ตอนที่ 75 วิญญาณออกจากร่าง
จู่ๆผมก็เห็นร่างข้างในของหลี่ต้าชานลุกขึ้นมา จากนั้นก็เดินไปที่ประตู
ผมอึ้งไปทันที สิ่งแรกที่ผมคิดออกก็คือ นี่คือวิญญาณของหลี่ต้าชาน
แต่สิ่งที่ทำให้ผมแปลกใจก็คือ ผมไม่ได้เปิดตา แต่ทำไมตอนนี้ผมถึงเห็นวิญญาณได้ละ
ไม่ใช่เพียงแค่นั้น ในบ้านนอกจากผมแล้ว แม้แต่ท่านนักพรตตู๋ที่มีพลังสูงสุด ก็ยังดูเหมือนว่าจะมองไม่เห็น
ถึงแม้ผมจะไม่เข้าใจ แต่ก็ไม่ได้ยืนอยู่โง่ๆ
รีบบอกอาจารย์และท่านนักพรตตู๋ที่อยู่ในบ้านทันที “อาจารย์ ท่านนักพรตตู๋ วิญญาณของเขาออกจากร่างแล้ว!”
“อะไรนะ ออกจากร่างแล้ว” อาจารย์ที่จับตัวหลี่ต้าชานไว้ถึงกับตกใจทันที
สีหน้าของท่านนักพรตตู๋เองก็เปลี่ยนไปเช่นกัน แต่ในสายตาของเขา ยังคงมองไม่เห็นวิญญาณของหลี่ต้าชาน
แต่อาจารย์กับท่านนักพรตตู๋ และเฟิงเฉ่วหาน ก็รีบเปิดตาตั้งแต่วินาทีแรก
เมื่อแม่ของหลี่ต้าชานได้ยิน ก็ร้องไห้ออกมาทันที
กอดร่างของหลี่ต้าชานเอาไว้และตะโกนว่า “ลูกจ๋า ลูกจะไปไหน แกอย่าทำให้แม่กลัวนะ แกอย่าทำให้แม่กลัว……”
“เสี่ยวฝาน รีบไปหยุดวิญญาณของเขาเอาไว้ อย่าให้เขาออกไปจากที่นี่!” อาจารย์พูดขึ้นมาอีกครั้ง
ผมไม่รอช้า รีบวิ่งไปข้างหน้าของเขาทันที
มองไปที่ร่างมัวๆนั้น แล้วก็เอื้อมมือออกไป “กลับมา!”
แต่ตอนที่ผมจับตัวของเขา ทันใดนั้นผมก็พบว่ามือของตัวเอง ได้ทะลุร่างของเขา ไม่สามารถจับเขาเอาไว้ได้
ผมยังคงคว้าตัวเขาอีกสองสามครั้ง แต่สุดท้ายก็ไม่สำเร็จ
“อาจารย์ ผมจับเขาไม่ได้!” ผมรีบพูด
ในเวลาเดียวกัน อาจารย์ ท่านนักพรตตู๋และคนอื่นๆก็เปิดตาเรียบร้อยแล้ว
ส่วนวิญญาณของหลี้ต้าชาน ก็เดินมาถึงประตูแล้ว
อาจารย์และนักพรตตู๋แสดงสีหน้าเคร่งขรึม ต่างรีบพุ่งขึ้นไปข้างหน้า พวกเราต่างคิดจะฉุดรั้งวิญญาณของ
หลี่ต้าชานเอาไว้
แต่สิ่งที่แปลกก็คือ พวกเขาและผมเหมือนกัน ต่างก็ไม่สามารถจับตัวเขาได้
นี่มันแปลกมากๆ ทำให้พวกเราไม่เข้าใจว่านี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่
“อาจารย์ นี่มันเรื่องอะไรกัน” ผมรู้สึกงงงวย
ขณะนี้วิญญาณของหลี่ต้าชาน ได้เดินออกจากประตูไปเรียบร้อย เขากำลังเดินตรงไปข้างนอก
อาจารย์มองวิญญาณ และหันกลับมามองร่างของหลี่ต้าชานที่อยู่ใกล้ๆอีกครั้ง
“นี่ นี่ไม่ใช่วิญญาณที่สมบูรณ์ มีเพียงวิญญาณแต่ไม่มีจิตวิญญาณ” จู่ๆอาจารย์ก็พูดออกมา
แต่ผมกลับมึนงง มีแต่วิญญาณไม่มีจิต นี่มันเรื่องอะไรกัน
แต่ตอนนั้นผมยังไม่มีเวลาถาม ทันใดนั้นอาจารย์ก็พูดกับพวกเราว่า “ทำพิธีเรียกวิญญาณตอนนี้ก็ไม่ทันแล้ว พวกเราตามเขาไป!”
ขณะที่พูด อาจารย์ก็พุ่งออกไปคนแรก
ทันใดนั้นท่านนักพรตตู๋ก็พูดกับคุณนายหลี่ที่อยู่ในบ้านว่า “คุณเฝ้าลูกคุณเอาไว้นะ พวกเราจะไปแป๊บเดียวเดี๋ยวก็กลับมา!”
หลังจากพูดจบ ท่านนักพรตตู๋ก็พาเฟิงเฉ่วหานไล่ตามไปทันที
ผมเองก็ไม่รอช้า หลังจากมองหลี่ต้าชานแวบหนึ่ง ก็รีบวิ่งตามไปอย่างรวดเร็ว
ผมไม่รู้ว่าทำไมภายใต้สถานการณ์ที่ไม่ได้เปิดตา แต่กลับเห็นวิญญาณของหลี้ต้าชานได้
แต่ตอนที่ไล่ตามออกมาข้างนอก ความมืดมิดในยามค่ำคืนกลับทำให้ผมต้องลำบาก
ดังนั้นผมจึงพูดกับเฟิงเฉ่วหานว่า “เหล่าเฟิง ขอน้ำตาวัวหน่อย ฉันจะเปิดตา!”
เมื่อเฟิงเฉ่วหานได้ยินผมพูดแบบนั้น กลับนิ่งไปแล้วพูดว่า “นายไม่ได้เปิดตาแล้วเหรอ”
“ยังนะซิ ฉันไม่ได้เอาเจ้านี้มา!” ผมพูดตรงๆ
แต่เฟิงเฉ่วหานกลับตกตะลึง “ถ้างั้นทำไมนายถึงมองเห็นวิญญาณของเขาได้ละ”
ผมเองก็ทำหน้าอึดอัดใจ ตัวเองยังงงอยู่เลย! นายถามฉัน แล้วฉันจะไปถามใครละ
ผมส่ายหัวแล้วพูดว่าไม่รู้ แต่ก็รับขวดน้ำตาวัวมา จากนั้นก็ป้ายที่เปลือกตาอย่างรวดเร็ว
หลังจากรู้สึกเย็นที่เปลือกตา ตาของผมก็ถูกเปิดออก
ตอนนี้ผมสามารถมองเห็นได้มากขึ้น วิญญาณที่อยู่ข้างหน้าพวกเราก็เริ่มเคลื่อนไหวเร็วขึ้น
ที่ด้านหลังของเขามีอาจารย์และท่านนักพรตตู๋ กำลังวิ่งตามอยู่ไม่ไกลมากนัก
ส่วนผมและเฟิงเฉ่วหานทำได้เพียงเพิ่มความเร็วและไล่ตามไป จนสามารถมาถึงด้านหลังของอาจารย์และคนอื่นๆ
พวกเราพบว่าทิศทางที่วิญญาณหลี่ต้าชานกำลังไป ก็คือทิศทางของอ่างเก็บน้ำ เห็นได้ชัดว่าเป็นเส้นทางที่พวกเราเดินทางไปสำรวจเมื่อตอนกลางวัน
“อาจารย์ ต่อไปพวกเราจะทำยังไงดีครับ”
อาจารย์วิ่งไป ตอบผมไป “เรื่องไม่เป็นอย่างที่เราคิด ตอนนี้ทำได้แค่ตามไปก่อนแล้วค่อยว่ากัน! ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ขอแค่ได้เจอตัวเป้าหมาย เราก็จะตัดสินใจได้ง่ายขึ้น”
ผมพูด “อืม” จากนั้นก็วิ่งตามอาจารย์และคนอื่นๆต่อไป
หลังจากนั้นประมาณ 1 ชั่วโมง พวกเราก็ตามวิญญาณของหลี่ต้าชานมาถึงสถานที่เมื่อตอนกลางวัน
เมื่อสถานที่แห่งนี้มาถึงตอนกลางคืน อากาศก็เย็นขึ้นจนน่าขนลุก พลังหยินแรงมาก ราวกับเข้ามาอยู่ในสุสานผีไร้ญาติยังไงอย่างนั้น
“ทุกคนระวังตัวด้วย พลังหยินของที่นี่แรงมาก!” ท่านนักพรตตู๋พูด
ในเวลาเดียวกันทุกคนก็เริ่มเดินช้าลง เห็นได้ชัดว่าผีตนนี้ อยู่บริเวณแถวนี้
ดังนั้นพวกเราจึงจงใจเว้นระยะห่าง ค่อยๆเดินไปข้างหน้าอย่างช้าๆ
แต่ไม่รอให้พวกเราได้เข้าไปใกล้หลุมศพ ก็พบว่าไกลออกไป วิญญาณของหลี่ต้าชานได้ยืนอยู่ที่ใต้ต้นไม้ และไม่ขยับตัวไปไหนแล้ว
ส่วนต้นไม้ต้นนั้น ก็คือสถานที่ที่ผมเจอป้ายหลุมศพพุๆพังๆเมื่อตอนกลางวันนั่นเอง
“อาจารย์เขากำลังทำอะไร” เฟิงเฉ่วหานถาม
ท่านนักพรตตู๋ส่ายหัว “ยังไม่แน่ใจ พวกเราดูสถานการณ์ไปก่อนแล้วค่อยว่ากันเถอะ!”
ทุกคนไม่ได้เดินสุ่มสี่สุ่มห้า ต่างซ่อนตัวอยู่ในพุ่มไม้อย่างเงียบๆ รอคอยอย่างใจจดใจจ่อ
หลังจากนั้นประมาณ 5 นาที จู่ๆรอบๆก็มีลมกระโชกแรงเกิดขึ้น
หลุมศพเล็กๆที่อยู่รอบๆ ต่างมีไอสีดำแพร่ออกมา
ไอดำพวกนี้เข้มข้นมาก แต่จะสามารถมองเห็นได้หลังจากเปิดตาเท่านั้น ถ้าเป็นตาปกติจะไม่สามารถมองเห็นได้เลย
หลังจากที่พวกเราเห็นไอดำเหล่านี้ อาจารย์ก็อดพูดออกมาเบาๆไม่ได้ “กลั้นหายใจเร็ว มันมาแล้ว!”
ใจของผมเต้น “ตึกตึกตึก” เมื่อได้ยินอาจารย์พูดแบบนั้น ผมก็รีบกลั้นหายใจ ไม่กล้าปล่อยลมหายใจออกมาอีก
หลังจากไอดำพวกนั้นออกมา จู่ๆที่หลุมศพเล็กๆพวกนั้น ก็มีคนเดินออกมา
ตรงนั้นมีทั้งหมด 5 หลุม จึงมีคนเดินออกมา 5 คน
ใน 5 คนนี้มีผู้ชาย 3 ผู้หญิง 2 ผู้ชายสามคนนั้นอยู่ในช่วงวัยกลางคน ส่วนผู้หญิงอีกสองคนเป็นเด็กสาวอายุราวๆสิบเจ็ดสิบแปดปี
เห็นได้ชัดว่า ทั้งห้าคนนี้ไม่ใช่คน แต่เป็นผีห้าตนที่ออกมาจากหลุมศพ
และเครื่องแต่งกายที่ห้าตนนี้ใส่ ก็ไม่เหมือนกับชุดในยุคของพวกเรา
ผู้ชายสามคน ต่างไว้ผมเปียตามแบบฉบับของคนในยุคราชวงค์ชิง และเสื้อผ้าที่ใส่ก็เหมือนกับคนในยุคราชวงค์ชิงเป๊ะ
พวกเขาล้วนใส่เสื้อคลุมฉ่างอีและกระโปรงจีบสีขาว ส่วนผู้หญิงอีกสองคนต่างใส่ชุดเหมือนสาวใช้ในละครทีวี ซึ่งเป็นชุดกระโปรงยาวสีเขียว
นี่เป็นครั้งแรกที่ผมได้เห็นผี แล้วรู้สึกว่าทั้งน่ากลัวและน่าตื่นเต้นในเวลาเดียวกัน
แต่อาจารย์กลับพูดออกมาเบาๆ “ที่แท้ก็เป็นฝีมือของพวกผีเฒ่าอายุร้อยปี ดูเหมือนจะเจอกับเรื่องยุ่งๆเข้าแล้ว ไม่น่าแปลกใจเลยที่พวกนั้นจะมีฝีมือ! เตรียมตัวกันก่อน อีกเดี๋ยวพวกเราจะลงมือแล้ว”
ขณะที่อาจารย์พูด พวกเราก็ค่อยๆดึงดาบไม้ออกมา
ไอ้พวกผีที่ชอบทำร้ายคน ไม่ว่าแกจะเป็นผีแก่อายุร้อยปี หรือพึ่งจะเป็นผีชั่วก็ตาม
ถ้าทำร้ายคน ยังไงก็ถือว่าเป็นศัตรูของคนปราบสิ่งชั่วร้ายอย่างพวกเรา
ในเวลาเดียวกัน เจ้าผีห้าตนนั้นก็ได้มาถึงด้านหน้าของหลี่ต้าชานแล้ว พวกเขาล้อมรอบเขาเอาไว้
พวกเขามองหลี่ต้าชานด้วยสายตาที่โกรธแค้น ใบหน้าดุร้าย
ในเวลาเดียวกัน จู่ๆก็ได้ยินเสียงผีผู้ชายตนหนึ่งพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่ทุ้มต่ำ “ไอ้เด็กไร้ยางอาย คุกเข่าลงซะ!”
เสียงพึ่งจางหาย “บึก” วิญญาณของหลี่ต้าชานก็คุกเข่าลงทันที
จากนั้นวิญญาณของหลี่ต้าชานก็เหมือนกับโดนมนต์สะกด เขาคำนับป้ายหินแตกๆที่อยู่ตรงหน้าต้นไม้อย่างต่อเนื่อง
ทุกครั้งที่หลี่ต้าชานก้มหัวลง ในปากของเขาก็จะพ่นลมหายใจออกมา
เมื่อเห็นสิ่งนี้ ผมและเฟิงเฉ่วหานก็มึนงงทันที
ไม่ใช่บอกว่า เจ้าเด็กนี้ฝันว่าไปทำเรื่องอย่างว่าติดๆกันงั้นเหรอ
ตามหลักแล้ว วิญญาณของหลี่ต้าชายเดินมาไกลขนาดนี้ ก็ควรจะถูกผีผู้หญิงดึงดูดมาทำมิดีมิร้ายกันในป่าซิ!
ให้วิ่งมาที่นี่เพื่อก้มหัวเนี่ยนะ ช่างแปลกประหลาดจริงๆ
เมื่อท่านนักพรตตู๋เห็นสิ่งนี้ ก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว เขาบ่นพึมพรำออกมา “มันไม่ถูกต้อง! ทำไมผีกลุ่มนี้ถึงกำลังเอาคืนเขาอยู่ละ”