“แย่แล้ว ยมทูต!” เจียวเหิงอีสีหน้าเปลี่ยนไป มองดูแสงที่เข้ามาใกล้ เมื่อกี้เขาทุบสะใจเกินไปไม่ทันได้ระวัง ไม่คิดว่าขวดเหล่านี้จะมียมทูตเฝ้าไว้ ทันใดนั้นใจร่วงไปอยู่ด้านล่าง ก่อนจะมองขอความช่วยเหลือคนที่อยู่ด้านข้าง “สหายอวิ๋น ทำอย่างไรดี” ไม่ต้องพูดถึงขวด แค่พวกเขาบุกรุกเข้ามาในยมโลกก็ผิดมหันต์แล้ว
อวิ๋นเจี่ยวครุ่นคิด ก่อนจะหยิบยันต์สองใบออกมา แปะเข้าที่หน้าอกของตนเองและอีกฝ่าย ใบหน้ายังคงเต็มไปด้วยความเคร่งขรึม จากนั้นมองเขาทีหนึ่งอย่างเคร่งขรึม ถอยออกไปก้าวหนึ่งอย่างเคร่งขรึม จากนั้นหันหลังอย่างเคร่งขรึม ก้าวเท้าไปข้างหน้าอย่างเคร่งขรึม เดินเร็วขึ้นอย่างเคร่งขรึม วิ่งขึ้นมาอย่างเคร่งขรึม เร็วขึ้นอย่างเคร่งขรึม เร็วขึ้น เร็วขึ้น…
นางใช้การกระทำตอบคำถามของเขา ยืนโง่อยู่ทำไม วิ่งสิ!!
เจียวเหิงอี “…”
Σ(°△°|||)︴
เมื่อเห็นอวิ๋นเจี่ยววิ่งออกไปไกลสิบกว่าเมตรแล้ว เขาถึงตั้งสติได้ รีบวิ่งตามขึ้นไป “สหายอวิ๋น รอ…รอข้าด้วย!”
ทั้งสองคนวิ่งออกจากสถานที่เกิดเหตุอย่างรวดเร็ว
โชคร้ายที่ยมทูตมองเห็นพวกเขาแล้ว พวกเขาถืออาวุธต่างๆ ตามมา พร้อมทั้งตะโกนเสียงดัง “ผีสองตัวทางนั้น หยุดเดี๋ยวนี้!”
ใครจะหยุดให้โง่เล่า!
ทั้งสองคนวิ่งเร็วขึ้น บนพื้นที่อ้างว้างนั้นเหลือเพียงหนึ่ง…อ่อ ไม่ใช่ สองคนที่วิ่งอย่างรวดเร็ว แต่ยมทูตยังไงก็เป็นยมทูต ถึงแม้พวกเขาจะวิ่งเร็ว แต่อีกฝ่ายบินได้ ทั้งสองคนวิ่งอยู่ครึ่งวัน สุดท้ายก็ไม่อาจหลุดพ้นผู้ที่ไล่ล่าด้านหลังได้
“สหายอวิ๋น ดูเร็ว!” หัวหน้าห้องเจียวชี้ไปยังถนนทางด้านขวา “ทางนั้นมีเมืองผี เราปลอมตัวเข้าไป น่าจะรอด”
“ไป!” อวิ๋นเจี่ยววิ่งไปทางนั้นทันที อีกทั้งยังหยิบยันต์เก็บกลิ่นออกมาสองใบ แบ่งให้อีกฝ่ายใบหนึ่ง
หัวหน้าห้องเจียวเข้าใจทันที รับมาก่อนจะใช้ยันต์ใบนั้น ยันต์เก็บกลิ่นนั้นสามารถปิดบังกลิ่นคนเป็นบนตัวของพวกเขา เช่นนั้นหลังจากเข้าเมือง พวกเขาสามารถปลอมตัวเป็นผีที่เพิ่งตายได้!
ทั้งสองคนเร่งความเร็วขึ้น ประตูเมืองอยู่ด้านหน้า วิญญาณผีรอบด้านมีจำนวนมากขึ้น พลังร้ายเข้มข้นราวกับอยู่ในถ้ำน้ำแข็ง พวกเขาไม่ทันได้มองอย่างละเอียด สนใจเพียงวิ่งหนีสุดชีวิต ในขณะที่กำลังจะวิ่งขึ้นสะพานเข้าเมืองผีนั้น
ทันใดนั้นร่างสีดำบินออกมาจากในเมือง ก่อนที่จะกระแทกเข้าบนสะพาน สะพานหินกว้างราวห้าหกเมตรนั้นถูกกระแทกจนแตกละเอียด ทำให้วิญญาณที่อยู่บนสะพานนั้นร่วงลงแม่น้ำทั้งหมด ทันใดนั้นในแม่น้ำเต็มไปด้วยเสียงร้องโหยหวน
อวิ๋นเจี่ยวและหัวหน้าห้องเจียวตกใจไปตามกัน พวกเขาชะงักฝีเท้าในทันที ทำให้ไม่ได้ตกลงไปในแม่น้ำด้วย จากนั้นเห็นร่างสีดำนั้นลอยอยู่เหนือน้ำ ก่อนจะลอยมาทางพวกเขา
เขาเป็นชายหนุ่มที่มีรูปร่างสูงใหญ่อย่างมาก ดูจากลักษณะแล้วไม่เหมือนวิญญาณ เขาสวมชุดสีเขียว บนบ่าแบกมีดขนาดใหญ่เท่าคน บนใบหน้าที่งดงามนั้นมีบาดแผลฉกรรจ์ที่พาดผ่านหน้าไป ทำให้ใบหน้าสวยนั้นดูดุดัน ดวงตาสีแดงคู่นั้นจ้องตรงมายังพวกเขา
ทั้งสองคนใจหล่นวูบ ก่อนที่จะตัวแข็งทื่อ พลังบนตัวของคนนี้ยิ่งกว่าชือเซียวที่เคยเจอเสียอีก ทันใดนั้นในหัวปรากฏสามคำขึ้นมา สู้ไม่ไหว!
เมื่อเห็นคนนั้นเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อยๆ อีกทั้งยมทูตด้านหลังก็จะตามมาทันแล้ว พวกนางไม่มีทางหนี หัวหน้าห้องเจียวจึงดึงเสื้อของอวิ๋นเจี่ยว “ทำ…ทำอย่างไรดี”
อวิ๋นเจี่ยวไม่พูด เมื่อเทียบกับหัวหน้าห้องเจียวที่ทำหน้าตระหนก สีหน้าของนางกลับไม่เปลี่ยนแปลง ยังคงยืนหลังตรง จ้องมองไปยังชายหนุ่มที่ลอยเข้ามา
หัวหน้าห้องเจียวรู้สึกวางใจอย่างประหลาด สมกับที่เป็นสหายอวิ๋น ถึงแม้จะรู้ว่าอีกฝ่ายมีพลังมากกว่าแม่ทัพผี ก็ยังสามารถประคองสติเอาไว้ได้ ทำให้เขานึกถึงตอนที่เทพเจ้าปีศาจปรากฏตัวขึ้นมา ทันใดนั้นข่มความกังวลภายในใจลง ใจเย็นๆ สหายอวิ๋นต้องมีวิธีแน่
“ที่แท้ก็เป็นผีสองตัวที่มาใหม่?” ชายหนุ่มนั้นกวาดตามองทั้งสองด้วยสายตาดูถูก ทำท่าจะลอยเข้ามา
หัวหน้าห้องเจียวหัวใจบีบแน่น มองไปยังคนด้านข้าง เห็นเพียงอวิ๋นเจี่ยวที่มีสีหน้าเรียบเฉยกว่าเดิม สายตามองตรงไปข้างหน้าอย่างแน่วแน่ ราวกับมั่นใจเต็มที นาทีถัดมาเห็นเพียงนางมุ่งตรงไปข้างหน้า สีหน้าเต็มไปด้วยความจริงจังเคร่งขรึมพร้อมกับ…โค้งคำนับ!
“พวกเราผิดไปแล้ว!”
เจียวเหิงอี “…”
ชายหนุ่ม “…”
เหล่ายมทูต “…”
(╯°Д°)╯︵┻━┻
รับผิดเร็วไปไหม! ไหนบอกมีไม้ตายไง?
กางเกงถอดออกหมดแล้ว แต่ท่านให้ดูอันนี้?!
w(゚Д゚)w
ที่สำคัญคือเขาควรจะให้ความร่วมมือด้วยหรือไม่ ต้องคุกเข่าหรือไม่
ไม่เพียงแต่หัวหน้าห้องเจียว ยังมียมทูตที่อยู่ด้านหลังก็อึ้งตามไปด้วย! แม้แต่ชายหนุ่มที่กำลังจะลงมือก็ชะงักไป ไฟผีที่เสกออกมาดับไปในทันที ช่าง…ช่างเชื่อฟัง!
ไม่เคยเห็นผีที่ยอมรับผิดได้มุ่งมั่นขนาดนี้!
“พวก…พวกเจ้าวิ่งเร็ว…เร็วเสียจริง!” ยมทูตที่วิ่งตามมาได้สติ ก่อนจะจ้องเขม็งไปยังทั้งสองคน ก่อนจะหันไปขอบคุณยมทูตที่รั้งพวกเขาเอาไว้ “ขอบคุณใต้เท้าสีที่ช่วยเหลือ มิเช่นนั้นให้พวกเขาวิ่งเข้าเมืองคงจะแย่”
“อืม” ชายหนุ่มคนนั้นพยักหน้า เก็บมือกลับมา ก่อนจะเหลือบมองทั้งสองคน ถามขึ้นอย่างไม่ตั้งใจ “ผีที่ไม่ค่อยมีพลังก็ยังทำให้พวกเจ้าต้องวิ่งไล่มาไกลเช่นนี้? ตอนนี้ยมทูตในโยวหลิงใช้ไม่ได้ขนาดนี้เลยหรือ”
ยมทูตนั้นยิ้มอย่างอับอาย “ใต้เท้าสีไม่รู้อะไร ผีสองตัวนี้ช่างบังอาจ พวกมัน…ทุบขวดหยกในทะเลทรายพังหมด พวกข้าต้องการจับพวกมันถึงได้ไล่ล่ามาถึงที่นี่”
“ขวดหยก!?” ชายหนุ่มคนนั้นผงะ ก่อนจะมองทั้งสองคนอย่างตะลึง ไม่รู้ว่าเขานึกอะไรได้ หัวเราะเสียงเบาขึ้นมา “พวกเจ้าใจกล้าไม่เบานะ!”
“ใช่น่ะสิ” ยมทูตขานรับ “ดังนั้นพวกข้าถึงได้ไล่ตามมาเช่นนี้ มิเช่นนั้นด้านบนลงโทษลงมา พวกข้าก็มิอาจแก้ตัวได้”
“ด้านบน? ฮึ!” ชายหนุ่มคนนั้นส่งเสียงเย็นในลำคอ สีหน้าเต็มไปด้วยความเสียดสี “ตอนนี้ด้านบนยังต้องอธิบายอะไรอีก แม้แต่ของแบบนั้นยังหยิบออกมาได้…” น้ำเสียงของเขาเย็นมากขึ้น ราวกับนึกอะไรได้ ท่าทางโกรธแค้น
ยมทูตนั้นสีหน้าเปลี่ยนไป มองไปรอบด้านอย่างหวั่นเกรง ราวกับกลัวคนมาได้ยิน ก่อนจะพูดเตือน “ใต้เท้าสี ท่านต้องระวังคำพูด! ที่นี่คือเมืองเซียวนะ”
“ฮึ พวกเจ้ากลัว ข้าไม่กลัว!” ชายหนุ่มคนนั้นยังคงมีสีหน้าโกรธเคือง “รอวันไหนข้าไม่ทนแล้ว คงได้สู้กับมันสักตั้ง”
สีหน้าของยมทูตยิ่งกระวนกระวาย ทำท่าอยากจะไปจากที่นี่เดี๋ยวนี้ จึงรีบเปลี่ยนประเด็น “เช่นนั้นท่านสีคิดว่า…ผีสองตัวนี้จะจัดการอย่างไรดี”
ชายหนุ่มแซ่สีคนนั้นผงะไป ก่อนจะมองไปยังทั้งสองคนอีกครั้ง คิ้วของเขาขมวดแน่น สักพักถึงได้พูดขึ้น “จับขังเข้าคุกก่อน รอฟังบทลงโทษ”
“แต่ว่าใต้เท้า…” ยมทูตราวกับต้องการพูดอะไร
ชายหนุ่มแซ่สีกลับถลึงตาใส่เขา ก่อนจะพูดขึ้น “ทำไม เจ้าต้องการให้ข้าไปบอกเจ้าเมืองเซียวเดี๋ยวนี้?”
“ไม่ๆๆ ข้าน้อยไม่กล้า!” ยมทูตรีบถอยออกไปก้าวหนึ่ง ก่อนจะโค้งตัวลง
“เช่นนั้นยังไม่รีบไปอีก!” ชายหนุ่มคนนั้นส่งเสียงเย็นในลำคออีกครั้ง
“ไปเดี๋ยวนี้!” ยมทูตถึงได้คุมตัวอวิ๋นเจี่ยวและเจียวเหิงอีเข้าไปในเมือง