“โอย…ทางของยมโลกนับวันยิ่งเดินยากขึ้น!” ราชายมโลกลุกขึ้นมาอย่างช้าๆ ปาดดินโคลนบนหน้า สีหน้าของเขาห่อเหี่ยวลงไป ก่อนที่คนทั้งคนราวกับถูกเปิดสวิตซ์บางอย่าง พูดอย่างไม่หยุดขึ้นมา “เฮ้อ ข้าบอกกับพวกเขาแล้ว ทางบนริมฝั่งแม่น้ำหยินต้องซ่อมแซมบ้าง เช่นปูหินเล็กน้อย พวกเขากลับไม่ฟัง เนี่ย ก้าวหนึ่งหลุมหนึ่ง พูดถึงเรื่องนี้ก็ต้องโทษเจ้า เยี่ยยวน อยู่ดีๆ เจ้ามาพังยมโลกทำไมกัน มาคนเดียวก็พอแล้ว ยังจะพาศิษย์ลูกศิษย์หลานมาด้วย เอาเถอะ ถึงแม้พวกเขาจะมีเหตุผล แต่ก็ไม่จำเป็นต้องมาบ่อย ยมโลกนี้เป็นของข้า ไม่ใช่ของเจ้า อีกอย่าง ทำไมเจ้าต้องพังยมโลกข้า ทำไมไม่ไปพังโลกสวรรค์บ้าง! จะมาก็มา จะไปก็ไป อีกทั้งยังทำจนเป็นหลุมเป็นบ่อไปทั่ว ทำไมต้องทำถึงเพียงนี้! หลายปีนี้สงบมาได้ เจ้ากลับดี ลูกศิษย์ไม่มา เจ้าลงมาเอง จริงสิ ด้านข้างเจ้าคือศิษย์หลานคนใหม่หรือ โอ๊ะ ยังเป็นผู้หญิงด้วย! ในที่สุดก็เห็นเจ้ารับตัวเมียเสียที โรคของเจ้าหายดีแล้วหรือ? ข้าจะบอกเจ้า ศิษย์ผู้หญิงนะ…”
เขานั่งลงบนพื้นพูดยืดยาวไม่หยุด ไม่สนใจว่าฝั่งตรงข้ามจะตอบรับหรือไม่ ไม่มีช่องว่างแม้แต่หายใจ
เยี่ยยวน “…”
อวิ๋นเจี่ยว “…”
( ̄△ ̄;)
ทำไมพูดมากเช่นนี้ อีกทั้งยังเป็นระดับชาติด้วย!
“ครานี้เจ้าลงมามีเรื่องอะไรอีก ใครทำให้เจ้าไม่พอใจ เจ้าจัดการได้เลยไม่ต้องไว้หน้าข้า อย่างไรข้าก็สู้เจ้าไม่ได้ ข้าชินแล้ว” เขาโบกมืออย่างใจใหญ่ ไม่มีความละอายที่สู้อีกฝ่ายไม่ได้แม้แต่น้อย ยิ่งไม่ต้องพูดถึงความเป็นราชายมโลก เขายังคงพูดต่อ “ขอแค่เจ้าอย่ามาวุ่นวายบริเวณแม่น้ำหยินก็พอ ข้ายังต้องเอาไว้ปลูกดอกไม้ พวกเจ้ามาพังตรงนี้ทีตรงนั้นที ข้าจะปลูกอย่างไร ราชายมโลกอย่างข้าจะทำอะไรได้อีก พวกเจ้าไม่คิดเลยหรือว่าวันหนึ่งต้องมาที่นี่ ข้าก็ทำเพื่อทุกคน เห็นแก่ที่พวกเรารู้จักกันมานาน ถึงเวลานั้นจะมาเรียนปลูกดอกไม้กับข้าหรือไม่ ช่างเถอะ! นิสัยอย่างเจ้า อย่ามาทำให้ดอกไม้ของข้าแห้งเหี่ยวก็ดีแล้ว ข้าจะบอกเจ้านะ ดอกไม้ก็เหมือนผู้หญิง…”
ในขณะที่อีกฝ่ายกำลังจะถ่ายทอดความรู้สำคัญเรื่องการปลูกดอกไม้ขึ้นมา
อวิ๋นเจี่ยวถึงดึงสติกลับมาได้ นางมองไปรอบด้าน พบว่าบริเวณใกล้เคียงมีต้นอ่อนเขียวขจีโผล่ขึ้นมาไม่น้อย แต่เนื่องจากพลังวิญญาณรอบด้านที่หนาแน่น อีกทั้งในแม่น้ำหยินไม่มีแสงอาทิตย์ ทำให้ตอนแรกนางไม่ทันสังเกตเห็น
อวิ๋นเจี่ยวรู้สึกประหลาดใจขึ้นมา ยมโลกเป็นที่แห่งคนตาย แต่กลับสามารถปลูกดอกไม้ได้ ทำให้นางคิดถึงเรื่องราวในนิทานมากมาย อย่างเช่นพืชพันธุ์ที่มีลักษณะคล้ายลูกบอล เติบโตเฉพาะในหวงฉวน ทันใดนั้นตาลุกวาว
“นี่คือ…” นางถาม “กระเทียบหิน?” อวิ๋นเจี่ยวพูดชื่อวิทยาศาสตร์ของดอกไม้นั้นออกมา แทนที่จะเป็นชื่อเรียกสวยงามตามนวนิยาย
นางส่งเสียงอย่างกะทันหัน ทำให้ราชายมโลกที่พูดไม่หยุดชะงักไป ก่อนที่ดวงตาของเขาจะลุกวาวขึ้น วิญญาณนักพูดมีไฟมากกว่าเดิม ก่อนจะตอบกลับอย่างตื่นเต้น “ลูกศิษย์คนนี้คงจะเป็นผู้ชำนาญ คงจะศึกษาเรื่องการปลูกดอกไม้มาบ้าง! เสียดายเจ้าทายผิด นี่ไม่ใช่กระเทียบหิน แต่เป็นกระเทียมแท้!”
พูดจบ เขาก็จับไปที่ยอดของต้นอ่อนข้างตัว ก่อนจะดึงออกมา ทันใดนั้น ต้นกระเทียมขนาดเล็กโผล่ออกมาจากพื้นดิน
เยี่ยยวน “…”
อวิ๋นเจี่ยว “…”
( ̄△ ̄;)
เฮ้ย…
ไหนบอกว่านรกมีเพียงกระ…เฮ้ย! ต้นมันจูไง! ท่านดันปลูกต้นกระเทียมทั่วทั้งพื้นดิน!! ท่านเรียนวิชาชีววิทยามาก่อนหรือเปล่า ถึงแม้ชื่อวิทยาศาสตร์ของดอกไม้จะเป็นกระเทียบหิน แต่ท่านก็ไม่ควรเอากระเทียมมาปลูกแทนไหม! ถึงว่าทำไมรู้สึกว่าต้นอ่อนหน้าตาคุ้นๆ ที่แท้ก็เป็นกระเทียมจริงๆ !
เทพนิยายของข้า!!!
(╯‵□′)╯︵┻━┻
อวิ๋นเจี่ยวดมกลิ่นกระเทียมที่ลอยมาจากฝั่งตรงข้าม รู้สึกว่าอยากจะย้อนเวลาห้ามปากของตนเอง นางไม่อยากรู้!
อวิ๋นเจี่ยวที่จิตใจพังทลายนั้นสงบสติอยู่ชั่วครู่ ก่อนจะพูดขัดราชายมโลกที่กำลังถ่ายทอดวิธีการปลูกกระเทียมหนึ่งร้อยแบบอยู่ฝั่งตรงข้าม “เมื่อกี้ท่านบอกว่าปลูกดอกไม้ไม่ใช่เหรอ ทำไมถึงปลูกกระเทียม! ดอกไม้ล่ะ?”
“นี่ก็ออกดอกได้เช่นกัน!” เขาตอบอย่างจริงจัง “เจ้ารู้หรือไม่ว่ากระเทียมนี้เติบโตไวมาก ห้าเดือนก็ออกดอกแล้ว อีกทั้งยังมีกลิ่นแรง วิญญาณเหล่านั้น ผีใหม่! ดมกลิ่นกระเทียมก็เข้ามายมโลกได้แล้ว ไม่มีทางหาทางไม่เจอแน่ อีกทั้งยมโลกของข้ายังมืดสนิท แม่น้ำหยินก็มองไม่ค่อยเห็น หากตกลงไปจะทำอย่างไร ข้าปลูกกระเทียมมีประโยชน์มาก ไม่ว่าวิญญาณอะไร ได้กลิ่นนี้ก็รู้แล้วว่าต้องเดินจากไป เป็นการเตือนที่ดีอะไรอย่างนี้ อีกทั้งวิญญาณไม่กินอาหาร ข้าไม่ต้องกังวลว่าจะมีคนขโมย!”
“…” พูดมีเหตุผล จนไม่อาจเถียงได้
นางกวาดตามองราชายมโลกที่ทำสีหน้า ‘ข้าเป็นเกษตรกรปลูกกระเทียมข้าภูมิใจ’ นางก็อดไม่ได้ที่จะพูดขึ้น “ท่านปลูกต้นหอม หรือผักชีไปด้วยเลย พวกนั้นกลิ่นแรงกว่า”
“ต้นหอม ผักชี?” ราชายมโลกผงะ เขาใช้มือทั้งสองข้างยันพื้นเคลื่อนตัวมาด้านหน้า ก่อนจะถามอย่างสงสัย “ที่เจ้าพูดคืออะไร ข้าไม่เคยได้ยินผีพูดถึง หรือไม่เจ้าลองเล่าให้ข้าฟังสักหน่อย เล่าให้ข้าฟังหน่อยสิ! ของพวกนั้นดีกว่ากระเทียม? ดีอย่างไร เลี้ยงง่ายหรือไม่ นานแค่ไหนถึงออกดอก ลูกศิษย์ดูท่าทางจะชอบแบบเดียวกัน!”
“…” ใครเขาจะชอบแบบเดียวกับท่าน!
รู้สึกไม่อยากถามแล้วว่าดอกมันจูหายไปไหน เกิดอะไรขึ้น
ราชายมโลกราวกับไม่ต้องการคำตอบของนาง หรืออาจถูกเมินจนเคยชิน เขายังคงพูดต่อ “ข้าว่านะ ของที่เจ้าบอกนั้นต้องสู้กระเทียมของข้าไม่ได้แน่ เจ้าดูกระเทียมที่ข้าปลูก เขียวขจีกรุบกรอบเนื้อแน่นน้ำเยอะ พลังวิญญาณอุดมสมบูรณ์ ข้าปลูกมาตั้งหลายปีแล้ว ทั้งยมโลกล้วนเต็มไปด้วยกระเทียมที่ข้าปลูกไว้ หากจะเปลี่ยนเป็นอย่างอื่นมาปลูก ข้าคงไม่คุ้นชิน แต่ว่านะ…หากมีเมล็ดพันธุ์ของสองสิ่งที่เจ้าบอก ข้าก็ไม่ปฏิเสธที่จะลองปลูกดู อย่างไรก็ว่างอยู่ ความชอบนี้ดีกว่าเยี่ยยวนที่ชอบเอาแต่ใช้กำลังใช่หรือไม่ ข้าได้ยินว่าโลกสวรรค์มีคนชอบปลูกดอกท้อ ดอกท้อพวกนั้นจะเทียบกับกระเทียมของข้าได้อย่างไร กระเทียมของข้านะ…”
เขายังคงพูดไม่หยุด พูดจนกระทั่งอวิ๋นเจี่ยวอยากจะแปะยันต์สะกดร่างเอาไว้ แม้แต่เยี่ยยวนที่ชอบเมินคนอื่นยังเส้นเลือดปูดออกมา หากเขาไม่ใช่ราชายมโลก อวิ๋นเจี่ยวอยากจะทุบเข้าให้ทีหนึ่ง
เพื่อป้องกันอาจารย์ปู่ลงมือเข้าจริงๆ นางจึงทำได้เพียงหยิบยันต์ส่งสารออกมาเร่งเร้าทางชายแก่หลายครั้ง หากยังไม่มาพวกเขาจะกลับไปก่อนแล้ว
“พูดมาเยอะขนาดนี้ ข้าชักจะหิวน้ำขึ้นมาแล้ว” ช่วงเวลาสำคัญ ราชายมโลกหยุดลงอย่างกะทันหัน อวิ๋นเจี่ยวโล่งใจไปอย่างมาก หยุดเสียที แต่กลับพบว่าเขาหันไปมองขนมของพวกนางทีหนึ่ง “เอ๊ะ? สิ่งนี้ไม่เลว ดูท่าทางจะดับกระหาย…” พลางพูดพลางเอื้อมมือไปหยิบผลไม้บนโต๊ะ
“เดี๋ยว!”
อวิ๋นเจี่ยวคิดจะเตือนแต่ก็ไม่ทัน เยี่ยยวนที่อดทนต่อเสียงรบกวนมาราวสิบนาทีนั้น เป็นครั้งแรกที่ไม่ได้ใช้คาถา แต่ลงมือเอง เขาถีบคนพูดมากกลิ้งลงกับพื้น อีกทั้งยังยกเท้าออกแรงเหยียบหลายต่อหลายครั้ง จนกระทั่งเหยียบอีกฝ่ายจมลงไปในดิน ถึงได้พอใจ
โลกกลับมาสงบเงียบอีกครั้ง!
เขาสะบัดมือเปิดประตูโลกออก อุ้มศิษย์หลานของตนเองเดินเข้าไป “กลับ บ้าน!” จากนั้นยังเก็บขนมที่วางกระจายอยู่เต็มพื้นไปด้วย! เหลือไว้เพียงคนที่จมอยู่ในดิน
“…”