ศิษย์หลานข้า ระวังอย่าหลงผิด – ตอนที่ 166 ทลายเมือง

ในขณะที่ทุกคนกำลังเดินเข้าเมืองนั้น เมืองหลวงทั้งเมืองราวกับถูกถลกภาพลวงตาออก ภาพในเมืองเปลี่ยนไปเป็นอีกแบบ บนทางที่มีระเบียบนั้นข้าวของกระจัดกระจาย แต่ละที่ล้วนเต็มไปด้วยซากปรักหักพัง ราวกับเพิ่งผ่านสนามรบมา นอกจากประตูเมืองที่ไม่ถูกทำลายแล้ว สถานที่แห่งอื่นล้วนพังทลายลง สิ่งสำคัญคือ ในเมืองมองไม่เห็นวิญญาณแม้แต่ตัวเดียว

“ดูด้านบน!” ชายแก่ชี้ไปยังด้านบน

พวกเขาเงยหน้าขึ้นมอง เห็นเพียงแต่ด้านบนปรากฏเงาของผีเป็นครั้งครา แต่เงานั้นเลือนรางอย่างมาก ราวกับภาพลวงตา

“นั่นคือภาพจำหลังจากเสี้ยววิญญาณสลายไป!” หยวนเจียงสีหน้าดำลง เสี้ยววิญญาณคือวิญญาณที่หลงเหลือหลังจากถูกฉีกขาด

เมื่อมองดูจำนวนของภาพจำนั้น ทุกคนต่างตกอยู่ในความตกตะลึง

“ที่นี่…เกิดอะไรขึ้น” ชายแก่ถามด้วยสีหน้าเหลือเชื่อ

สีหน้าของหยวนเจียงดำเป็นก้นหม้อ ก่อนจะพูดขึ้น “มีคนฆ่าล้างเมือง!” อีกทั้งยังฆ่าล้างเมืองหลวงในเมืองผี

ชายแก่เบิกตาโต วิญญาณภายในเมืองล้วนเป็นวิญญาณที่ตายแล้ว ฆ่าล้างเมืองก็หมายความว่า…วิญญาณสลาย?

“ท่านยมราชเมืองซิวหลิง…ยังอยู่หรือไม่”

“น่าจะยังอยู่” หยวนเจียงครุ่นคิด ก่อนจะตอบออกมาอย่างมั่นใจ “หากยมราชมีอันเป็นไป ป้ายยมราชจะเลือกเจ้าของใหม่เอง อีกทั้งยมราชเมืองอื่นจะรับรู้ด้วย นอกจากศิษย์หลานไป๋แล้ว ไม่ได้ยินข่าวว่ามียมราชคนใหม่ปรากฏขึ้น ดังนั้นเขาน่าจะยังอยู่ในเมืองซิวหลิง”

“พวกเรารีบหาดูเถอะ ไม่แน่ว่าท่านพี่สีก็ถูกขังไว้ในเมืองเหมือนกัน” อวิ๋นเจี่ยวพูดขึ้น

ทั้งสองคนพยักหน้า ชายแก่รีบหยิบยันต์ส่งสารออกมา ก่อนจะเรียกชื่อของเถิงสีออกมาหลายครั้ง แต่ทางเถิงสีไม่มีการตอบรับแต่อย่างใด หยวนเจียงใช้คาถาในการค้นหาวิญญาณภายในเมือง สักพักคิ้วของเขาขมวดหนักยิ่งขึ้น

“ไม่ได้ เสี้ยววิญญาณในเมืองมีมากไป พลังวิญญาณวุ่นวายเกิน ไม่อาจใช้คาถาตามรอยได้” หยวนเจียงส่ายหน้า คิ้วของเขาขมวดลึกมากยิ่งขึ้น “เมืองนี้ใหญ่ไป เสียดายที่ร่างทองของข้ายังไม่ฟื้นกลับมา ไม่อาจใช้จิตค้นหาได้” เขายิ่งคิดยิ่งรีบร้อน นอกเสียจาก…จิตนั้นจะยิ่งใหญ่จนครอบเมืองนี้ทั้งเมืองได้

เขามองไปยังคนที่ยืนทำหน้าเรียบเฉยด้านหลังของศิษย์หลาน ไม่ๆๆ อาจารย์ไม่ชอบแทรกแซงเรื่องของสามโลก เขาช่วยเปิดประตูให้พวกเขาข้ามมาได้ถือว้าเป็นเรื่องมหัศจรรย์แล้ว เป็นไปไม่ได้ว่าจะช่วย…

“อาจารย์ปู่ ท่านช่วยหาหน่อยได้หรือไม่” อวิ๋นเจี่ยวหันไปถาม “ถึงแม้จะหาศิษย์พี่สีไม่เจอ แต่หาวิญญาณที่สมบูราณ์สักตัวมาถามก็ยังดี?”

