ศิษย์หลานข้า ระวังอย่าหลงผิด – ตอนที่ 182 ประหยัดค่าใช้จ่าย

นาทีถัดมา ทั้งสองคนพยักหน้าอย่างเงียบๆ เปลี่ยนท่าทางที่อยากจะทุบคนมาจ้องมองอิ้งหลุนตรงหน้าอย่างตั้งใจ สีหน้าของพวกเขาจริงจังขึ้นมาทันที

คนนี้…เหมือนจะพอมีประโยชน์

อวิ๋นเจี่ยวหยิบกระเทียมหัวหนึ่งขึ้นมา ก่อนจะพูดอย่างจริงจัง “อืม ท่านพูดถูก! พอดูอย่างละเอียดแล้ว กระเทียมของท่านไม่เลวจริงๆ!”

“ใช่ไหมๆ!” ดวงตาของอิ้งหลุนลุกวาวขึ้น สีหน้าตื่นเต้นที่ได้รับการยอมรับ เตรียมจะพูดชื่นชมกระเทียมต่อ

อวิ๋นเจี่ยวกลับแทรกขึ้น “แต่ว่า…ชิงหยางของพวกเราให้ความสำคัญกับวัตถุดิบ เพราะว่าพวกเราแตกต่างจากคนทั่วไป วัตถุดิบใช้บ่อยอย่างกระเทียมล้วนซื้อมาจากเกษตรกรที่คุ้นเคย อีกทั้งต้องสำรวจพื้นที่การปลูก ผ่านการตรวจสอบขั้นตอน มั่นใจว่าไร้การปนเปื้อนถึงจะนำมาทำอาหาร เรื่องนี้ชายชรารู้ดีที่สุด ใช่ไหม”

“ใช่ๆๆ!” ชายชรารีบพยักหน้ารับ “ซับซ้อนอย่างมาก กระเทียมแต่ละหัวในห้องครัวของพวกเรา ล้วนมาจากการเปรียบเทียบผลผลิตจากเกษตรกรหลายร้อยคนถึงจะคัดเลือกออกมาได้” อืม เลือกเจ้าที่ถูกที่สุด “ไม่ได้คัดเลือกมาง่ายๆ”

“ดังนั้น น้ำใจของท่าน พวกข้ารับเอาไว้ในใจ” เธอถอนหายใจทีหนึ่ง

“กระเทียมของข้าก็เหมือนกัน แต่ละลูกข้าปลูกตัวมือข้าเอง!” อิ้งหลุนรีบร้อนขึ้นมา หากอีกฝ่ายไม่ยอมรับกระเทียมของเขา เขาก็ไม่ได้เรียนการปลูกผักชีและต้นหอม “เจ้าดูด้านใน ไม่มีพลังวิญญาณแม้แต่นิดเดียว ไม่มีปัญหาอย่างแน่นอน หรือไม่ข้ากินให้พวกเจ้าดู เจ้าต้องเชื่อข้า…”

“หยุดๆๆ!” อวิ๋นเจี่ยวพูดขัดเขา “ทานแค่พูดไม่มีประโยชน์! ถึงอย่างไรกระเทียมนี้ ท่านก็เอาขึ้นมาจากยมโลก แม้จะไม่มีพลังวิญญาณ แต่หากระหว่างการปลูกมีสิ่งผิดแกติ ทำให้เกิดผลข้างเคียงจะทำอย่างไร หรือไม่ท่านลองทำให้เพวกข้าดู…ปกติแล้วท่านปลูกกระเทียมอย่างไร”

“ได้!” เขาพยักหน้าอย่างไม่ลังเล “เรื่องนี้ง่าย!” พูดจบเขาก็หยิบกระเทียมหัวหนึ่งบนโต๊ะขึ้นมา มือของเขาราวกับมีบางอย่างประกายขึ้น นาทีถัดมา เห็นเพียงแต่กระเทียมสีขาวนั้นมีต้นอ่อนกระเทียมสีขาวโผล่ออกมาอย่างรวดเร็ว อีกทั้งยังเติบโตขึ้นเรื่อยๆ ไม่ถึงชั่วครู่ ก็เติบโตเป็นใบกระเทียบยาวหลายสิบแขน

อวิ๋นเจี่ยว and ชายชรา: ดีมาก มั่นใจแล้ว มันคือพลังชีวิต!

“ตอนนี้พวกเจ้าวางใจแล้ว?” อิ้งหลุนถาม

“แน่นอนๆ! เฮอะๆๆ…” ชายชรายิ้มบานนันที ก่อนจะเดินขึ้นหน้าตบไหล่เขา “พี่อิ้งช่างสมกับเป็นมือฉมังในการปลูกผัก…อ่อ ไม่ ปลูกกระเทียม ข้านับถืออย่างมาก ท่านอยากเรียนปลูกผักชีและต้นหอมใช่ไหม มาๆๆ ข้าสอนท่านเอง!”

“จริงเหรอ!” อิ้งหลุนดวงตาลุกวาว “เช่นนี้ก็รบกวนสหายด้วย สองสิ่งนี้ปลูกยากไหม มีอะไรต้องระวังไหม นานแค่ไหนออกดอก หากข้าจะปลูกเต็มริมแม่น้ำหยินต้องใช้เวลานานแค่ไหน สหาย…”

“ไม่รีบๆๆ!” ชายชราโอบไหล่เขาเดินออกไปข้างนอก “มาๆๆ ข้าพาท่านไปพื้นที่ปลูกผักหลังเขา พวกเราพลางปลูกพลางอธิบาย จริงๆ นอกจากผักชีและต้นหอมแลเวท่านอยากเรียนปลูกอย่างอื่นไหม”

“อ่อ นอกตากสองสิ่งนี้แล้ว ยังมีอะไรที่มีกลิ่นเฉพาะตัว ทั้งสวยงามทั้งมีประโยชน์เหรอ ข้าให้ความสำคัญกับสิ่งที่ปลูกมาก หากเป็นสิ่งทั่วไปข้าไม่เอา! เจ้าต้อง…”

“วางใจๆ ตัวเลือกมีมากมาย ท่านนานๆ ทีมาโลกมนุษย์ สามารถพลางปลูกพลางเลือกได้ อย่างเช่น: ผักกาดขาว มะเขือเทศ ผักโขม ผักกาดหอม ผักบุ้ง…มีมากมายเลย หรือไม่พวกเราลองปลูกดู”

“เอ๊ะ? พวกนี้เหมาะสำหรับยมโลกของข้าเหรอ ชื่อเหล่านี้ ข้าเคยได้ยินมาบ้าง แต่เทียบกับกระเทียมของข้าได้เหรอ! ของข้า…”

“เรื่องนี้ข้าไม่รู้แล้ว แต่ว่าท่านสามารถลองปลูกที่หลังเขาได้ก่อน ชอบก็ค่อยนำกลับไป ชิงหยางของพวกเราใจกว้างมาก”

“เช่นนี้ข้าก็วางใจแล้ว! พวกเราเริ่มปลูกอันไหนก่อน ผักชีและ…”

“ไม่รีบๆ ไปดูพื้นที่ก่อน จากนั้นไปซื้อเมล็ดพันธุ์ที่ตลาด”

ทั้งสองคนพลางพูดพลางพากันออกจากสวนด้านหลัง มุ่งตรงไปยังหลังเขา

อวิ๋นเจี่ยวหันหลังหยิบสมุดบัญชีเล่มหนึ่งออกจากชั้นวางตำราด้านหลัง ก่อนจะพลิงไปยังหน้าของงบประมาณสำนัก จากนั้นลงมือแก้ไขรายการค่าใช้จ่ายด้านอาหาร

อืม ดีมาก! ต่อไปชิงหยางจะมีเกษตรกรเป็นของตัวเองแล้ว!

เธออารมณ์ดีขึ้นมาไม่น้อย หลังจากแก้ไขเสร็จก็เก็บสมุดบัญชีกลับเข้าที่ ก่อนจะหยิบถึงที่อิ้งหลุนทิ้งเอาไว้ขึ้นมา อย่างน้อยก็เป็นผลิตภัณฑ์ท้องถิ่นที่ราชายมโลกเอามาฝาก อย่าสิ้นเปลือง

กำลังจะเก็บกระเทียมบนโต๊ะเข้าถุง ทันใดนั้นแสงสีขาวส่องประกายขึ้นด้านหน้า ร่างสีขาวปรากฏขึ้น และต้องมองเธอด้วยสีหน้าขุ่นเคือง

“อาจารย์ปู่?” อวิ๋นเจี่ยวผงะไปเล็กน้อย “ท่านมาทำไม” เธอหันไปมองท้องฟ้า ยังไม่ถึงเวลกินข้าว!

เยี่ยยวนคิ้วขมวด จ้องมองเธอเขม็ง “ปัญญาอ่อนในยมโลกมาที่นี่!”

ปัญญาอ่อน? อวิ๋นเจี่ยวผงะ อาจารย์ปู่กับชายชราช่างเหมือนกันในบางด้าน

“อาจารย์ปู่พูดถึงราชายมโลกเหรอ เขามาเรียนปลูกผัก!” อวิ๋นเจี่ยวชี้ไปยังกระเทียมและยอดอ่อนกระเทียมบนโต๊ะ

“เจ้าให้มันอยู่ที่นี่ฃ?!” สีหน้าของเขาดำลง ก่อนจะปรากฏสีหน้าขุ่นเคือง

“อืม” อวิ๋นเจี่ยวพยักหน้า “ข้าคิดว่าพื้นที่หลังเขายังว่างอยู่ ผักที่ชายชราปลูกเมื่อหลายวันก่อนต้องมีคนคอยดู ก็เลยให้…” เขาเหลือบมองเยี่ยยวนทีหนึ่ง ก่อนจะพบว่าสีหน้าของเขาผิดปกติ ทันใดนั้นเหมือนนึกบางอย่างขึ้นได้ “อาจารย์ปู่เคยมีเรื่องกับเขา?” หากมีก็คงไม่เหมาะที่จะอยู่เป็นเกษตรกรในอาราม

“ไม่มี!” เยี่ยยวนปฏิเสธ เพียงแต่คิ้วของเขากลับขมวดแน่นขึ้น สายตากวาดมองศิษย์หลานของตนเองทีหนึ่ง ความโมโหภายในใจยิ่งคุกรุ่น แต่ก็ไม่รู้ว้าโมโหอะไร เพียงแค่คิดถึงท่าทางเกรงใจของศิษย์หลานต่ออีกฝ่าย เขาก็รู้สึกไม่พอใจ

อวิ๋นเจี่ยวนึกถึงราชายมโลกพูดถึงชื่อเยี่ยยวน ท่าทางทั้งสองคนต้องรู้จักกันเป็นแน่ เธอถามขึ้น “อาจารย์ปู่รู้จักกับเขามานานแล้วเหรอ ก่อนหน้านั้นเคยเกิดเรื่องอะไรไหม”

เยี่ยยวนสีหน้าดำลง ส่ายหัว “ไม่รู้”

“ฮะ!” หมายความว่าอะไร

“ข้าลืมแล้ว!” สายตาของเขาเหลือบลง ก่อนจะตอบ “ข้าหลับใหลไปนาน เรื่องก่อนหลับใหลนั้น ข้าจำได้ไม่มาก”

“ดังนั้น…อาจารย์ปู่ไม่รู้จักเขาจริงๆ!” อวิ๋นเจี่ยวตกตะลึง เธอคิดว่าอีกฝ่ายแค่รำคาญคนพูดมาก จึงจงใจบอกว่าไม่รู้จัก ที่แท้ก็ลืมจริงๆ

“อืม” เยี่ยยวนตอบรับ ทันใดนั้นเดินขึ้นหน้าก้าวหนึ่ง นาทีถัดมาราวกับมีลมกวาดผ่าน อวิ๋นเจี่ยวรู้สึกเพียงร่างกายเหมือนถูกชำระล้าง ชุดนักพรตสีฟ้าราวกับถูกน้ำยาชำระคราบล้างผ่าน สะอาดขึ้นมาน้อย แม้แต่คราบบนแขนเสื้อที่เปื้อนหมึกำดำและดินโคลนนั้นก็หายไป

“ใกล้ถึงเวลาแล้ว ควรทำอาหารได้แล้ว!” อาจารย์ปู่พูด

“ฮะ?” อวิ๋นเจี่ยวยังไม่ทันเข้าใจว่าทำไมอีกฝ่ายถึงเสกคาถาชำระล้างให้ ก่อนจะพูดขึ้น “แต่ยังไม่ถึงเวลากลางวัน…”

“ทำตอนนี้!” เขากลับไม่มีท่าทีอยากฟัง ลากเธอออกจากห้อง เดินตรงไปยังทิศทางของครัว “ผัดผักบุ้ง กุ้งอบวุ้นเส้นกระเทียมสับ ไก่ต้ม กระดูกหมูผัดกระเทียม…”

“อาจารย์ปู่…”

“ไม่ใส่กระเทียม!”

อวิ๋นเจี่ยว: “…”

มา หม้อให้ท่าน! ท่านทำเอง!

(╰_╯)#

ศิษย์หลานข้า ระวังอย่าหลงผิด

ศิษย์หลานข้า ระวังอย่าหลงผิด

Status: Ongoing
อ่านนิยายเรื่อง ศิษย์หลานข้า ระวังอย่าหลงผิด อวิ๋นเจี่ยว ศัลยแพทย์ปริญญาเอกจากคณะแพทย์ศาสตร์มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ถึงคราวต้องกุมขมับเมื่อทำดีกลับไม่ได้ดี ช่วยเหลือคนแก่ที่หกล้มกลับโดนรีดไถและสาปแช่งให้เห็นผี! ยังไม่พอยันต์ที่ยายแก่คนนั้นสาปเธอยังทำให้เธอทะลุมิติไปยังโลกยุคโบราณและโดนล่อลวง (?) ให้เข้าเป็นศิษย์สำนักเต๋าที่ทำหน้าที่ปราบปีศาจผดุงคุณธรรมอีกด้วย เล่าลือกันว่าท่านปรมาจารย์เจ้าสำนักอารามชิงหยางนั้นสำเร็จเป็นเซียนและโบยบิน ขึ้นสวรรค์ไปเมื่อหลายแสนปีก่อน แต่หากเป็นอย่างนั้นจริงเงาร่างหล่อเหลาเปล่ง รัศมีเจิดจ้าที่กำลังนั่งเล่นควันธูปอยู่นี่คือใครกันเล่า?!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset