ก่อนออกมาอวิ๋นเจี่ยวได้บอกกล่าวอาจารย์ปู่เอาไว้ พร้อมทั้งทำอาหารมื้อเที่ยงทิ้งเอาไว้ เนื่องจากคิดว่าจะสามารถกลับไปได้ก่อนฟ้าค่ำ แต่ไม่มีใครคิดเลยว่านางจะตกลงมาในยมโลก ดังนั้นจากระดับความอยากกินของบางคน คงจะพบความผิดปกติก่อนฟ้าค่ำได้เป็นแน่ ในเมื่อครั้งก่อนอาจารย์ปู่ยังสามารถสัมผัสได้ว่านางอยู่ในโลกมาร ครั้งนี้อยู่ในยมโลกก็คงจะไม่มีปัญหา
อืม…คงจะ?
อวิ๋นเจี่ยวรู้สึกว่านั่งรออยู่ที่เดิมดีที่สุด และในฐานะที่เป็นแฟนคลับตัวยง หัวหน้าห้องเจียวก็รู้สึกว่าทำตามอวิ๋นเจี่ยวจะดีที่สุด ดังนั้นทั้งสองคนจึงตัดสินใจไม่เดินแล้ว ส่งผลให้เถิงสีที่มาช่วยคนโดยเฉพาะนั้นโกรธอย่างมาก!
“เฮ้ย พวกเจ้าทั้งสองช่วยมีความรู้สึกอันตรายหน่อยได้หรือไม่” เถิงสีถลึงตาใส่พวกนาง “คิดว่าคุกยมโลกเป็นสถานที่ดีอะไรหรืออย่างไร พวกเขาแค่กักขังพวกเจ้าไว้ชั่วคราว รอกระทั่งผีที่ทำหน้าที่พิพากษากลับมา โทษของพวกเจ้าอาจจะไม่ใช่แค่วิญญาณสลาย
อวิ๋นเจี่ยวผงะไป ถามขึ้น “ผีที่ทำหน้าที่พิพากษาจะกลับมาเมื่อไหร่”
เขาส่งเสียงในลำคอหนึ่งที พร้อมส่งสายตาข่มขู่พวกนาง ก่อนจะเอ่ยด้วยเสียงเย็น “ฮึ อย่างช้าสุดก็พรุ่งนี้ตอนเที่ยง ผีพิพากษาในเมืองก็จะกลับมา”
“อ่อ” อวิ๋นเจี่ยวตอบรับเสียงหนึ่ง “เช่นนั้นยังทัน!”
“…” ทันอะไรกัน ครั้งแรกที่เจอนักโทษที่ไม่ให้ความร่วมมือเช่นนี้ เถิงสีโกรธอย่างมาก ก่อนจะเดินขึ้นหน้าไปลากคน “ข้าไม่สน เรื่องนี้ข้ามีส่วนเกี่ยวข้องแล้ว พวกเจ้าทั้งสองตามข้าไปวันนี้ หนีออกไปก่อน!”
อวิ๋นเจี่ยวถูกเขากระชากจนเซไปเล็กน้อย แต่ยังคงกวาดตามองเขาด้วยความเคร่งขรึม ก่อนจะพูดอย่างจริงจัง “เดี๋ยว ตามท่านไปไม่มีปัญหา แต่ประเด็นคือท่านเดินออกไปได้เหรอ” พวกข้าเดินวนมากว่าครึ่งชั่วยามแล้ว
เถิงสีตัวแข็งทื่อ คิดถึงความจำทางไม่ได้ของตนเอง ทันใดนั้นหน้าของเขาแดงก่ำราวกับมะเขือเทศ ก่อนจะถลึงตาใส่พวกเขาด้วยความโกรธปนความอาย “เจ้าอย่าดูถูกข้า ข้า…ข้าก็แค่เดินผิดไปเล็กน้อยเท่านั้น! แค่ออกจากคุก ข้ารับปากจะพาพวกเจ้าออกไป ก็ต้องทำให้ได้ คุกแค่นี้ เชื่อหรือไม่ว่าข้าเปิดทางเองก็ได้”
พูดจบ เขายื่นมือออกไปดึงมีดเล่มใหญ่ที่พาดอยู่ด้านหลัง ก่อนจะหันมองไปทางขวามือ พลังวิญญาณรอบตัวระเบิดออกมาในทันใด คุกยมโลกที่มืดสลัวอยู่แต่เดิมยิ่งมืดลงและหนาวเย็นมากขึ้นไปอีก
“ท่านคงจะไม่…” หัวหน้าห้องเจียวตกใจ คิดจะเอ่ยห้าม “เดี๋ยว อย่ารีบ…” ร้อน
เขายังพูดไม่ทันจบ เถิงสีก็ฟันมีดลงไปแล้ว ทันใดนั้นพลังยิ่งใหญ่กลุ่มหนึ่งพุ่งออกไปทางข้างหน้า ตามมาด้วยเสียงดังกึกก้อง ทันใดนั้น คุกยมโลกสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง รอบด้านที่เดิมทีมืดสลัวนั้นเริ่มบิดเบี้ยว อีกทั้งยังมีก้อนอิฐจำนวนมากร่วงลงมา
“ดูสิ มีทางแล้ว!” เถิงสีแบกมีดขึ้นหลัง ชี้ไปทางเส้นทางที่ตนเองเปิดออกมา “เราออกไปได้แน่”
อวิ๋นเจี่ยว ”…”
เจียวเหิงอี ”…”
รอการช่วยเหลืออย่างเงียบๆ ไม่ดีเหรอ ทำไมต้องทำให้เสียงดังขนาดนี้!
และแล้ว
เนื่องจากสิ่งที่เกิดขึ้นในคุกยมโลกเสียงดังเกินไป นาทีถัดมาพวกเขาก็รู้สึกถึงพลังวิญญาณจำนวนมากซัดมาทางนี้ อาจจะเป็นยมทูตที่อยู่ด้านนอกรับรู้ถึงความผิดปกติกำลังมุ่งมาทางนี้
“มียมทูตกำลังมาทางนี้” เถิงสีหันหน้าไปมอง ก่อนจะเร่งเร้าทั้งสองคน “รีบไป!” อีกทั้งใบหน้าเขายังแสดงออกถึง ข้าเปิดทางให้พวกเจ้าแล้ว ยังไม่รีบขอบคุณข้าอีก
“…” เฮ้อ เขามาเพื่อเป็นตัวถ่วงพวกเราใช่หรือไม่!
อวิ๋นเจี่ยวและหัวหน้าห้องเจียวสบตากัน ตอนนี้คงจะทำได้แค่วิ่งหนีแล้ว พวกนางวิ่งออกมาตามเส้นทางที่เถิงสีเปิดใหม่ เดินไปไม่ถึงห้านาที ด้านหน้าก็ปรากฏกำแพงหนา ไร้เส้นทางให้เดินต่อ
ทั้งสองคน ”…”
ไม่สามารถคาดหวังกับคนที่จำเส้นทางไม่ได้จริงๆ แม้แต่เส้นทางที่เปิดออกมายังเป็นทางตัน
“ข้าลองดูอีกที ต้องออกไปได้แน่” เถิงสีไม่พูดพล่าม เขาเริ่มชักมีดออกมาอีกครั้ง
“เดี๋ยว!” เจียวเหิงอีตกใจ รีบจับมือของเขาเอาไว้ “ผ่าต่ออีกไม่ได้แล้ว” ผ่าอีก คนอื่นก็รู้หมดว่าพวกเขาอยู่ทางนี้
อวิ๋นเจี่ยวกลับมองพินิจกำแพงตรงหน้า “ตรงนี้…เหมือนมีข่ายพลัง!” นางเอื้อมมือไปลูบคลำกำแพง สักพักข่ายพลังสีแดงก็ปรากฏขึ้นบนกำแพง
“นี่คือ…ข่ายพลังลวงตา?!” หัวหน้าห้องเจียวมองไปยังข่ายพลังที่ปรากฏขึ้นอย่างตกตะลึง มิน่าล่ะพวกเขาถึงเดินออกจากคุกไม่ได้เสียที นอกจากเถิงสีจะเป็นคนที่จำทางไม่ได้แล้ว อีกส่วนคงเป็นเพราะข่ายพลังลวงตานี้
อวิ๋นเจี่ยวไม่ได้พูดอะไรต่อ นางทำการกำจัดข่ายพลังนี้ทิ้งไป เห็นเพียงแต่ข่ายพลังสีแดงนั้นดับลงไปอีกครั้ง ส่วนบนกำแพงกลับบุบเข้าไปด้านใน พวกนางเปิดประตูออก เผยให้เห็นเส้นทางที่ลึกจนมองไม่เห็นจุดสิ้นสุด
“นี่ต้องเป็นทางออก!” เถิงสีสีหน้าดีใจ ก่อนจะหันไปหาทั้งสองคนราวกับจะบอกว่า ดูสิ ข้าบอกแล้วว่าต้องออกไปได้ จากนั้นเขาก็ก้าวเข้าไปก่อนเป็นคนแรก “รีบไปเถอะ หลังจากออกไปข้าจะส่งพวกเจ้าออกนอกเมือง”
ทั้งสองคนจะทำได้เพียงเดินตามไปอย่างรวดเร็ว กำแพงด้านหลังปิดลงทันที พวกเขาเดินไปตามทาง ไม่รู้ว่าคิดไปเองหรือไม่ แต่ยิ่งพวกเขาเดินเข้าไปลึกมากเท่าไหร่ บริเวณโดยรอบก็มืดลงเท่านั้น ตอนแรกอวิ๋นเจี่ยวคิดว่าเป็นเพราะสภาพอากาศในยมโลก แต่บริเวณโดยรอบกลับมืดลงไปเรื่อยๆ นางจึงต้องอาศัยตาทิพย์ในการมอง
“ไม่ใช่! นี่ไม่ใช่ทางออก” นางหยุดลง ใจหล่นวูบ “พวกเรากำลังเดินลงไปด้านล่าง! คุกนี้ควรจะอยู่ภายใต้เมืองผี หากพวกเขาจะออกไป ต้องเดินขึ้นถึงจะถูก
อีกสองคนเข้าใจในทันที เถิงสีขมวดคิ้ว “ข้าก็ว่าทำไมที่นี่ถึงแปลกประหลาด พลังวิญญาณยังน้อยนิด ทำให้คนรู้สึกไม่สบาย” แต่ว่าตอนนี้กลับไปก็คงไม่ทัน ยมทูตคงจะไล่ตามมาแล้ว
“เอ๊ะ? ด้านหน้ามีทางแยกหลายทาง!” เจียวเหิงอีชี้ไปทางด้านหน้า
พวกนางเดินเข้าไปดู พบว่าด้านหน้าแยกออกเป็นสามทาง มุ่งไปทิศทางที่แตกต่างกัน เส้นทางเหล่านี้ดูเก่าแก่ แต่กลับสะอาดสะอ้าน ไม่เหมือนเส้นทางที่ขุดอย่างมักง่าย แต่เหมือนกับก่อสร้างขึ้นโดยเฉพาะ ลักษณะขวักไขว่ไปมา ไม่รู้ว่าลึกเข้าไปจะมีเส้นทางแยกอีกมากมายแค่ไหน
“เส้นทางไหนถึงจะออกไปได้” เจียวเหิงอีถามออกมา เห็นได้ชัดว่าสถานที่นี้ออกจากบริเวณของคุกแล้ว
อวิ๋นเจี่ยวคิ้วขมวดเล็กน้อย มองไปทางเถิงสีแล้วพูดขึ้น “ท่านสหายผี ท่านคุ้นเคยต่อเมืองผีมากที่สุด ท่านคิดว่าเส้นทางสามเส้นนี้ มีเส้นไหนที่เหมือนจะออกไปได้”
เถิงสีผงะ แปลกใจเล็กน้อยที่นางถามตนเอง รู้สึกดีใจอย่างประหลาด พร้อมกับส่งสายตาชื่นชมให้ จากนั้นถึงได้วิเคราะห์อย่างตั้งใจ “จากที่ข้าดูแล้ว เส้นทางด้านซ้ายนี้เหมือนกับทางออกที่เชื่อมต่อไปด้านบน แต่ว่า…พลังวิญญาณตรงกลางเข้มข้นกว่าบริเวณอื่น ดังนั้นทางซ้ายและตรงกลางล้วนเป็นไปได้”
“ได้!” อวิ๋นเจี่ยวพยักหน้า ก่อนจะลากหัวหน้าห้องเจียวเดินไป “เช่นนั้นพวกเราเดินทางขวา!”
เถิงสี “…”
เฮ้ย! นี่คือการดูถูก? นี่คือการดูถูกอย่างแน่นอน!