ตอนที่ 66 ยันต์ทำลายวิญญาณ
ในใจของผมกำลังเต้นตุ๊มๆต่อมๆ ก่อนแต่งงาน อาจารย์เคยพูดกับผมอย่างชัดเจน
ว่าชั่วชีวิตนี้ ผมจะไม่สามารถแต่งงานได้อีก
และยังต้องเว้นระยะห่างจากพวกผู้หญิง ไม่เพียงเพื่อความปลอดภัยของผม ยังทำเพื่อความปลอดภัยของผู้หญิงคนนั้นด้วย
ถ้าผีเมียตนนั้นเป็นคนมีเหตุผลก็ถือว่าเป็นเรื่องดี แต่ปัญหาคือผีเมียของผมเป็นผู้หญิงเจ้าอารมณ์ไม่สนใจจะพูดจากันดีๆนี่ซิ
ไม่เพียงไม่รอเจอผม เธอยังด่าผมเป็นผู้ชายห่วยตรงๆ แถมน้ำเสียงที่ใช้ก็ยังแข็งเป็นพิเศษด้วย
เมื่อคิดถึงจุดนี้ ใจของผมก็ตื่นกลัวขึ้นมาทันที
ไม่บอกลาเฟิงเฉ่วหานสักคำ รีบกลับบ้านไปทันที
อาจารย์นอนหลับไปนานแล้ว ในบ้านจึงเงียบสงัด ด้านหน้าเทวรูปยังมีเทียนสามเล่มที่กำลังใกล้จะดับตั้งอยู่
ผมสูดหายใจเข้าลึกๆ จากนั้นก็เดินเข้ามาที่ด้านหน้าเทวรูป
จุดธูปสามดอกขึ้นมาใหม่ จากนั้นก็หันหน้าไปทางป้ายวิญญาณมู่หลงเหยียนที่อยู่บนแท่นบูชาและพูดว่า “น้องศพจ๋าน้องศพ! เรื่องในวันนี้มันไม่เหมือนกับที่เธอเห็นนะ ฉันแค่เจอหยางเฉ่วโดยบังเอิญ เป็นครั้งแรกเลยที่ได้เจอเธอ พวกเราไม่ได้มีอะไรเกี่ยวข้องกันเลยนะ!”
หลังจากพูดจบ ผมก็คำนับสามครั้ง จากนั้นก็รีบนำธูปสามดอกปักลงที่กระถางธูปทันที
แต่ธูปสามดอกพึ่งปักลงกระถางธูปเท่านั้น ทันใดนั้นไฟในบ้านก็กระพริบสองครั้ง
หลังจากไฟกระพริบ “พรึบ” สุดท้ายก็มันดับลงทันที
นอกจากไฟดับ ในเวลาเดียวกัน ธูปสามดอกที่พึ่งปักลงในกระถาง ก็ดับลงเช่นกัน
เหมือนมันโดนน้ำเย็นๆสาดใส่ จู่ๆก็ไม่มีแสงไฟ เหลือเพียงควันลอยออกมานิดหน่อยเท่านั้น
เมื่อเห็นสิ่งนี้ “พรึบ” สีหน้าของผมก็เปลี่ยนไปทันที
นี่มันชัดเจนยิ่งกว่าอะไร อีกฝ่ายโกรธแล้ว
ถึงผมจะจุดธูป แต่มู่หลงเหยียนก็ไม่อยากรับ
จบกัน ถ้ามู่หลงเหยียนไม่ยอมรับ งั้นเธอจะมา “แก้แค้น” ผมอีกงั้นเหรอ
ผมกลืนน้ำอย่างประหม่า จากนั้นก็พูดกับป้ายวิญญาณมู่หลงเหยียนอีกครั้ง “น้อง น้องศพ หยุดก่อเรื่องได้แล้ว ฉันกับหยางเฉ่วไม่ได้มีกันอะไรจริงๆ ถ้าไม่เชื่อฉันจะพาเฟิงเฉ่วหานมาเป็นพยานให้!”
ผมพูดกับป้ายวิญญาณมู่หลงเหยียนด้วยความจริงใจ แต่เสียงพึ่งตกลง น้ำเสียงที่โกรธเคืองก็ดังขึ้นที่ด้านหลังผม “ไอ้ห่วย!”
จู่ๆก็ได้ยินเสียงมู่หลงเหยียนที่ข้างหลัง ผมจึงรีบหันไปมองทันที
กลับพบว่าใกล้ๆหน้าต่างบ้าน กำลังมีผู้หญิงคนหนึ่งยืนอยู่
จากแสงจันทร์ที่ส่องเข้ามาในบ้าน ทำให้เห็นผู้หญิงรูปร่างสูงโปร่ง ปากแดงฟันขาว และใบหน้างดงาม
ถ้านี่ไม่ใช่น้องศพมู่หลงเหยียน แล้วจะเป็นใครได้ล่ะ
จู่ๆเธอก็ปรากฎตัว ทำให้ผมรู้สึกรับมือไม่ถูก
แต่เมื่อมองท่าทางอื่น ผมกลับรู้สึกไม่ดี เพราะตอนนี้มู่หลงเหยียนกำลังแสดงท่าทางโมโห
ผมค่อยๆหายใจเข้าด้วยความกังวล จากนั้นก็แกล้งทำเป็นมีความสุข “น้อง น้องศพ เธอมาแล้ว เร็ว เข้ามานั่งก่อน”
ผลลัพธ์เสียงพึ่งจางหาย มู่หลงเหยียนก็พูดออกมาทันที
“ไอ้ห่วย แอบนัดกับผู้หญิงลับหลังฉัน ยังคิดจะทำร้ายฉันอีกเหรอฮะ!” มู่หลงเหยียนพูดด้วยความโมโห
เมื่อได้ยินประโยคนี้ ในหัวผมก็มีเสียงดัง “เวิง”
แม่เจ้า! ไม่ยุติธรรมโครตๆ แค่เจอกันจะเรียกนัดได้ยังไง
แล้วที่ผมอยากทำร้ายเธอ นี่มันเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว
กลับกันผมยังรู้สึกซาบซึ้งในตัวเธอด้วยซ้ำ อีกอย่างเรื่องแต่งงาน ก็เป็นสิ่งที่ผมตัดสินใจด้วยตัวเอง ดังนั้นผมจึงเตรียมใจยอมรับผลที่ตามมาทุกอย่างอยู่แล้ว
ตอนนี้เราอยู่ในฐานะสามีภรรยา ยิ่งไปกว่านั้นเธอยังเป็นคนที่ช่วยชีวิตผมเอาไว้
ถึงจะบอกว่าผมห่วย แต่ยังไงก็ไม่มีทางคิดทำร้ายภรรยาของตัวเองได้อย่างแน่นอน!
ผมแสดงสีหน้าเคร่งขรึม “ไม่ยุติธรรม มันไม่มีอะไรจริงๆ ฉันจะทำร้ายเธอได้ยังไง!”
มู่หลงเหยียนทำท่ายกมือขึ้นมากอดอก เผยสีหน้าไม่พอใจ “ยังพูดว่าไม่ได้ทำอีก นายดูที่กระเป๋าของตัวเองซิว่ามีอะไรอยู่!”
ในกระเป๋าผมงั้นเหรอ ผมเริ่มรู้สึกสงสัย
จึงรีบล้วงมือเข้าไปอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็หยิบของทั้งหมดออกมา
พวงกุญแจ เงินเหรียญ และยันต์สองสามแผ่น แต่มันก็ไม่มีอะไรพิเศษนิ!
ขณะที่ผมกำลังสงสัย ทันใดนั้นร่างกายของผมก็สั่นอย่างแรง
ไม่ใช่ซิ ยันต์แผ่นนี้
ภายในยันต์สองสามใบ มีหนึ่งใบที่ไม่ใช่ของผม
ก่อนหน้านี้ผมใช้ยันต์ได้แค่ชนิดเดียว ก็คือยันต์แปดทิศ
ซึ่งตรงกลางของยันต์แผ่นนั้นจะมีคำว่า “ปราบ” เขียนไว้ แต่ในยันต์สองสามแผ่นนี้ กลับมีหนึ่งแผ่นที่แปลกประหลาด
ตรงกลางยันต์มีคำว่า “ทำลาย” เขียนไว้ ยันต์ชนิดนี้อย่าพูดว่าผมใช้ไม่เป็นเลย แม้แต่อาจารย์ ผมก็ยังไม่เคยเห็นเขาวาดมาก่อน ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องใช้เลยละ
ผมช็อกมาพักหนึ่ง หยิบยันต์ที่มีคำว่าทำลายออกมา
เมื่อมู่หลงเหยียนเห็นมัน เธอก็พูดออกมาทันที “นายบอกไม่อยากทำร้ายฉัน แล้วยันต์ทำลายวิญญาณแผ่นนี้มันมาอยู่ที่ตัวนายได้ยังไง”
มู่หลงเหยียนถามกลับ ทันใดนั้นใจของผมก็พูดว่าไม่ยุติธรรม
ผมรู้จักยันต์ทำลายวิญญาณที่ไหนละ ยิ่งไปกว่านั้นยังไม่รู้ว่าเจ้าสิ่งนี้ มาอยู่ในกระเป๋าผมได้ยังไงด้วย แล้วผมจะไปรู้ได้ยังไงละ
“ฉันไม่รู้เรื่องนะ อีกอย่างฉันไม่รู้จักรยันต์แผ่นนี้” ผมรีบอธิบาย
แต่มู่หลงเหยียนกลับจ้องยันต์แผ่นนั้น “ถ้างั้นนายจะยืนโง่อยู่ทำไมละ เอามันไปทำลายซิ!”
ดูเหมือนมู่หลงเหยียนจะค่อนข้างกลัวยันต์แผ่นนี้ เธอรีบพูดออกมาทันที
ผมก็ไม่มัวพูดจาไร้สาระ รีบฉีกยันต์แผ่นนี้ทันที เมื่อทำลายยันต์เรียบร้อย ยันต์แผ่นนี้ก็กลายเป็นเศษกระดาษ
เมื่อผมเอื้อมมือออกไป เพื่อทิ้งเศษยันต์ลงพื้น
แต่วินาทีที่ผมเอื้อมมือโยนยันต์ทิ้ง ยังไม่ทันได้ดึงมือกลับดี
จู่ๆมู่หลงเหยียนก็ลงมือ เธอจับมือของผมเอาไว้ จากนั้นก็ใช้แรงบีบ
ในเวลานี้ ผมรู้สึกเจ็บปวดที่ข้อมือ
ร่างกายทรุดลงตามสัญชาตญาณ “เจ็บ เจ็บ……”
มู่หลงเหยียนไม่เกรงใจ ไม่ยอมคลายมือออกเลยสักนิด “ไอ้ห่วย ถ้ายันต์ทำลายแผ่นนี้แตะต้องตัวฉัน จะทำให้ฉันบาดเจ็บหนัก นายเอายันต์แผ่นนี้พกติดตัวไว้ ถ้าไม่คิดจะเอาไว้ทำลายฉันแล้วจะเอาไว้ทำไมละ”
มู่หลงเหยียนยังพูดด้วยความโกรธ แม้ข้อมือของผมจะเจ็บมาก แต่ก็ยังมีสติ
ผมทรมานครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ผมก็ไม่รู้จริงๆว่าทำไมยันต์แผ่นนี้ถึงมาอยู่กับผมได้
ยิ่งไปกว่านั้นถ้าผมรู้ว่ายันต์แผ่นนี้จะทำร้ายมู่หลงเหยียน ถึงตีผมให้ตายผมก็ไม่กล้าพกติดตัวหรอก!
“ฉัน ไม่ รู้ จริงๆ! โอ๊ย! จะหัก แล้ว จะหัก แล้ว รีบปล่อยมือ ปล่อยมือ……” ผมรีบพูด
เมื่อมู่หลงเหยียนเห็นผมกำลังเจ็บจริงๆ เธอก็ปล่อยมือ จากผมทันที “ฮึ! ไอ้ห่วย!”
ผมลูบข้อมือ ใบหน้าเต็มไปด้วยความไม่พอใจ
แต่มู่หลงเหยียนยังพูดต่อ “บอกมาว่ามันเรื่องอะไร! ยัยนั้นเป็นใคร…..”
หลังจากพูดจบ มู่หลงเหยียนก็เข้าไปนั่งที่โซฟา ยกขาเรียวขึ้นไขว่ห้าง ทำมือกอดอก และแสดงสีหน้าโมโห
เมื่อเห็นเมียของตัวเองโกรธ ผมคิดว่าเธอกำลังหึง แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังน่ารักมากอยู่ดี
แต่ผมกลับแสดงท่าทางจริงจัง ในเวลาเดียวกันก็นึกย้อนถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมดในคืนนี้
คืนนี้หลังจากกลับมาจากป่าช้าเก่า ก็ไปตลาดกลางคืน
หลังจากนั้น ก็มีคนแปลกหน้าไม่กี่คนเท่านั้นที่ผมเจอ ก็คือหยางเฉ่วและพวกนักเลงอีกสองสามคน
ถึงจะตีให้ตายผมก็ไม่มีทางเชื่อ ว่านักเลงพวกนั้นมียันต์แบบนี้
ดังนั้น ก็เหลือแค่เรื่องเดียวที่เป็นไปได้
นั้นก็คือยันต์แผ่นนี้มาจากหยางเฉ่ว ตอนนี้เมื่อนึกถึงคำพูดสุดท้ายของเธอที่พูดว่า ขอให้คุณโชคดี
ดูเหมือนว่ามันจะมีความหมายลึกกว่านั้น ถ้าผมเดาไม่ผิดนะ
บางทีหยางเฉ่วคนนี้อาจไม่ใช่คนธรรมดา และเป้าหมายก็คือผมและมู่หลงเหยียน
หรือเธออาจเป็นเหมือนกับพวกเรา เป็นคนปราบสิ่งชั่วร้ายในเมืองที่มีวิชาเก่งกาจ ส่วนเรื่องที่ว่าทำไมเธอต้องเอายันต์มาใส่ตัวผมนั้น ผมเองก็ไม่รู้จริงๆ……