้อมพ่นควันสีดํามืดออกมา

เจ้าควันดำพวกมันไม่กระจายไปรอบๆ มันพุ่งตรงมาที่หน้าผมทันที

เพราะสมาธิทั้งหมดของผม ตกไปอยู่ที่ขวดใบนั้น ดังนั้นผมจึงไม่สังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงของเจ้าหมอน และคิดไม่ถึงว่าเจ้าสาวกสํานักสื่อเย่ที่ดูหวาดกลัว ไม่กล้าทําอะไรตรงหน้า จะเป็นแค่การเสแสรั้งเพื่อตบตาผม

ส่วนมือที่ยื่นออกไปข้างนั้น ก็ไปอยู่ในตําแหน่งที่จับได้พอดี ผมคว้ายาขวดนั้นมาได้ แต่ในขณะที่กําลังผ่อนคลายอีกฝ่ายก็ลอบโจมตีผมทันที

ผมไม่รู้ว่าควันดําที่เจ้าหมอนั่นพ่นออกมาคืออะไร แต่ยังไงมันก็ต้องส่งผลร้ายอย่างแน่นอน

ผมตกใจ อยากจะหลบ แต่พอผมรู้ตัวอีกที มันก็สายไปแล้ว

เพราะเราอยู่ใกล้กันเกินไป และเจ้าควันดําพวกนั้นก็พุ่งมาที่หน้าของผมแล้ว

ถ้าต้องมาพลาดในวันนี้ คงเป็นอะไรที่รู้สึกผิดสุดๆ

ในวินาทีนี้ ตัวผมชาไปครึ่งหนึ่ง แอบพูดในใจว่าจบกัน…… แต่ในช่วงเวลาวิกฤตนั้น จู่ๆเสียงของอาจารย์ก็ดังขึ้นที่ข้างหูของผม “หลบไป !”

เสียงเพิ่งเงียบลง ผมก็สัมผัสได้ถึงแรงกระแทก

ต่อจากนั้นผมก็เห็นอาจารย์พุ่งเข้ามาจากด้านข้างๆ เบียดให้ผมล้มลง และเข้ามาขวางตรงหน้าของผมเอาไว้

ทุกอย่างนี้เกิดขึ้นในเวลาที่สั้นสุดๆ มันเป็นเวลาแค่ชั่วพริบตาเท่านั้น

แต่เพียงเพราะการกระทํานี้ ทําให้ควันดําที่ปีศาจตนนั้นพ่นออกมา สัมผัสโดนกับหลังของอาจารย์

เจ้าควันดําพวกนั้นเพิ่งสัมผัสโดนหลังอาจารย์ ผมก็ได้ยินเสียงดัง “ซ่า”

ถึงอาจารย์จะใส่เสื้ออยู่ แต่มันเหมือนกลับไม่อาจต้านทานควันดําพวกนั้นได้

เพียงแค่เท่านี้ คราบเลือดก็ค่อยๆซึมออกมาตรงเสื้ออาจารย์ทันที

“อ้า !” อาจารย์ทําหน้าทรมาน พร้อมเสียงกรีดร้องแบบกัดฟัน

ในเวลาเดียวกัน เราสองคนก็ล้มลงพื้น โดยมีอาจารย์ทับอยู่บนตัวผม

พอผมเห็นอาจารย์ทําหน้าทรมาน และตรงหลังของเขายังมีเสียง “ซ่าๆๆ” ดังขึ้นเบาๆ ผมก็อดตื่นตกใจไม่ได้ “อาจารย์……”

เสียงของผมเพิ่งเงียบลง เจ้าสาวกที่พ่นควันดําออกมาคนนั้นก็ลุกขึ้นยืนแล้ว เขาเผยให้เห็นใบหน้าที่ดุร้าย ขณะเดียวกันก็ยกกรงเล็บขึ้น เล็งมาจากหลังอาจารย์ผม จากนั้นก็ตวัดกรงเล็บลงมา หวังจะฆ่าอาจารย์ผมให้ตาย

พอผมเห็นภาพนี้เข้า ก็ทําหน้าเหี้ยม แล้วตะโกนด่าออกมาทันที “แม่ถึงซิ !”

เสียงเพิ่งเงียบลง ผมก็โยนดาบไม่ในมือออกไป ตัวดาบมีพลังของผมเคลือบอยู่ นี่เป็นการโจมตีที่เต็มเปี่ยมไปด้วยพลัง

“ฉึก” ทันใดนั้นดาบไม้ก็เจาะทะลุหน้าอกของอีกฝ่าย ร่างกายของสาวกปีศาจตนนั้นเหมือนโดนฟ้าผ่า เขาตัวแข็งทื่อ ช็อกในทันที

ต่อจากนั้น เขาก็ค่อยๆก้มหน้า ทันใดนั้นเขาก็เห็นดาบที่ปักเข้าที่หน้าอกของตัวเองพอดี ตอนนี้เลือดสดๆค่อยๆไหลออกมาตามตัวดาบ……

เพิ่งเห็นถึงตรงนี้ ตรงมุมปากของเจ้าปีศาจตนนั้นก็มีรอยเลือดปรากฏขึ้น จากนั้นเขาก็ล้มลงนอนตายกับพื้น

ผมไม่ได้สนใจสาวกที่ตายไปตนนั้น ผมพลิกตัวขึ้นมา มองอาจารย์ที่กําลังกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดอยู่ “อาจารย์ อาจารย์……”

ผมตะโกนเรียกอาจารย์ไป และมองหลังของอาจารย์ไปพร้อมกัน

ผมพบว่าบนหลังของอาจารย์มีควันสีดําลอยออกมาอย่างต่อเนื่อง คราบเลือดขนาดใหญ่ และ ยังมีเสียง “ซ่าๆๆ” ดังอยู่อย่างงั้น

มันชัดเจนสุดๆ ควันพิษอะไรไม่รู้ที่เจ้าหมอนั่นพ่นออกมาเมื่อกี้ มีฤทธิ์ในการกัดกร่อน

บริเวณที่โดนพิษ เหมือนถูกสาดด้วยกรดซัลฟิวริกไม่มีผิด เนื้อก่าลังถูกกัดกร่อนอย่างต่อเนื่อง

ในเวลาเดียวกันนั้น ทางหูเหมยก็จัดการคู่ต่อสู้เสร็จแล้ว

ตอนนี้ นอกจากปีศาจเสือดาวตัวนั้นแล้ว สาวกปีศาจตนอื่น ก็โดนพวกเราฆ่าหมดแล้ว

จากนั้นหูเหมยก็วิ่งเข้ามา พอเห็นหลังของอาจารย์ผิดปกติไป เธอก็อดขมวดคิ้วไม่ได้

อาจารย์กัดฟัน เหงื่อเย็นๆแห่งความเจ็บปวดไหลออกมาอย่างต่อเนื่อง “อา อาจารย์ไม่เป็นไร

พอเห็นอาจารย์เจ็บปวดแบบนั้น ผมก็รีบดึงมีดปลิดวิญญาณออกมา แล้วพูดกับอาจารย์ว่า

“อาจารย์ทนก่อนนะ ผมจะดูหลังอาจารย์หน่อย !”

หลังจากพูดจบ ผมก็ใช้มีดตัดเสื้อของอาจารย์ เผยให้เห็นแผลบนหลังเขา

ผมพบว่า บนไหล่ซ้ายของอาจารย์มีวงกลมขนาดใหญ่อยู่ ตอนนี้มันโดนกัดจนมีสภาพเป็นแผลเหวอะ

และหลังโดนกัดกร่อนเสร็จ ก็จะมีเลือดสีดําๆไหลออกมา หากมันไหลไปทางไหน ตรงนั้นก็จะโดนกัดกร่อนทันที และยังมีแนวว่ามันจะแพร่ระบาดไปอย่างต่อเนื่อง……

พอเห็นภาพนี้ ผมก็ตกใจทันที

หูเหมยตกใจจนตาโต บาดแผลของเขาน่าตกใจมาก

แต่ผมรู้ว่า ต้องทําความสะอาดบาดแผลก่อน ไม่อย่างงั้นบาดแผลที่หลังของอาจารย์ต้องเพิ่มไปมากกว่าเดิมแน่ๆ

และในตอนนั้นเอง จู่ๆหูเหมยก็หยิบกระบอกไม้ไผ่เล็กๆออกมา จากนั้นก็ยื่นมาให้ผม EG4YAup2hySgcimq8MkLuB6e34rNB2SF9h94LL1ryzzq นายเอามันทาให้นักพรตติงซิ น่าจะได้ผลอยู่นะ”

ขณะมองสีหน้าซีเรียสของหูเหมย ผมก็ไม่สนใจเรื่องอื่น รีบพยักหน้า แล้วรับมันมาถือไว้ทันที

