ตอนที่ 93 ผีผู้หญิงลงมือ
หลังจากได้ยินเสียงพูดโมโหของผู้หญิงดังมาจากด้านหลัง พวกเราสามคนก็ตกใจตามสัญชาตญาณ
ช่วงเวลานั้นผมตื่นตัว หันหลังกลับไปมองข้างหลังทันที
แต่เมื่อพวกเราสามคนหันไปมอง ก็ต้องแปลกใจอีกครั้ง เพราะด้านหลังของพวกเราไม่มีอะไรอยู่เลย
เป็นเพียงประตูห้องเรียนที่ว่างเปล่า และตอนนี้ประตูบานนั้นกำลังโยกไปมาอย่างต่อเนื่อง
ผมพูดในใจ แปลก ! ก็เมื่อกี้เสียงดังมาจากข้างหลังของพวกเราชัดๆ
แต่พอมองไปที่ประตู กลับไม่มีอะไรอยู่เลยได้ยังไง
ขณะที่ผมกำลังสงสัย จู่ๆผมก็รู้สึกถึงลมเย็นๆที่อยู่ข้างตัว จากนั้นเงาของใครบางคนที่ใส่ชุดสีเหลืองก็ปรากฎขึ้น
ช่วงเวลานั้นผมยังไม่ทันตั้งตัว จู่ๆก็ได้ยินเสียงหยางเฉ่วที่อยู่ข้างๆพูดว่า “ ระวัง ! ”
ผลลัพธ์เสียงของหยางเฉ่วพึ่งขาดหาย ใบหน้าซีดขาว ที่เต็มไปด้วยความโกรธ และดวงตาสีขาวโพนของหญิงสาว ก็ปรากฎขึ้นตรงหน้าของผม
ม่านตาขยายขึ้นอย่างรวดเร็ว วินาทีนั้นผมหน้าซีดในทันที
ในใจมีเสียงดัง “ กึก ” ตะโกนว่าซวยแล้ว
เห็นได้ชัดว่านี่ก็คือผีผู้หณิงในตึกร้าง จะต้องไม่ผิดตัวแน่
ดวงตาสีขาวโพนที่น่าขนลุกคู่นั้น กำลังมองมาที่ผมอย่างกับการมองเห็นในตอนกลางวัน เมื่อเห็นชัดจนแล้วมันแทบไม่ต่างอะไรกันสักนิด
การปรากฎตัวของเธอน่าขนลุกเกินไป เพราะอยู่ห่างจากผมเพียงครึ่งเมตรเท่านั้น
ในเวลาเดียวกันผมก็ตกใจตามสัญชาตญาณ แต่ทันใดนั้นยัยผีก็เอื้อมมือออกมา จับคอของผมอย่างแรง
“ ผู้ชาย ผู้ชายสมควรตาย…… ”
ดูเหมือนผีผู้หญิงตนนั้นจะเริ่มบ้าคลั่ง จนเกือบกรีดร้องออกมา และใบหน้าก็เต็มไปด้วยคำว่าทุเรศ
และการเคลื่อนไหวของเธอยังเร็วมาก เพียงชั่วพริบตา ในขณะที่พวกเรายังไม่ได้สติ
จู่ๆผมก็รู้สึกเย็นที่คอ ตอนนี้คอของผมได้ถูกยัยผีนั้นบีบเอาไว้เรียบร้อยแล้ว
แต่มันยังไม่จบเท่านั้น ข้างตัวของผมคือเฟิงเฉ่วหาน
เมื่อเฟิงเฉ่วหานเห็นผมโดนบีบคอ ก็เตรียมลงมือช่วยชีวิตผมทันที
แต่ยังไม่ทันจะหยิบยันต์ออกมา จู่ๆยัยผีนี้ก็โบกมือ ไปที่เฟิงเฉ่วหาน
จากนั้นร่างกายของเฟิงเฉ่วหาน ก็เหมือนกับโดนพลังบางอย่างดูดเข้ามา จากนั้นยัยผีก็ยืดมือออกไป
เพราะระยะห่างจากกันค่อนข้างใกล้ เฟิงเฉ่วหานจึงทำอะไรไม่ได้มาก เพียงชั่วพริบตาเขาก็ถูกจับคอเอาไว้แล้ว
พลังของมือผีผู้หญิงเยอะมาก หลังจากถูกบีบคอ พวกเราสองคนก็รู้สึกหมดแรง และทรมานเอามากๆ
ตอนแรกผมและเฟิงเฉ่วหานยังพยายามดิ้นรน เพื่อให้ได้หลุดพ้นไปจากมือข้างนี้
แต่หลังจากนั้น ผมก็รู้สึกแค่เพียงความเย็นเริ่มเคลื่อนตัว จากคอ ไปจนถึงทั่วไปร่าง
ดูเหมือนตอนนี้มือและเท้าของตัวเอง กำลังถูกแช่แข็ง
พลังที่อยู่ในร่างต่างหมดลง ช่วงเวลานั้นพวกเราไม่มีแรงทำอะไรหรือต่อต้านอะไรได้เลย
ดวงตาทั้งสองข้างเหลือกขึ้น ส่งเสียง “ ฮือฮือฮือ ” ออกมาด้วยความทรมาน ตอนนี้พวกเราทำได้เพียงอยู่เฉยๆและร้องขอความเมตตาเท่านั้น
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเร็วมาก แทบจะไม่เกิดเสียงใดๆทั้งสิ้น จนกระทั่งผมและเฟิงเฉ่วหานถูกบีบคอ ก็ใช้เวลาไม่ถึงสองวินาทีด้วยซ้ำ
เพราะเป็นการเกิดขึ้นอย่างกระทันหัน ดังนั้นตอนนี้ จึงเหลือเพียงหยางเฉ่วเท่านั้นที่สามารถเคลื่อนไหวได้
เมื่อเธอเห็นผมและเฟิงเฉ่วหานถูกจับเอาไว้ วินาทีนั้นสีหน้าของเธอก็มืดมนลงทันที
หลังจากนั้นก็หยิบยันต์ออกมาหนึ่งแผ่น และรีบพุ่งเข้ามาหาทันที
ขณะเดียวกันก็ตะโกนว่า “ หยุดเดี๋ยวนี้ ! ”
แต่ยัยผีนั้นกลับไม่สะทบสะท้าน หันมามองหยางเฉ่ว และส่งสียงหัวเราะที่น่าขนลุกออกมา “ ฮ่าฮ่าฮ่า ”
แม้ว่าตอนนี้เธอจะไม่มีดาบไม้หรืออาวุธอื่นอยู่ในมือ แต่เธอก็ไม่กลัว และไม่คิดจะหยุดอยู่เท่านี้
ทันใดนั้น หยางเฉ่วก็กระโดดลอยตัวขึ้น คิดจะแปะยันต์ไปที่ตัวยัยผีนั้น
แต่ยัยผีนี้กำลังโกรธมาก แถมเธอแข็งแกร่งกว่าที่พวกเราคิดเอาไว้มาก
ขณะที่หยางเฉ่วกำลังลอยอยู่กลางอากาศ ทันใดนั้นเธอก็อ้าปากขึ้นอย่างรวดเร็ว และส่งเสียงกรีดร้อง “ อร๊าย ” ออกมาทันที
ทันใดนั้น ไอดำก็ทะลักออกมาจากปากของอีกฝ่าย
เมื่อผมและเฟิงเฉ่วหานเห็นภาพนี้ ถึงแม้จะขยับตัวไม่ได้ แต่ยังมีสติอยู่แจ่มชัด
เห็นได้ชัดว่าไอดำที่ออกมาไม่ใช่ของธรรมดาๆ นี่ก็คือพลังหยินจากในท้องของยัยผีนี้นั่นเอง
ถ้าโดนสิ่งนี้เข้าไปที่หน้า ผลลัพธ์ก็ไม่ต้องพูดถึงเลยละ
ถ้าเบาหน่อยก็จะสูญเสียการมองเห็น แต่ถ้าหนักกว่านั้นก็อาจจะเสียชีวิตได้เลย
หยางเฉ่วสามารถใช้คาถาที่ร้ายกาจได้ขนาดนั้น และไม่ใช่คนธรรมดาสามัญอะไร
ดังนั้นเมื่อเห็นสถานการณ์แบบนั้น เธอก็เลิกคิ้วขึ้น และตอบสนองต่อมันอย่างรวดเร็ว
ร่างกายที่อยู่กลางอากาศ หมุนตัว 360 องศา สามารถหลบพลังหยินที่เข้ามาที่หน้าได้อย่างหวุดหวิด
เมื่อเห็นหยางเฉ่วสามารถรับมือกับสถานการ์อย่างนั้นได้ ผมก็อดไม่ได้ที่จะตกใจ
คิดไม่ถึงว่าร่างกายของหยางเฉ่วจะยืดหยุ่นได้ถึงขนาดนี้ ภายใต้สถานการณ์แบบนี้ เธอยังสามารถหมุนตัวหลบได้
หลังจากยัยผีพ่ายแพ้ เธอยังหัวเราะ “ ฮึฮึฮึ ” ออกมา จากนั้นก็คำรามทันที
“ สมควรตาย สมควรตาย ! ” หลังจากพูดจบ เธอก็กรีดร้องออกมา
เพิ่มแรงบีบที่มือ ทำให้ผมและเฟิงเฉ่วหานทรมาณยิ่งกว่าเดิม
และในช่วงเวลานี้ ยัยผีนี้ ยังเคลื่อนดวงตาทั้งสองข้าง มาจ้องผมอย่างรวดเร็ว
ทันใดนั้นก็อ้าปาก เผยเขี้ยวที่แหลมคมให้เห็น
เมื่อเห็นสิ่งนี้ ผมก็กลัวขึ้นมาทันที
ไม่ใช่ว่าจะต้องการสิ่งนี้หรือ บอกว่าขึ้นมาล่าผี แต่นี่แค่เจอหน้ากันเท่านั้น ก็ถูกผีจับตัวซะแล้ว แถมตอนนี้ยังจะต้องถูกผีกัดคอตายที่นี่เนี่ยนะ
ผมหวาดกลัว แต่ก็ยังไม่อยากจะตาย
เมื่ออันตรายมาถึง ในสมองของผมก็คิดบางอย่างผุดขึ้นมา
ก่อนหน้านี้เคยได้ยินอาจารย์พูดว่า ในร่างของคน เลือดของลิ้นมีพลังหยางอยู่ สามารถยับยั้งพลังหยินได้
ตอนนี้ถูกบีบคออยู่ ไม่สามารถขยับตัวได้เลยสักนิด แต่ผมยังสามารถควบคุมลิ้นและปากได้
เมื่อเห็นยัยผีจะกัดผม ผมเองก็ไม่รู้ว่าครั้งนี้เลือดที่ลิ้นของผมจะสามารถช่วยชีวิตตัวเองได้ไหม
แต่ไม่มีเวลามาคิดแล้ว ถึงจะรู้ว่าไม่มีใครช่วยได้แต่ผมก็ไม่ยอมแพ้และยังพยายามจะสู้ด้วยตัวเอง
ผมกัดลงไป ทำให้ลิ้นเป็นแผลทันที
ช่วงเวลานั้น ผมสัมผัสได้ถึงเลือดอุ่นๆที่ไหลทะลักอยู่ในปาก
ยัยผีได้อ้าปากจนกว้าง เธอเล็งมากัดที่คอของผม
เฟิงเฉ่วหานกลัวมาก กระพริบตาถี่ๆ พยายามส่งเสียงแหบๆออกมา เพราะถูกควบคุมร่างกายเอาไว้ จึงทำได้เพียงดิ้นรน
เห็นได้ชัดว่าเขาอยากจะดิ้นรนให้หลุดพ้นจากการจับนี้ และเข้ามาช่วยผมให้พ้นจากอันตราย
ส่วนหยางเฉ่วที่ยืนอยู่ข้างๆ ก็แสดงสีหน้าตกตะลึง
พวกเราคิดไม่ถึงจริงๆว่า พลังของยัยผีนี้จะมีเยอะขนาดนี้
แค่เจอหน้าเท่านั้นการต่อสู้ก็เกิดขึ้นทันที ทุกคนจึงยังไม่ได้ตั้งตัว ก็ถูกจู่โจมจนรับมือไม่ทันซะแล้ว
เมื่อเห็นผมกำลังจะถูกกัดคอ หยางเฉ่วก็อดไม่ได้ที่จะตะโกน “ ไม่ ! ”
แต่เธอเข้ามาช่วยไม่ทันแล้ว ปากของยัยผี ได้เข้ามากัดที่คอของผมอย่างรวดเร็ว
แต่ว่า ถึงตอนนั้นผมจะแสดงสีหน้าหวาดกลัว แต่ผมก็ยังแสดงท่าทางดุร้ายออกมาเล็กน้อย
ขณะที่ยัยผีกำลังเข้ามากัด ทันใดนั้นเสียง “ ถุย ” ก็ดังขึ้น ผมพ่นเลือดสดๆออกมาจากปากอย่างทันควัน
ระยะห่างของผีผู้หญิงกับผมใกล้กันมาก แล้วแบบนั้นเธอจะหลบมันได้ยังไง
ผลลัพธ์หลังจากผมพ่นเลือดออกไป พวกมันก็กระเด็นเข้ามาใส่หน้าของผีผู้หญิงเต็มๆ
เลือดจากลิ้นนั้นมีพลังหยาง เป็นสิ่งที่ใช้ปราบพลังหยินของผีได้
จากนั้น ยัยผีนั้นก็ตัวสั่น ดวงตาสีขาวโพนกระพริบอย่างต่อเนื่อง และยังกรีดร้องโหยหวนออกมาทันที
“ อร๊าย ! ”
ตัวของเธอเหมือนกับถูกไฟช็อต ถอยหลังไปตามสัญชาตญาณ และสั่นอย่างต่อเนื่อง
มือสองข้างที่ใช้จับคอผมและเฟิงเฉ่วหาน ก็คายออกในทันที
เธอถอยไปอย่างต่อเนื่อง ใช้มือลูบหน้าตัวเอง และกรีดร้องออกมาไม่หยุด
“ อร๊าย ! หน้าฉัน หน้าฉัน ! อร๊าย… ! ”
ดูเหมือนเลือดที่ลิ้นจะเปลี่ยนเป็นกรดซัลฟูริก กัดผิวหน้าของอีกฝ่ายอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกันเสียง
“ ซ่าซ่า ” ก็ดังขึ้น นอกจากนี้ยังมีไอดำไหลออกมาทีละนิดๆ……
หลังจากคอของผมและเฟิงเฉ่วหานถูกปล่อย วินาทีนั้นผมก็รู้สึกดีใจกับชีวิตที่เหลืออยู่ทันที
ขณะเดียวกันผมก็จับคอของตัวเอง อ้าปากสูดหายใจเข้าเฮือกใหญ่ จนส่งเสียง “ ฮือฮือฮือ ”
จากนั้นก็ถอยหลัง ให้ห่างจากยัยผีนั้นอย่างรวดเร็ว
หยางเฉ่วรีบเข้ามาหา ประคองพวกเราสองคนจากทางด้านหลัง “ พวกนายไม่เป็นอะไรใช่ไหม ! ”
“ ไม่ ไม่เป็นไร ! ” เฟิงเฉ่วหานยังดูเจ็บปวดอยู่ เขาจับคอตัวเองเอาไว้ และพยายามพูดออกมาด้วยเสียงแหบแห้ง
ส่วนผมกลับถุยน้ำลายปนเลือดออกมาหนึ่งครั้ง แล้วจ้องยัยผีที่กำลังกรีดร้อง “ อร๊าย… ” จากนั้นก็พูดออกมาอย่างรุนแรง “ แม่งเอ๊ย ! ยัยผีนี่โหดมาก…… ”