ศิษย์หลานข้า ระวังอย่าหลงผิด – ตอนที่ 110 การกลายพันธุ์ในเมืองตะวันตก

 

 

 

พวกเขาแบ่งคนออกเป็นสองพวก อวิ๋นเจี่ยวพาหมอรักษาพลังลมปราณ และเหล่าลูกศิษย์ระดับต่ำค้นหาคนที่ยังหลงเหลือพลังชีวิตในเมือง ส่วนทางเจ้าสำนักสวีและเหล่าอาวุโส พร้อมทั้งเหวินชิงมุ่งหน้าไปยังจวนของนายท่านตระกูลอวี๋ เพื่อหาตัวและกำราบชือเซียว  

 

 

ลูกศิษย์ทางอวิ๋นเจี่ยวมีจำนวนมาก ไม่นานก็พบผู้รอดชีวิตจำนวนไม่น้อย เมื่อเทียบกับนายท่านตระกูลอวี๋ ผนึกคำสาปสาวหวาของคนเหล่านี้กลับไม่ได้ฝังไว้ลึกมาก มีบางคนที่สามารถมองเห็นได้ตั้งแต่ครั้งแรก  

 

 

แต่ถึงแม้การรักษาของอวิ๋นเจี่ยวจะรวดเร็วแค่ไหน ก็ไม่อาจดูคนหมดทั้งเมืองได้ นางจึงทำได้เพียงบอกวิธีให้กับหมอรักษาพลังลมปราณคนอื่น อีกทั้งสอนพวกเขาในการฝังเข็มวางข่ายพลัง ถึงแม้ประสิทธิภาพจะไม่ดีมากนัก แต่อย่างน้อยก็สามารถรักษาการรั่วไหลของพลังชีวิตของคนไข้ได้ชั่วคราว  

 

 

“สำ…สำเร็จแล้ว!” หมอรักษาพลังลมปราณคนหนึ่งอุทานออกมาด้วยความดีใจ “อย่างนี้สามารถยับยั้งพลังชีวิตของอีกฝ่ายได้จริงด้วย” ดวงตาของเขาลุกวาว มองไปยังอวิ๋นเจี่ยวทีหนึ่ง ข่มความตื่นเต้นภายในใจเอาไว้ ก่อนจะถามขึ้น “อาจารย์อวิ๋น ท่านดูว่าข้าทำอย่างนี้…ถูกหรือไม่”  

 

 

อวิ๋นเจี่ยวเหลือบมอง พยักหน้า “อืม อยู่ในระดับสามส่วนของหมอฝึกหัดแล้ว”  

 

 

“อะไรคือหมอฝึกหัด” อีกฝ่ายตะลึง ไม่เข้าใจเล็กน้อย  

 

 

“ก็คือ…ลูกศิษย์!” อวิ๋นเจี่ยวคิดคำศัพท์ที่ใกล้เคียง ก่อนจะพูดเสริม “ลูกศิษย์ชั่วคราว!”  

 

 

“…” อีกฝ่ายราวกับมะเขือที่แห้งเหี่ยว อย่างน้อยเขาก็เป็นเทียนซือระดับแปดดอกไม้ ที่แท้ก็เป็นได้แค่ลูกศิษย์หรือ อีกทั้งยังเป็นชั่วคราว!  

 

 

อวิ๋นเจี่ยวไม่รับรู้ถึงความเสียใจของอีกฝ่าย เพราะว่าทำได้เพียงยับยั้งพลังชีวิตเอาไว้เท่านั้น หากอยู่ในโลกของตน เท่ากับว่าทำเพียงห้ามเลือดได้ บอกว่าเป็นหมอฝึกหัดก็ให้หน้ามากแล้ว ยังจะเอาอะไรอีก!  

 

 

อวิ๋นเจี่ยววางข่ายพลังปิดกั้นขึ้นมา และย้ายให้ทุกคนเข้าไปอยู่ในนั้น ป้องกันการติดเชื้อจากแรงอาฆาต พวกเขายุ่งมากกว่าสามสี่ชั่วยาม ถึงได้ดูอาการของคนรอดชีวิตที่เหล่าลูกศิษย์ค้นหาออกมาได้จนหมด ถึงแม้จะมีบางส่วนที่รักษาไม่ทัน แต่เกือบร้อยละเก้าสิบที่ถอนคำสาปสาวหวาออกไปได้ ตอนนี้บนพื้นมีคนนอนอยู่กว่าร้อยคนขึ้นไป  

 

 

แต่ว่าคนที่ค้นหาออกมาได้มีจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ อีกทั้งคนที่ออกจากเมืองไปก่อนบางคนทราบข่าวก็รีบกลับเข้ามาขอการรักษา ทันใดนั้นบริเวณรอบตัวของนางคึกคักมากขึ้น  

 

 

ถึงแม้พวกเขาจะเร่งความเร็วแล้ว แต่ก็ยังไม่สามารถกำจัดคำสาปสาวหวาของทุกคนได้ นางหันไปมองหมอรักษาพลังลมปราณที่มีเหงื่อเต็มหัว และพูดอะไรไม่ออกเช่นเดียวกัน คิ้วขมวดอย่างเห็นได้ไม่ชัด หากเป็นเช่นนี้ต่อไปคงไม่ได้ ต้องหาวิธีเร่งความเร็ว…  

 

 

***  

 

 

ทางตะวันออกของเมือง  

 

 

เจ้าสำนักสวีและเหวินชิง นำพาอาวุโสสิบกว่าท่านมุ่งตรงไปยังทางตะวันออกของเมือง เมื่อเข้าใกล้พวกเขาถึงมองเห็นพลังสีดำหนาแน่นภายในจวนตระกูลอวี๋ ดูเหมือนจะเป็นพลังผีของวิญญาณ อีกทั้งยังแฝงไปด้วยกลิ่นเหม็นเน่า ครอบคลุมทั่วทั้งจวนตระกูลอวี๋  

 

 

ที่จริงแล้วแต่ละคนล้วนไม่มีความมั่นใจ เพราะว่าอีกฝ่ายเป็นถึงแม่ทัพผี ไม่ใช่ผีร้ายหรือเผ่ามารธรรมดา พวกเขาไม่มั่นใจว่าจะสามารถกำราบได้ ครานี้คงจะเป็นการต่อสู้อย่างยากลำบาก อีกทั้งสหายอวิ๋นยังไม่อยู่…  

 

 

เจ้าสำนักสวีมองดูเหวินชิงซึ่งเป็นอาจารย์อาของอวิ๋นเจี่ยว ไม่ใช่ว่าไม่เชื่อความสามารถของอีกฝ่าย แต่สหายอวิ๋นไม่เหมือนกับคนอื่น ไป๋อวี้ยังบอกว่าตัวเองเป็นเจ้าสำนักเลย! ครุ่นคิดอยู่สักครู่ เขาก็หยิบยันต์ป้องกันหลายใบไปยื่นให้ “ท่านเหวิน ชือเซียวมีแรงอาฆาตรุนแรง ติดยันต์ไว้สักใบจะดีกว่า”  

 

 

เหวินชิงมองดูยันต์บนมือของเขา เห็นแก่น้ำใจของคนรุ่นหลัง เขารับมาอย่างไม่ปฏิเสธ “ขอบใจ”  

 

 

“ไม่ต้องเกรงใจ” เจ้าสำนักสวียิ้มอย่างเป็นมิตรให้เขา ก่อนจะมองไปยังพลังสีดำรอบจวนตระกูลอวี๋ “ไม่รู้ว่าท่านมีวิธีใดสามารถรับมือกับชือเซียวนี้ได้บ้าง”  

 

 

“ถึงแม้ชือเซียวจะเป็นแม่ทัพผี แต่มันก็เป็นเพียงวิญญาณ วิญญาณนั้นเป็นหยิน เกรงกลัวพลังหยาง พวกเราเพียงแค่ใช้พลังเทพ…พลังลมปราณสร้างผนึก ใช้คาถาทั่วไปโจมตีก็พอ” เขาตอบ ชือเซียวไม่ใช่ปัญหาใหญ่ สิ่งสำคัญคือคนที่ส่งชือเซียวออกมา ซึ่งคงจะหาตัวได้ไม่ง่าย เขาครุ่นคิดอยู่สักพัก ก่อนจะพูดเสริมขึ้น “แต่ว่าชือเซียวปกติแล้วไม่มีรูปร่าง อีกทั้งยังสามารถกลายเป็นก้อนพลังหนีไป ยากต่อการแยกแยะร่างหลักจริง”  

 

 

เจ้าสำนักสวีครุ่นคิด ก่อนจะพูดขึ้น “ถ้าเช่นนั้นพวกเราใช้ข่ายพลังในขังมันเอาไว้ จำกัดการเคลื่อนไหวของอีกฝ่าย จากนั้นค่อยใช่คาถาสลายแรงอาฆาต?”  

 

 

“เช่นนั้นจะเป็นการดี” เหวินชิงพยักหน้า เพียงแต่ข่ายพลังที่สามารถกักขังแม่ทัพผีเอาไว้ อย่างน้อยก็ต้องเป็นข่ายพลังขั้นปฐพีขึ้นไป “ข่ายพลังนี้…”  

 

 

“ใช้ข่ายพลังขังวิญญาณระดับสวรรค์แล้วกัน!” เจ้าสำนักสวีพูดขึ้น  

 

 

“…” อะไรนะ! ระดับสวรรค์? เจ้ากำลังล้อข้าเล่น! พวกเจ้าวางข่ายพลังระดับสวรรค์ได้!  

 

 

(⊙_⊙)  

 

 

ทันทีที่พูดจบ ผู้อาวุโสคนอื่นพยักหน้าตอบรับ  

 

 

“อืม ข่ายพลังนี้แล้วกัน ข้าทำข้อสอบข้อนี้พอได้บ้าง”  

 

 

“ใช่ ข้ารับผิดชอบทางตะวันตกแล้วกัน!”  

 

 

“งั้นข้าไปตะวันออก!”  

 

 

“ทางใต้ต้องการสองคน ข้ากับผู้อาวุโสเจียวไปเอง”  

 

 

“งั้นข้าไป…”  

 

 

สิบกว่าคนกำหนดตำแหน่งของตัวเอง ราวกับมีความมั่นใจอย่างมาก  

 

 

“…”  

 

 

ตอนนี้โลกมนุษย์แข็งแกร่งจนใครก็สามารถวางข่ายพลังระดับสูงได้แล้วหรือ เหวินชิงทำหน้าฉงน ต้องรู้ว่าข่ายพลังระดับสวรรค์ซับซ้อนอย่างมาก คนทั่วไปไม่อาจวางออกมาได้ อย่าว่าแต่คนหลายสิบคนร่วมมือเลย  

 

 

ตอนแรกเขาก็ยังมีความสงสัย แต่หลังจากนั้นครึ่งเค่อ พวกเขากลับ…กลับ…กลับวางได้สำเร็จจริงๆ  

 

 

เห็นเพียงแต่ข่ายพลังสีขาวขนาดใหญ่ปรากฏอยู่บนกลางอากาศจวนตระกูลอวี๋ ราวกับเป็นตาข่ายขนาดใหญ่ที่ครอบคลุมทั้งจวนเอาไว้ อีกทั้งแสงสีขาวนั้นสว่างมากขึ้นเรื่อยๆ จนทำให้มองเห็นแรงอาฆาตในจวนได้อย่างชัดเจน  

 

 

เขาสามารถมองเห็นพลังสีน้ำนั้นเริ่มชนปะทะเข้ากับข่ายพลังอย่างไม่เกรงกลัว อีกทั้งเมื่อมันสัมผัสกับแสงสีขาวก็สลายหายไปในทันที  

 

 

ข่ายพลังทั้งอันทั้งแน่นหนาและมั่นคง ไม่เหมือนกับวางออกมาจากมือของหลายสิบคน อีกทั้งข่ายพลังยังเปลี่ยนแปลงไปอย่างต่อเนื่อง มีแนวโน้มที่จะหดเข้าไปด้านใน ในการหดขนาดของข่ายพลังทุกหนึ่งนิ้ว จะสามารถมองเห็นการเปลี่ยนแปลงนั้นด้วยตาเปล่า ถึงแม้จะมีการเปลี่ยนแปลงไม่มาก แต่สามารถดูออกว่าพวกเขากำลังเปลี่ยนแปลงรูปแบบข่ายพลังไปเรื่อยๆ เพื่อให้สอดคล้องกับจวนตระกูลอวี๋ และสามารถขังชือเซียวเอาไว้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ  

 

 

เหวินชิงตกตะลึง ทันใดนั้นมีความกังวลว่าการเปลี่ยนแปลงบ่อยครั้งนี้จะส่งผลต่อความเสถียรของข่ายพลัง หากมีคนช้าไปหนึ่งก้าว ก็มีโอกาสที่จะทำให้ข่ายพลังพังทลายได้ เขากำลังจะพูดเตือน กลับพบว่าตนเองคิดมากไป พวกเขาหลายสิบคนมีความพร้อมเพียงกันจนน่าทึ่ง ถึงแม้จะไม่ถึงขั้นใช้สายตาแลกเปลี่ยนความคิด แต่แค่ใช้การพูด คนอื่นก็รู้ทันทีว่าต้องทำอย่างไร  

 

 

เพียงแต่เนื้อหาที่ใช้สนทนานั้น ทำให้เหวินชิงฉงน…  

 

 

“ทุกคนระวัง เปลี่ยนไปเป็นข้อหกแล้ว ข้อที่ทำผิดหมด”  

 

 

“ผู้อาวุโสหลี่ ทิศทางของข้อสี่ จากนั้นกลับไปที่ข้อหก!”  

 

 

“สหายหวัง ตามทันแล้ว ข้อเจ็ด…ข้อเจ็ด!”  

 

 

“หัวหน้าเจียว ข้อที่ท่านถูกคนเดียว!”  

 

 

“คนที่อยู่ตรงริมนั้น ข้อสุดท้าย ข้อสุดท้ายแล้ว”  

 

 

“เตรียมตัว จะเปลี่ยนข้อแล้ว…”  

 

 

เหวินชิง”…”  

 

 

อะไรกัน  

 

 

(╯°Д°)╯︵┻━┻  

 

 

เป็นเพราะเขาไม่ได้ลงมาโลกมนุษย์นานเกินไป จนทำให้ฟังคาถาของลูกศิษย์ในเสวียนเหมินไม่เข้าใจหรือนี่  

ศิษย์หลานข้า ระวังอย่าหลงผิด

ศิษย์หลานข้า ระวังอย่าหลงผิด

Status: Ongoing
อ่านนิยายเรื่อง ศิษย์หลานข้า ระวังอย่าหลงผิด อวิ๋นเจี่ยว ศัลยแพทย์ปริญญาเอกจากคณะแพทย์ศาสตร์มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ถึงคราวต้องกุมขมับเมื่อทำดีกลับไม่ได้ดี ช่วยเหลือคนแก่ที่หกล้มกลับโดนรีดไถและสาปแช่งให้เห็นผี! ยังไม่พอยันต์ที่ยายแก่คนนั้นสาปเธอยังทำให้เธอทะลุมิติไปยังโลกยุคโบราณและโดนล่อลวง (?) ให้เข้าเป็นศิษย์สำนักเต๋าที่ทำหน้าที่ปราบปีศาจผดุงคุณธรรมอีกด้วย เล่าลือกันว่าท่านปรมาจารย์เจ้าสำนักอารามชิงหยางนั้นสำเร็จเป็นเซียนและโบยบิน ขึ้นสวรรค์ไปเมื่อหลายแสนปีก่อน แต่หากเป็นอย่างนั้นจริงเงาร่างหล่อเหลาเปล่ง รัศมีเจิดจ้าที่กำลังนั่งเล่นควันธูปอยู่นี่คือใครกันเล่า?!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset