ตอนที่ 84 คำพูดของเด็กเชื่อถือไม่ได้
จู่ๆเด็กผู้หญิงก็พูด สิ่งที่น่าเหลือเชื่อออกมา ทุกคนที่อยู่ในงานศพจึงตกตะลึงกันทันที
ในใจของผมมีเสียงดัง “กึก” อดไม่ได้ที่จะหันไปมองทางประตู
สายตาเด็กที่ไร้เดียงสา ไม่มีความคิดชั่วร้ายปนเปื้อน ดังนั้นจึงสามารถเห็นสิ่งที่คนธรรมดามองไม่เห็น
แต่เมื่อเด็กเติบโตขึ้น เขาก็จะเริ่มมองไม่เห็นสิ่งเหล่านี้
ต้องใช้การช่วยเหลือจากสิ่งอื่น อย่างเช่นน้ำตาพิเศษของวัว ใบส้มโอเป็นต้น ถึงจะสามาถเปิดตามองเห็นสิ่งที่คนทั่วไปมองไม่เห็นได้
การแสดงออกของอาจารย์ยังจัดว่าดี แต่เขาก็หันไปมองทางประตูเช่นกัน
เถ้าแก่หนิวตกใจยิ่งกว่าใคร เขาตื่นเต้นมาก
วินาทีนั้นเขาคว้าไหล่ของเด็กผู้หญิงเอาไว้ “เสี่ยว เสี่ยวยู่ย เธออย่ามาโกหกปู่ เธอมองเห็นคุณทวดจริงๆเหรอ”
เด็กน้อยกอดแม่ของตัวเองไว้ ทำตาโตวิ้งๆ “หนูเห็นค่ะปู่ คุณทวดยิ้มให้! แล้วบอกว่าจะเล่นกับหนูด้วย!”
เด็กน้อยพูดออกมาด้วยน้ำเสียงจริงจัง แต่หลังจากที่ทุกคนได้ยิน ก็ตกใจกันทันที
แม้ว่าผู้ตายจะเป็นผู้อาวุโส ที่มีฐานะเป็นผู้เฒ่าผู้แก่ในครอบครัวของคนในที่นี้
แต่ถ้านี้เป็นเรื่องจริง จะมีใครรับได้บ้างละ
ต้องรู้ว่าคนกับผีมีเส้นทางแตกต่างกัน ถ้าคนตายตามหลอกหลอนคนที่มีชีวิตอยู่ แล้วคนๆนั้นจะยังมีชีวิตอยู่ได้ยังไงละ
วินาทีนั้นแม่ของเด็กน้อยตกใจ หญิงวัยกลางจับมือลูกของตัวเองไว้แน่น
แต่ช่วงเวลานั้นไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น จู่ๆชายวันกลางคนก็พูดกับป้ายวิญญาณที่อยู่ตรงหน้าว่า “คุณ คุณย่า อย่า อย่ามาหลอกเสี่ยวยู่ยเลย! เธอเป็นเหลนแท้ๆของย่านะครับ!”
ไม่เพียงเท่านี้ เขายังแสดงท่าทางหวาดกลัวญาติของตัวเอง ถือธูปในมือขึ้น และไหว้คำนับป้ายวิญญาณทันที
เถ้าแก่หนิวสีหน้าไม่ดี รีบหันไปพูดกับอาจารย์ว่า “ท่าน ท่านนักพรตติง แม่ แม่ผมอยู่ที่ อยู่ที่นี่จริงๆเหรอครับ”
อาจารย์ผมไม่ได้เปิดตา เขาเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่ายายหนิวอยู่ที่นี่จริงไหม
แต่อาจารย์กลับพูดด้วยน้ำเสียงสบายๆ “เถ้าแก่หนิว ที่นี่คืองานศพของผู้ตาย และเป็นบ้านของผู้ตาย
ยายหนิวเองก็ยังไม่ได้ถูกฝัง การที่เธออยู่ที่นี่ก็ถือเป็นเรื่องปกติ!”
เมื่อเถ้าแก่หนิวได้ยินประโยคนี้ “พรึบ” สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปอีกครั้ง
“บึก” เขาคุกเข่าลงกับพื้น “แม่! แม่! ผมคิดถึงแม่เหลือเกิน! ถ้าแม่มาแล้ว ก็มาหาลูกเถอะ! อย่าไปยุ่งกับเสี่ยวยู่ยเลย แม่ แม่……”
ช่วงเวลานั้นเถ้าแก่หนิวสูญเสียการควบคุมตัวเองไปนิดหน่อย เมื่อเทียบกับสีหน้าที่หวาดกลัวของคนอื่นๆแล้ว
ตอนนี้ในสายตาของเถ้าแก่หนิว เขากลับตั้งตารอคอยช่วงเวลานี้
นี่เป็นลูกที่กตัญญูคนหนึ่ง ถึงจะรู้ว่าแม่ของตัวเองตายแล้ว กลายเป็นวิญญาณ แต่ก็ยังอยากจะพบหน้าแม่ของตัวเองอีกครั้ง
หลังจากเถ้าแก่หนิวตะโกนออกไปสองสามครั้ง ญาติคนอื่นที่อยู่ข้างๆก็เริ่มเข้ามาห้าม
แต่เถ้าแก่หนิวไม่สนใจ เขายังพูดกับอาจารย์ว่า “ท่านนักพรตติง คุณเปิดตา มองดูว่าแม่ของผมอยู่ไหน! เธอยังอยู่รึเปล่า”
เดิมทีอาจารย์อยากปฏิเสธเรื่องนี้ เพราะคนกับผีไม่ควรเข้าไปยุ่งเกี่ยวกัน
คนตายเหมือนกับไฟที่กำลังมอด ไม่ควรทิ้งความกังวลไว้มากเกินไป
แต่ไม่รอให้อาจารย์ได้พูด เด็กผู้หญิงคนนั้นกลับชี้ไปทิศทางหนึ่ง จากนั้นก็พูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน “คุณปู่ คุณทวดถูกหมาตัวหนึ่งคาบไปแล้ว!”
เมื่อคำพูดนี้ดังขึ้น ผมก็ตกตะลึงทันที
ญาติที่อยู่ในงาน ต่างหน้าเปลี่ยนสี ถูกหมาคาบไปงั้นเหรอ นี่มันเรื่องอะไรกัน
แต่แล้วคนแก่คนหนึ่งก็พูดแทรก “เสี่ยวยู่ย ทำไมทวดถึงถูกหมาคาบไปได้ละ นั้นเป็นยมทูตต่างหาก ทวดของหนูคงต้องไปที่ที่ควรไปแล้วละ!”
เมื่อคนที่อยู่รอบๆได้ยินประโยคนี้ ก็พร้อมใจพยักหน้าเห็นด้วยทันที คิดว่าต้องเป็นอย่างที่เขาพูดแน่
มีคนตายที่ไหนถูกหมาคาบไปได้ละ ควรถูกพวกยมทูตพาตัวไปมากกว่า
แต่เด็กผู้หญิงคนนั้นรีบเถียงทันที “เป็นหมา หมาตัวใหญ่มากๆเลยคะ……”
แต่เด็กผู้หญิงยังพูดไม่จบ พ่อของเด็กก็ส่งสัญญาให้แม่เด็กอุ้มเธอออกไป
แต่ตอนนั้นเอง อาจารย์กลับเข้าไปหยุดผู้หญิงคนนั้นเอาไว้
เขานั่งยองๆ และพูดกับเด็กน้อยว่า “เจ้าตัวน้อย หนูบอกปู่หน่อย หนูมองเห็นหมาจริงๆเหรอจ๊ะ”
เด็กน้อยไม่คุ้นเคยกับอาจารย์ของผม เธอจึงไม่ยอมพูด แต่กลับพนักหน้าให้เขาเล็กน้อย
เมื่ออาจารย์เห็นเด็กพยักหน้า สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปทันที
เขาลุกขึ้นมาอย่างรวดเร็ว หันมาพูดกับผมว่า “ นี่มันแปลกมาก! เสี่ยวฝาน รีบตามมันไป!”
หลังจากพูดจบ อาจารย์ไม่ได้อธิบายเพิ่ม รีบหมุนตัววิ่งออกไปทันที
ผมไม่กล้าชักช้า รีบจับอาวุธ และวิ่งออกไปอย่างรวดเร็ว ทิ้งญาติของผู้ตายให้มึนงงอยู่ในบ้าน
ขณะที่ผมและอาจารย์วิ่งออกมาจากบ้าน ก็หยิบขวดน้ำตาวัวออกมา
ในเวลาเดียวกัน ผมก็ถามอาจารย์ว่า “อาจารย์ มันเรื่องอะไรกันแน่ หรือว่าจะมีหมาจริงๆเหรอ”
อาจารย์แสดงสีหน้าจริงจัง “ไม่รู้ คำพูดของเด็กยังเชื่อไม่ได้ แต่เด็กผู้หญิงตัวเล็กๆคนหนึ่ง จะพูดโกหกคนได้อย่างงั้นเหรอ”
ขณะที่พูด ผมและอาจารย์ก็ไล่ตามมาจนถึงทางเข้าหมู่บ้าน
อาจารย์มองไปรอบๆ และหันมามองเข็มทิศที่อยู่ในมือของตัวเอง จากนั้นก็วิ่งไปทางเนินเขาด้านหลัง
ผมบ่นในใจ เดิมทีก็ไม่เข้าใจอยู่แล้วว่าเกิดอะไรขึ้น แค่ตามอาจารย์ออกมาเท่านั้น
แต่ตอนนั้นเอง จู่ๆอาจารย์ก็ชี้ไปทิศทางหนึ่ง “อยู่นั่น!”
หลังจากพูดจบ ก็วิ่งไปทางนั้นทันที
ผมรีบหันไปมอง ทันใดนั้น ผมก็พบว่าที่ปลายสุดของถนน
มีหมาดำตัวใหญ่ยืนอยู่จริงๆ ตอนนี้มันกำลังคาบขาของยายคนหนึ่งเอาไว้
ยายคนนั้นกำลังดิ้นรนอย่างต่อเนื่อง และกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด
นี่เป็นครั้งแรกที่ผมได้มาเห็นเหตุการณ์แบบนี้ จึงอดไม่ได้ที่จะตกใจและหวาดกลัว
แต่อาจารย์กลับตะโกนออกมา “ไอ้เดรัจฉาน ยังไม่คายออกมาอีก!”
แต่หมาตัวนั้นกลับเห่า “โฮ่งโฮ่งโฮ่ง” และแสดงท่าทางโกรธ
“ช่วยด้วย ช่วยฉันด้วย……” คุณยายคนนั้นร้องขอความช่วยเหลือ
พวกเราขมวดคิ้ว แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา
แต่เพียงชั่วพริบตา พวกเราก็วิ่งเข้าไปใกล้แล้ว
หมาดำตัวนั้นใหญ่มาก จนเห็นได้ชัดว่ามันใหญ่กว่าหมาทั่วไปเป็นเท่าตัว
หมาดำตัวนั้นไม่ได้มีชีวิต เป็นเพียงวิญญาณของสัตว์เดรัจฉานเท่านั้น
หมาดำเห็นผมและอาจารย์เข้ามาใกล้ จึงคายออกมา แต่ยังใช้อุ้งเท้าของมันเหยียบวิญญาณของยายหนิวเอาไว้
และส่งเสียงขู่พวกเราสองคน “โฮ่งโฮ่งโฮ่ง” แถมยังแสดงหน้าตาดุร้ายออกมา
“ไอ้เดรัจฉาน กล้าเข้ามาขโมยกินวิญญาณงั้นเหรอ!” อาจารย์ตะโกน
จากนั้นก็เข้าไปฟันมันด้วยดาบไม้ทันที ทันใดนั้นเจ้าหมาดำก็เห่า “โฮ่ง” ออกมาหนึ่งครั้ง และเข้ามากัดอาจารย์เช่นกัน
ผมไม่รอให้เกิดช่องโหว่ จับดาบในมือให้แน่นและเข้าไปช่วยอาจารย์ทันที
แม้เจ้าหมาดำตัวนั้นจะร้ายกาจ และหัวของมันจะใหญ่มาก
แต่ยังไงมันก็เป็นแค่สัตว์เดรัจฉาน อีกอย่างในมือของพวกเราก็มีดาบไม้ที่ปราบพลังหยินได้
หลังจากร่วมมือกันไม่นาน หมาดำตัวนั้นก็ถูกทำร้ายจนร้อง “เอ๋งเอ๋ง”
ตอนนั้น ผมก็กระโดดตัวลอย
เตะเข้าไปที่หัวของหมาดำพอดี ทันใดนั้นเจ้าหมาตัวนั้นก็กรีดร้องและล้มลงไปกับพื้น
แต่หมาชั่วนั่นยังไม่หมดแรงสู้ มันรีบลุกขึ้นมาอย่างรวดเร็ว
แต่ครั้งนี้มันไม่ได้เข้ามาเหมือนครั้งแรก แต่เห่าเสียง “โฮ่งโฮ่งโฮ่ง” ออกมาเสียงต่ำๆ ร่างกายเริ่มสั่น จากนั้นขนของมัน ก็มีไอดำแพร่กระจายออกมา
ทันใดนั้นบรรยากาศก็เริ่มหนาวเย็นขึ้นเรื่อยๆ และยังมีความกดดันที่รุงแรงเป็นพิเศษอีกอย่าง ที่เหมือนกับบรรยากาศตอนที่พวกเราเจอผีชั่วที่ป่าช้าเก่า
เมื่อผมและอาจารย์สัมผัสได้ถึงสิ่งนี้ ก็อดไม่ได้ที่จะมีท่าทางตื่นตกใจ
แต่ช่วงเวลาต่อมา ฉากประหลาดๆก็เกิดขึ้นมากกว่าเดิม
หมาชั่วตัวนั้นสั่นอยู่พักหนึ่ง หลังจากเห่าหอนออกมาสองสามครั้ง กรงเล็บทั้งสี่ข้างของมันก็ใหญ่ขึ้นมาไม่น้อย และเขี้ยวในปากก็เพิ่มขึ้นมาจำนวนมาก
แต่สิ่งที่น่าตกใจยิ่งกว่านั้นก็คือ ที่หน้าผากของมัน กำลังแยกออก
ทันใดนั้น ดวงตาที่ขาวโพน ก็โผล่ออกมา
เมื่อเห็นสิ่งนี้ อาจารย์ของผมก็อดไม่ได้ที่จะตกใจ เขาสูดหายใจเข้าทันที
แต่ในใจของผม กลับมีเสียงดัง “กึก”
แม้ว่าจะเป็นแค่หมาหนึ่งตัว แต่เมื่อดวงตาที่สามโผล่ออกมา ดวงตาที่สามของมันก็ราวกับผีชั่วสามตาที่พวกเราเจอที่ป่าช้าเก่าเมื่อก่อนหน้านี้ไม่มีผิด
และมู่หลงเหยียนยังเคยพูดกับผมด้วยน้ำเสียงที่จริงจังว่า ถ้าเจอวิญญาณที่มีสามตาอีก ก็ให้วิ่งหนีทันที……