คิ้วของอวิ๋นเจี่ยวขมวดเล็กน้อย นางหยิบยาฟื้นฟูออกมาหลายเม็ด ก่อนจะยื่นไปให้คนทั้งสามที่อยู่ในเหตุการณ์ จากนั้นถึงได้ตรวจดูอาการของทั้งสามคน
“เจ้าหนู เจ้ารีบมาดูกระดูกของข้า ยังรักษาได้หรือไม่ รู้สึกเจ็บจะตายอยู่แล้ว!” ไป๋อวี้ร้องโอดครวญเสียงดังมากยิ่งขึ้น
อวิ๋นเจี่ยวอยากจะกลอกตาแต่ไร้ผล นางจึงพูดขึ้น “ตายง่ายเช่นนั้นที่ไหนกัน แค่กระดูกหักไปไม่กี่ชิ้น เดี๋ยวก็หาย”
อาจเป็นเพราะมังกรน้ำร้ายกาจวางใจกลางข่ายพลังกลืนกินวิญญาณด้านบนมากเกินไป ทำให้เหล่าชายแก่ได้รับบาดเจ็บทางร่างกายเพียงเล็กน้อยเท่านั้น อีกทั้งทั้งสามคนยังเป็นผู้ที่ฝึกฝนทางเต๋า ร่างกายแตกต่างจากคนทั่วไป บาดแผลเหล่านี้ดูภายนอกเหมือนสาหัส แต่ใช้เวลาพักฟื้นเพียงไม่กี่เดือนก็หายได้
“อ่อ” ชายแก่โล่งอกในทันที เขากลืนยาในมือลง ก่อนจะพบว่ามีพลังอ่อนโยนกลุ่มหนึ่งผุดขึ้นมา พร้อมกับแผ่ขยายไปทั่วร่างกาย ไม่ถึงชั่วครู่ ความรู้สึกเจ็บปวดในร่างกายก็ถูกปลอบประโลมลงไปไม่น้อย
“ตอนนี้พวกเราจะทำอย่างไร กลับไปหรือ” มังกรน้ำร้ายกาจถูกกำจัดแล้ว ร่างกายก็หาเจอแล้ว ถึงเวลาที่ควรจะกลับไปแล้ว
อวิ๋นเจี่ยวนิ่งเงียบไปสักพัก ก่อนจะหันไปมองแหล่งพลังลมปราณบนกำแพงหิน นางรู้สึกได้ว่าพลังลมปราณบริเวณนี้เข้มข้นกว่าเมื่อสักครู่ อีกทั้งพลังโหดเหี้ยมที่ปะปนอยู่ในพลังลมปราณก็ชัดเจนมากขึ้นเช่นเดียวกัน
“พวกท่านรอก่อน ข้าจะไปปล่อยแหล่งพลังลมปราณเหล่านี้ออกไป” อวิ๋นเจี่ยวเดินตรงเข้าไป “แหล่งพลังลมปราณมากมายขนาดนี้ถูกกักขังไว้ในสถานที่เดียวกันคงได้เกิดเรื่องขึ้นเป็นแน่” ไม่แน่ว่าอาจปรากฏมังกรน้ำร้ายกาจขึ้นมาอีกตัว
นางพลางพูดพลางใช้ยันต์ตัวเบากระโดดลอยเข้าไปหาแหล่งพลังลมปราณบนกำแพงหิน เมื่อเข้าใกล้นางพบว่าพลังลมปราณรอบด้านยิ่งเพิ่มมากขึ้น มากเสียจนจับต้องได้ ทำให้คนที่เข้าใกล้รู้สึกหายใจไม่ออกขึ้นมา
นางไม่ได้ลังเล พินิจดูข่ายพลังกักขังขนาดใหญ่บนกำแพงหิน ในขณะที่กำลังจะหาช่องว่างในการกำจัดข่ายพลังนั้น แหล่งพลังลมปราณด้านบนเริ่มเคลื่อนไหวขึ้นมาอย่างบ้าคลั่ง แต่กลับถูกข่ายพลังควบคุมเอาไว้ แหล่งพลังลมปราณทั้งหลายพัวพันกันเป็นก้อน ส่องประกายแสงที่แตกต่างกันห้าสี…ไม่ใช่! หกสี!
อวิ๋นเจี่ยวผงะไป ก่อนจะพบว่าด้านบนมีสีทอง น้ำเงิน เขียว แดงอย่างละเส้น แต่สีน้ำตาลสองเส้น เมื่อกี้นางนับผิด หรือว่ามันเพิ่มขึ้นมาอีกเส้น? นางเดินเข้าใกล้อีกสองก้าว กำลังจะยื่นมือออกไปสัมผัสกับเส้นสีน้ำตาลนั้น
ทันใดนั้นกลับมีมือข้างหนึ่งจับนางเอาไว้ อาจารย์ปู่เข้ามาใกล้ตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ เขาเพียงแค่พูดขึ้น “อย่าจับ” จากนั้นเห็นเพียงอีกฝ่ายสะบัดมือ คาถาหนึ่งถูกตีเข้าบนกำแพงหิน
นาทีถัดมาแสงสีขาวสว่างขึ้น บนกำแพงหินปรากฏข่ายพลังอันใหม่ขึ้นมาทันที ข่ายพลังนั้นลอยอยู่เหนือแหล่งพลังลมปราณ เชื่อมต่อกับข่ายพลังกักขังด้านบน หมุนวนอย่างต่อเนื่อง พลังวิญญาณมากมายหลั่งไหลออกมาจากข้างใน อุณหภูมิบริเวณก้นเหวที่อุดมไปด้วยพลังลมปราณลดลงไปหลายองศา
“ข่ายพลังรวมวิญญาณ!” อวิ๋นเจี่ยวจำข่ายพลังตรงหน้าได้ ทันใดนั้นนางก็เข้าใจทันทีว่าทำไมมีคนตายไปจำนวนมากปรากฏในก้นเหวนี้ แต่กลับไม่มีคนสังเกตเห็น ตามหลักแล้วถึงแม้ลูกศิษย์เสวียนเหมินจะไม่รู้ แต่ยมโลกควรจะมีวิญญาณฟ้องร้องถึงจะถูก แต่กลับไม่มีแม้แต่น้อย!
ไม่เพียงเสวียนเหมิน ยมโลกก็ไม่ได้รับข่าว
เพียงเพราะว่า…วิญญาณที่เข้ามาสถานที่แห่งนี้ทั้งหมดล้วนสลายไป แม้แต่เสี้ยววิญญาณก็ถูกกลืนกิน
ข่ายพลังกักขังนี้กักขังแหล่งพลังลมปราณเอาไว้ ข่ายพลังกลืนกินวิญญาณสลายวิญญาณที่ตกลงมา ร่างวิญญาณที่อ่อนแอถูกข่ายพลังรวมวิญญาณดึงเข้าไปในข่ายพลัง
กักขัง กลืนกิน อีกทั้งรวมวิญญาณ ไม่มีวิญญาณตนไหนหนีออกไปได้ แม้แต่เศษเสี้ยวก็ไม่เหลือ มีเพียงโครงกระดูกที่นอนเต็มทั่วพื้นดิน
อวิ๋นเจี่ยวรู้สึกโกรธเคืองอย่างมาก คนที่วางข่ายพลังร้ายกาจมากมายเช่นนี้ ต้องการจะทำอะไรกันแน่
“เลี้ยงเส้นชีพจรเทพ!” เยี่ยยวนพูด
อวิ๋นเจี่ยวผงะ ก่อนจะหันไปมองอีกฝ่าย “ชีพจรเทพ?” คืออะไร
เยี่ยยวนขมวดคิ้วมุ่น สีหน้าของเขาไม่สู้ดีนัก ก่อนจะสะบัดมือกวาดไปยังกำแพงหิน ทันใดนั้นได้ยินเพียงเสียงดังกึกก้อง ข่ายพลังบริเวณก้นเหวนั้นดับลงไปทันที
แหล่งพลังลมปราณทั้งหกที่ไร้การควบคุมกระจัดกระจายไปทันที ไม่ถึงชั่วครู่ก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย
กำแพงหินปรากฏรอยร้าวกว้างเท่าฝ่ามือ นางเห็นเพียงแต่ลูกแก้วกลมลูกหนึ่งกลิ้งออกมาจากด้านใน ลูกแก้วนั้นมีสีขาวราวหิมะ อีกทั้งยังมีพลังเบาบางลอยออกมา…พลังเทพ!
“นี่คือ?” อวิ๋นเจี่ยวผงะ
“ลูกแก้วกำเนิดวิญญาณ!” เยี่ยยวนยื่นมือหยิบลูกแก้วนั้นออกมาจากกำแพง ก่อนจะอธิบายขึ้น “มันสามารถเปลี่ยนพลังลมปราณให้กลายเป็นพลังเทพได้”
“เปลี่ยนพลังลมปราณให้กลายเป็นพลังเทพ…” อวิ๋นเจี่ยวมองดูลูกแก้วนั้นอย่างใกล้ชิด ก่อนจะพบว่าบริเวณโดยรอบของลูกแก้วนั้นมีพลังลมปราณเจือจาง เพียงแต่ด้านในมีเงาเลือนลางแวบผ่านไป
“เสี้ยววิญญาณ!” นางตะลึง มองดูเงาจำนวนไม่น้อยที่อยู่ด้านใน เงาเหล่านี้ล้วนเป็นเสี้ยววิญญาณของคนที่ตกลงมา! ข่ายพลังรวมวิญญาณดึงเอาวิญญาณของคนเหล่านี้เข้ามาในลูกแก้ว! แต่ว่าทำไมกัน “ในเมื่อลูกแก้วนี้สามารถเปลี่ยนเป็นพลังเทพได้โดยตรง เหตุใดจึงต้องกลืนกินเสี้ยววิญญาณเหล่านี้?” หรือเพียงแค่ต้องการไม่ให้ผู้อื่นรับรู้ถึงสถานที่แห่งนี้
เยี่ยยวนเหลือบมองนางทีหนึ่ง ก่อนจะถอนหายใจ “พลังลมปราณของแหล่งพลังมหาศาลเกินไป ต้องมีตัวช่วยถึงจะเปลี่ยนได้”
“พลังจากวิญญาณ!” อวิ๋นเจี่ยวตะลึง กลืนกินเศษเสี้ยววิญญาณเพียงแค่ต้องการพลัง!
“อืม” เยี่ยยวนพยักหน้า “พลังจากวิญญาณเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับลูกแก้วกำเนิดวิญญาณ”
อวิ๋นเจี่ยวกำมือข้างตัวแน่น “เช่นนั้นมังกรน้ำตัวนี้คือ?” หากต้องการเลี้ยงเส้นชีพจรเทพ เช่นนั้นคงเป็นฝีมือของโลกบน แต่เหตุใดถึงให้มังกรน้ำร้ายกาจตัวนี้เฝ้า ถึงแม้มันจะแข็งแกร่ง แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะเอาชนะมันไม่ได้ หากเป็นนักพรตที่มีพลังสูงก็อาจกำจัดมันทิ้งได้ อย่างถังเฉิน เป็นต้น
พวกเขาใช้ทุกวิถีทางจับแหล่งพลังลมปราณมามากมาย อีกทั้งยังซ่อนไว้ลึกลับเช่นนี้ ทำร้ายคนจำนวนมากมาย เห็นได้ชัดว่าคนเบื้องหลังให้ความสำคัญกับเส้นชีพจรเทพอย่างมาก แต่คนเฝ้าประตูกลับอ่อนแอเช่นนี้
เยี่ยยวนมองดูซากศพของมังกรน้ำบนพื้น สีหน้าของเขาเย็นลง ก่อนจะพูดขึ้น “แหล่งพลังลมปราณแบ่งออกเป็นห้าธาตุ เส้นชีพจรเทพไม่มี คุณสมบัติของมันต่อต้านกันและกัน มีเพียงผ่านการฝึกฝนอย่างบากบั่นเท่านั้นถึงจะกลายเป็นรูปร่างได้!”
“ฝึกฝน…” อวิ๋นเจี่ยวผงะ ราวกับนึกบางอย่างได้ “การบรรลุด้วยสายฟ้า!”
“อืม”
“…” ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้ ลูกแก้วกำเนิดวิญญาณรวมพลังจากวิญญาณมากเพียงพอแล้ว เพื่อรอมังกรน้ำร้ายกาจนั้นกลายเป็นมังกรที่แท้จริง จึงสามารถชักนำสายฟ้าจากสวรรค์ลงมา เกิดกลายเป็นเส้นชีพจรเทพ!
มังกรน้ำร้ายกาจนี้ไม่ใช่ผู้เฝ้าประตูแต่อย่างใด มันเป็นหนึ่งในสิ่งจำเป็นสำหรับการเลี้ยงเส้นชีพจรมิน่าทั้งที่ก่อนหน้านี้ถังเฉินเกือบจะฆ่ามันได้สำเร็จแล้ว แต่เมื่อนางมากลับพบว่ามันไม่ได้รับบาดเจ็บแม้แต่น้อย อีกทั้งยังเกือบจะกลายเป็นมังกรได้สำเร็จอีกด้วย
คงเป็นเพราะมันรู้ตัวจึงกลายร่างเป็นมังกรล่วงหน้า เพื่อดึงสายฟ้าจากสวรรค์ลงมาฝึกฝน บรรลุขึ้นโลกบน!