“ได้” เยี่ยยวนพยักหน้า

หยวนเจียง: “…”

ไหนบอกไม่แทรกแซงไง!

ไม่! นี่ไม่ใช่อาจารย์เขาอย่างแน่นอน!

Σ(°△°|||)︴

เยี่ยยวนยกมือขึ้น ทันใดนั้นรู้สึกเหมือนมีลมอะไรบางอย่างกวาดผ่านเมืองไปอย่างไร้ร่องรอย ไม่ถึงชั่วอึดใจ เขาก็มองไปยังด้าหน้าพร้อมพูดขึ้น “ในเมืองนี้มีวิญญาณเพียงตัวเดียวอยู่ใต้ดินตรงด้านหน้าประมาณห้าร้อยก้าว”

“ใต้ดิน!” อวิ๋นเจี่ยวผงะ

“ลึกราวหลายร้อยจั้ง” เยี่ยยวนเสริมขึ้น

คนที่เหลือต่างสบตากัน ก่อนจะเดินไปยังทิศทางที่เขาพูด ตำแหน่งนั้นเป็นพื้นดินว่างเปล่าในเมือง รอบข้างว่างเปล่า มีเพียงบ่อน้ำบ่อหนึ่งอยู่ตรงกลาง สามารถได้ยินเสียงของน้ำจากแม่น้ำหยิน พลังวิญญาณจำนวนมากไหลออกมาจากบ่อน้ำอย่างต่อเนื่อง

“บ่อน้ำนี้จะเชื่อมไปยังใต้ดิน?” หยวนเจียงมองดูบ่อน้ำแล้วพูดขึ้น

“น่าจะใช่!” อวิ๋นเจี่ยวเอื้อมมือไปสัมผัสตามความเคยชิน ก่อนจะพบคลื่นของข่ายพลังจำนวนไม่น้อย

“บ่อนี้ลึกมาก ด้านล่างมีคลื่นของข่ายพลังจำนวนมาก คงจะวางข่ายพลังไว้ไม่น้อย อีกทั้งยังเป็นข่ายพลังสังหาร”

“มีข่ายพลังประมาณกี่อัน” หยวนเจียงถาม

“หลายสิบ…หลายร้อย? อาจมากกว่านั้น” เธอสามารถสัมผัสได้เพียงระยะหลายสิบจั้งลงไปจากปากบ่อ หากลงไปอีกก็จะเป็นแม่น้ำหยิน ด้านในมีหรือไม่เธอไม่อาจรู้ได้

“ดูท่าทางอีกฝ่ายวางกับดักเอาไว้รอพวกเราลงไปแล้ว” หยวนเจียงพูด

“ทำอย่างไรดี” ชายแก่มองดูปากบ่อ “ข่ายพลังมากขนาดนี้ จะแก้ไปถึงเมื่อไร”

“คงทำได้เพียง…” หยวนเจียงกำลังจะพูดว่าลงไปดู

“ไม่ต้อง!” เยี่ยยวนที่อยู่ด้านข้างพูดขึ้น

พวกเขายังไม่ทันได้ตอบสนอง ก็เห็นเขายื่นมือออกมาพร้อมท่องคาถา ทันใดนั้นแสงสีทองประกายขึ้น ข่ายพลังขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นอยู่ด้านบนของทุกคน ก่อนจะครอบครึ่งเมืองผีในทันที แสงสีทองส่องสว่างทั่วทั้งเมืองผี นาทีถัดมา พวกเขารู้สึกเพียงพื้นดินใต้เท้าสั่นสะเทือนพร้อมส่งเสียงดัง จากนั้นด้านหน้าปรากฏรอยแยกออกมา ราวกับถูกฉีกออก

ทั้งสามคนประคองตัวไว้ไม่อยู่ หยวนเจียงมีพลังมากยังพอจะประคองตัวไว้ได้ ชายแก่และอวิ๋นเจี่ยวที่อยู่ด้านข้างล้มลงไปด้านหลัง ในขณะที่เธอกำลังจะล้มลงบนพื้น ข้างตัวก็ปรากฏมือข้างหนึ่งประคองตัวอวิ๋นเจี่ยวไว้ได้ทันเวลา

จากนั้น…ชายแก่ล้มลงบนพื้นเพียงคนเดียว

“…”

โอย! กระดูกของเขา!

