“ดูเร็ว ทางนั้นมีถ้ำ!” นักพรตคนหนึ่งชี้ไปทางด้านขวา
ทุกคนหันไปมองก็พบว่าด้านล่างผาหินทางด้านขวานั้นมีถ้ำอยู่หนึ่งอัน ปากถ้ำกว้างราวสามคน ด้านในมืดสนิท ด้านในยังมีไอเย็นยะเยือกส่งออกมา
“ที่นี่คงเป็นที่อาศัยของสิ่งชั่วร้ายนั้น นายน้อยเซ่าต้องถูกจับมาที่นี่เป็นแน่!” หูฝูตาลุกวาว ถือดาบไม้ท้อเดินมุ่งไปทางนั้น
“เดี๋ยว!” ไป๋อวี้รีบดึงแขนเขาเอาไว้ จ้องมองอย่างพินิจไปยังปากถ้ำนั้น รู้สึกถึงพลังผีบริเวณรอบด้านมีความคุ้นเคยอย่างประหลาด ช่างเหมือนกับพลังบนตัวของผีสาวบางตัว ดังนั้นจึงเอ่ยปากเตือน “ท่านสหาย ที่นี่พลังผีหนักมาก สิ่งที่อยู่ด้านในอาจเป็นผีร้าย อย่ามุทะลุเข้าไปจะดีกว่า”
“ฮึ พลังผีเท่านั้น พวกข้าล้วนเป็นผู้ฝึกฝนทางเต๋า ทำไมต้องกลัว” หูฝูสะบัดมือเขาทิ้ง ไม่ฟังคำตักเตือนของไป๋อวี้ คิดเพียงแต่อยากจะเป็นคนแรกที่ช่วยเซ่าเซี่ยนออกมา “หากพวกเจ้ากลัว ก็ไม่ต้องเข้าไป!” พูดจบก็มุดเข้าไปในถ้ำทันที
“ท่าน…” ไป๋อวี้อยากรั้ง แต่ก็ไม่ทันการ
คนอื่นพอเห็นว่ามีคนนำก็เริ่มลังเลขึ้นมา ต่างควักอาวุธออกมาคิดจะตามเข้าไป ผีร้ายต่อกรด้วยยากก็จริง แต่พวกเขามีจำนวนมากเช่นนี้ต้องมีวิธีเป็นแน่
ดูท่าทางจะห้ามไม่อยู่ ไป๋อวี้เริ่มร้อนใจ หันไปมองอวิ๋นเจี่ยว “เจ้าหนู ทำยังไงดี พวกเราจะเข้าไปหรือไม่”
อวิ๋นเจี่ยวเงยหน้ามองปากถ้ำ เห็นเพียงแต่ไอสีดำกำลังโผล่ออกมาจากด้านใน ส่ายหัวไปมาก่อนจะเอ่ย “ไม่เห็นตัวอักษรที่เขียนอยู่ด้านหน้าหรือไง”
“อะไร” ไป๋อวี้งง
มีตัวอักษรตรงไหนกัน
“ด้านซ้ายเขียนว่าคนโง่ ด้านขวาเขียนว่ารีบมา ด้านบนเขียนว่า หาที่ตาย!”
ชายแก่ “…”
ตาโจว “…”
ทุกคน “…”
ถึงแม้เขาก็ดูออกเหมือนกันว่าถ้ำนี้มีปัญหา แต่ก็ไม่ต้องพูดให้ชัดเจนขนาดนี้ไหม
“แต่ว่านายน้อยเซ่า…” ไม่ช่วยก็ไม่ได้ ในเมื่อพวกเขามาหาเงิน
อวิ๋นเจี่ยวก้มหน้าคิดไปคิดมา ก่อนจะมองไปยังปากถ้ำอีกครั้ง “ชายแก่ ก่อนหน้านี้ที่ท่านเซ่าพูด นายน้อยของตระกูลเซ่านี้มักจะหายตัวไปตอนยามจื่อของทุกวันใช่หรือไม่”
“ใช่แล้ว!” ไป๋อวี้พยักหน้าอย่างเคยชิน “เขาพูดเช่นนั้นจริง”
“งั้นก็ประหลาดจริง…” อวิ๋นเจี่ยวมองเข้าไปในถ้ำ “หากนายน้อยเซ่านั้นถูกผีร้ายในถ้ำนี้จับมาทุกคืน แล้วเขากลับไปได้อย่างไรกัน” ผีร้ายไม่ได้เจรจาง่ายขนาดนั้น
“…”
เอ๊ะ?
ชายแก่ตะลึง ยังไม่ทันเข้าใจที่นางพูด ทันใดนั้นก็มีเสียงร้องลั่นดังขึ้นมาจากในถ้ำ เห็นเพียงแต่ร่างสีเขียวลอยออกมาจากในถ้ำ ก่อนที่จะกระแทกลงพื้นอย่างเสียงดัง
ตั้งใจดูถึงได้พบว่าคนนั้นก็คือหูฝูที่เดินนำเข้าไปในถ้ำ จากเมื่อกี้ที่ยังมีชีวิตชีวา ตอนนี้เหลือเพียงแค่ลมหายใจรวยริน ทั้งตัวเต็มไปด้วยเลือด นอนจมอยู่ที่พื้นขยับไม่ได้
“สหายหู!” ทุกคนตกใจ อยากจะเดินหน้าขึ้นมาดู แต่เสียงร้องอันโหยหวนของผีดังออกมาจากในถ้ำ ตามมาด้วยลมที่พัดขึ้นมาอย่างบ้าคลั่ง ลมหนาวเย็นยะเยือกก่อตัวขึ้น เห็นเพียงแต่เงาสีดำก้อนใหญ่พุ่งออกมาจากในถ้ำ ล้อมรอบทุกคนเอาไว้ เสียงร้องโหยหวนของผีดังขึ้นเสียงแล้วเสียงเล่า ทะลุเข้าโสตประสาทของทุกคน
“ทำไมถึงมีผีร้ายมากเช่นนี้” ทุกคนต่างตกตะลึง ดูจากจำนวนของเงาผีพวกนี้ อย่างน้อยต้องมีร้อยตัวขึ้นไป วิชาของพวกเขาไม่ได้ชั้นสูงขนาดนั้น ตัวเดียวยังพอต่อกรด้วยได้ แต่มาเป็นฝูง ไม่มีทางที่จะสู้ได้แน่
“เห้ย!” ไป๋อวี้ก็อดไม่ได้ที่จะพึมพำ อีกแล้ว! ผีร้ายพวกนี้หารือกันไว้แล้วหรือเปล่า ทำไมพวกเขาเจอทุกครั้งมาเป็นฝูงทุกครั้ง ยังดีที่พวกเขามีไพ่ใบเอกอยู่ในมือ “เจ้าหนู เร็วเข้า…เชิญอาจารย์ปู่!” มีอาจารย์ปู่อยู่ ผีเยอะแค่ไหนก็ไม่หวั่น
อวิ๋นเจี่ยวเอื้อมมือคลำไปยังลำตัว ทันใดนั้นตัวแข็งทื่อ
“เป็นอะไร” เห็นนางไม่ขยับ ไป๋อวี้จึงเอ่ยถาม
อวิ๋นเจี่ยวหันหน้าไปมองไป๋อวี้ “อาจารย์ปู่…ไม่อยู่”
“ฮะ?” ไป๋อวี้ตะลึง “ท่านไม่ได้ผูกไว้บนเอวเจ้าหรือไง”
“…” อวิ๋นเจี่ยวนิ่งไปสักพัก ตอนกินมื้อเย็น “ข้ายืมห้องครัวของตระกูลเซ่าต้มน้ำแกงให้ท่านกิน” อีกทั้งยังเป็นถ้วยใหญ่!
ดังนั้น…
อาจารย์ปู่ยังอยู่ใน ห้อง กิน น้ำแกง!!!
w(゚Д゚)w
เขาจะมีอาจารย์ปู่แบบนี้ไว้ทำไมกัน เห้ย!
ตายแน่ๆ ๆ…
ทำไงดีๆ
ดูท่าทางผีร้ายในถ้ำจะออกมามากขึ้นกว่าเดิม แต่แปลกที่พวกมันไม่ได้พุ่งเข้ามาหาพวกเขา แต่กลับล้อมรอบพวกเขาไว้และหมุนเป็นวงกลม ส่งเสียงโหยหวนดังขึ้นเรื่อยๆ ราวกับกำลังรออะไรบางอย่าง เสียงนั้นเต็มไปด้วยความรันทดและ…ทรมาน?
อวิ๋นเจี่ยวอึ้งไปสักพัก ยังไม่ทันได้คิดลึกลงไปกว่านี้ ใต้เท้าของทุกคนปรากฏแสงสีแดงแสบตาขึ้นมาอย่างกะทันหัน เสียงร้องของฝูงผียิ่งทรมานมากขึ้น
“นี่คือ…ข่ายพลังสำหรับฝึกผี” มีคนอุทานออกมา ทุกคนเข้าใจในทันที “มีคนอยากใช้พวกเราในการฝึกผีที่นี่!”
“เร็วเข้า! รักษาตันเถียนไว้ บุกออกจากข่ายพลัง” นักพรตเสื้อฟ้าเตือนด้วยความเสียงดัง ทุกคนที่กำลังรอผีร้ายลงมือนั้นถึงได้สติกลับมา ต่างเริ่มท่องคาถา อยากจะบุกออกไปจากวงล้อมของผีร้าย
แต่ทันใดนั้นพวกเขาก็ค้นพบว่ามันสายเกินไปเสียแล้ว ไม่ว่าจะเป็นยันต์หรืออาวุธ ล้วนถูกแสงสีแดงรอบด้านต้านกลับมา ไม่อาจสัมผัสกับฝูงผีรอบข่ายพลังนั้นได้
แสงสีแดงโดยรอบยิ่งสว่างขึ้นเรื่อยๆ ฝูงผีนี้ราวกับได้รับคำสั่งอะไรบางอย่าง หยุดชะงักลงในทันที ยืนกันเป็นกลุ่มอยู่ที่ห้าทิศของข่ายพลัง ทันใดนั้นทุกคนต่างรู้สึกว่าในร่างกายมีอะไรบางอย่างกำลังถูกข่ายพลังดูดซับไปทีละนิด นั่นเป็นพลังลมปราณของพวกเขา หากเป็นเช่นนี้ต่อไป พวกเขาต้องถูกข่ายพลังนี้ดูดซับพลังลมปราณหมดตัวและตายไปเป็นแน่
ทันใดนั้นทุกคนต่างรู้สึกอ่อนแรงมากขึ้น บางคนถึงขั้นหายใจไม่ออกขึ้นมา “นี่เป็นข่ายพลังอะไรกัน”
อวิ๋นเจี่ยวสีหน้าเคร่งเครียด เอ่ยด้วยเสียงทุ้ม “ข่ายพลังร้อยผีเสริมดวง!”
ข่ายพลังอะไรนะ
ทุกคนต่างตะลึง ยังไม่ทันเข้าใจ ก็ได้ยินเสียงหัวเราะอย่างได้ใจดังออกมาจากในถ้ำ “ฮ่าๆ ๆ…ไม่คิดว่าจะมีคนรู้จักข่ายพลังนี้ของข้า”
เห็นเพียงแต่ร่างกลมเดินออกมาจากถ้ำ รูปร่างราวกับลูกบอลที่บวมลมนั้นฉีกปากยิ้ม เนื้อบนใบหน้าถูกเบียดจนสั่นเล็กน้อย
“ท่านเซ่า!” ทุกคนต่างตาเบิกโตอย่างไม่เชื่อสายตาตัวเอง หรือว่าเขาจะเป็นคนสร้างข่ายพลังนี้ แต่ทำไมกัน เขาไม่ได้อยากให้พวกเขาช่วยลูกชายหรือไง
“ต้องขอบคุณทุกท่านช่วยเหลือ วันนี้ข้าถึงได้สร้าง ‘ข่ายพลังร้อยผีเสริมดวง’ นี้ได้สำเร็จ” ท่านเซ่ายิ้มอย่างได้ใจ เนื้อบนตัวยิ่งสั่นมากขึ้น ดวงตาหยีเป็นเส้นตรง “ต่อจากนี้ตระกูลเซ่าของข้าก็จะเจริญรุ่งเรืองได้อีกร้อยปีแล้ว”
“เจ้า…เจ้าใช้พวกข้าบูชาข่ายพลัง!” ทุกคนเข้าใจจุดประสงค์ของเขาในทันที “เจ้าจงใจหลอกให้พวกข้ามาที่นี่!” ผู้ฝึกทางเต๋า ชักนำพลังฟ้าดินในการฝึกฝน ดังนั้นล้วนเป็นคนที่มีพลังลมปราณติดตัวไม่มากก็น้อย แต่ว่าข่ายพลังร้อยปีใช้วิญญาณในการสร้างข่ายพลัง ถือเป็นสิ่งชั่วร้าย ยากต่อการสร้างหากไม่มีพลังหยางมาช่วยควบคุม และพลังลมปราณก็คือตัวเลือกที่ดีที่สุด