ศิษย์หลานข้า ระวังอย่าหลงผิด – ตอนที่ 108 คำสาปสาวหวา

“เจ้าสำนักสวี?” อวิ๋นเจี่ยวผงะ นางจำเสียงที่ส่งออกมาจากยันต์ส่งสารได้ “สำนักเทียนซือเกิดเรื่องอะไรขึ้น?”  

 

 

“ไม่! ไม่ใช่สำนักเทียนซือ” เจ้าสำนักสวีพูดเสียงทุ้ม “แต่เป็นตระกูลอวี๋ที่เมืองทางตะวันตก นายท่านตระกูลอวี๋ถูกคำสาปสาวหวา!”  

 

 

“คำสาปสาวหวา!” ทันทีที่เขาพูดจบ เหวินชิงที่อยู่ด้านข้างที่อุทานออกมาด้วยความตกใจ  

 

 

“อะไร?” มีเพียงชายแก่ที่ทำหน้าฉงน “อะไรคือคำสาปสาวหวา?”  

 

 

“ตามคำกล่าวที่ว่าช่วงชีวิตที่สวยงามมักตายง่าย หน้าตารูปลักษณ์ที่สวยงามมักแก่ง่าย!” เหวินชิงขมวดคิ้วมุ่น ก่อนจะอธิบายต่อ  

 

 

“นี่เป็นคำสาปที่เอาไว้ดึงดูดชีวิตและพลังในตัวคน ผู้ที่ถูกคำสาปนี้ จะแก่ชราลงไปอย่างรวดเร็วภายในสามวัน จนกระทั่งพลังชีวิตภายในร่างกายขาดสิ้น และตายไปในที่สุด เป็นคำสาปที่…ฝ่าฝืนชะตาอย่างมาก”   

 

 

เขายังมีอีกประโยคหนึ่งไม่ได้พูด คำสาปสาวหวาไม่ใช่คำสาปจากโลกมนุษย์ แต่มาจาก…ยมโลก  

 

 

หัวใจของเขาหล่นไปอยู่ที่พื้น ทันใดนั้นมีความรู้สึกไม่ดีบางอย่างผุดขึ้น เขาหันไปมองเจดีย์สูงที่อยู่ไม่ไกล ภายในใจภาวนาขออย่าให้เป็นแบบที่เขาคิด มิเช่นนั้น…  

 

 

“ถูกต้องแล้ว!” เสียงภายในยันต์ส่งสารยิ่งร้อนรน “สหายอวิ๋น นายท่านตระกูลอวี๋ถูกคำสาปนี้มาเป็นเวลาสองวันแล้ว เมื่อวานเพิ่งถูกส่งตัวมายังสำนักเทียนซือ พวกข้าเห็นเขากลายเป็นสภาพผมขาวเต็มหัวกับตา หมอภายในสำนักก็ไม่มีวิธียับยั้งคำสาปนี้ได้ ดังนั้นจึงอยากให้สหายอวิ๋นมาดู เผื่อว่าท่านจะมีวิธี”  

 

 

“ข้ารู้แล้ว พวกท่านเปิดข่ายพลังขนส่ง ข้าจะไปทันที” อวิ๋นเจี่ยวรับปาก ก่อนจะปิดยันต์ส่งสาร นางหันไปมองไป๋อวี้ แล้วกำชับว่า “ท่านทำการสอนของท่านต่อไป ข้าไปสำนักเทียนซือก่อนเดี๋ยวกลับมา”   

 

 

กำลังคิดจะกลับไปเก็บประเป๋ายาที่ห้อง แต่เมื่อครุ่นคิดแล้วก็พูดเสริมขึ้น “จริงสิ ดูแลอาจารย์ปู่ด้วย อย่าให้เขากินขนมมากเกินไป!” เดี๋ยวร้อนใน!  

 

 

“อ่อ” ชายแก่พยักหน้าด้วยความเคยชิน ก่อนจะได้สติ เบิกตาโพลง “อะไรนะ?”  

 

 

เดี๋ยวเจ้าหนู!  

 

 

ข้อสองเขาทำไม่ได้จริงๆ นะ!  

 

 

(๑ŐдŐ)b  

 

 

อวิ๋นเจี่ยวหันหลังกลับเข้าห้องไปแล้ว เพื่อให้สะดวกต่อการขนส่ง อวิ๋นเจี่ยวและเจียวเหิงอีร่วมมือกันสร้างข่ายพลังขนส่งขึ้นมา สามารถเชื่อมไปยังสำนักเทียนซือได้โดยตรง นางจัดเตรียมเข็มเงินและเตรียมตัวจะไปสวนด้านหลัง เหวินชิงกลับตามขึ้นมา  

 

 

“ศิษย์หลาน ข้าไปดูด้วยได้หรือไม่”  

 

 

“ท่าน?” อวิ๋นเจี่ยวผงะ  

 

 

เขาพูดด้วยรอยยิ้ม “คำสาปสาวหวานี้ ข้าพอจะรู้จักบ้าง ข้าอาจจะสามารถช่วยเจ้าได้” เขาต้องรู้ว่าเรื่องมันเป็นอย่างไรก่อนที่อาจารย์จะรู้  

 

 

“ได้นะได้…” อวิ๋นเจี่ยวกวาดตามองร่างที่เต็มไปด้วยพลังเทพขึ้นลง  

 

 

“อ่อ นี่เป็นเรื่องเล็ก ข้าจะไม่ทำให้เจ้าเดือดร้อนแน่” พูดจบก็เสกคาถาขึ้นมา ทันใดนั้นพลังเทพรอบตัวเขาก็ถูกเก็บเข้าไป แม้แต่ชุดยาวนั้นก็กลายเป็นเพียงชุดสีเขียวธรรมดา ถึงแม้หน้าตาไม่ได้เปลี่ยนไป แต่ลักษณะนั้นจากท่านเทพเปลี่ยนเป็นคุณตาข้างบ้านไปในทันใด  

 

 

“งั้นไปเถอะ!” อวิ๋นเจี่ยวก็ไม่รีรอ เดินไปยังข่ายพลังขนส่งในทันที  

 

 

เพียงชั่วพริบตา ทั้งสองคนก็มาถึงตำหนักหน้าของสำนักเทียนซือแล้ว สวีชิงเฟิงรออยู่ข้างข่ายพลังแต่แรกด้วยความร้อนใจ เมื่อเขาเห็นอวิ๋นเจี่ยวก็รีบเข้ามาต้อนรับด้วยความดีใจ “สหายอวิ๋น ท่านมาแล้ว! ท่านนี้คือ…” เขาพบว่าคนที่ตามอวิ๋นเจี่ยวมาไม่ใช่ไป๋อวี้ก็ผงะไปเล็กน้อย  

 

 

“อ่อ อาจารย์อาข้า!” อวิ๋นเจี่ยวแนะนำ  

 

 

“อา…อาจารย์อา?” เจ้าสำนักสวีผงะ สำนักของพวกท่านไม่ได้มีเพียงสองคนหรือ แต่เขาก็ไม่ได้ถามมาก ทำเพียงแต่ทำความเคารพ “เคารพท่านอาวุโส”  

 

 

“สหายไม่ต้องเกรงใจ” เหวินชิงยิ้มอย่างเป็นมิตร  

 

 

“ผู้ป่วยที่ถูกคำสาปละ” อวิ๋นเจี่ยวถาม  

 

 

“อ่อ ท่านทั้งสองตามข้ามา” เมื่อนึกได้ เจ้าสำนักสวีจึงรีบพาทั้งสองคนเข้าไป  

 

 

ไม่ถึงชั่วครู่ ทั้งสามคนมายืนอยู่ภายในห้องรับแขก ด้านในมีคนหลายคนยืนอยู่ก่อนแล้ว มีสองคนเป็นท่านอาวุโสของสำนักเทียนซือที่นางคุ้นหน้า อีกทั้งยังมีอีกคนที่ไม่คุ้นหน้า เขากำลังถือเข็มเงินนั่งอยู่ข้างเตียง เพียงแต่ไม่ได้ฝังเข็มลงไป ราวกับกำลังลังเลอะไรบางอย่าง ดูท่าทางจะเป็นหมอเหมือนกัน  

 

 

“สหายอวิ๋น!” ท่านอาวุโสทั้งสองเรียกด้วยความดีใจ  

 

 

ทางหมอรักษาพลังลมปราณข้างเตียงก็ลุกขึ้นยืน พร้อมทั้งทำความเคารพนาง “อาจารย์อวิ๋น!”  

