ตอนที่ 58 การมาป่าช้าเก่าเป็นครั้งที่สอง
เสียงพึ่งจางหาย หลังจากเดินออกมาจากพุ่มไม้ อาจารย์และคนอื่นๆก็เริ่มเตรียมตัวสนับสนุนผู้อาวุโสหวางและนักพรตโป
เพราะท่านอาวุโสหวางอายุมากแล้ว จึงมีอาการเหนื่อยหอบ
แต่ทางนักพรตโปกลับเป็นเพราะอ้วน ตอนนี้เขาจึงหายใจเร็ว เหงื่อออกทั่วตัว และไม่สามารถทนต่อความเหนื่อยล้าได้
เมื่อเห็นท่าทางของพวกเขา ผมละรู้สึกไม่มั่นใจจริงๆ
นี่ยังไม่ได้เริ่มต่อสู้! พวกเขาก็เหนื่อยจนแทบจะล้มพับกันอยู่แล้ว
“ท่านผู้อาวุโส ต้องการพักสักหน่อยไหมครับ” นักพรตตู๋ที่อยู่ข้างๆพูดขึ้น
แต่ตาแก่นั้นกลับโบกมือ “ร่างกายไม่เหมือนแต่ก่อนแล้ว แต่สู้กับหมาแมวไม่กี่ตัวเท่านั้น ไม่เป็นไร!”
แต่ตอนที่เขาพูดถึงประโยคสุดท้าย จู่ๆใบหน้าของท่านอาวุโสก็แสดงสีหน้าเคร่งขรึม ดวงตาทั้งสองข้างเผยให้เห็นความดุร้าย
มือซ้ายของเขาถือไม้เท้าเอาไว้ แต่จู่ๆเขาก็เหวี่ยงมือขวาออกไป ทันใดนั้นแผ่นยันต์สีเหลืองก็ปรากฎขึ้นที่ปลายนิ้ว
ยันต์แผ่นนั้นดูเหมือน “ลูกดอก” มันลอยออกไปจากมือผู้อาวุโสหวางทันที
เขาพึ่งพูดจบ ยังไม่รอให้ทุกคนได้ตอบสนองใดๆ
ยันต์เหลืองแผ่นนั้นก็ลอยเข้าไปในพุ่มไม้ ทันใดนั้นเสียง “ปัง” ก็ดังขึ้น การระเบิดของคาถาได้เริ่มขึ้นแล้ว
หลังจากนั้น พวกเราก็ได้ยินเสียงกรีดร้องที่แหบแห้งของผู้ชายคนหนึ่ง “โอ๊ย!”
เมื่อได้ยินเสียงนี้ พวกเราทุกคนก็ตกตะลึงทันที หันไปมองตามสัญชาตญาณ
อาจารย์พูดกับผมว่า “เสี่ยวติง เข้าไปดูซิ!”
ผมไม่รอช้า รีบเข้าไปดูในพุ่มไม้ทันที เฟิงเฉ่วหานเองก็เดินตามหลังมาติดๆ
ผลลัพธ์หลังจากพวกเราสองคนแหวกพุ่มไม้ออก ผมสองคนก็นิ่งอึ้งไปทันที
เพราะพวกเราพบว่าในพุ่มไม้ มีผีร้ายในชุดขาวล้มลงกับพื้นหนึ่งตน
เห็นได้ชัดว่ายันต์เมื่อกี้ทำให้มันบาดเจ็บสาหัส ตอนนี้มันจึงลุกขึ้นมาจากพื้นได้อย่างยากลำบาก
หลังจากผีตนนี้คายไอชั่วร้ายออกมา พวกเราก็ตัดสินได้ทันทีว่ามันเป็นผีร้าย
เมื่อเฟิงเฉ่วหานเห็นสิ่งนี้ สีหน้าของเขาก็เคร่งขรึมทันที “ไอ้ชั่ว!”
หลังจากพูดจบ เฟิงเฉ่วหานก็จับดาบขึ้นมาแทง โดยไม่ลังเลเลยสักนิด
ไม่รอให้ผีชั่วได้ตอบสนองใดๆ มันก็ถูกเฟิงเฉ่วหานแทงจนตายในทันที
เมื่อเห็นสิ่งนี้ ตอนที่ผมหันกลับไปมองท่านผู้อาวุโส ผมก็อดไม่ได้ที่จะหายใจเข้าลึกๆ
เขามีความสามารถอย่างที่คิด ขณะที่พวกเราทุกคนไม่รู้ตัว
ท่านผู้อาวุโสหวางกลับรู้ถึงการมีอยู่ของมัน แถมยังใช้ยันต์หนึ่งแผ่น ในระยะไกลถึงห้าหกเมตรได้
ระยะไกลขนาดนี้ เขาก็ยังสามารถควบคุมคาถาได้
คุณคงรู้ว่ามันเป็นเพียงกระดาษแผ่นหนึ่ง ไม่ต้องพูดถึงว่ามันจะแม่นยำจนแปะโดนตัวผีร้ายได้ไหม
แค่คิดว่าโยนมันให้ไกลได้ห้าหกเมตรนี่ก็บ้าแล้ว ไม่มีทางที่คนธรรมดาจะทำได้
แค่เรื่องนี้ ก็สามารถบ่งบอกพลังที่แท้จริงของเจ้าตัวได้แล้ว
“แค่ผีร้ายตัวเดียว โดนผมฆ่าตายแล้วครับ!” เฟิงเฉ่วหานรีบพูด
นักพรตตู๋พยักหน้าเล็กน้อย “กลับมาได้แล้ว!”
ตอนนี้ผมถึงได้สติ จึงเดินกลับมากับเฟิงเฉ่วหาน
ส่วนท่านผู้อาวุโสหวางไม่ได้แสดงท่าทีภูมิใจอะไรเลยสักนิด เขายังกำไม้เท้า และเดินไปข้างหน้าเรื่อยๆ
เมื่อพวกเราอยู่ห่างจากวัดร้างประมาณ 20 เมตร ทุกคนก็หยุดเดิน
เพราะต้องเปิดตาก่อน จึงจะเห็นได้ชัดเจนขึ้น รอบๆตัววัดมีพลังหยินแพร่ออกมาอย่างต่อเนื่อง
แสดงให้เห็นว่า ภายในวัดร้างแห่งนี้ ต้องมีสิ่งชั่วร้ายอยู่เป็นจำนวนมากแน่
ในเวลาเดียวกัน อาจารย์ก็เตรียมพร้อมให้ผมออกไปข้างหน้า เพื่อล่อให้ผีชั่วตนนั้นออกมาก่อน
แต่สิ่งที่คิดไม่ถึงคือ ไม่ต้องรอให้ผมออกไปข้างหน้า
ทันใดนั้นทั้งสี่ทิศก็มีสายลมเยือกเย็น พัดเข้ามากระทบตัวพวกเราตรงๆ
จากนั้นเสียงทุ้มต่ำก็ได้ดังขึ้นทุกทิศทุกทาง ตามมาด้วยเสียงสะท้อนก้องว่า “ยังไม่ครบสามวัน พวกแกก็ร้อนตัวมารนหาที่ตายกันเลยงั้นเหรอ”
น้ำเสียงนั้นเย็นชาเข้ากระดูก แต่ก็แฝงด้วยความตื่นเต้น
แม้จะแค่ได้ยินเสียง แต่ก็เหมือนได้เห็นตัว เห็นได้ชัดว่านี่ก็คือเสียงของเจ้าผีชั่วตัวนั้น
ผมยกคิ้วขึ้น เดินไปข้างหน้าสองสามก้าวอย่างช่วยไม่ได้ “ฮึ! ใครจะตายหรือจะอยู่มันก็ยังไม่แน่หรอก! แต่ยังไงคืนนี้รังของแกก็ต้องถูกทำลาย!”
ผมพูดด้วยความดุร้าย บิดดาบไม้ที่อยู่ในมือ
เมื่อกี้ผมได้เห็นความสามารถของผู้อาวุโสหวางแล้ว ตอนนี้ผมจึงไม่รู้สึกกลัวเลยสักนิด
แต่เสียงพึ่งจางหาย เจ้าผีชั่วตนนั้นก็พูดกลับมาอีกครั้ง “ฮ่าฮ่าฮ่า! งั้นเหรอ……”
หลังจากพุดจบ ประตูวัดร้างที่ปิดไว้บานนั้น ก็มีเสียง “ฮึฮึฮึ” ดังออกมา
ประตูที่เคยปิดไว้ กลับค่อยๆเปิดออกทีละนิด ในเวลาเดียวกันพลังหยินก็ไหลทะลัก ออกมาทันที
มันทำให้คนรู้สึกอึดอัดมาก ผมขนลุกแล้วลุกอีก
ขณะที่ประตูเปิดออก พวกเรากลับเห็นแค่ว่าด้านในตัววัด กำลังมีร่างใครบางคนใช้ชุดขาวยืนอยู่
ใบหน้าขาวซีด ดวงตากลวงโบ๋ กำลังเขย่งเท้า จ้องมาที่พวกเราด้วยรอยยิ้มที่แสนเจ้าเล่ห์ และทั่วร่างของเขายังมีไอชั่วร้ายที่แสนเยือกเย็นไหลออกมา
เมื่อชายคนนี้ปรากฎตัว สีหน้าของทุกคนก็กลับมาเคร่งขรึมอีกครั้ง
ชายคนนี้ไม่ใช่ใครอื่น เขาก็เป็นผีชั่วนั่นเอง
“ฮ่าฮ่าฮ่า! ฉันก็คิดว่าใครกินดีหมีมาถึงได้กล้าขนาดนี้ ที่ไหนได้ก็เป็นพวกแกนี่เอง!” จู่ๆผีชั่วก็พูดออกมา
แต่เสียงพึ่งจางหาย ทันใดนั้นแมวดำก็กระโดดลงมาจาก บนยอดของตัววัดร้าง
แมวอ้วนดำตัวนั้น เผยแววตาสีเขียวใส ขณะนี้มันกำลังยืนอยู่บนหลังคา ใช้ดวงตาทั้งสองข้างจับจ้องมาที่พวกเรา
จากนั้นมันก็แผดเสียงร้อง “เมี้ยว” ออกมา เสียงดังมาก และรุนแรงผิดปกติ
หลังจากเสียงแมวร้องดังขึ้น จู่ๆอุณหภูมิรอบตัวก็ลดลงไปเยอะมาก มันเปลี่ยนอากาศให้หนาวเย็นขึ้นในชั่วพริบตา
และพุ่มไม้ที่อยู่รอบๆก็เริ่มสั่นไหว “ซ่าซ่าซ่า” กิ่งไม้และใบไม้กระทบกัน นั่นเป็นความรู้สึกที่แย่มาก
แต่มันยังไม่จบเท่านั้น สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ หลังจากเสียงแมวร้อง ทั้งสองข้างของวัดร้าง และพุ่มไม้ทั้งซ้ายและขวา
กลับปรากฎ เงาคนในชุดสีขาวเดินออกมาทีละคนๆ
เงาคนเหล่านี้คือผีทั้งหมด พวกมันยังปล่อยไอชั่วร้ายที่หนาวเย็นออกมาด้วย โดยที่ไม่มีคนเป็นเลยสักคน
บางตนก็มีหน้าซีดขาวมาก แถมดวงตายังกลวงโบ๋
แต่บางตนก็เหมือนกับซากศพเดินได้ มีสีหน้าซีดเหลืองเหมือนคนพึ่งตาย ดวงตายังไม่เปลี่ยนเป็นสีขาวโพน ยังมีม่านตา แต่ไร้ซึ่งจิตวิญญาณ พวกมันต่างเดินออกมาจากพุ่มไม้ทั้งๆแบบนั้น
เมื่อมองดูรอบๆ ก็จะพบว่าพวกมันมีจำนวนมากจนน่าตกใจ ตอนนี้พวกมันเพิ่มจำนวนขึ้นถึง 30 ตนแล้ว
ผีเยอะขนาดนี้ พูดกันตรงๆ เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่หวาดกลัว
ผมกลืนน้ำลายตามสัญชาตญาณ แต่ยังทำเป็นปากกล้า “ฮึ! แน่จริงแกก็เรียกทาสผีของแกออกมาให้หมดซิวะ จะได้จัดการทีเดียว!”
“ไอ้เด็กเวร แกนี่มันโอหังจริงๆ! อีกเดี๋ยวฉันจะไม่เหลือโอกาสให้แกได้ร้องไห้”
เจ้าผีชั่วตนนั้นตะโกนออกมาจากประตู ใช้นิ้วชี้มาที่ตัวผมทันที
ทันใดนั้น รอบๆก็ปรากฎพวกทาสผี 30 ตน ทุกตนต่างเงยหน้าขึ้น คำรามเสียง “โฮก” ออกมา หลังจากจ้องพวกเราเสร็จพวกมันก็พุ่งตัวเข้ามาหาทันที
ช่วงเวลานี้ ผมรู้สึกว่ามือชุ่มไปด้วยเหงื่อ กลัวจะตายอยู่แล้ว
แต่อาจารย์ นักพรตตู๋ และเหล่าฉินกลับเดินขึ้นไปข้างหน้า ยกดาบไม้ในมือขึ้น พร้อมแทงผีร้ายพวกนี้
แต่ผู้อาวุโสหวางและนักพรตโปที่อยู่ด้านหลัง กลับแสดงท่าทางสงบนิ่ง
ผมได้ยินท่านผู้อาวุโสหวางพูดออกมาเบาๆ “เสี่ยวโป ทำให้เจ้าพวกนี้ได้รู้ว่า ที่นี่ใครกันแน่ที่เป็นคนออกคำสั่ง”
เมื่อนักพรตโปได้ยินคำพูดนี้ เขาก็ทำมือคารวะท่านอาวุโสหวางทันที “ครับ ท่านอาจารย์!”
หลังจากพูดจบ จู่ๆนักพรตโปก็ทำมือ
ผมหันไปมอง ก็พบว่า กระบวนท่าทำมือของนักพรตโปเร็วมาก
สุดท้ายผมก็เห็นมือของนักพรตโปประสานกัน และคายดาบออกมาหนึ่งเล่ม
จากนั้นเขาก็ตะโกนออกมาว่า “หลิน ปิง โต้ว เจอะ เจีย เจิ้น เลี่ย เฉียน ฉิง จงเปิดออก!”