(;´༎ຶД༎ຶ`)

เขายังไม่ทันได้โอดโอย รอยแยกใต้เท้ายิ่งใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ดูท่าทางตนเองจะไหลลงไปในนั้น โชคดีที่หยวนเจียงดึงเขาเอาไว้ก่อน

รอบแยกนั้นมีขนาดกว้างราวสองเมตร ทันใดนั้นเยี่ยยวนหมุนมือ เมืองผีครึ่งเมืองลอยขึ้นราวกับกองดินที่ถูกยก เศษหินมากมายล่วงหล่นลงมา เมืองเกือบครึ่งยกสูงราวสิบกว่าเมตร คาถาในเมือของเยี่ยยวนเปลี่ยนไป ครึ่งเมืองกลางอากาศโยกย้ายไปอยู่ด้านหลังของพวกเธอในแนวราบทันที

จากนั้นเขาสะบัดมือราวกับโยนขยะบางอย่างทิ้งไป ทันใดนั้นได้ยินเสียงดังก้อง เมืองที่รอยอยู่กลางอากาศหล่นลงมาทันที ก่อนจะพังอีกครึ่งเมืองที่เหลือไปด้วย…

เมืองผีทั้งเมืองตลบอบอวลไปด้วยฝุ่นควัน ราวกับพายุทรายที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน อีกทั้งจะปะปนไปด้วยพลังวิญญาณมหาศาลพุ่งตรงมายังคนที่ยืนอยู่ เยี่ยยวนสะบัดมือ ข่ายพลังสีทองกลางอากาศนั้นล้วงลงมา ก่อนจะหดตัวลงครอบลงมายังคนที่อยู่ด้านล่าง

“ได้แล้ว!” คนที่ทลายเมืองชี้ไปยังบริเวณที่ขุดออกมาด้านล่างด้วยสีหน้าเรียบเฉย “ตอนนี้ลงไปได้แล้ว”

หยวนเจียง: “…”

ชายแก่: “…”

อวิ๋นเจี่ยว: “…”

( ̄△ ̄;)

ทั้งสามคนมองไปยังหลุมกว้างที่ใหญ่ราวครึ่งเมือง และลึกกว่าร้อยจั้ง อย่าว่าแต่บ่อน้ำเลย ตอนนี้แม้แต่ฐานรากยังหาไม่เจอ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงกับดักข่ายพลังอะไร ทันใดนั้นพวกเขาเข้าใจประโยคหนึ่งขึ้นมา ต่อหน้าพลังที่แข็งแกร่ง แผนการกับดักอะไรเป็นแค่คำพูดปากเปล่า

ทันใดนั้นรู้สึกสงสารคนที่วางข่ายพลังนับร้อยรอให้พวกเขาลงไป ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายเตรียมไว้นานขนาดไหน

อีกทั้ง…หากยมราชเมืองซิวหลิงกลับมา คงจะต้องร้องไห้เป็นแน่

ศิษย์หลานข้า ระวังอย่าหลงผิด

ศิษย์หลานข้า ระวังอย่าหลงผิด

Status: Ongoing
อ่านนิยายเรื่อง ศิษย์หลานข้า ระวังอย่าหลงผิด อวิ๋นเจี่ยว ศัลยแพทย์ปริญญาเอกจากคณะแพทย์ศาสตร์มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ถึงคราวต้องกุมขมับเมื่อทำดีกลับไม่ได้ดี ช่วยเหลือคนแก่ที่หกล้มกลับโดนรีดไถและสาปแช่งให้เห็นผี! ยังไม่พอยันต์ที่ยายแก่คนนั้นสาปเธอยังทำให้เธอทะลุมิติไปยังโลกยุคโบราณและโดนล่อลวง (?) ให้เข้าเป็นศิษย์สำนักเต๋าที่ทำหน้าที่ปราบปีศาจผดุงคุณธรรมอีกด้วย เล่าลือกันว่าท่านปรมาจารย์เจ้าสำนักอารามชิงหยางนั้นสำเร็จเป็นเซียนและโบยบิน ขึ้นสวรรค์ไปเมื่อหลายแสนปีก่อน แต่หากเป็นอย่างนั้นจริงเงาร่างหล่อเหลาเปล่ง รัศมีเจิดจ้าที่กำลังนั่งเล่นควันธูปอยู่นี่คือใครกันเล่า?!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset