นิยาย ศพ ตอนที่ 509 ตามฆ่า
เจ้านี่น่าจะเป็นความสามารถพิเศษหรือวิชาบางอย่างอย่างสานักสื่อเย่ และมันเป็นอะไรที่ร้ายกาจมาก
ควันดํามีฤทธิ์กัดกร่อน ไม่ว่าจะเป็นคนหรือสิ่งมีชีวิตชนิดอื่น ขอแค่สัมผัสกับเจ้าควันดําพวกนี้มันก็จะโดนกัดกร่อนอย่างรวดเร็ว
และควันด่าที่เจ้าปีศาจเสือดาวพ่นออกมา ก็ยังมีฤทธิ์รุนแรงกว่า
แม้จะเป็นกรดซัลฟิวริก EG4YAup2hySgcimq8MkLuB6e34rNB2SF9h94LL1ryzzq และเหลือไว้เพียงกิ่งก้าน
ผมตกใจสุดๆ ใบหน้าเผยให้เห็นความตกตะลึง
โชคดีที่เมื่อกี้ผมหลบทัน ไม่อย่างนั้นตอนนี้ผมอาจโดนควันพวกนั้นกัดกร่อนจนเหลือแต่กระดูกแล้ว
แม่ใจจะกําลังเต้นตุ้มๆ ต่อมๆ แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะมาคิดมาก
เพราะหลังเจ้าหมอนั่นพ่นควันดําออกมาเสร็จ มันก็หมุนตัวแล้ววิ่งออกไปนอกศาลเจ้าทันที
สิ่งที่ผมต้องทําในตอนนี้ คือลงมือกับเจ้าหมอนั่นอีกครั้ง ทําให้มันตายให้จงได้
ผมยังไม่ได้ขยับตัว ทางปู่หูลิ่วก็ระเบิดเสียงโมโหออกมาแล้ว “ทําร้ายหลานฉันแล้ว อย่าหวังว่าจะหนีไปได้เลย !”
หลังจากพูดจบ ปู่หูลิ่วก็พุ่งออกไปแล้ว เขาเคลื่อนไหวเร็วมาก
ผมเองก็ไม่รอช้า ถือมีดปลิดวิญญาณ แล้ววิ่งตามไปเช่นกัน
ผ่านไปเพียงแค่ชั่วพริบตาเดียว ผมและปู่หูลิ่วก็ออกมาอยู่ตรงหน้าประตูศาลเจ้าแล้ว
แต่เพิ่งมาถึงประตู เราก็เห็นเจ้าปีศาจหยิบขวดขนาดเล็กออกมาหนึ่งขวด จากนั้นก็เทยาบางอย่างออกมาหนึ่งเม็ด แล้วสุดท้ายก็กลืนหายเข้าไปในปาก
ผมและปู่หูลิ่วต่างค่อนข้างงุนงง ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายกินยาอะไรเข้าไป
แต่เจ้ายานี้เพิ่งถูกกินเข้าไป ในร่างกายของเจ้าปีศาจก็ดูเหมือนจะมีคลื่นพลังบางอย่างปรากฏขึ้น
แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลาคิด เราวิ่งไปข้างหน้าต่อ คิดจะฆ่าอีกฝ่ายให้จบเรื่อง
แต่ผมและปู่หลิ่วก้าวเท้าไปข้างหน้า จู่ๆอีกฝ่ายก็ยกมือขึ้นมาประสานอิน
ตอนผมเห็นอีกฝ่ายทํามือประสานอิน ในใจก็มีเสียงดัง “บิ๊ก” เจ้าท่าทางประสานมือนี่ไม่ใช่ท่าเสกคาถาศาสตร์ฉีเหมินตันเจียที่เจ้าหมอนั่นใช้หนีไปเมื่อคืนเหรอ
ผมทําหน้าตกใจ รีบพูดขึ้นมาทันที “แย่แล้ว มันคิดจะหนี !”
เสียงเพิ่งเงียบลง เจ้าปีศาจเสือดาวตนนั้นก็จ้องมาทางผมและปู่หลิ่วอย่างดุร้าย จากนั้นก็พูดขึ้นมาว่า “เพี้ยง !”
คําพูดนี้เพิ่งดังขึ้น รอบตัวเจ้าปีศาจตนนั้นก็มีประแสลมเกิดขึ้นอย่างรุนแรง
ต่อจากนั้น ม่านหมอกสีดําทมิฬก็ปรากฏขึ้น เพียงแค่ชั่วพริบตาเดียวพวกมันก็ห้อมล้อมตัวเจ้าปีศาจเอาไว้จนหมด
แม้ปู่หูลิ่วจะเร็วมาก แต่กรงเล็บที่ตวัดออกไป ก็โดนเข้ากับหมอกดํา
ผลลัพธ์การโจมตีของปู่หลิ่วในครั้งนี้ ไม่เพียงไม่อาจทําร้ายอีกฝ่ายได้ แม้แต่ขนเส้นเดียวเขาก็ยังคว้าไว้ไม่ได้
หลังพวกเราก้าวเข้าไป เราก็พบว่าหมอกดําพวกนั้น เริ่มกระจายตัวออกแล้ว
ปีศาจเสือดาวที่อยู่ในศาลเจ้าเมื่อกี้ ก็ได้หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยแล้ว
และหมอกดํากลุ่มนั้น ก็หายไปอย่างรวดเร็วเช่นกัน
เพียงแต่ตรงตําแหน่งที่ปีศาจเสือดาวยืนอยู่เมื่อกี้ มีรอยสลักรูปปาถั่วเหลือทิ้งเอาไว้เท่านั้น
เมื่อเห็นถึงตรงนี้ ผมก็อดกัดฟันไม่ได้ ในใจเต็มไปด้วยความโมโห “เวรเอ๊ย ปล่อยให้หนีไปได้อีกแล้ว !”
ปู่หลิ่วพยายามสูดดมกลิ่นจากอากาศไม่หยุด เขาอยากใช้ทักษะการดมกลิ่น ตามหาร่องรอยของอีกฝ่าย
แต่หลังจากที่ปู่หลิ่วดมกลิ่นมาได้พักหนึ่ง เขาก็เลิกคิ้วขึ้น แล้วตะโกนออกมาว่า “ทางนี้ !”
หลังจากพูดจบ ปู่หูลิ่วก็พุ่งออกไปทางหน้าต่างด้านข้างทันที
เมื่อเห็นปู่หลิ่วเจอร่องรอยของปีศาจเสือดาว จากการดมกลิ่น ในใจของผมก็เริ่มกลับมามีความหวังเล็กน้อย
ผมไม่รอช้า รีบพุ่งออกไปทางหน้าต่างที่ปู่หูลิ่วกระโดดออกไปทันที จากนั้นก็วิ่งตามปู่หูลิ่วไปติดๆ
ผลลัพธ์เพิ่งไล่ตามออกมาได้ประมาณ 100-200 เมตร ผมก็พบกับรอยเลือดสดๆบนพื้น
หยดเลือดยังร้อนอยู่ เห็นได้ชัดว่าน่าจะเป็นเลือดของเจ้าปีศาจเสือดาว
เขาใช้วิธีพิเศษบางอย่างจากศาสตร์ฉีเหมินตันเจี่ย ถึงหลบหูตาพวกเราได้ และหนีออกมาได้ระยะหนึ่ง
แต่ระยะที่ว่ามีจํากัด เนื่องจากคนคนหนึ่ง ไม่มีทางหายไปอย่างไร้ร่องรอยได้แน่นอน
ในเวลานี้เมื่อเจอร่องรอยของอีกฝ่ายแล้ว ผมก็รู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาไม่น้อย
ปู่หูลิ่ววิ่งไปด้านหน้าเรื่อยๆ ใช้จมูกดมไม่หยุด คอยตามร่องรอยไปเรื่อยๆ
แม้พวกเราจะเจอเบาะแสและร่องรอยที่อีกฝ่ายทิ้งเอาไว้แล้ว แต่ผมและปู่หูลิ่วก็ยังตามอีกฝ่าย ไม่ทัน
การตามครั้งนี้ ทําให้พวกเราตามมาจนถึงท่าเทียบเรือในตําบล เมื่อมองออกไปไกลๆ เราก็เห็นร่างดําๆของใครบางคนกําลังวิ่งไปตามริมแม่น้ําเรื่อยๆ
คนๆนั้นเอามือกุมหลังไว้เท้าเซไปเซมา เขาไม่ใช่ใครอื่นๆ เจ้าหมอนั่นก็คือปีศาจเสือดาวที่ โดนมีดของผมเข้าไปนั่นเอง
พอหลิ่วเห็นแบบนั้น ก็ทําสีหน้ามืดมน ตะโกนไปทางปีศาจเสือดาวที่อยู่ตรงริมแม่น้ําว่า
“ไอ้ชั่ว หยุดเดี๋ยวนี้ !”
หลังจากพูดจบ ปู่หลิ่วก็ไล่ตามไปฆ่าอย่างรวดเร็ว ผมเองก็รีบตามไป อยากจะหยุดอีกฝ่ายให้ ได้ตรงท่าเทียบเรือ
แต่ใครจะคิดเมื่อเจ้าหมอนั่นไปถึงท่าเทียบเรือ มันก็กระโดดขึ้นไปบนเรือตกปลาล่าหนึ่ง สะบัดกรงเล็บ
ตัดเชือกที่ผูกเรือเอาไว้ให้ขาด แล้วจากนั้นก็เริ่มพายเรือไปตามลําน้ําทันที แม้อีกฝ่ายจะบาดเจ็บ แต่ก็พายเรื่อได้เร็วมาก
ในขณะที่เรือน้อยลอยลําออกไป ผ่านไปไม่นานมันก็ออกไปไกลกว่าสิบเมตรแล้ว
เมื่อผมและปู่หูลิ่วมาถึงที่ฝั่งท่าเทียบเรือ อีกฝ่ายก็ออกไปอยู่ตรงกลางแม่น้ําแล้ว
และทั่งท่าเทียบเรือ นอกจากเรือเล็กๆที่ปีศาจเสือดาวพายออกไปแล้ว ก็ไม่มีเรือลําอื่นอีก
หรือจะพูดอีกอย่างว่า ถึงพวกเราในตอนนี้ จะอยากตามอีกฝ่ายไปแค่ไหน แต่สุดท้ายเราก็ได้ แต่มองเรือของอีกฝ่ายข้ามฝั่ง มองอีกฝ่ายหนีไปจากเงื้อมมือพวกเรา
เมื่อเห็นถึงตรงนี้ ผมและปู่หูลิ่วก็โมโหสุดๆ แต่สุดท้ายเราก็ทําอะไรไม่ได้อยู่ดี
เจ้าปีศาจเสือดาวที่กําลังพายเรืออยู่ จู่ๆก็หยุดพายในเวลานี้ จากนั้นลุกขึ้นยืน แล้วค่อยๆกลายร่างกลับมาเป็นคนอีกครั้ง
หลังจากนั้นเขาก็หันหน้ามาทางพวกเรา แล้วพูดกับพวกเราด้วยน้ําเสียงเย็นชา “แค้นในวันนี้ข้าจะกลับมาทวงคืนในไม่ช้า !”
“ข้าหลิ่วจะรอ !” ปู่หูลิ่วเองก็ตะโกนกลับไป เหมือนดวงตาจะเต็มไปด้วยไฟแค้น
ผมไม่ได้พูดอะไร เพียงจ้องอีกฝ่ายเท่านั้น
ในใจรู้สึกเสียใจสุดๆ แม้อีกฝ่ายจะบาดเจ็บสาหัส แต่ก็ไม่คิดว่าจะปล่อยให้อีกฝ่ายหนีไปได้อีก
ต่อจากนั้น เจ้าปีศาจเสือดาวก็พายเรือต่อ ผ่านไปไม่นานเราก็เห็นอีกฝ่ายไปถึงฝั่ง จากนั้นร่างของเจ้านั่นก็ค่อยๆเลือนหายเข้าไปในความมืดยามค่ําคืน
ปู่หูลิ่วถอยหายใจ “ชหม่า เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว พวกเรากลับกันเถอะ !”
ผมพยักหน้าเบาๆ แม้จะหยุดท่านเทพแห่งสํานักสื่อเย่ หรือนักเลงตัวพ่อเอาไว้ได้ แต่อย่างน้อยเราก็ทําให้อีกฝ่ายบาดเจ็บสาหัส
เจ้าหมอนี้โดนมีดปลิดวิญญาณเข้าไป จะต้องมีพลังไหลออกมาเยอะมากแน่ๆ ถึงเขาจะมีชีวิตรอด แต่หากไม่พักฟื้นสักระยะนึงก็อย่างหวังว่าจะหายเป็นปกติได้
และอาจารย์กับหูเหมยก็บาดเจ็บ พวกเราจึงต้องรีบกลับไปดูแลโดยด่วน
ดังนั้น ผมจึงตอบกลับปู่หูลิ่วว่า “อือ” จากนั้นเราก็รีบกลับมาที่ศาลเจ้าทันที
ผ่านไปไม่นาน พวกเราก็กลับมาถึงศาลเจ้าอีกครั้ง
เมื่อพวกเราเข้ามาด้านในอีกครั้ง ศพของพวกสาวกทั้งแปดตน ก็เน่าเละจนเหลือแต่กระดูกนานแล้ว
หากไม่ใช่มืออาชีพ หรือนักวิเคราะห์ที่ละเอียดสุดๆ ก็ไม่มีทางดูออก ว่านี่คือกระดูกคนหรือกระดูกสัตว์
แต่พวกเราไม่ได้สนใจเรื่องนี้ เรารีบเข้าไปในศาลเจ้าทันที
ต่อจากนั้นเราก็พบว่ายายหูชีกําลังดูแลหูเหมยและอาจารย์อยู่ สีหน้าอาจารย์ดีขึ้นมากแล้ว ในเวลานี้กําลังนั่งเอนตัวอยู่ทางด้านหนึ่ง
แผลที่หลังของเขาดูน่ากลัวมาก แต่ก็เป็นแค่แผลภายนอก เนื้อหนังโดนกัดกร่อน ดังนั้นจึงไม่เป็นอันตรายถึงชีวิต
ส่วนหูเหมย ในเวลานี้ได้กลายร่างเป็นจิ้งจอก นอนอยู่บนกองหญ้าทางด้านหนึ่ง
“น้องเจ็ด หลานฉันเป็นยังไงบ้าง ?” ปู่หูลิ่วดูร้อนรน
แต่ยายหูชีกลับส่งสัญญาณให้ปู่หลิ่วเบาเสียงลงหน่อย จากนั้นก็พูดว่า “เสี่ยวเหมยเจ็บภายในนิดหน่อย ซี่โครงซ้ายหัก แต่ฉันต่อกระดูกให้เธอแล้ว ตอนนี้กําลังพักผ่อนอยู่”
พอปู่หูลิ่วได้ยินดังนั้น ก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมา และรู้สึกสบายใจขึ้นมาทันที
ส่วนผมเองก็เดินไปหาอาจารย์ อาจารย์เห็นผมเดินเข้ามา จึงถามด้วยเสียงอ่อนแรง “เป็นยังไงบ้าง! จัดการเจ้าหมอนั่นได้ไหม ?”
พอได้ยินอาจารย์ถามแบบนั้น ผมก็ทําหน้าเศร้าหน่อยๆ พร้อมพูดด้วยน้ําเสียงเศร้าใจ “ น่าเสียดายสุดๆ
เจ้าหมอนั่นหนีขึ้นเรือไปได้……