จู่ๆอาจารย์ก็พูดออกมา ผมจะกล้าอืดอาดได้ยังไง
ผมรีบเดินไปที่ด้านหน้าโต๊ะบูชาทันที “ตุ๊บ” เสียงเข่าของผมกระทบกับพื้น
เมื่ออาจารย์เห็นผมคุกเข่าลง เขาก็รีบนำฟางสองสามเส้นจากตัวหุ่นออกมาถักกัน เสร็จแล้วก็นำมันมาวางไว้บนแท่นบูชา
จากนั้นก็ทำมือทำไม้ ในปากยังท่องอะไรบางอย่างออกมาอีกสองสามประโยค เสร็จแล้วก็เผายันต์สามแผ่น
ทันใดนั้น ลมที่หนาวเย็นก็พัดแรงยิ่งกว่าเดิม รอบๆก็ยิ่งเย็นยะเยือกขึ้นมาทันที
กระดาษเงินกระดาษทองที่โรยอยู่รอบๆ เพราะสายลมอันเยือกเย็น พวกมันจึงล่องลอยเต็มท้องฟ้า มองดูแล้วน่าสยองขวัญมาก
ไม่เพียงเท่านั้น ในเวลานี้
หุ่นฟางที่นอนอยู่บนโต๊ะบูชา ภายใต้สถานการณ์ที่ไม่มีการเตือนล่วงหน้า จู่ๆมันก็ลุกขึ้นยืน
เมื่อผมเห็นว่าหุ่งฟางลุกขึ้นอย่างอัตโนมัติ ผมก็อดไม่ได้ที่จะตกใจ
ด้านอาจารย์และเหล่าฉิน ก็ต่างขมวดคิ้ว และทำสีหน้าเคร่งเครียดเช่นกัน
อาจารย์กระแอมในลำคอ จากนั้นก็พูดเสียงดังๆออกมาว่า “เริ่มพิธี……คำนับครั้งที่หนึ่ง……”
“หือ” จากนั้นผมก็เกาหัว แต่ในช่วงเวลาที่ผมกำลังนั่งบื้ออยู่นั้น ตัวเองก็พบกับสิ่งที่ไม่คาดคิด
หุ่นฟางที่อยู่บนแท่นบูชา ดูเหมือนว่ามันจะขยับเล็กน้อย
ตอนแรกผมยังคิดว่าตัวเองตาผาด จึงมองดูอีกสองสามครั้ง ผลลัพธ์หลังจากที่อาจารย์พูดคำว่า “คำนับครั้งที่สอง”
ทันใดนั้น ผมก็พบว่า
หุ่นฟางตัวนั้นก้มลงเล็กน้อยจริงๆ และครั้งนี้มันยังหันหน้ามาทางผมด้วย มันดูเหมือนกับตัวผม ที่กำลังคำนับอยู่อย่างนั้น
เมื่ออาจารย์เห็นผมไม่ละสายตาไปจากหุ่นฟาง เขาก็รู้สึกโมโหนิดหน่อย จึงหันมาด่าผม “ยังนั่งบื้ออยู่ทำไม”
ผมใจสั่นทันที คำพูดนี้ทำให้ผมมีสติขึ้นมา
หลังจากคำนับไปสองครั้ง ต่อมาอาจารย์จึงตะโกนออกมาอีกครั้ง “คำนับครั้งที่สาม” ผมเองก็เลยทำตามที่บอกเช่นกัน
และหุ่นฟางที่อยู่บนแท่นบูชา วินาทีนั้นผมเห็นชัดๆว่ามันก็ทำเหมือนกัน
แม้ว่าจะรู้สึกแปลกใจอยู่บ้าง แต่ผมก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา
หลังจากคำนับกันสามครั้ง อาจารย์ก็ยังพูดลากเสียง “ดื่มเหล้ามงคล”
เสียงพึ่งขาดลง เขาก็เทเหล้าขาวลงในแก้วสีขาวที่วางอยู่บนแท่นบูชาทันที
แต่นี่มันยังไม่จบ อาจารย์ยังอุ้มไก่ตัวใหญ่ที่กำลังดิ้นทุรนทุรายออกมา
ไม่พูดอะไรทั้งนั้น เขาก็เฉือนคอมันเอาดื้อๆเลย
เลือดสดๆหยดไหลลงมาตามลำคอของไก่ สุดท้ายมันก็หยด “ติ๊ง…ติ๊ง” ลงไปในแก้วเหล้า
หลังจากเลือดสดๆหยดลงไปเหล้าก็กลายเป็นสีแดงทันที อาจารย์ยังบอกให้ผมหยดเลือดของตัวเองลงไปในแก้วเหล้านี้ด้วย
เมื่อทำทุกอย่างเสร็จ อาจารย์ก็รำดาบอีกสองสามกระบวนท่า จากนั้นก็เผายันต์อีกหนึ่งใบและเริ่มพิธีดื่มเหล้ามงคล “มีติงฝานเป็นคู่สร้างคู่สม ด้วยหยดเลือดสาบานนี้ ขอเทพลุ่ยลิ้ง(ชื่อเทพของมวลหมู่ผี)โปรดลงมาเป็นสักขีพยาน เพี้ยง!”
หลังจากพูดจบ ยันต์ที่อยู่ในมือของอาจารย์ก็มีเสียงดัง “ตูม” ทันใดนั้นมันก็มอดไหม้ทันที
แต่ไฟที่เผาไหม้อยู่นี้ กลับเป็นสีเขียวเข้ม
หลังจากยันต์ถูกเผาเรียบร้อยแล้ว อาจารย์ก็นำขี้เถ้าทั้งหมดของยันต์มาใส่ในเหล้าเลือด
เมื่อทำพิธีนี้เสร็จ เขาก็ใช้นิ้วคนอีกสองสามรอบ จากนั้นก็ส่งมาตรงหน้าผมแล้วบอกว่า “ดื่มครึ่งหนึ่ง!”
ผมรับแก้วเหล้าเลือดนั้นมา จากนั้นก็มองเลือดไก่และขี้เถ้าของยันต์ที่อยู่ข้างใน ผมรู้สึกไม่ค่อยอยากดื่มมันสักเท่าไหร่ ดังนั้นผมจึงเอามือมาปิดจมูกและเทมันเข้าไปในปาก
ขณะที่ดื่มเหล้าเลือดไก่ มันทั้งคาวทั้งฝาด หลังจากดื่มเสร็จผมแทบจะอ้วกออกมาหลายครั้ง
ส่วนเหล้าเลือดที่เหลืออีกครึ่งแก้ว อาจารย์ราดมันลงบนตัวของหุ่นฟาง จากนั้นก็โยนมันเข้าไปเผาในกองไฟทันที
หลังจากเผาเสร็จ ผมก็รู้สึกเย็นวาบที่รอบๆตัว รู้สึกเหมือนว่ารอบๆกำลังมีคนจ้องผมอยู่
แต่ผ่านไปแค่แป๊บเดียว สายลมเยือกเย็นที่อยู่รอบๆ ก็ค่อยๆหายไป
ท่าทางของอาจารย์ก็ผ่อนคลายลงมาก เห็นได้ชัดว่าเขาถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งใจ “เสี่ยวฝาน! แกลุกขึ้นได้แล้ว”
เมื่อได้ยินอาจารย์พูดแบบนั้น ผมก็เลยถามด้วยความสงสัยเล็กน้อย “อาจารย์ เสร็จแล้วเหรอครับ”
อาจารย์พยักหน้าเล็กน้อย “เสร็จแล้ว”
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ ผมก็รู้สึกงงนิดหน่อย
ไม่ได้บอกว่าแต่งงานกับผีเหรอ นอกจากผมเห็นหุ่นฟางนั้นโน้มตัวแล้ว ผมยังไม่เห็นผีผู้หญิงเลยนะ
ดังนั้นผมจึงนำสิ่งที่สงสัยทั้งหมดถามออกมา เมื่ออาจารย์ได้ยินผมพูดแบบนี้ เขาก็เผยรอยยิ้มที่ขมขื่นออกมาเล็กน้อย
บอกว่าไม่ใช่แค่ผมคนเดียว แม้แต่เขาเองก็ยังไม่เห็นเลย
และยังพูดอีกว่า ทางที่ดีที่สุดผมมองไม่เห็นเลยทั้งชีวิตจะดีมาก
เมื่อพูดจบ เขาก็บอกให้ผมมาช่วยกันเก็บข้าวของกลับบ้าน
เมื่อผมเห็นว่าอาจารย์ไม่อยากคุยต่อ ผมเลยไม่ถามอีก
ผ่านไปแป๊บเดียวเท่านั้น พวกเราก็เก็บของจนเสร็จ
หลังจากหันไปมองหลุมศพที่อยู่รอบๆ ร่างกายของผมก็รู้สึกเย็นวาบขึ้นมาทันที
ผมไม่อยากอยู่ที่นี่อีกต่อไป จึงรีบเดินตามอาจารย์และเหล่าฉิน ออกไปจากที่นี่อย่างรวดเร็ว
ระหว่างทาง ทุกคนทำตัวเงียบมาก ไม่มีใครพูดอะไรออกมาสักคน
ตอนนั้นใจของผมสับสนวุ่นวายคิดอะไรมั่วซั่วไปหมด ผมกำลังรู้สึกว่านอกจากพวกเราสามคนด้านหลังยังมีคนอื่นอยู่
ส่วนทางด้านของอาจารย์ ระหว่างทางเขาพูดกับผมแค่สองสามประโยคเท่านั้น
บอกว่าในช่วงนี้ให้ผมห้ามดูวิดิโอหรือภาพที่ไม่ดี และยังต้องเว้นระยะห่างจากพวกผู้หญิงด้วย
บอกว่าถ้าผมทำเรื่องต้องห้ามเหล่านี้ อาจทำให้เธอคนนั้นอารมณ์เสียได้
แม้ว่าอาจารย์จะพูดไม่ชัดเจน แต่เห็นได้ชัดว่าเขากำลังพูดถึงเรื่องของเมียผมที่มองไม่เห็นคนนั้น
แต่เรื่องนี้เป็นเรื่องลึกลับ แม้แต่ตอนนี้ผมก็ยังไม่กล้าเชื่ออยู่เลย
ตอนที่พวกเรากลับมาถึงร้าน ก็เป็นเวลาตี 1 กว่าๆแล้ว
อาจารย์บอกให้ผมรีบไปพักผ่อน บอกว่าเพื่อฟื้นฟูพลัง เพราะคืนพรุ่งนี้พวกเรายังต้องไปสู้กับผีสองสามีภรรยานั้นอีก
หลังจากพูดจบ อาจารย์ก็เดินกลับไปที่ห้องของตัวเอง
แต่ในเวลานี้ อุณหภูมิในห้องกลับเย็นลงมาหลายองศา จู่ๆก็มีเสียงเคาะประตูดังมาจากด้านนอก “ก๊อก ก๊อกก๊อกก๊อก” ……
เมื่อได้ยินเสียงนี้ ผมและอาจารย์ต่างก็ตกใจทันที ต่างคนต่างหันไปมองที่ประตู
พวกเรากำลังสงสัย ดึกดื่นขนาดนี้ ใครจะมานะ
อาจารย์จึงตะโกนไปทางประตู “ใคร!”
เสียงพึ่งจางหาย ด้านนอกก็มีเสียงของคนแก่ดังขึ้น “มาส่งข้าว!”
เมื่อได้ยินประโยคนี้ ผมก็งงเลยทันที
เดิมทีบ้านเราก็ไม่เคยสั่งข้าว อีกอย่าง นี่มันก็ดึกมากแล้ว พวกเรายังพึ่งกลับมาจากสุสานศพไร้ญาติอีก แต่กลับมีคนมาส่งข้าวเนี่ยนะ
ไม่ว่าจะคิดยังไงมันก็ผิดปกติ ดังนั้นผมจึงตอบกลับไปทันที “บ้านเราไม่ได้สั่ง คุณมาส่งผิดที่แล้วล่ะ!”
เมื่อคำพูดนี้ดังออกไป เสียงคนแก่ที่อยู่ด้านนอกก็ตะโกนกลับมาอีกครั้ง “ถูกแล้ว ยายตามมาตลอดทาง ข้าวนี้มาส่งที่นี่! ยายแค่อยากขอให้จุดธูปให้ก็เท่านั้นเอง”
เมื่อได้ยินประโยคนี้ สีหน้าของผมก็เปลี่ยนไปและตามมาด้วยเสียงที่ดัง “ปัง”
พวกเราพึ่งกลับมาจากสุสานไร้ญาติ และเธอก็ตามมาตลอดทาง และต้องการให้จุดธูปให้
นี่ นี่ยังไม่ชัดอีกเหรอ สิ่งที่ยืนอยู่ข้างนอกนั้นไม่ใช่คน
ผมรู้สึกกลัวจนขนหัวลุก หน้าซีดเผือด อยากจะด่าให้เจ้าสิ่งที่อยู่ด้านนอกออกไป ไม่อย่างนั้นอาจต้องเจอกับโชคร้ายอีกเยอะแน่
แต่ตอนนั้นอาจารย์กลับทำมือห้ามผมเอาไว้ “ไหนๆยายก็มาแสดงความยินดี รออะไรอยู่ละ ติงฝาน รีบไปหยิบธูปมาซิ!”
ผมถึงกับกลืนน้ำลาย จากนั้นก็รีบไปหยิบธูปมาทันที
อาจารย์ถือมันขึ้นมาจุด จากนั้นก็ปักมันไว้ที่ด้านหน้าประตู
หลังจากนั้นเขาก็พูดกับคนแก่ที่อยู่ด้านนอก “ขอบคุณสำหรับข้าวของยายมากนะครับ ขอโทษด้วยที่ไม่สามารถเปิดประตูต้อนรับได้ เชิญรออยู่ที่ประตูนะครับ ธูปนี่จุดให้ยายแล้วนะครับ!”
เสียงพึ่งขาดหายไปจู่ๆด้านนอกก็มีเสียงหัวเราะ “ฮาฮาฮา” ดังเข้ามา จากนั้นควันที่เคยลอยขึ้น ก็กลับลอยต่ำรอดช่องประตูไป และธูปดอกนั้น ยังเผาไหม้อย่างรวดเร็วอีกด้วย
ผ่านไปแค่ครู่เดียว เมื่อไม่เห็นการเคลื่อนไหวใดๆจากด้านนอก ผมจึงเปิดประตูออกไปดู
พบว่าด้านนอกไม่มีคนอยู่ แต่ที่ด้านหน้าประตูกลับมีข้าวกระสอบเล็กๆวางเอาไว้
ผมกำลังคิดว่าจะเปิดดู แต่กลับถูกอาจารย์ห้ามไว้
บอกว่าเขาอาจแค่ผ่านมา แล้วเห็นเรื่องมงคลเลยเข้ามาก็เท่านั้น จึงบอกให้ผมกลับเข้าไปนอนในห้อง และอย่าคิดมาก
เมื่อได้ยินถึงคำนี้ สมองของผมก็มืดมนทันที ผีเมียของผมยังไม่เคยเห็นเลย กลับมีผียายแก่เข้ามาก่อนเนี่ยนะ
ชีวิตหลังจากนี้ คงไม่ได้อยู่อย่างสุขสบายแน่ๆ
จากนั้น อาจารย์ก็ถอนหายใจออกมา แล้วหันหลังเดินจากไปทันที
หลังจากอาจารย์จากไป ผมก็รีบเข้าไปนอนในห้องด้วยความหวาดกลัว
แต่หลังจากนอนหลับไป ผมก็ฝัน
ฝันเห็นผู้หญิง ผู้หญิงคนนั้นใส่สุดทันสมัยมาก ยืนอยู่ที่หัวเตียงของผม เธอถือโทรศัพท์ของผมและกำลังเลื่อนดูอะไรสักอย่างอยู่
จากนั้นผมก็ได้ยินเสียงเบาๆ ฮึ! ผู้หญิงเยอะอะไรขนาดนี้ ไอ้ผู้ชายกาก ไอ้ผู้ชายไร้น้ำยา ต้องลง ต้องลบ……
หลังตื่นจากฝัน ก็เป็นเวลารุ่งเช้าพอดี
ผมอดไม่ได้ที่จะหันไปมองทางหัวเตียง พบว่าสิ่งที่ตัวเองฝัน มันเหมือนจริงเกินไป จนทำให้ผมรู้สึกกลัวอยู่นิดหน่อย
เมื่อเห็นโทรศัพท์ของตัวเองที่หัวเตียง ผมก็หยิบมันขึ้นมาทันที เปิดดูวีแชทตามปกติที่เคยทำ
หลังจากผมเปิดดูวีแชท ผมก็ต้องตกตะลึงในทันที
พบว่าแชทที่อยู่ข้างในถูกลบออกไปจนเกือบหมด เพื่อนของผมกว่าหลายร้อยคน ตอนนี้กลับเหลือเพียง 100 คนเท่านั้น และทั้งหมดยังเป็นผู้ชายด้วย แม้แต่ป้าหลิวที่เป็นคนส่งอาหารกลางวันก็ยังถูกลบไปด้วย
ไม่เพียงเท่านี้ ชื่อ “ผู้บันทึกความตาย” ของผมบนโลกในอินเตอร์เน็ต ยังถูกเปลี่ยนเป็น “ผู้ชายกากฆ่าตัวตาย”
เมื่อเห็นสิ่งเหล่านี้ ในสมองของผมก็มีเสียง “หึ่ง” ระเบิดออกมา ผมตัวแข็งทื่อทันที
เมื่อคืนที่ผมฝันเห็น นั้น นั้นมันไม่ใช่ความฝัน
เธอมาแล้ว และจากไปแล้ว……