ตอนที่ 95 พี่เฟิงออกโรง
เนื่องจากหุ่นของหยางเฉ่วดีมาก ขณะที่ผมกดตัวเธอเอาไว้ ผมจึงรู้สึกได้ถึงหน้าอกที่นุ่มนิ่มของเธอทันที
แต่ถึงอย่างนั้นความเจ็บปวดที่หลัง ก็ทำให้ผมไม่มีอารมณ์สนใจเธอแต่อย่างใด
ผมกัดฟันเอาไว้ รีบลุกขึ้นมาจากร่างของหยางเฉ่วทันที
เพราะยัยผีนั้นอาจลงมืออีกครั้ง อันตรายยังคงอยู่
แม้ว่าหยางเฉ่วจะสับสน เธอคิดไม่ถึงว่าผมจะใช้ชีวิตของตัวเองมาช่วยเธอ แต่นี่เป็นเพียงเรื่องที่เกิดขึ้นในชั่วขณะหนึ่งเท่านั้น
หลังจากนั้นเธอก็ลุกขึ้นมาตามผม เธอเองก็ได้สติแล้วเช่นกัน
เมื่อเห็นเลือดที่แผ่นหลังของผม หยางเฉ่วก็ตะโกนออกมาด้วยความตกใจ “ ติง ติงฝาน…… ”
แต่เธอก็ไม่ได้คิดจะพูดต่อ เพราะยัยผีนั้นได้จู่โจมเข้ามาอีกครั้งแล้ว
เมื่อเห็นสิ่งนี้ ผมก็ตะโกนออกไปว่า “ อย่าพึ่งพูดอะไร แค่แผลภายนอกน่ะ ตอนนี้ต้องจัดการกับยัยผีนี้ก่อนแล้วค่อยว่ากัน ! ”
ขณะที่พูด ผมก็เดินขึ้นไปข้างหน้า เอื้อมมือออกไปแปะยันต์ที่อยู่ในมืออย่างรวดเร็ว
ต้องยื้อเวลาให้เฟิงเฉ่วหาน รอให้หานเฉ่วเฟิงออกมาซะก่อน พวกเราถึงจะมีโอกาสชนะมากขึ้น
แต่หลังจากหยางเฉ่วเห็นผมบาดเจ็บ ก็รู้สึกโทษตัวเอง
จึงได้สติช้าไปเสี้ยววินาที แต่หลังจากผมลงมือ เธอก็รีบหยิบยันต์ออกมา และวิ่งเข้ามาทันที
ยัยผีนั้นดุร้ายมาก “ ไอ้ผู้ชายชั่วสมควรตาย ไปตายซะ ! ”
หลังจากพูดจบ ยัยผีก็เข้ามาจับตัวผมที่กำลังเข้าไป
การจู่โจมนี้รวดเร็วมาก และหลบได้ยากมาก
แต่มาถึงจุดนี้ ผมเองก็ถอยกลับไม่ได้แล้ว ทำได้เพียงตายไปกับเธอเท่านั้น แม้จะเห็นโอกาสแค่รางๆ
แต่ผมก็กัดฟัน พยายามหลบ จากนั้นก็ถือยันต์เข้าไปแปะเรื่อยๆ
แม้ผมจะพยายามขนาดไหน แต่ระยะห่างก็มากเกินไป จนสุดท้ายก็ต้องพ่ายแพ้
ทันใดนั้น ยัยผีนั้นก็ฟาดมือเข้ามา
และแล้วผมก็รู้สึกได้ถึงความเจ็บปวดที่หัวไหล่ “ ปัก ” ไหล่ของผมถูกกระแทกอย่างแรง
จนตัวของผมกระเด็นออกไปทันที และสุดท้ายก็กระแทกลงไปกับโต๊ะเรียนโต๊ะหนึ่ง
“ โอ๊ย ” ผมกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด รู้สึกเหมือนตัวเองกำลังแตกเป็นเสี่ยงๆ มันเจ็บมาก
“ ติงฝาน ! ” หยางเฉ่วตะโกน แต่ในมือทั้งสองข้างก็ยังคงถือยันต์ เข้าไปแปะอย่างต่อเนื่อง
แต่ยัยผีนี้รวดเร็วมาก แม้ว่าหยางเฉ่วจะร้ายกาจขนาดไหน แต่ก็ไม่มีทางเข้ามาใกล้เธอได้ ดังนั้นตั้งแต่เริ่มจนถึงตอนนี้เธอจึงไม่สามารถแปะยันต์โดนตัวยัยผีนั้นได้เลย
ผลลัพธ์ผ่านไปไม่นาน หยางเฉ่วก็ถูกพลังหยินของยัยผีทำให้ตัวเธอล้มกลิ้งลงไปกับพื้น
ตอนนั้นผมสามารถทนต่อความเจ็บได้แล้ว จึงรีบลุกขึ้นมาจากพื้น
เมื่อเห็นหยางเฉ่วล้มอยู่กับพื้น ผมก็รีบตะโกน “ ไม่เป็นไรใช่ไหม ! ”
ขณะที่พูด ผมก็เอื้อมมือไปดึงหยางเฉ่วเข้ามา
เมื่อหยางเฉ่วเห็นผมบาดเจ็บ แต่สายตาก็ยังมุ่งมั่น ดวงตาทั้งสองข้างยังมีเปลวไฟลุกโชน
จึงพยักหน้าให้ผมอย่างแรง “ ฉันไม่เป็นไร ! ”
ขณะที่พูด ผมก็ใช้มือเช็ดเลือดที่มุมปากออก
แต่ยัยผีกลับหยุดลงดื้อๆ ก้มหัวลง ใบหน้าที่ซีดขาวนั้น จู่ๆกลับเผยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ออกมา และเปล่งเสียงหัวเราะ “ ฮึฮึฮึ ” ที่น่าขนลุก
ไม่ใช่แค่นี้ ดวงตาขาวโพน ไร้ซึ่งนัยน์ตา ราวกับตาปลาตายคู่นั้น ยังจ้องพวกเราตาไม่กระพริบ ทันใดนั้นพวกเราก็รู้สึกหนาวเย็นขึ้นมาทันที
จากนั้นลมเยือกเย็นก็พัดเข้ามาจากหน้าต่าง ชุดสีเหลืองและผมสีดำขลับของผีสาวค่อยๆปลิวไสว ใบหน้าที่ถูกเลือดจากลิ้นของผมพ่นใส่ กลับมาฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว มันกลับมาเป็นใบหน้าขาวซีดอีกครั้ง และแล้วมันก็ทำให้คนรู้สึกถึงแรงกดดันที่รุนแรงสุดๆ
จู่ๆยัยผีนั้น ก็พูดด้วยน้ำเสียงที่แหบแห้งและเย็นชา “ ไอ้ชายชั่ว หญิงโฉด ฉันจะทำให้พวกแกกระโดดลงไปจากที่นี่ทีละคนๆ ฉันอยากจะเห็น…ที่อยู่ในหัวของพวกแกออกมาแตกกระจายเหมือนตอนนั้นจริงๆ ฮึฮึฮึ…… ”
ขณะที่พูด ผีสาวตนนั้นก็อดไม่ได้ที่จะมองไปที่หน้าต่าง และช่วงเวลานั้นท่าทางของยัยผีนั้นก็ดูตื่นเต้นขึ้นมาทันที
ที่นี่คือชั้นเก้า แถมด้านล่างก็คือสถานที่ที่เกิดเหตุเมื่อเช้า
เห็นได้ชัดว่าก่อนหน้านี้ผู้ตาย ได้กระโดดจากที่นี่ลงไปตาย
ผมสูดหายใจเข้าลึกๆ ผมยังไม่อยากตาย ยิ่งไปกว่านั้นยังไม่อยากกระโดดตึกตายด้วย
ขณะที่ผมกำลังจะพูดปฏิเสธ แต่ทันใดนั้นเอง เฟิงเฉ่วหานที่อยู่ข้างหลังของผมและหยางเฉ่ว ก็ลุกขึ้นมา
จากนั้นเขาก็ส่ายหัวไปมา น้ำเสียงเย็นชาของก่อนหน้านี้เปลี่ยนไป มันเป็นน้ำเสียงของพวกนักเลง และยังแฝงไปด้วยความโกรธเล็กน้อย “ อีกแล้วเหรอเนี่ย เจ้าขยะนั้นหาเรื่องวุ่นมาให้ข้าอีกแล้วเหรอ ! ”
เมื่อได้ยินเสียงนี้ ผมก็หันไปมองตามสัญชาตญาณ
เมื่อเห็นเฟิงเฉ่วหานลุกขึ้นมา แถมสีหน้าและท่าทาง ยังแตกต่างจากเฟิงเฉ่วหานโดยสิ้นเชิง
ผมก็รู้ได้ทันทีว่า ดวงวิญญาณอีกดวงที่อยู่ในร่างของเขา หรือพี่ชายหานเฉ่วเฟิงได้ออกมาแล้ว
ผมพูดด้วยความดีใจ “ พี่เฟิง ออกมาแล้วเหรอ ! ”
หานเฉ่วเฟิงขยับคอสองสามครั้ง “ เออ ! นายก็อยู่ซินะ! พูดให้พี่ฟังซิ ว่ายัยผีชุดเหลืองนี่มันอะไรกัน ! ดูท่าทางดุร้ายมากซะด้วยแฮะ ! ”
หยางเฉ่วมึนงงทันที เธอไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น
เพราะน้ำเสียงของหานเฉ่วเฟิง แตกต่างจากเฟิงเฉ่วหานลิบลับ
ส่วนผีสาวตรงหน้า ก็มึนงงเช่นกัน แต่ถึงอย่างนั้นยัยผีก็แสดงทีท่าว่าจะลงมือกับพวกเราต่อ
“ พี่เฟิง ยัยผีนี่ฆ่าคนไปเยอะมาก พวกเราคิดจะมาจัดการเธอ ! แต่ผลลัพธ์กลับ…… ”
ผมยังพูดไม่จบ หานเฉ่วเฟิงก็พูดแทรก “ ผลลัพธ์กลับกลายเป็นเจ้าโง่นี่ถูกมันจัดการ ! ”
ผมทำหน้าลำบากใจ แต่ก็พูดอะไรไม่ออก
เพราะมันเป็นแบบนั้นจริงๆ ก่อนหน้านี้พวกเราดูถูกพลังของอีกฝ่าย
ถึงตอนนี้พวกเราเป็นสามรุมหนึ่ง แต่ก็แทบจะสู้กับยัยผีนี้ไม่ไหวเลย
เมื่อหานเฉ่วเฟิงเห็นผมเงียบก็พูดว่า “ ชั่งเถอะ ไหนๆพี่ก็ออกมาแล้ว จะช่วยพวกนายจัดการยัยนี่ก็แล้วกัน ! ”
เสียงพึ่งจางหาย จู่ๆพลังของหานเฉ่วเฟิงก็เปลี่ยนไป แม้แต่สีหน้าก็ยังมืดมนลง
ไม่รอให้ยัยผีได้ตั้งตัว เขาก็เหมือนจรวดมิสไซส์ พุ่งตรงออกไปทันที
เมื่อหยางเฉ่วเห็นสิ่งนี้ ก็ทำหน้าไม่เข้าใจหนักกว่าเดิม “ ติงฝาน นี่ นี่มันเรื่องอะไรกัน ”
เห็นได้ชัดว่าหยางเฉ่วก็เริ่มมองเห็นความผิดปกติ แต่ตอนนี้มันใช่เวลาอธิบายที่ไหนกันละ ผมจึงรีบพูดว่า “ อย่าพึ่งถามเรื่องนี้ ไปจัดการยัยผีนี่ก่อนแล้วค่อยว่ากัน ! ”
ขณะที่พูด ผมก็หยิบเก้าอี้มาหนึ่งตัวและยันต์ออกมา แล้วพุ่งขึ้นไปอีกครั้ง
หยางเฉ่วเองก็รู้ถึงความสัมพันธ์ของพวกเราดี จึงไม่ลังเล
เธอห้ามความรู้สึกเจ็บปวดเอาไว้ และพุ่งขึ้นไปเช่นกัน
แต่ยัยผีนี่ก็ร้ายกาจมาก เมื่อเห็นเฟิงเฉ่วหานพุ่งเข้ามา ก็ทำหน้าเข้ม กางกรงเล็บออกและพุ่งเข้าใส่เช่นกัน
ขณะเดียวกันก็คำราม “ โฮกโฮก ” ออกมา ท่าทางดูโมโหมาก
แต่หานเฉ่วเฟิงเองก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ที่จัดการได้ง่ายๆ
รากฐานของเขาก็คือวิญญาณที่มีชีวิต พลังที่มีก็ “ เยอะมากๆ ”
ทั้งที่สองคนนี้พึ่งเจอกัน วินาทีแรกก็ถูกยัยผีขู่แล้ว
ถ้าไม่ได้เป็นเพราะในมือไม่มีดาบไม้ บางทีตอนนี้พวกเราก็คงจัดการยัยผีนี้ได้แล้ว
พลังที่หยางเฉ่วมีก็ไม่น้อย สามารถช่วยหานเฉ่วเฟิงสู้ได้
ส่วนผม กลับไม่สามารถทำอะไรได้เลย
การฝึกฝนที่ไม่ถึงสองเดือน ทำให้พลังในร่างกายของผมเพิ่มขึ้นมาเพียงเล็กน้อยเท่านั้น จึงทำได้เพียงยืนเชียร์อยู่ข้างๆ และมองหาโอกาสที่จะลอบโจมตีอีกฝ่าย
หลังจากต่อสู้กันมาประมาณ 5 นาที หยางเฉ่วยังคงเข้าไปแปะยันต์ ที่ตัวของผีสาวไม่ได้
ผีสาวนี้ร้ายกาจมาก แต่เธอก็ไม่กล้าให้ตัวเองถูกแปะยันต์ จนทำได้เพียงหลบอย่างต่อเนื่อง
ระหว่างนั้น หานเฉ่วเฟิงกลับพูดฮึอย่างเย็นชา เมื่อมองเห็นช่องว่าง ก็กำหมัดเข้าไปต่อยทันที
การเคลื่อนไหวครั้งนี้เร็วมาก ยัยผีนั้นไม่รู้ตัวเลยสักนิด จึงถูกต่อยเข้าที่หน้าอย่างจัง
ทันใดนั้นยัยผีก็กรีดร้อง “ โอ๊ย ” และกระเด็นออกไป กระแทกเข้ากับผนังอย่างแรง
ผมเดินวนไปรอบๆ แม้ว่าจะเป็นกำลังหลักไม่ได้ แต่ก็สามาถมองเห็นโอกาสที่มาถึงได้
ช่วงเวลานั้น ก็คือโอกาสที่ดี
ผมไม่ลังเลเลยสักนิด อดกั้นความเจ็บปวดที่หลังเอาไว้
วิ่งขึ้นไปข้างหน้า ไม่รอให้ผีสาวได้ลุกขึ้น ผมก็เข้าไปแปะยันต์ที่ผีสาวทันที
ผีสาวตนนั้นแสดงสีหน้าตกตะลึง เธออยากจะหลบมัน แต่ก็สายไปแล้ว
ทันใดนั้นเสียง “ แปะ ” ก็ดังขึ้น ยันต์แปดทิศในมือของผม แปะเข้าที่หน้าผากของผีสาวทันที
หลังจากนั้น ผมก็เริ่มเสกคาถาอย่างรวดเร็ว
ใช้มือทั้งสองข้างเสกคาถา หลายวันนี้ผมฝึกอยู่ตลอด จึงทำให้ความเร็วของกระบวนท่าเร็วขึ้นมาก
ผ่านไปแค่ 2 วินาที ผมก็ทำกระบวนท่าทำมือเสร็จ ผมนำมือที่ทำกระบวนท่าสุดท้ายชี้ออกไป
สีหน้าของผมมืดมนลง ตะโกนออกมาทันที “ ขอเชิญเทพลุ่ยลิ้ง ทำลาย ! ”