 

 

อวิ๋นเจี่ยวผงะ อาจารย์อวิ๋นอะไรกัน นางเคยเจอเขาเหรอ  

 

 

ตอนนั้นนางก็ไม่ได้คิดอะไรมาก ทำเพียงพยักหน้า และเดินเข้าไปหาคนป่วยบนเตียง และทันใดนั้นนางก็ผงะไป เมื่อเห็นคนที่นอนอยู่ ลักษณะของอีกฝ่ายน่ากลัวมาก ไม่เพียงแต่ชราลงไป แต่กล้ามเนื้อทั้งตัวของเขาล้วนยุบลงไป ราวกับคนที่หิวมานานมาก ผอมแห้งจนจะเหลือแค่โครงกระดูก  

 

 

นางเอื้อมมือออกไปแตะชีพจร จากนั้นทำการตรวจร่างกาย ถึงได้พบว่าร่างกายของอีกฝ่ายในตอนนี้ราวกับลูกโป่งที่ถูกเจาะรูเป็นจำนวนมาก พลังชีวิตของเขากำลังรั่วไหลออกไปอย่างไม่ขาดสาย อีกทั้งอวัยวะภายในร่างกายกำลังเสื่อมถอยลงไปอย่างรวดเร็ว  

 

 

นางรีบฝังเข็มเพื่อปิดกั้นเส้นชีพจรใหญ่ภายในร่างกายของอีกฝ่ายทันที ทำให้สามารถยับยั้งการสลายของพลังชีวิตได้ชั่วคราว แต่วิธีนี้เป็นการแก้ไขที่ปลายเหตุ พลังชีวิตของเขาหลงเหลืออยู่ไม่มาก ถึงแม้จะยับยั้งการรั่วไหลแล้ว แต่ไม่ถึงสามวันก็จะสลายไปจนหมดสิ้น เมื่อถึงตอนนั้นก็คงจะมีแค่ตายอย่างเดียว  

 

 

สิ่งที่สำคัญที่สุดคือหาให้เจอว่าผนึกคำสาปอยู่ตรงไหน! แต่น่าแปลกที่นางตรวจดูร่างกายของเขาอย่างละเอียดแล้ว และใช้เข็มทองที่อาจารย์ปู่ให้มาเข้าไปตรวจในชีพจร แต่ก็ยังหาตำแหน่งของผนึกคำสาปนั้นไม่เจอ ราวกับมันหายเข้าไปในร่างกายอย่างนั้น  

 

 

อวิ๋นเจี่ยวขมวดคิ้วมุ่น อาจารย์ปู่บอกว่านางเปิดตาทิพย์แล้ว ตามหลักผนึกคำสาปหรือสิ่งชั่วร้ายไม่อาจเล็ดรอดจากสายตาของนางไปได้ แต่ทำไมถึงมองไม่เห็น แม้แต่ในเส้นชีพจรก็ไม่มี หรือว่า…ซ่อนไว้ในตำแหน่งที่ไม่อาจเห็นได้  

 

 

นางตะลึง หันไปมองสวีชิงเฟิงและคนอื่นที่ยืนรออย่างร้อนใจ “เจ้าสำนักสวี ท่านสหายนี้เป็นเทียนซือขั้นที่เท่าไร”  

 

 

เจ้าสำนักสวีผงะ ไม่เข้าใจว่านางถามเรื่องนี้ทำไม แต่ก็ยังตอบไปตามความจริง “เขาเป็นเทียนซือระดับพระจันทร์ขั้นหนึ่ง”  

 

 

พระจันทร์ขั้นหนึ่ง ซึ่งก็หมายความว่าเป็นขั้นปฐพี  

 

 

นางเข้าใจในทันที ไม่มีความลังเล ลุกออกจากเตียง มองไปยังเหวินชิงที่ยืนอยู่ด้านหลัง “อาจารย์อาเหวิน รบกวนท่านช่วยดูจิตของเขาหน่อย”  

 

 

“ฮะ?” เหวินชิงผงะ “ข้า?” ทำไมถึงเป็นเขา เขาไม่ใช่หมอนะ  

 

 

“รบกวนอาจารย์อา!” อวิ๋นเจี่ยวมองเขาทีหนึ่ง ก่อนจะกดให้อีกฝ่ายนั่งลงข้างเตียง สายตาราวกับกำลังจะสื่อว่า ไม่ใช่บอกว่าจะช่วยหรือ  

 

 

เหวินชิงมุมปากกระตุก ก่อนที่จะกัดฟันยื่นสองนิ้วไปแตะบนหน้าผากของอีกฝ่าย และส่งพลังเทพลงไปยังจิตของอีกฝ่าย ทันใดนั้นเขาเบิกตาโพลง  

 

 

เฮ้ย!  

 

 

“มีตราผนึกที่เป็นดอกไม้หกกลีบใช่หรือไม่” อวิ๋นเจี่ยวถาม  

 

 

“…มี!” เขาพยักหน้า ไม่เพียงมีแต่เส้นใยของดอกไม้นั้นยังเป็นสีดำ และแทบจะกลืนกินจิตของอีกฝ่ายทั้งหมด  

 

 

ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้! เทียนซือระดับเสวียนขึ้นไปสามารถเปิดจิตได้ หากไม่ได้อยู่บนตัว ก็คงจะหลบอยู่ภายในจิต  

 

 

“บีบออกมา!” นางพูด  

 

 

เหวินชิงเหลือบมองนาง แต่ครานี้ไม่ได้ถามมาก เขาทำเพียงส่งพลังเข้าไปห้อมล้อมผนึกรูปดอกไม้นั้น ก่อนจะดึงมันออกมา  

 

 

นาทีถัดมา เห็นเพียงแต่สีหน้าซีดเผือดของนายท่านตระกูลอวี๋นั้นเริ่มปรากฏสีดำ อีกทั้งยังแผ่ขยายไปทั่วร่างกาย อวิ๋นเจี่ยวรีบลงมือ ปิดผนึกจิตของอีกฝ่ายในทันที จากนั้นถึงได้ฝังเข็มวางข่ายพลังขับไล่สิ่งชั่วร้าย  

 

 

ข่ายพลังอันหนึ่งสว่างขึ้นบนหน้าอกของอีกฝ่ายทันที นายท่านตระกูลอวี๋ที่หายใจรวยรินนั้นเริ่มมีปฏิกิริยาขึ้นมา ร่างกายของเขาสั่นและชัก บนตัวปรากฏพลังสีดำขึ้น ราวกับมีบางอย่างกำลังจะพุ่งออกมา  

 

 

“ระวัง!” เหวินชิงตะลึง รีบลากให้อวิ๋นเจี่ยวถอยหลังไปหนึ่งก้าว  

 

 

นาทีถัดมาเห็นเพียงแต่พลังสีดำนั้นพุ่งทะยานขึ้น ภายในเต็มไปด้วยเสียงคำรามแปลกประหลาด เสียงนั้นมีความพิเศษมาก เย็นยะเยือกราวกับมาจากใต้โลก ทำให้คนขนลุกซู่จากก้นบึ้งหัวใจ พลังสีดำนั้นราวกับกำลังจะรวมเป็นก้อน แต่ไม่ถึงชั่วครู่ก็สลายหายไป เมื่อพลังสีดำนี้สลายไป หลังคาเตียงและหลังคาห้องหลอมละลายราวกับถูกน้ำกรดสาด   

 

 

อวิ๋นเจี่ยว “…”  

 

 

เจ้าสำนักสวี “…”  

 

 

ทุกคน “…”  

 

 

นี่มันอะไรกัน?  

 

 

(⊙_⊙)  

 

 

มีเพียงเหวินชิงที่ยืนอยู่ด้านข้างทำสีหน้าดำทะมึน  

 

 

เป็นเช่นนี้จริงด้วย…  

ศิษย์หลานข้า ระวังอย่าหลงผิด

ศิษย์หลานข้า ระวังอย่าหลงผิด

Status: Ongoing
อ่านนิยายเรื่อง ศิษย์หลานข้า ระวังอย่าหลงผิด อวิ๋นเจี่ยว ศัลยแพทย์ปริญญาเอกจากคณะแพทย์ศาสตร์มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ถึงคราวต้องกุมขมับเมื่อทำดีกลับไม่ได้ดี ช่วยเหลือคนแก่ที่หกล้มกลับโดนรีดไถและสาปแช่งให้เห็นผี! ยังไม่พอยันต์ที่ยายแก่คนนั้นสาปเธอยังทำให้เธอทะลุมิติไปยังโลกยุคโบราณและโดนล่อลวง (?) ให้เข้าเป็นศิษย์สำนักเต๋าที่ทำหน้าที่ปราบปีศาจผดุงคุณธรรมอีกด้วย เล่าลือกันว่าท่านปรมาจารย์เจ้าสำนักอารามชิงหยางนั้นสำเร็จเป็นเซียนและโบยบิน ขึ้นสวรรค์ไปเมื่อหลายแสนปีก่อน แต่หากเป็นอย่างนั้นจริงเงาร่างหล่อเหลาเปล่ง รัศมีเจิดจ้าที่กำลังนั่งเล่นควันธูปอยู่นี่คือใครกันเล่า?!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset