ศิษย์หลานข้า ระวังอย่าหลงผิด – ตอนที่ 38 หนีจากความตาย

“ใครบอกกัน!” อวิ๋นเจี่ยวเอ่ยเสียงต่ำ มองไปยังแสงสีขาวสลัวบริเวณรอบข้างที่กำลังรวมมาอยู่จุดที่นางยืน หลังจากนั้นยกขาก่อนจะเหยียบลงไปอย่างไม่ลังเล  

 

 

นาทีถัดมา ได้ยินเพียงเสียงดังขึ้นมา ก่อนที่ข่ายพลังที่มีแสงสีขาวเพียงสลัวนั้นจะสว่างขึ้น ‘โคร่ม’ เสียงหนึ่งก่อนจะระเบิดออก บริเวณรอบด้านสั่นไหวอย่างรุนแรง พื้นดินแตกออกทำลายข่ายพลังเดิม  

 

 

แสงสีแดงดับมืดลงไปทันที ทุกคนล้วนรู้สึกโล่งใจ พลังลมปราณที่สูญเสียไปไหลกลับเข้าสู่ร่างกายอีกรอบ รวมทั้งความรู้สึกกดดันนั้นก็หายไปจนหมดสิ้น  

 

 

พวกเขา…รอดแล้ว!  

 

 

(⊙ o ⊙)!  

 

 

“ไม่ เป็นไปได้อย่างไร?!” ท่านเซ่าเบิกตาโพลงอย่างเหลือเชื่อ ราวกับไม่สามารถยอมรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้ “เป็นไปไม่ได้ พวกเจ้าล้วนเป็นผู้ฝึกฝนทางเต๋า เพียงแค่เคยฝึกฝนด้วยพลังลมปราณ ก็ไม่มีทางทำลายข่ายพลังนี้ได้!”  

 

 

“ขอโทษที! ข้าเป็นคนที่ไม่มีพลังมีปราณ!” อวิ๋นเจี่ยวตอบหน้าตาย  

 

 

ท่านเซ่าตะลึง อยากจะเอ่ยถามแต่ไม่มีโอกาสแล้ว ข่ายพลังถูกทำลาย เหล่าวิญญาณที่อยู่ขังไว้ด้านในล้วนถูกปล่อยออกมา พวกเขาตายอย่างไม่เป็นธรรม อีกทั้งยังถูกกักขังเป็นเวลานาน เมื่อได้รับอิสระ สิ่งแรกที่ทำก็คือแก้แค้น  

 

 

ดังนั้นเหล่าผีร้ายที่หน้าตาน่าหวาดกลัวนั้น ล้วนพุ่งไปยังท่านเซ่าพร้อมกัน  

 

 

“อย่า…อย่าเข้ามา! อ๊าก!!!”ท่านเซ่าส่งเสียงร้องอย่างทรมานออกมา ไม่ถึงชั่วครู่เสียงนั้นก็เงียบไป ร่างกายของเขาจมหายไปในฝูงผี  

 

 

“ท่านพ่อ…” เซ่าเซี่ยนคิดอยากจะเข้าไป แต่กลับไม่สามารถเข้าใกล้ได้เพราะว่าถูกฝูงผีผลักออกมา ล้มลงไปบนพื้นก่อนจะเป็นลมล้มพับไป ทางท่านเซ่านั้นไม่มีลมหายใจลงเหลือแล้ว คาดว่าอาจจะไม่เหลือแม้แต่ซากศพ  

 

 

“เฮ้อ! กรรมใดใครก่อ กรรมนั้นย่อมคืนสนอง” ตาโจวส่ายหัวไปมา เบือนหน้าหนีไม่อยากจะดูต่อ  

 

 

สีหน้าของคนอื่นก็ไม่สู้ดีนัก ไม่มีใครเคยคิดมาก่อนว่าออกมาขับไล่ผีจะต้องเสี่ยงตายเช่นนี้  

 

 

