ตอนที่ 56 โถชีวิต
ก่อนมู่หลงเหยียนจะออกไปเธอพูดว่า “แย่แล้ว” ผมเองก็ได้ยินมันค่อนข้างชัดเจนเลยละ
แต่ผมกลับไม่รู้ว่าเธอคิดอะไรได้ ถึงออกไปด้วยท่าทางรีบร้อนแบบนั้น
ตอนนี้เธอก็จากไปแล้ว ถึงอยากถามก็ไม่มีคนให้คุยด้วยอยู่ดี
แต่ตอนอยู่ในเหตุการณ์เลวร้าย ผมก็รู้สึกถึงลางร้ายอยู่แล้ว
ครั้งนี้พวกเราจะต้องไปตีรังแตนเข้าแน่ๆ ไม่เพียงป่าช้าเก่าจะเป็นรังผี และเบื้องหลังของผีชั่วตนนี้ ยังมีปรมาจารย์กุ่ยหรือบอสใหญ่อยู่อีกหนึ่งคน
ถึงจะมีปริศนามากมาย แต่ตอนนี้พวกเราก็ยังไม่สามารถยอมแพ้ได้
แต่ถ้าพูดในทางกลับกัน ผีเมียของผมก็แข็งแกร่งขนาดนั้น มีเธอเป็นคนดูแลพวกเรา คงไม่เกิดปัญหาใหญ่มากหรอกมั้ง
ยิ่งไปกว่านั้นนักพรตตู๋ก็ออกเดินทางได้สามวันแล้ว อย่างน้อยใช้เวลาอีกสักสองวัน เขาก็คงกลับมาถึงแล้วละ
และเมื่อถึงตอนนั้น เขาก็อาจจะจัดการปัญหาทั้งหมดที่พวกเราพบได้
ในใจผมกำลังคิดแบบนี้ แต่อาจารย์กลับถอนหายใจ ปิดประตูทันที ในเวลาเดียวกันก็นำยันต์แปะไว้ที่ประตูเผื่อมีเรื่องไม่คาดคิดเกิดขึ้นอีก
“อาจารย์ เมื่อกี้ไอ้ผีชั่วมันตายแล้วฟื้น มันเป็นภาพลวงตารึเปล่าครับ” ผมถามด้วยความสงสัย อยากรู้ว่าตอนนี้อาจารย์กำลังคิดอะไรอยู่
แต่อาจารย์กลับส่ายหัว “อาจารย์ก็ไม่แน่ใจ แต่ตอนที่อาจารย์ปู่ยังมีชีวิต ฉันเคยได้ยินแกเล่าเรื่องหนึ่งให้ฟัง!”
“ เล่าเรื่องงั้นเหรอ อาจารย์ เล่าให้ฟังหน่อยซิครับ ว่าอาจารย์ปู่เล่าอะไรให้ฟัง……” ผมรีบพูด
อาจารย์หายใจเข้าลึกๆ จากนั้นก็เริ่มเล่าเรื่องสั้นๆที่แปลกประหลาดในสมัยก่อนของอาจารย์ปู่ให้ผมฟัง
เรื่องราวมีอยู่ว่า ในช่วงราชวงศ์หมิงตอนปลาย มีชายหนุ่มคนหนึ่งชื่อว่าผีเหล่าซาน
ผู้ชายคนนี้เป็นคนขี้เกียจมาก ทุกๆวันไม่ออกไปทำงาน แต่เขาเป็นเจ้าของโรงน้ำชาที่ไม่ทำเรื่องผิดศีลธรรม
จนกระทั่งอยู่มาวันหนึ่ง หลังจากผีเหล่าซานกลับมาจากป่าลึก เขาก็เปลี่ยนไปจนผิดสังเกต
ไม่ใช่แค่ใส่สร้อยทองเหลืองอร่าม ใช้เงินสุรุ่ยสุร่าย แต่เขายังเปลี่ยนไปเป็นคนที่หยิ่งผยอง
ต่อมา ชายคนนี้ก็เริ่มเปลี่ยนเป็นคนไร้เหตุผล นำคนกลุ่มใหญ่ออกไปฆ่าคน บีบบังคับหญิงสาว
เมื่อเจ้าเมืองที่รู้เรื่องนี้ พวกเขาก็ทนไม่ได้ จึงส่งคนออกไปจับกุม
หลังจากนั้นผีเหล่าซานก็ได้สารภาพทุกอย่างที่ตัวเองทำ ศาลจึงตัดสิน ให้ตัดหัวเขาที่ตลาด
เพราะชายคนนี้เป็นคนหยิ่งและเผด็จการ ทำเรื่องให้ชาวบ้านไม่พอใจไว้ไม่น้อย ดังนั้นตอนที่ตัดหัวจึงมีชาวบ้านมาดูเป็นจำนวนมาก
เมื่อถึงตอนเที่ยง เขาก็ถูกตัดหัว
ตอนที่ผีเหล่าซานโดนตัดหัวต่อหน้าสาธารณะชน เนื่องจากเป็นการกำจัดคนชั่วให้ประชาชน ดังนั้นชาวบ้านจึงส่งเสียงเชียร์อย่างดีอกดีใจ
แต่ใครจะไปรู้ วันรุ่งขึ้นหลังจากผีเหล่าซานถูกตัดหัว เขากลับมาปรากฎตัวบนถนน ไม่มีร่องรอยของคมมีด แถมยังหยิ่งยโสเป็นจอมบงการ กดขี่ชาวบ้านเหมือนเดิม
เมื่อผู้คนที่อยู่รอบๆเห็นผีเหล่าซาน พวกเขาก็ต่างตกตะลึงจนเสียสติ
เพราะรู้ว่าเมื่อวานชายคนนี้ได้ถูกตัดหัวไปแล้ว แต่วันนี้เขาจะมาปรากฎตัวได้ยังไงละ
ผู้คนจำนวนมากต่างพูดว่าผีเหล่าซานนำวิญญาณไปสิงร่างใหม่ แล้วฟื้นกลับมาทำชั่วอีกครั้ง
เรื่องนี้ลือไปถึงหูเจ้าเมืองที่เร็วมาก เจ้าเมืองกวนตกใจ จึงส่งคนมาจับผีเหล่าซานอีกครั้ง
แต่ผีเหล่าซานจองหอง พูดว่าฆ่าก็ฆ่าเลย ไม่พูดเรื่องชีวิตที่เหลือเลยสักคำ
สุดท้ายผีเหล่าซานก็ถูกตัดหัวอีกครั้ง แต่วันรุ่งขึ้น ชายที่ชื่อผีเหล่าซานก็กลับมาปรากฎตัวที่ถนนอย่างกับคนปกติอีกครั้ง แต่ครั้งนี้เขากลับเปลี่ยนเป็นคนเผด็จการมากกว่าเดิม
ชาวบ้านและเจ้าหน้าที่ที่อยู่ในพื้นที่ต่างตกใจกลัวจนตัวสั่น คิดว่าผีเหล่าซานเป็นปีศาจกลับชาติมาเกิด จึงเป็นอมตะฆ่าไม่ตาย
เจ้าเมืองจึงส่งเรื่องไปให้เบื้องบน เพื่อให้เบื้องบนส่งคนมาจัดการผีเหล่าซาน
แต่ตอนนั้นอยู่ในช่วงปลายราชวงศ์หมิงต้นราชวงศ์ชิง มีภัยธรรมชาติทำร้ายผู้คน สงครามยาวนาน ราชสำนักยังไม่ปลอดภัย แล้วใครจะมาสนใจเรื่องนี้ละ
ต่อมาผีเหล่าซานก็ถูกฆ่าอีกครั้ง แต่เขาก็ยังกลับมามีชีวิตเหมือนเดิม
สุดท้ายหลังจากที่ผีเหล่าซานถูกฆ่าไปสามครั้ง ก็ไม่มีใครกล้าหาเรื่องเขาอีก แม้แต่เจ้าหน้าที่ ก็ยังไม่มีวิธีจัดการ
แต่อยู่มาวันหนึ่ง แม่ของผีเหล่าซานได้มาตีกลองรองทุกข์ ที่ศาลของมณฑลหยา
เจ้าเมืองถามว่าใครมาตีกลอง ยายคนนั้นจึงพูดว่าเป็นแม่ของผีเหล่าซาน
ในเวลาเดียวกันเธอยังคุกเข่าร้องไห้ บอกว่าไม่อยากเห็นลูกของตัวเองเอาแต่ออกไปทำร้ายผู้คนไปวันๆ หวังว่าเจ้าเมืองจะนำตัวเขาไปลงโทษ เพราะไม่อยากให้ลูกชายต้องตกลงนรก
เจ้าเมืองหน้าซีด ทำไมเขาจะไม่เคยคิด แต่เขาทำอะไรผีเหล่าซานไม่ได้
สุดท้ายยายเฒ่าก็บอกความจริงว่า มีครั้งหนึ่งที่ผีเหล่าซานขึ้นไปบนเขา แล้วนำโถใบหนึ่งกลับมา
โถใบนั้นสามารถเปลี่ยนของเป็นเงินได้ เพียงแค่คุณนำของใส่ไปอย่างสองอย่างเท่านั้น วันรุ่งขึ้นเงินก็จะปรากฎออกมา แต่ถ้านำทองใส่เข้าไปหนึ่งก้อน มันก็จะกลับออกมาเป็นสองก้อน
ดังนั้นสาเหตุที่ผีเหล่าซานสามารถรวยขึ้นได้ในชั่วข้ามคืน ก็เพราะโถใบนี้
และการที่ผีเหล่าซานไม่ตาย ก็เพราะโถใบนั้นด้วย
ถึงจะนำตัวผีเหล่าซานไปตัดหัว วันรุ่งขึ้นเขาก็จะกลับมามีชีวิตใหม่ จากการคลานออกมาจากโถใบนั้น……
หลังจากเจ้าเมืองและคนที่อยู่บนถนนได้ยิน ก็ต่างตกตะลึงในทันที คิดไม่ถึงว่าเรื่องจะเป็นแบบนี้ แต่เขาก็ไม่รอช้า
เจ้าเมืองรีบออกคำสั่ง ให้เจ้าหน้าที่รีบจับตัวผีเหล่าซานมาทันที
ในเวลาเดียวกัน ยังส่งคนอีกกลุ่มไปที่บ้านของเขา สุดท้ายก็ขุดโถสีดำออกมาจากใต้เตียงของเขาอย่างที่ยายคนนั้นบอกเอาไว้
หลังจากเจ้าเมืองได้เห็น ก็ทุบมันเป็นเสี่ยงๆ จากนั้นก็ออกคำสั่งประหารผีเหล่าซานเป็นครั้งที่สี่
และครั้งนี้หลังจากผีเหล่าซานถูกประหาร เขาก็ไม่ปรากฎตัวขึ้นมาอีก
เมื่อได้ยินถึงตรงนี้ เรื่องราวก็จบลงพอดี
แต่อาจารย์กลับพูดกับผมอีกครั้ง “อาจารย์ปู่บอกว่า การที่ผีเหล่าซานสามารถกลับมาทำร้ายผู้คนได้ครั้งแล้วครั้งเล่านั้น ก็เป็นเพราะผีเหล่าซานไม่ใช่ผีเหล่าซานนานแล้ว แต่เปลี่ยนเป็นโถใบนั้น ถ้าโถใบนั้นไม่แตก ผีเหล่าซานก็จะกลับมาใหม่ได้อีก”
“หลังจากโถใบนั้นแตก ก็ถือว่าผีเหล่าซานได้ตายไปแล้วจริงๆ!”
เมื่อได้ยินถึงจุดนี้ ผมก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว “อาจารย์ หมายความว่า ผีชั่วที่พวกเราเผชิญหน้าด้วย ที่จริงแล้วไม่ใช่ร่างจริงของมัน มันเลยกลับมาเกิดใหม่ได้ซินะครับ”
อาจารย์พยักหน้ารับ “น่าจะเป็นแบบนั้น! ไม่อย่างนั้นไอ้ผีชั่วนั้นจะตายแล้วเกิดใหม่ได้ยังไง แถมยังรวมตัวเป็นวิญญาณที่แข็งแกร่งอีกด้วย”
ใจของผมกำลังเดือดพล่าน คิดไม่ถึงว่าผีชั่วที่พวกเราเจอ จะไม่ธรรมดา แถมยังเก่งกาจมากอีกด้วย ไม่สามารถเทียบกับวิญญาณชั่วร้ายธรรมดาๆได้เลยสักนิด
แม้จะเดากันแบบนี้ แต่ตอนนี้พวกเราก็ไม่สามารถยืนยันมันได้อยู่ดี
ทำได้เพียงรอให้ท่านนักพรตตู๋และท่านผู้อาวุโสมาถึงเท่านั้น พวกเราถึงจะสามารถวางแผนในขั้นตอนต่อไปได้
ดังนั้น หลังจากที่ผมและอาจารย์คุยกันเสร็จ พวกเราก็กลับไปพักผ่อนในห้อง
แต่ผมนอนยังไงก็นอนไม่หลับ เพราะในสมองกำลังคิดถึงแต่เรื่องนี้
โถของผีเหล่าซาน หรือไอ้ผีชั่วนั้นก็มีโถของตัวเองด้วยอย่างงั้นเหรอ
ผมนอนคิดเพ้อเจ้อทั้งคืน เมื่อเช้าวันรุ่งขึ้นมาถึง ผมกลับได้หลับสบายอยู่ครู่หนึ่ง
ตอนเที่ยง ผมกับอาจารย์ก็ออกไปหาเฟิงเฉ่วหานและเหล่าฉินที่สุสาน
เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนให้พวกเขาฟัง หลังจากเฟิงเฉ่วหานและเหล่าฉินได้ยิน พวกเขาก็ตกตะลึงมากเช่นกัน
บอกว่าคิดไม่ถึงว่าไอ้ผีชั่วจะหาพวกเราเจอเร็วขนาดนี้ และยังสามารถ “ตายแล้วเกิดใหม่” ได้อีก เป็นวิชามารที่แปลกประหลาด พวกเขาเองก็ไม่เคยได้ยิน และได้เห็นมาก่อน
ในเวลาเดียวกันก็โทรศัพท์ไปหานักพรตตู๋ และทางฝั่งนักพรตตู๋ก็บอกว่า
พรุ่งนี้ตอนบ่ายพวกเขาจะรีบกลับมา บอกให้พวกเราอย่าพึ่งทำอะไร ดูแลตัวเองให้ดี
แม้เจ้าผีชั่วตนนั้นจะพูดว่าอีกสามวันจะกลับมาหาพวกเรา แต่เมื่อคืนเกิดเรื่องใหญ่ขึ้นก็ทำให้ใจของทุกคนไม่สงบแล้ว
ที่อยู่ของผมและอาจารย์ถูกเปิดเผย ผมจึงมั่นใจว่าที่อยู่ของเฟิงเฉ่วหานและเหล่าฉินเอง ก็ต้องถูกเปิดเผยแล้วเช่นกัน
ดังนั้นคืนนี้พวกเราจึงย้ายมาอยู่ที่สุสาน ไม่ออกไปไหนอีก
เพราะถ้ามีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้น พวกเราจะได้ดูแลซึ่งกันและกันได้
โชคดีที่คืนนี้ผ่านไปได้อย่างราบรื่น หลังจากตาค้างกันทั้งคืน เมื่อเห็นฟ้าสว่าง พวกเราก็ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก
เวลาประมาณบ่ายสอง นักพรตตู๋ที่ออกไป ก็กลับมาถึงสุสาน
แต่ตอนที่นักพรตตู๋กลับมา ข้างกายของเขายังมีชายอีกสองคน
ในมือของชายคนหนึ่งกำลังถือไม้เท้าไว้ ผมงอกขาว เป็นชายชราที่แก่หง่อมจนมีปัญหาเรื่องการเดิน ส่วนอีกคนหนึ่งกลับรูปร่างอวบ