“อาจารย์อาจจะเจ็บหน่อยนะ !” ขณะพูด ผมก็เปิดขวดยานั้นออกแล้ว

“มา มาเถอะ !” อาจารย์เส้นเลือดปุด เห็นได้ชัดว่าความเจ็บประเภทนี้ ทําให้อาจารย์ทรมานกว่าปกติ

ผมเองก็ไม่รอช้า รีบทายาสมานแผลลงที่บาดแผลของอาจารย์ทันที

ยาสมานแผลเพิ่งสัมผัสกับแผลบนหลังอาจารย์ อาจารย์ก็ร้องออกมาเสียงดังลั่น ดวงตาแทบถลนออกมา เหงื่อเย็นไหลผุดขึ้นมาทันที

แต่ดูเหมือนยาสมานแผลนจะได้ผล บาดแผลที่โดนกัดกร่อนอย่างต่อเนื่อง มีอาการหยุดกัดกร่อนทันที

และยาสนามแผลนี้ก็มีฤทธิ์ช่วยหยุดเลือดได้ดีมาก แค่ทาลงไปก็ได้ผลแล้ว

อาจารย์ตัวสั่น แต่ในเวลานี้ก็กลั้นหายใจเอาไว้ แล้วพูดกับผมว่า “เสี่ยว เสี่ยวฝาน อาจารย์ไม่ ไม่ตายหรอก พวกแก พวกแกไปช่วยพวกท่านเซียนเถอะ”

พอเห็นบาดแผลของอาจารย์ดีขึ้นแล้ว ทางปู่หลิ่วและยายหูชีกําลังสู้อยู่ ผมก็ไม่ลังเลมากนัก ตอบกลับอาจารย์ทันที “อ๋อ ! อาจารย์ พักก่อนนะ คืนนี้เราต้องจัดการเจ้าปีศาจตัวนี้ได้แน่ !”

หลังจากพูดจบ ผมก็จับมีดปลิดวิญญาณแน่น แล้วลุกขึ้นทันที

ส่วนหูเหมย เธอพุ่งออกไปหาปีศาจเสือดาวตนนั้นเรียบร้อยแล้ว……

ศพ

ศพ

อ่านนิยายเรื่องศพ
Status: Ongoing
โดย เรื่อง ศพ บ้างส่วนของนิยาย ผมชื่อติงฝาน ปีนี้อายุ 20 ปีบริบูรณ์ ตัวผมและอาจารย์ต่างใช้ชีวิตพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกัน ตอนอาจารย์ยังเป็นวัยรุ่นเขาเป็นคนตัดผมให้พระในวัด และเขายังทำหน้าที่เป็นสัปเหร่อประจำวัดด้วย ในปัจจุบันเขาได้เช่าร้านขายของชำในตำบลหนึ่งแหล้ง ขายของจำพวกเทียน กระดาษเงินกระดาษทอง และผ้าห่อศพ เพื่อหารายได้ประทังชีวิตไปวันๆ ในช่วงเวลาว่าง ท่านอาจารย์ยังชอบออกไปช่วยดูฮวงจุ้ยให้กับผู้คน บางครั้งก็ทำพิธีกรรมทางศาสนา เกี่ยวกับการเป็นสื่อกลางระหว่างวิญญาณน่ะ……. วันนั้นอาจารย์ออกไปช่วยคนประกอบพิธีทางศาสนา แล้วปล่อยให้ผมเฝ้าร้านคนเดียว เวลาล่วงเลยมาประมาณหนึ่งทุ่มตรง อยู่ๆสัปเหร่อหลี่เหลาซานก็รีบพุ่งเข้ามาซื้อของ เนื่องจากผมติดตามอาจารย์มาตั้งแต่เด็ก ดังนั้นผมจึงพอมีวิชาติดตัวอยู่ไม่น้อย เมื่อผมเห็นว่าจุดยิ่งถาง(เป็นจุดที่อยู่ระหว่าหัวคิ้วทั้งสอง)ของหลี่เหลาซานดำมืด สีหน้าย่ำแย่ จึงรู้สึกถึงความผิดปกติได้ทันที จากนั้นผมจึงถามกับหลี่เหล่าซานว่าเป็นอะไรไป หลี่เหล่าซานก็ไม่ปิดบังอะไร เขาบอกว่ามีคนจมน้ำตาย และตอนนี้เขาก็กำลังรีบไปเก็บศพ เมื่อคิดถึงตอนที่ตัวผมเคยติดตามอาจารย์ตั้งแต่ยังเด็ก แม้ว่าจะได้เรียนวิชาอะไรมามากมาย แต่อาจารย์กลับพาผมไปทำงานด้วยน้อยมาก และยังไม่ยอมให้ผมแตะตัวศพด้วย เมื่อผมเห็นว่าสีหน้าของหลี่เหล่าซานแย่มาก แล้วตอนนี้เขายังต้องไปเก็บศพคนเดียวอีก เขาคงกลัวว่าตัวเองต้องเจอกับเรื่องไม่ค่อยดีแน่ อาจารย์ก็ไม่อยู่ พอดีเลยแอบออกไปดูหน่อยดีกว่า อีกอย่างหลี่เหล่าซานเองก็ยังขาดลูกมือด้วย ดังนั้นผมจึงตามหลี่เหล่าซานไป ถึงแม้ว่าจะไม่เก่งเท่าอาจารย์ แต่ถ้าต้องเผชิญหน้ากับเรื่องไม่ดี ถึงตอนนั้นผมก็ค่อยใช้วิชาที่เรียน มาหลบมันก็จบแล้ว ผ่านไปไม่นาน พวกเราก็มาถึงอ่างเก็บน้ำ ตอนแรกผมคิดว่าเป็นแค่การจมน้ำธรรมดาๆ แต่เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุถึงได้รู้ว่า เรื่องนี้ไม่ได้ธรรมดาอย่างที่คิดไว้ ผู้เสียชีวิตคือสามีภรรยาคู่หนึ่งที่หาเลี้ยงชีพด้วยการตกปลา พวกเขาออกหาปลากันตั้งแต่ตอนเช้า วันนี้พวกเขาหาปลาไหลตัวใหญ่ได้ตัวหนึ่ง ได้ยินมาว่า ปลาไหลตัวนั้นตัวใหญ่เท่ากับข้อมือ ตัวเหลืองหลังดำ และมันยังยาวเกินกว่าหนึ่งเมตรด้วย ตอนนั้นมีคนหนึ่งพูดขึ้นมาว่า พวกเขาจับมังกรได้ บอกให้ปล่อยมันไปซะ เพราะของสิ่งนี้ฆ่าไม่ได้ และกินก็ไม่ได้ด้วยเช่นกัน แต่สองสามีภรรยานั้นไม่ยอมฟัง บอกว่าของโอชะแบบนี้มันขึ้นอยู่กับโชคชะตา หลังจากนั้นตอนเที่ยงพวกเขาจึงนำปลาไหลตัวนั้นไปทำอาหาร แต่สิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น ตกบ่ายพวกเขาก็ลงเก็บแหที่จมอยู่ในน้ำตามปกติ แต่แล้วตอนนั้นกลับเป็นเวลาที่พวกเขาทั้งคู่พลัดตกลงไปจมน้ำตาย ตอนนี้คนที่อยู่รอบๆต่างลือกันไปทั่ว ว่าสองสามีภรรยานั้นกินมังกรเข้าไป ทำลายฮวงจุ้ย จนทำให้เทพมังกรน้ำโมโห ตอนนี้พวกเขาเลยถูกเก็บ เพื่อให้สมกับกรรมที่พวกเขาก่อ หลังจากที่หลี่เหล่าซานได้ยินคำเล่าลือพวกนี้ เขาก็รู้สึกหวาดกลัว บอกว่าเรื่องมันประหลาดเกินไป พวกเรารีบเก็บ รีบกลับกันเถอะ ผมพยักหน้าและพูดว่า “อือ” จากนั้นก็เดินตามหลี่เหล่าซานไปทางที่ศพอยู่ ศพของสองสามีภรรยาชาวประมงถูกลากขึ้นฝั่งเรียบร้อย ตอนนี้พวกเขาถูกผ้าขาวคลุมไว้ รอบๆศพมีเส้นที่ตำรวจตีวงล้อมไว้ และในสถานที่เกิดเหตุยังมีตำรวจอีกสองสามคนกำลังสอบปากคำอยู่ หลี่เหล่าซานเป็นสัปเหร่อที่คอยเก็บศพ หลังจากแสดงบัตรประจำตัว เขาก็เดินผ่านเข้าไปทันที เมื่อเดินมาถึงศพ ผมรู้สึกแค่ว่าอากาศที่อยู่รอบๆเริ่มหนาวเย็น และกลิ่นเหม็นเน่าก็เริ่มกระจายออกมา ตามปกติแล้วคนที่พึ่งจมน้ำตายในตอนบ่ายนั้น ถ้าดูจากเวลาตอนนี้ยังผ่านไปแค่ครึ่งวันเท่านั้น ตอนนี้อากาศก็ไม่จัดว่าร้อน เวลาแค่ครึ่งวันจะเปลี่ยนกลิ่นให้เน่าเหม็นขนาดนี้ได้ยังไง แต่ผมก็ไม่คิดมาก เมื่อเข้าไปใกล้ตัวผมเองก็ปิดจมูกเอาไว้ แต่ตอนที่ผ้าขาวพึ่งเปิดออก กลิ่นเน่าเหม็นก็กระจายออกมาทันที กลิ่นนั้นรุนแรงมาก จนเกือบทำให้ผมต้องอ้วกออกมาเลยทีเดียว ผมอดกั้นความสะอิดสะเอียนเอาไว้ จากนั้นก็มองไปที่ศพ พบว่ารูปร่างของศพกำลังขึ้นอืด บริเวณหลายแหล่งต่างเน่าเป็นที่เรียบร้อย สภาพศพดูเหมือนกับคนที่ตายมาแล้วสี่ถึงห้าวัน พวกเราทั้งสองต่างรู้สึกว่าทนรับกลิ่นเน่าเหม็นนี้ไม่ค่อยไหว พวกเราจึงรีบสวมถุงมือ เตรียมยกขึ้นรถบรรทุกศพ จากนั้นจะได้นำกลับไปประกอบพิธีทางศาสนาต่อ แต่แล้วเมื่อมือของทั้งสองคน สัมผัสกับศพ ดวงตาทั้งสองข้างที่เคยปิดอยู่ ตามสถานการณ์ปกติที่มันควรจะเป็น จู่ๆเปลือกตาก็เปิดออก เผยให้เห็นลูกตาสีขาวโพน เมื่อเห็นเช่นนั้นพวกเขาจึงรู้สึกกลัวมาก เมื่อเห็นฉากนี้ ในใจของผมแทบจะร้องตะโกนออกมาว่า “เชี่ยแล้ว” ท่าไม่ดีแล้ว อาจารย์เคยพูดบ่อยๆ คนเป็นหายใจ คนตายก็ต้องหายใจเฮือกสุดท้ายเช่นกัน เวลาเก็บศพ สิ่งที่ควรหลีกเลี่ยงที่สุดก็คือการเผชิญหน้ากับพวกศพที่ไม่สงบ และเมื่อสัมผัสกับศพ แล้วพบว่าศพลืมตา ก็เป็นอีกหนึ่งข้อที่ควรหลีเลี่ยงเช่นกัน เพราะการลืมตา หมายความว่าเขายังต้องการมีชีวิต นี่ไม่ได้เป็นเพียงแค่ลางร้าย แต่มันยังหมายถึงเคราะห์ร้ายมากและเป็นสิ่งที่ควรหลีกเลี่ยงมาก นี่แสดงให้เห็นว่าผู้ตายไม่อยากทิ้งลมหายใจเฮือกสุดท้าย ไม่ไปสู่สุขคติ ไม่ยอมจากไปแต่โดยดี ตัวผมนั้นยังถือว่าดี ที่ยังได้เรียนวิชาพวกนั้นมาบ้าง ดังนั้นจึงเป็นธรรมดาที่ผมจะรู้วิธีจัดการกับศพที่ตายโหง และปลดปล่อยวิญญาณพวกนี้ แต่ทางด้านหลี่เหล่าซาน เขาพึ่งเคยมีประสบการณ์เป็นสัปเหร่อเพียงครึ่งปีเท่านั้น ดังนั้นวินาทีที่ศพลืมตาขึ้น เขาจึงตกใจจนร้องตะโกนออกมา “เฮ้ย” จากนั้นก็ลนลานจนลงไปนั่งกองกับพื้นทันที ไม่หยุดเพียงเท่านั้นเขายังพูดออกมาพร้อมกับเสียงที่สั่นเทา “ขยับ ศพมันขยับ!” เมื่อผมเห็นหลี่เหล่าซานเป็นเช่นนั้น ตัวเองจึงรีบส่งสัญญาณให้หลี่เหล่าซานเงียบทันที ดีที่รอบๆตัวไม่มีใครอยู่ ถ้าคนอื่นได้ยินเข้าละก็ จะต้องปล่อยข่าวลือหนักกว่าเดิมแน่ “ลุงซาน ลุงไม่ต้องตกใจ เป็นเพราะสองสามีภรรยาตายอย่างไม่สงบ ผมแค่ทำพิธีส่งวิญญาณให้พวกเขาก็จบแล้วครับ!” หลี่เหล่าซานกลัวจนตัวสั่น ตอนนี้เมื่อได้ยินผมพูดแบบนี้ เขาเลยพยายามพยักหน้าให้ผมหนึ่งครั้ง ส่วนผม ก็รีบหยิบกระจกแปดทิศที่อาจารย์ชอบใช้ออกมาจากกระเป๋า ไม่อธิบายใดๆทั้งสิ้น หลังจากวางไว้ระหว่างหน้าผากของทั้งสองศพผมก็ตบมันลง ในเวลาเดียวกันผมที่เคยเรียนวิธีการพูดส่งวิญญาณมาจากอาจารย์ ดังนั้นตอนนี้ผมจึงพูดคำเหล่านั้นออกมาด้วยเสียงที่แผ่วเบา “ สุดท้ายชีวิตก็ต้องดับสูญ วิญญาณก็ย่อมแตกสลาย! มาจากที่ไหนจงกลับไปที่นั้น! ” ด้วยเสียงที่แผ่วเบา เขาจึงพูดประโยคนั้นสองครั้งติดกัน อย่าได้ดูถูกมันเชียว เพราะวิธีนี้ของอาจารย์มันใช้ได้ผลจริงๆ หลังจากทำพิธีเสร็จ เพียงใช้มือสัมผัสเบาๆ เปลือกตาของศพก็ปิดลงอย่างง่ายดาย เมื่อหลี่เหล่าซานเห็นดวงตาของศพทั้งสองปิดลง มันก็ทำให้ตัวเขาเกิดความสงสัยขึ้นมาดังนั้นเขาจึงพูดกับผมว่า “เสี่ยวฝาน พวกเขา พวกเขาสงบลงแล้วเหรอ” เมื่อเก็บกระจกเสร็จ ผมก็หันมาพยักหน้าให้ “น่าจะเรียบร้อยแล้วครับลุงซาน แต่สองสามีภรรยาคู่นี้ตายแบบแปลกๆ และพลังด้านมืดของที่นี่ยังแรงมาก ผมคิดว่าพวกเราควรรีบออกไปจากที่นี่กันดีกว่าครับ!” หลี่เหล่าซานเองก็ไม่ได้อยากอยู่ต่อนานแล้ว ตอนนี้เมื่อได้ยินผมพูดแบบนี้ เขาจึงรีบพยักหน้ารับทันที ทั้งสองคนยังไม่ลืม ที่จะนำศพทั้งสองขึ้นรถ หลังจากให้สมาชิกครบครัวเซ็นชื่อ และบอกกับตำรวจของที่นี่เรียบร้อย พวกเขาทั้งสองคนก็รีบขับรถออกมาจากที่นี่ทันที หลังจากที่หลี่เหล่าซานออกมาได้ไม่นาน สีหน้าของเขาก็ดูแย่มาก ร่างกายยังคงสั่นกลัว ดูเหมือนว่าเขาจะถูกทำให้ตกใจกลัวไม่น้อย ผมจึงทั้งขับรถให้เขา และปลอบเขาไปในตัว พวกเราก็ไม่ได้ไปรบกวนใครต่อใคร พยายามทำให้เขารู้สึกผ่อนคลาย เมื่อได้ยินเช่นนั้นหลี่เหล่าซานกลับหัวเราะแห้งๆออกมา จากนั้นเขาก็ไม่พูดอะไรอีก เพราะทั้งสองศพนี้เริ่มเน่าและมีกลิ่นเหม็นแล้ว ทางครอบครัวก็เซ็นชื่อเรียบร้อย และยังมีเรื่องแปลกๆมากมายด้วย ดังนั้นผมจึงแนะนำ ให้หลี่เหล่าซานเผาทั้งสองศพในคืนนี้ เพราะถ้ายังยื้อเวลาออกไปอาจมีเรื่องอะไรไม่ดีเกิดขึ้นก็ได้ เมื่อครอบครัวมารับ ลุงก็ให้เถ่ากระดูกกับพวกเขาไปก็เหมือนกัน

Comment

Options

not work with dark mode
Reset