“สหายท่านนี้…” นักพรตเสื้อฟ้าสำนักเดียวกับหูฝูยกมือขึ้นทำความเคารพอวิ๋นเจี่ยว ในตอนนี้เขาเปลี่ยนทัศคติที่มีต่ออวิ๋นเจี่ยวไปเป็นที่เรียบร้อย เมื่อเขาออกเสียงคนอื่นก็มองมาทางนี้พร้อมกันในสายตาเต็มไปด้วยความศรัทธา ในเมื่อเมื่อกี้นางเป็นคนช่วยชีวิตพวกเขาเอาไว้  

 

 

นักพรตเสื้อฟ้าถามอย่างนอบน้อมว่า “ข้าอยากรู้ว่าผีร้ายพวกนี้จะจัดการอย่างไรดี” ผีเหล่านี้ถูกข่ายพลังกักขังไว้นานเกินไป สติสัมปชัญญะของพวกมันล้วนถูกกลืนกินไปจนหมดสิ้น หากไม่จัดการเกรงว่าต่อไปคงอันตราย  

 

 

อวิ๋นเจี่ยวตะลึงไปพัก ก่อนจะถามกลับ “โดยปกติแล้วพวกท่านจัดการอย่างไร” นางจะไปรู้ได้ไงว่าจะจัดการอย่างไร  

 

 

นักพรตเสื้อฟ้าตะลึง คิดว่านางเพียงแค่เคารพในความเห็นของตน รู้สึกตื้นตันในทันที สหายนักพรตที่ดีเช่นนี้ไม่เพียงแต่วิชาเก่งกาจสามารถทำลายข่ายพลังร้อยผีได้ในระยะเวลาอันสั้นแล้ว ยังถ่อมตนเช่นนี้อีก ดังนั้นจุงเอ่ยด้วยความตื่นเต้นว่า “ปกติแล้วผีร้ายจำนวนมากเช่นนี้ ต้องมอบหมายให้แก่สำนักเทียนซือจัดการ พวกเขามีนักพรตที่ทำการส่งวิญญาณโดยเฉพาะ พวกเราเพียงแค่เก็บผีร้ายเข้ายันต์ และส่งต่อให้พวกเขาเป็นพอ อีกทั้งผีร้ายพวกนี้ถูกกักขังไว้นาน ร่างวิญญาณค่อนข้างอ่อนแอแล้ว คงไม่ยากต่อแก่เก็บ”  

 

 

“สำนักเทียนซือ?” คือที่ไหน เป็นองค์กรสำหรับเก็บกวาดเหรอ “อยู่ไหน”  

 

 

“สำนักหยางชางของพวกข้าห่างจากสำนักเทียนซือไม่ไกล หากทุกท่านไว้ใจ ก็มอบให้ข้าเป็นคนนำส่งสำนักเทียนซือเถอะ!” นักพรตเสื้อฟ้ากล่าว  

 

 

“อ่อ” อวิ๋นเจี่ยวพยักหน้าด้วยความเคร่งขรึม ไม่มีสีหน้าไม่เข้าใจบนหน้าแม้แต่น้อย “ได้ งั้นก็จัดการเถอะ!” สักพักราวกับเพิ่งนึกอะไรขึ้นได้ หันหน้าไปมองไป๋อวี้ “ตาแก่ ยันต์เก็บผีใบนั้นล่ะ!”  

 

 

ไป๋อวี้นิ่งไปสักพัก ทันใดนั้นรู้สึกเจ็บจี๊ดขึ้นมา ก่อนจะเอ่ยปากอย่างไม่ค่อยพอใจ “ข้ามีใบเดียว!” แล้วยังเป็นใบที่เขาแบกหน้าไปขอมาจากอาจารย์ปู่ด้วย เสียสละน้ำแกงไก่ไปครึ่งเดือนกว่าจะแลกมาได้!  

 

 

อวิ๋นเจี่ยวยื่นมือออกไป “เดี๋ยวสอนวาด!” จะเอากี่ใบก็ได้  

 

 

ตาแก่ “…” เอ็มเอ็มพี!  

 

 

เจ้าเป็นปีศาจหรือไง ข้าไม่เรียนเสริมเด็ดขาด!  

 

 

(ಥ_ಥ)  

 

 

สุดท้ายเขาก็ควักยันต์ใบนั้นออกมา เพียงแค่ท่องคาถาก็เห็นเพียงผีร้ายราวกับถูกบางอย่างชักนำ พรึบ! เข้าไปในยันต์ของเขา ไม่ถือสามชั่วลมหายใจ ก็เก็บจนหมด  

 

 

ทุกคนต่างอึ้งไป เห็นได้ชัดว่าไม่เคยเจอยันต์ที่ชั้นสูงขนาดนี้มาก่อน  

 

 

“นี่…นี่คือยันต์เก็บผีชั้นสูงเหรอ!” นักพรตเสื้อฟ้าอดไม่ได้ที่จะถาม  

 

 

“อืม” อวิ๋นเจี่ยวพยักหน้า อาจารย์ปู่ไม่เคยมีของขั้นต่ำรับยันต์มาจากมือของตาแก่ก่อนยื่นไปให้นักพรตเสื้อฟ้า สีหน้ายังคงเคร่งขรึม พูดอย่างช้าๆ ว่า “ยันต์ที่ท่านต้องการ ถือไว้! หนึ่งร้อยตำลึง ขอบคุณ!”  

 

 

นักพรตเสื้อฟ้า “…”  

 

 

ไป๋อวี้ “…”  

 

 

ตาโจว “…”  

 

 

คนอื่น “…”  

 

 

พวกเขา…เมื่อกี้หูฝาดไปหรือเปล่า!  

 

 

——————  

 

 

“นังหนู พวกเรายังกลับไปจวนตระกูลเซ่าทำไม” ตาแก่หันไปมองคนบนหลัง สีหน้าไม่เต็มใจ  

 

 

เดิมเงินจะเข้ากระเป๋าอยู่แล้ว ถึงแม้คนให้เงินจะเปลี่ยนไป แต่อย่างน้อยก็ได้เงิน แต่อวิ๋นเจี่ยวไม่รีบกลับอารามไม่พอ ยังยุ่งเรื่องที่ไม่ใช่ของตัวเองอีก บังคับให้เขาและตาโจวผลัดกันแบกนายน้อยเซ่าที่เป็นลมล้มพบไปกลับไปยังจวนตระกูลเซ่า  

 

 

ถึงแม้ท่านเซ่าจะทำเรื่องเลวร้ายไว้มาก แต่นายน้อยเซ่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องด้วยเลย อีกทั้งเขายังเป็นคนร้องขอชีวิตให้พวกเขา แต่เขาก็เป็นลูกชายของตาอ้วนเซ่านั้น ไม่เพียงแค่ไป๋อวี้ คนอื่นที่ถูกหลอกมาใหขับไล่ผีนั้นล้วนมีปมอยู่ในใจ  

 

 

“ต้องกลับมาสิ!” อวิ๋นเจี่ยวหันกลับไปมองเขา อยากจะส่งสายตามองคนปัญญาอ่อนให้เขา แต่ก็ทำไม่ได้ พูดต่อว่า “ตระกูลเซ่ายังไม่ได้ให้เงินเลย!” เพียงแค่ร้อยตำลึง พวกเขาจะแบ่งกันยังไง  

 

 

ไป๋อวี้ “…” แต่ก่อนก็ดูไม่ออกว่านังหนูก็หน้าเงินเหมือนกัน!  

 

 

“อีกทั้ง…” อวิ๋นเจี่ยวชะงักเท้า ก่อนจะพูด “ท่านไม่คิดว่าพวกเราลืมอะไรเหรอ”  

 

 

ไป๋อวี้ตะลึง เอ่ยปากเตรียมเถียงกลับ “ไม่มี พวกเรามีลืมอะ…” พูดไปได้ครึ่งหนึ่งก็หยุดลง ทันใดนั้นราวกับนึกอะไรขึ้นได้ ตาเบิกโตหายใจเข้าหนึ่งที  

 

 

เห้ย! อาจารย์ปู่!  

 

 

“เร็วเข้าๆ ตาโจว! เร็วเข้า รีบกลับจวนตระกูลเซ่า!”  

 

 

เดิมที่ก้าวเท้าด้วยความไม่เต็มใจเท่าใดนัก กลายเป็นแทบจะบินขึ้นมา รีบมุ่งไปยังทิศทางของจวนตระกูลเซ่า  

 

 

…  

 

 

จวนตระกูลเซ่า  

 

 

อาจารย์ปู่ที่ลอบออกมาจากกระบอกไม้ไผ่มองไปยังโต๊ะกินข้างที่ว่างเปล่า คิ้วขมวดแน่น รู้สึกโมโหขึ้นมาอย่างไร้สาเหตุ  

 

 

ไหนข้าวเช้า ทำไมถึงไม่มี คนก็ยังหายไปด้วย!  

 

 

คนไหนที่มันกล้าไม่พกตามมาหลอกลักพาตัวศิษย์หลานของเขา!  

 

 

โกรธมาก อยากฆ่าคน!  

 

 

——————  

 

 

เซ่าเซี่ยนตื่นมาอีกทีก็หลายวันหลังจากนั้น เขารู้สึกสบายเนื้อสบายตัวอย่างบอกไม่ถูก ความรู้สึกอันหนักอึ้งที่ทับถมบนตัวของเขาตั้งแต่ตอนเด็กนั้นหายไปในพริบตา สบายจนทำให้เขารู้สึกเหมือนพ้นจากกายเนื้อ กลายเป็นเพียงวิญญาณ  

 

 

จนกระทั่งขางหน้าปรากฏใบหน้าที่คุ้นเคย นั่นเป็นหญิงสาวท่านหนึ่ง ดูท่าทางอายุไม่มาก แต่ว่าใบหน้ากลับเต็มไปด้วยความจริงจัง ทำให้คนเชื่อถือขึ้นมาจากใจ  

 

 

 

 

 

[1] เอ็มเอ็มพี  หมายถึง อักษรย่อยอดนิยมที่ใช้บนอินเทอร์เน็ตของชาวจีน ซึ่งเป็นคำด่าในภาษาท้องถิ่นจีนเสฉวน  

ศิษย์หลานข้า ระวังอย่าหลงผิด

ศิษย์หลานข้า ระวังอย่าหลงผิด

Status: Ongoing
อ่านนิยายเรื่อง ศิษย์หลานข้า ระวังอย่าหลงผิด อวิ๋นเจี่ยว ศัลยแพทย์ปริญญาเอกจากคณะแพทย์ศาสตร์มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ถึงคราวต้องกุมขมับเมื่อทำดีกลับไม่ได้ดี ช่วยเหลือคนแก่ที่หกล้มกลับโดนรีดไถและสาปแช่งให้เห็นผี! ยังไม่พอยันต์ที่ยายแก่คนนั้นสาปเธอยังทำให้เธอทะลุมิติไปยังโลกยุคโบราณและโดนล่อลวง (?) ให้เข้าเป็นศิษย์สำนักเต๋าที่ทำหน้าที่ปราบปีศาจผดุงคุณธรรมอีกด้วย เล่าลือกันว่าท่านปรมาจารย์เจ้าสำนักอารามชิงหยางนั้นสำเร็จเป็นเซียนและโบยบิน ขึ้นสวรรค์ไปเมื่อหลายแสนปีก่อน แต่หากเป็นอย่างนั้นจริงเงาร่างหล่อเหลาเปล่ง รัศมีเจิดจ้าที่กำลังนั่งเล่นควันธูปอยู่นี่คือใครกันเล่า?!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset