ตอนที่ 89 ชิงชานชิงชาน
เฟิงเฉ่วหานเองก็เป็นคนปราบสิ่งชั่วร้ายที่มีจรรยาบรรณมากเช่นกัน
เมื่อได้ยินผมพูดแบบนั้น เขาก็ไม่ลังเลเลยสักนิด ตอบกลับผมทันที “ต้องเป็นอย่างนั้นแน่นอน”
เมื่อได้ยินเฟิงเฉ่วหานพูด ผมก็อดยิ้มออกมาไม่ได้
เพราะที่นี่มีคนล้อมอยู่จำนวนมาก และตึกร้างหลังนี้ก็ยังไม่อนุญาตให้คนเข้าไป
ดังนั้นถ้าต้องจัดการเรื่องนี้ พวกเราก็ทำได้เพียงรอให้ถึงตอนกลางคืนเท่านั้น
ตอนนี้ ผมจึงแอบฟังสิ่งที่นักศึกษาพูดกันอยู่รอบๆ เพื่อหาข้อมูลของที่นี่เพิ่มขึ้น
แต่เมื่อลองถามอีกสองสามคน พวกเขาก็ต่างพูดถึงเรื่องที่ค่อยข้างไร้ประโยชน์
เรื่องเล่าที่แพร่หลายในหมู่นักศึกษามากที่สุด ก็เป็นเรื่องที่พวกเราได้ยินมาจากนักศึกษากลุ่มนั้น
บอกว่าตอนสร้างตึกหลังนี้ ข้างในมีนักศึกษาหญิงตายอยู่หนึ่งคน
และหลังจากที่เธอถูกข่มขืน ก็ได้กระโดดลงมาจากตึกร้าง ตอนนั้นก็หล่นลงมากระแทกกับพื้นแบบที่ชายคนนี้นอนตายอยู่
ส่วนเรื่องที่ว่าผู้หญิงกระโดดตึกคนนั้นกลายเป็นผีอาฆาตไหม พวกเราเองก็ยังไม่รู้เช่นกัน ทำได้เพียงรอให้ถึงตอนกลางคืน แล้วค่อยเข้ามาดูอีกครั้งเท่านั้น
หลังจากนั้นประมาณ 10 นาที ตำรวจก็มาถึง
พวกเขาเริ่มปิดกั้นสถานที่เกิดเหตุ ลากเส้นตีวงรอบจุดเกิดเหตุ จากนั้นก็เข้ามาสอบปากคำพวกนักศึกษาจำนวนมาก
ผมและเฟิงเฉ่วหานยืนอยู่ข้างๆ แอบฟังพวกเขาคุยกัน
พบว่าผู้ตายมีชื่อว่าจูหง เป็นผู้ชายชั่วในมหาวิทยาลัย และเป็นนักศึกษาอันธพาล
ชอบสุมหัวอยู่กับพวกอันตพาล รังแกพวกนักศึกษาตลอดเวลา
และยังขึ้นชื่อว่าเป็นผู้ชายชั่ว แฟนหลายต่อหลายคน ต่างก็ถูกเจ้าเด็กนี้ทำให้ท้องโต และสุดท้ายก็ทอดทิ้งอีกฝ่ายอย่างไม่ใยดี
ในที่เกิดเหตุก็มีแฟนเก่าของเขาอยู่ด้วยหนึ่งคน เพราะมันไม่ถูกห้ามไว้ เธอจึงด่าเขาต่อหน้าศพของเขาและเจ้าหน้าที่ตำรวจ ว่าสมควรตาย และตายไปได้ก็ดี เวรกรรมตามสนองแล้ว
หลังจากนั้นพวกเราอยู่ที่นี่ต่ออีกประมาณ 1 ชั่วโมง แต่ก็ยังไม่เห็นเบาะแสที่มีประโยชน์ ผมและเฟิงเฉ่วหานจึงเดินออกจากที่นี่
เมื่อเห็นเวลาว่าไม่เช้าแล้ว พวกเราจึงโทรศัพท์หาหยางเฉ่ว เพื่อนัดเธอออกมากินข้าวเย็นด้วยกัน และเล่าเรื่องที่เจอเมื่อกี้ให้ฟัง
ถ้าเป็นไปได้ ก็อยากให้เธอไปจัดการสิ่งที่อยู่ในตึกนี้ด้วยกัน
เพราะถ้ายังเป็นแบบนี้ต่อไป ก็จะต้องมีนักศึกษาตายอีกจำนวนมาก
แต่ในใจของผมยังรู้สึกแปลกๆ ในเมื่อหยางเฉ่วเป็นนักศึกษาของมหาลัยแห่งนี้
ตามหลักแล้ว ผมยังเห็นปัญหาของมหาลัยแห่งนี้เลย หยางเฉ่วเองก็น่าจะเห็นเหมือนกันซิ
เธอเป็นคนปราบสิ่งชั่วร้าย และยังรู้คาถาที่ร้ายกาจขนาดนั้น แต่ทำไมถึงไม่คิดจะจัดการกับสิ่งชั่วร้ายที่อยู่ในตึกละ
ผมสงสัย จึงโทรหาอีกฝ่าย
ทันใดนั้น ผมก็ได้ยินเสียงผู้หญิงที่สดใสพูดว่า “ติงฝาน!”
“ฮ่าฮ่าฮ่า! ฉันเอง ฉันกับเฟิงเฉ่วหานทำธุระเสร็จแล้วนะ ตอนนี้อยู่ที่หมาลัยของเธอ อีกเดี๋ยวพวกเราออกไปกินข้าวกันไหม!” ผมพูดตรงๆ
เมื่อหยางเฉ่วได้ยินผมพูดแบบนั้น ก็ตอบกลับด้วยความดีใจ “ดีซิ ดีซิ! พวกนายอยู่ตรงไหน ฉันจะไปหาพวกนาย!”
“พวกเราอยู่ที่ตึกร้างในมหาลัย ที่นี่มีคนกระโดดตึกตาย!” ผมพูดเบาๆ
แต่เสียงพึ่งจางหาย หยางเฉ่วกลับพูดด้วยด้วยความสงสัย
“มหาลัยของฉันไม่มีตึกร้าง! กระโดดตึกอะไร พวกนายเข้าใจผิดรึป่าว” หยางเฉ่วพูดด้วยความมึนงง
เมื่อผมได้ยินสิ่งนี้ ก็หันไปมองเฟิงเฉ่วหานทันที จากนั้นก็พูดว่า “มหาลัยศิลปะชิงชานใช่ไหม”
เสียงพึ่งขาดหาย คนในโทรศัพท์ก็หัวเราะ “แฮะแฮะ” และพูดว่า “ฉันเรียนที่ชิงชาน ชานที่แปลว่าเสื้อผ้าสีเขียว ไม่ใช่ชานที่แปลว่าภูเขา!”
ทันใดนั้น ผมก็รู้สึกพูดอะไรไม่ออก
แต่หยางเฉ่วกลับพูดต่อทันที “พวกนายอย่าไปไหนละ รอฉันที่หน้าประตูมหาลัย เดี๋ยวฉันออกจากหอเลย อีกครึ่งชั่วโมงเจอกัน!”
“อือ” จากนั้นก็วางโทรศัพท์ทันที
เฟิงเฉ่วหานรู้สึกมึนงง “พวกเราเข้าใจผิดเหรอ”
“อือ! มันออกเสียงเหมือนชื่อมหาลัยของหยางเฉ่ว แต่ไม่ใช่ที่นี่ เธอให้พวกเราไปรอที่หน้าประตู!” ผมพูดเบาๆ
เฟิงเฉ่วหานเองก็ไม่พูดมาก เขาเพียงพยักหน้ารับ จากนั้นก็เดินมาที่ประตูมหาลัยพร้อมๆกับผม
ระหว่างทาง พวกเราก็ได้ยินนักศึกษาคุยกันเรื่องกระโดดตึก
ดูเหมือนพวกนักศึกษาจะกลัวกันมากๆ บางคนถึงกับบอกว่าจะลาออกมหาวิทยาลัยเลยทีเดียว
และยังบอกว่าที่นี่น่ากลัวเกินไป ถ้ายังฝืนเรียนต่อ มีหวังอาจได้ตั๋ว ไปกระโดดตึกร้างตายแน่……
เมื่อพวกเราเดินมาถึงหน้าประตูมหาลัย ก็นั่งรออีกพักหนึ่ง หลังจากนั้นผมก็เห็นรถแท็กซี่คันหนึ่งมาหยุดที่ด้านหน้าของพวกเรา
ทันใดนั้น หญิงสาวเซ็กซี่ ก็เดินลงมาจากรถ
เธอพึ่งลงรถ ก็ดึงดูดสายตาของพวกเราทันที
ด้วยใบหน้าที่ยอดเยี่ยม ถูกปัดแต่งด้วยเครื่องสำอางนิดหน่อย มัดผมรวบตึงราวกับหางม้า
ใส่กางเกงยีนขาสั้น เสื้อยืดสีขาวแขนสั้น ไม่ใช่เพียงแค่เผยให้เห็นขาเรียวยาว ช่วงบนของเธอยังอวดเนินอกที่น่าภูมิใจให้พวกเราเห็นเป็นบุญตา ตอนนี้เธอช่างดูเซ็กซี่เอามากๆ
ทำให้อากาศที่ร้อนแรงในฤดูร้อน ต้องเพิ่มขึ้นมาอีกเท่าตัว
เธอไม่ใช่ใครอื่น เป็นหยางเฉ่วที่รีบมารวมตัวกับพวกเรานั่นเอง
ขณะที่หยางเฉ่วลงรถ ดูเหมือนรูปร่างหน้าตาของเธอจะดึงดูดสายตาชายหญิงจำนวนมาก
หยางเฉ่วเป็นหญิงสาวที่ท่าทางร่าเริง แต่เธอก็ไม่ได้สนใจสายตาของคนอื่น
เมื่อเห็นผมและเฟิงเฉ่วหาน ยังไม่รอให้ผมสองคนได้พูดอะไร เธอก็โบกมือทักทายพวกเราทันที
“ติงฝาน เฟิงเฉ่วหาน!”
