ตอนที่ 83 มุ่งหน้าสู่ตัวเมือง
ผมจำเถ้าแก่หนิวคนนี้ได้อยู่บ้าง เขาทำธุรกิจขายส่งอะไหล่อยู่ในตัวเมือง
บ้านเดิมเขาเป็นคนในตำบลของพวกเรา ต่อมาได้ทำธุรกิจใหญ่โต จึงย้ายเข้าไปอยู่ในตัวเมือง
เมื่อก่อนบ้านของเขาย้ายหลุมศพบรรพชน อาจารย์ของผมก็เป็นคนช่วยพวกเขาดูฮวงจุ้ย
เมื่อได้ยินว่าเป็นเถ้าแก่หนิว ผมก็เลยพูดออกไปว่า “บ้านเถ้าแก่หนิวมีใครตายเหรอครับ”
อาจารย์ถือโทรศัพท์ไว้ในมือ จากนั้นก็พูดกับผมว่า “แม่ของเถ้าแก่หนิว เมื่อสองชั่วโมงก่อนเธอเสียชีวิตที่โรงพยาบาล เถ้าแก่หนิวให้พวกเราไปทำพิธี ส่งวิญญาณให้แม่ของเขา!”
นี่ก็คือพิธีส่งวิญญาณธรรมดาๆ ผมจึงไม่ได้คิดอะไรมาก
จากนั้น ผมก็เริ่มไปเก็บของในห้อง นำสิ่งที่คิดว่าอาจต้องใช้ในพิธีไปด้วย
หลังจากนั้นครึ่งชั่วโมง ผมและอาจารย์ก็ออกเดินทางไปในเมือง
พูดแล้วก็ว่าแปลก เมื่อเรามาถึงป้ายรถเมย์ ผมกลับพบว่าเจ้าเฟิงเฉ่วหานเองก็อยู่ที่นี่
เมื่อเฟิงเฉ่วหานเห็นพวกเราเดินเข้ามา เขาก็แปลกใจมาก
เมื่อเห็นเฟิงเฉ่วหาน ผมก็โบกมือให้เขา “เหล่าเฟิง นายกำลังจะไปไหน”
เฟิงเฉ่วหานเห็นพวกเราเดินเข้ามา ก็รีบพูดทันที “อ่อ! อาจารย์ให้ฉันไปซื้อสมุนไพรบางตัวในเมืองน่ะ แล้วพวกนายจะไปไหนกันละ”
อาจารย์พูดด้วยท่าทางใจดี “ไปงานศพในเมือง!”
เฟิงเฉ่วหานไม่แปลก “อ่อครับ” จากนั้นเขาก็หันมาคุยกับผม
ผ่านไปไม่นาน รถก็มาถึง
พวกเราสามคนเลือกนั่งที่เบาะหลังสุด
ตำบลของพวกเราค่อนข้างอัตคัด หนึ่งวันจะมีรถเข้าไปในเมืองแค่สองสามรอบเท่านั้น
รอมาได้ประมาณครึ่งชั่วโมง รถเมย์เล็กๆคันหนึ่งก็มาถึงบนรถยังมีคนนั่งไม่เต็มเลยด้วยซ้ำ
ตอนเห็นรถกำลังเคลื่อนตัว จู่ๆหญิงสาวคนหนึ่งก็ขึ้นมาบนรถ
ตอนนั้นผมและเฟิงเฉ่วหานกำลังคุยกัน จึงไม่ได้สนใจ
แต่หญิงสาวที่พึ่งขึ้นมาบนรถ กลับสังเกตเห็นพวกเรา
เธอตะโกนมาหาพวกเราด้วยความดีใจมากๆ “ติงฝาน เฟิงเฉ่วหาน!”
เมื่อผมสองคนได้ยินคนเรียก ก็หันไปมองตามสัญชาตญาณ
และแล้ววินาทีที่พวกเราหันไปมอง ก็ต้องตกตะลึง
พวกเราเห็นหญิงสาวยืนอยู่ที่ประตูรถ ริมฝีปากแดงฟันขาว ใส่เสื้อยืดกางเกงขาสั้น ท่าทางเซ็กซี่ร้อนแรง
แถมผู้หญิงคนนี้ไม่ใช่ใครอื่น เธอก็คือคนที่ได้เจอกันสองครั้ง หยางเฉ่วผู้ที่ช่วยผมและเฟิงเฉ่วหานเอาไว้นั่นเอง
เมื่อเห็นหยางเฉ่ว ผมสองคนก็อึ้งไปแป๊บหนึ่ง
จากนั้นผมก็พูดด้วยน้ำเสียงประหลาดใจ “หยางเฉ่ว!”
หยางเฉ่วยิ้มออกมาเล็กน้อย “ใช่ฉันเอง! พวกนายสองคนจะไปไหนกันเหรอ”
ขณะที่พูด หยางเฉ่วก็เดินเข้ามา นั่งแถวหน้าของพวกเราเรียบร้อยแล้ว
แม้ที่มาของหยางเฉ่วจะไม่แน่ชัด แต่เธอก็เหมือนกับพวกเรา ล้วนเป็นคนปราบสิ่งชั่วร้าย
และเธอยังใช้พวกคาถาพิเศษๆได้ แถมยังเคยช่วยพวกเราไว้ถึงหนึ่งครั้ง
ดังนั้นเมื่อเห็นหยางเฉ่ว พวกเราก็ไม่ได้คิดว่าเป็นเรื่องเลวร้ายอะไร
จึงพูดออกไปตรงๆว่าพวกเรากำลังจะไปไหน ส่วนหยางเฉ่วนั้น กลับบอกว่าจะกลับไปโรงเรียนของเธอ
เมื่อได้ลองสอบถามดู ก็พบว่าที่จริงแล้วหยางเฉ่วยังเรียนมหาลัยอยู่ แถมเป็นมหาวิทยาลัยศิลปะที่ค่อนข้างมีชื่อเสียงในตัวเมืองของพวกเราด้วย
ส่วนเรื่องที่เธอมาที่ตำบลของพวกเรา หรือรู้คาถาที่ร้ายกาจขนาดนั้นได้ยังไง และทำไมวันนั้นเธอถึงอยู่แถวๆวัดเจ้าเฉิน ผมก็ไม่ได้ถาม
เพราะที่นี่มีผู้โดยสารมากมาย ผมจึงรู้สึกไม่กล้าพูด
เพียงคุยกันเรื่องทั่วๆไป และนอกจากหยางเฉ่วจะเป็นผู้หญิงที่เซ็กซี่แล้ว เธอยังพูดเก่งมาก
หลังจากลงรถ หยางเฉ่วก็แลกเบอร์โทรศัพท์กับพวกเรา
และยังบอกว่าถ้าพวกเราทำงานเสร็จแล้ว เธอจะชวนพวกเราไปกินร้านปิ้งย่างข้างๆมหาวิทยาลัยของเธอ
สำหรับหยางเฉ่ว เธอยังมีความลับอยู่มากมาย
ดังนั้นผมและเฟิงเฉ่วหาน จึงอยากรู้จักเธอมากกว่านี้
โดยเฉพาะเรื่องที่ทำไมเธอถึงรู้จักคาถาที่ร้ายกาจขนาดนั้น จะเป็นศิษย์ของสำนักใหญ่อะไรรึเปล่า หรือเบื้องหลังของเธอ อาจจะมีอาจารย์ยอดฝีมือเป็นคนขัดเกลา
ปกติคนในสายงานของพวกเราก็มีน้อยอยู่แล้ว แถมคนที่มีอายุรุ่นเดียวกันยังยิ่งน้อย
และต่อมา ผมสองคนก็ได้รู้จักกับหยางเฉ่ว รู้สึกดีกับเธอไม่น้อย
จึงตัดสินใจว่าหลังจัดการงานศพของบ้านเถ้าแก่หนิวเสร็จ พวกเราจะไปมหาวิทยาลัยของหยางเฉ่วสักครั้ง เป้าหมายหลักก็คือทำความรู้จักกับหยางเฉ่วให้มากขึ้น
ถ้าในอนาคตมีปัญหาอะไรเกิดขึ้น ก็อาจได้คนช่วยเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งคน
หลังจากคุยกับเฟิงเฉ่วหานเรียบร้อย พวกเราก็แยกทางกันที่ป้ายรถเมย์
ผมและอาจารย์ไปบ้านของเถ้าแก่หนิว ส่วนเฟิงเฉ่วหานไปซื้อสมุนไพรที่ร้าน เนื่องจากเวลาที่พวกเรามาถึงค่อนข้างดี ต่างก็ไม่มาช้ากันสักคน
ตอนที่พวกเรามาถึงบ้านของเถ้าแก่หนิว แม่ของเถ้าแก่หนิวก็ถูกส่งตัวกลับมาจากโรงพยาบาลเรียบร้อยแล้ว ตอนนี้พวกเขากำลังนำไปไว้ที่จัดงานศพ
เมื่อเถ้าแก่หนิวเห็นพวกเรามาถึง ก็เข้ามาจับมือผมและอาจารย์ พูดกับพวกเราด้วยน้ำเสียงสะอึกสะอื้น “ท่านนักพรตติง ในที่สุดคุณก็มาถึง แม่ผมลำบากมาทั้งชีวิต นี่พึ่งได้สุขสบายไม่กี่ปีก็จากไปซะแล้ว คุณต้องส่งวิญญาณของแม่ผมให้ดีๆนะครับ!”
อาจารย์พยักหน้ารับ “เถ้าแก่หนิววางใจได้ ผมจะต้องทำสุดความสามารถอย่างแน่นอน!”
หลังจากพูดจบ เถ้าแก่หนิวก็พาพวกเราเข้าไปในบ้าน
เพราะก่อนหน้านี้งานศพของคุณหนูเหวินเกิดเรื่องผิดพลาดขึ้น ทำให้หลังจากที่พวกเราเข้ามาในงานศพ จึงเริ่มสำรวจรอบๆห้องอย่างละเอียด
และมีตำแหน่งที่นำศพวางเอาไว้ ตรงกับข้อห้ามอื่นๆหรือไม่
หลังจากจัดการอย่างละเอียดรอบคอบแล้ว ทุกอย่างก็ผ่านไปอย่างราบรื่น
และแม่ของเถ้าแก่หนิวก็ไม่ได้ตายโหง เป็นการตายโดยปกติทั่วไป
สำหรับศพที่ตายไปเพราะแก่ชรา แค่ธูปสามดอกที่โต๊ะบูชาไม่เป็นอะไร ก็ไม่มีปัญหาอะไรใหญ่โตแล้ว
บวกกับได้การช่วยเหลือจากเถ้าแก่หนิวอย่างเต็มที่ ทำให้พิธีออกมาค่อนข้างราบรื่น
แต่เมื่อถึงตอนกลางคืน กลับเกิดเรื่องขึ้นมานิดหน่อย
เวลาประมาณสี่ทุ่ม ผม อาจารย์ และลูกของผู้ตายกำลังนั่งทำพิธีส่งวิญญาณกันอยู่
จู่ๆที่หน้าประตูก็มีคนสามคนพุ่งเข้ามา คู่สามีภรรยาหนุ่มสาวอายุราวๆ 30 ปี พาเด็กผู้หญิงอายุประมาณสามสี่ขวบเดินเข้ามาในงานศพ
ตอนแรกมันก็ดูไม่มีอะไร แต่เมื่อทั้งสามคนนี้เข้ามาในงานศพ ผมก็รู้สึกว่ารอบๆเย็นขึ้นมาทันที ดูเหมือนพลังหยินจะไหลทะลักออกมาจากโลงนั้น
และควันธูปในกระถางก็ตั้งตรงขึ้น ทันใดนั้นควันที่ลอยขึ้นไปก็เริ่มสั่นไหว
ส่งเสียง “ฮูฮู” ตอนนั้นแม้แต่ธงส่งวิญญาณที่อยู่ในบ้าน ก็ยังปลิวไปมาสองสามครั้ง
เมื่อเห็นสถานการณ์แบบนี้ ผมและอาจารย์ที่อยู่ในงามศพก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว รู้สึกถึงความผิดปกติบางอย่าง
แต่สมาชิกครอบครัวคนอื่นที่อยู่ในงานศพ กลับไม่รู้สึกอะไร เพียงคิดว่ามันเย็นขึ้นมานิดหน่อยเท่านั้น
แต่ทั้งสามคนนั้นพึ่งเข้ามาในงาน ผมก็ได้ยินเสียงของผู้ชายคนหนึ่งร้องไห้วิ่งเข้ามา
ไม่พูดไม่จาอะไร “บึก” จู่ๆเขาก็เข้ามาคุกเข่าที่หน้าโต๊ะบูชา “ยาย จึเฉินมาช้าเกินไป ไม่ได้เห็นหน้ายายเป็นครั้งสุดท้าย!”
เสียงของชายคนนี้พึ่งตกลง ผู้หญิงที่อุ้มเด็กน้อยไว้ ก็คุกเข่าลง เธอเองก็ตะโกนออกมาเช่นกัน “ยาย!”
ไม่เพียงเท่านี้ ยังบอกให้เด็กผู้หญิงในอ้อมแขนนั่งคุกเข่าลงด้วย
อาจเป็นเพราะบรรยากาศค่อนข้างเคร่งเครียด รายล้อมไปด้วยเงินกระดาษสีแดงขาว ดอกไม้สีม่วง
และตอนนั้นทุกๆคนยังหันมามองพวกเขา จึงทำให้เด็กผู้หญิงรู้สึกหวาดกลัว เธอหันไปพูดด้วยน้ำเสียงหวานๆของเด็ก “แม่ เสี่ยวยู่ยกลัว!”
ผู้หญิงคนนั้นยังไม่ได้พูดอะไรออกมา เถ้าแก่หนิวที่อยู่ข้างๆก็พูดว่า “เสี่ยวยู่ย ตอนมีชีวิตคุณทวดรักหนูมากเลยนะ ตอนนี้คุณทวดไปสวรรค์แล้ว คำนับส่งคุณทวดหน่อยนะลูก!”
ขณะที่พูด เถ้าแก่หนิวก็เข้ามาคุกเข่า และลูบหัวของเด็กน้อย
แต่เด็กผู้หญิงคนนั้นกลับกลัวจนเข้าไปอยู่ในวงแขนของแม่ จากนั้นก็พูดกับเถ้าแก่หนิวว่า “คุณปู่โกหก คุณทวดยืนอยู่หน้าประตูชัดๆ……”