ขณะที่พูดเธอก็เดินเข้ามาหาพวกเราด้วยรอยยิ้ม มันทำให้ผมรู้สึกกระชุ่มกระชวยในช่วงอากาศร้อนๆแบบนี้จริงๆ
หยางเฉ่วเป็นผู้หญิงที่สวยที่สุด ที่ผมได้เจอนอกจากมู่หลงเหยียน
เมื่อเห็นเธอเดินเข้ามา ผมก็เผยรอยยิ้มออกมาเล็กน้อย “ตอนอยู่บนรถก็ไม่พูดให้มันชัดเจน คิดจะทำให้พวกเรามาเสียเที่ยวรึไง!”
หยางเฉ่วเห็นผมเหน็บแนม จึงหัวเราะ “แฮะแฮะ” และพูดว่า “เอาเถอะน่า! ไหนๆพวกเราก็ทำงานสายเดียวกัน คืนนี้ฉันเลี้ยงข้าวเอง! พูดมา! อยากกินอะไร”
ตอนนี้ผมและเฟิงเฉ่วหานยังไม่ค่อยหิว แต่ก็ไม่ได้สนใจ ชี้ไปที่ร้านๆหนึ่งขณะยืนอยู่ที่หน้ามหาลัย “ร้านหมอไฟเสียบไม้ก็แล้วกัน! ป่ะไปรูดของกินจากไม้เสียบกัน!”
หยางเฉ่วทำหน้าเฉยชา “โอเค! ตอนนี้ก็ใกล้จะเย็นแล้ว แต่พวกเราจะไปกันตอนนี้เลยเหรอ”
เฟิงเฉ่วหานไม่ได้พูดอะไร แต่ผมพยักหน้ารับตรงๆ
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว พวกเราก็เข้ามานั่งในร้านเรียบร้อยแล้ว
พนักงานนำเตามาวางบนโต๊ะ พวกเราออกไปหยิบอาหารมากินจำนวนมาก
แต่ผมและเฟิงเฉ่วหานเอามาแต่เนื้อ ส่วนหยางเฉ่วก็หยิบแต่ของมังสวิรัติ บอกว่าช่วงนี้น้ำหนักขึ้น
ผมและเฟิงเฉ่วหานอดไม่ได้ที่จะเหลือบมองเธอ รูปร่างแบบนี้ยังบอกว่าอ้วน แล้วจะให้นักศึกษาที่นั่งกินโต๊ะข้างๆอย่างกับตายอดตายอยากว่าเป็นตัวอะไรฮะ
แต่ไม่รอให้พวกเราได้พูด หยางเฉ่วยังพูดต่อ “เออใช่ ก่อนหน้านี้ตอนคุยโทรศัพท์นายบอกว่ามีคนกระโดดตึก เกิดอะไรขึ้นเหรอ”
เมื่อได้ยินหัวข้อที่หยางเฉ่วพูด สีหน้าของผมและเฟิงเฉ่วหานก็เคร่งขรึมขึ้นมาทันที
จากนั้นผมก็พูดว่า “วันนี้ฉันกับเฟิงเฉ่วหานไปหาเธอ แต่ดันไปเห็นตอนมีคนกระโดดตึกพอดี ในมหาลัยนั่นไง แต่ฉันว่าเรื่องนี้อาจมีปัญหาบางอย่าง!”
“มีปัญหาอะไร” หยางเฉ่วพูดพร้อมขมวดคิ้ว
เฟิงเฉ่วหานพูดตามมาติดๆ “ที่ตึกนั้นมีสิ่งชั่วร้าย พวกฉันคิดว่าจะเข้าไปดูมันคืนนี้!”
เมื่อหยางเฉ่วได้ยิน ก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองมหาลัยแห่งนั้น
จากนั้นก็เผยน้ำเสียงที่ตื่นเต้น ในเวลาเดียวกันเธอยังกดเสียงลงต่ำ “ดีซิ! ฉันไปทำงานคนเดียวตลอดทุกครั้ง ไม่สนุกเลยสักนิด คืนนี้พวกเราไปด้วยกันนะ”
เมื่อเห็นท่าทางตื่นเต้นของหยางเฉ่ว ผมและเฟิงเฉ่วหานก็รู้สึกแปลกใจมาก
แต่ว่าผมและเฟิงเฉ่วหานไม่ได้สงสัย ความสามารถของหยางเฉ่วเลยสักนิด
ยันต์พิเศษเพียงแผ่นเดียว ก็สามารถหลบสายตาของพวกกองทัพผีได้ เห็นได้ชัดว่าเธอร้ายกาจขนาดไหน
คืนนี้ถ้าหยางเฉ่วไปด้วย จะต้องจับสิ่งชั่วร้ายในตึกนั้นได้แน่ และเป็นเรื่องง่ายที่ไม่ต้องเปลืองแรงมากอีกด้วย……