ศิษย์หลานข้า ระวังอย่าหลงผิด – ตอนที่ 45 ออกเดินทางสู่การทดสอบ

ไป๋อวี้รู้สึกว่าเจ้าหนูช่วงนี้แปลกประหลาดไปเล็กน้อย คนทั้งคนดูไม่สดใสเลย ทั้งที่อีกไม่กี่วันก็จะออกเดินทางไปสำนักเทียนซือแล้ว แต่นางกลับทำท่าทางราวกับไม่มีแรงแม้แต่จะเฝ้าดูเขาฝึกฝน อีกทั้งยังถอนหายใจยาวในบางครั้ง

 

 

“เจ้าหนู เกิดอะไรขึ้น ในช่วงสองสามวันมานี้เจ้าเป็นอะไรไป?” ไป๋อวี้อดถามไม่ได้

 

 

“อะไรเป็นอะไรไป?” อวิ๋นเจี่ยวตกใจ

 

 

“ยังจะพูดอีก หลายวันมานี้เจ้ายังไม่ได้เพิ่มตำราให้ข้าเลยนะ” แต่ก่อนนางมักจะเพิ่มตำราสองสามเล่มให้เขาทุกๆ เจ็ดแปดวัน ตำราบนชั้นวางของเขาไม่เคยน้อยลงเลย

 

 

“เฮ้อ!” อวิ๋นเจี่ยวถอนหายใจยาวก่อนจะพูดเสียงทุ้ม “ดูเหมือนข้าจะ…ทำให้อาจารย์ปู่โกรธ”

 

 

“ฮะ?” ไป๋อวี้ดูตกใจ “อาจารย์ปู่โกรธเจ้าเป็นด้วยหรือ” อย่ามาล้อเล่นน่า อาจารย์ปู่เห็นได้ชัดว่าลำเอียงขนาดไหน จะโกรธนางลงได้อย่างไร

 

 

“จริงๆ”

 

 

ไป๋อวี้ทำหน้าไม่เชื่อ “แล้วเจ้าไปทำอะไรให้ท่านโกรธ”

 

 

อวิ๋นเจี่ยวสีหน้าตึงไป สักพักถึงได้พูดว่า “หลายวันก่อน ท่านบอกว่าจะถ่ายทอดวิชาหลอมยาให้ข้า”

 

 

“หลอมยา” ไป๋อวี้ตะลึง ทันใดนั้นรู้สึกอิจฉาขึ้นมาในใจ อาจารย์ปู่เสริมวิชาให้เจ้าหนูส่วนตัวอีกแล้ว “ไม่ใช่ว่าเจ้าไม่อยากเรียน เลยทำให้อาจารย์ปู่โกรธ?”

 

 

“ไม่ใช่!” อวิ๋นเจี่ยวส่ายหน้า “แต่ว่า…ท่านไม่ได้ถ่ายทอดวิชาเป็นตำรา แต่ว่าส่งวิชาหลอมยาเข้ามาในหัวข้าโดยตรง”

 

 

“หัว…” ไป๋อวี้ตะลึงไป ทันใดนั้นถึงได้เข้าใจ “เฮ้ย ถ่ายทอดผ่านจิต!” ลุกขึ้นยืนด้วยท่าทีไม่เชื่อ

 

 

นั่นเป็นถึงการถ่ายทอดวิชาทางจิตเชียวนะ ไม่เหมือนกับการถ่ายทอดวิชาทั่วไป การถ่ายทอดวิชาทางจิตเป็นการนำเอาเนื้อหาของวิชาพร้อมทั้งความเข้าใจในวิชาของอีกฝ่ายส่งเข้าสู่จิตของอีกฝ่ายโดยตรง นั่นก็หมายความว่าผู้ที่ได้รับการถ่ายทอดไม่แม้แต่จะต้องศึกษาก็สามารถเข้าใจถึงเนื้อหาของวิชาทั้งหมด

 

 

นี่เป็นวิธีการถ่ายทอดที่เล่าต่อกันมา มีเพียงเทียนซือระดับสวรรค์ขึ้นไปถึงจะทำได้ ไป๋อวี้มองไปยังตำราที่กองเท่าภูเขาด้านหน้าของตน ก่อนที่วิญญาณคนขี้อิจฉาจะเข้าสิง เจ้าหนูต้องการถ่ายทอดวิชาทางจิตที่ไหนกัน เขาต่างหากที่เป็นคนต้องการ อาจารย์ปู่ช่างลำเอียงเสียจริง

 

 

“หลังจากนั้นล่ะ?” อาจารย์ปู่ทำไมถึงโกรธ

 

 

“หลังจากนั้น…” อวิ๋นเจี่ยวชะงักไป “ข้าตบท่าน”

 

 

“ฮะ?” ชายแก่อึ้งไปห้าวินาที ยังไม่เข้าใจที่นางพูด “ตบ…ตบๆๆ ใคร”

 

 

เขาไม่ได้ฟังผิดใช่ไหม

 

 

อวิ๋นเจี่ยวพยักหน้า “ข้าตบอาจารย์ปู่”

 

 

“เจ้าบ้าไปแล้วหรือ! จู่ๆ ไปตบอาจารย์ปู่ทำไม ไม่ใช่ เจ้าสู้อาจารย์ปู่ได้อย่างไร ไม่อยากมีชีวิตแล้วหรือ” เขาก็ว่าทำไมสีหน้าอาจารย์ปู่แปลกๆ ตอนกินข้าวมื้อเย็น ที่แท้ก็ไม่ใช่สีหน้าที่แปลก แต่เป็นหน้าที่แปลก

 

 

“เอ่อ…” ก็มันเป็นปฏิกิริยาตอบสนองเอง ใครให้เขาไม่บอกก่อน จู่ๆ ก็ยื่นหน้าผากมาแปะที่หน้าผากของนาง ใครก็คิดว่าอีกฝ่ายลวนลามไหม

 

 

“แล้วอาจารย์ปู่…ไม่เป็นไรใช่หรือไม่”

 

 

“ท่านไม่เป็นไร” อวิ๋นเจี่ยวถอนหายใจยาว ยกมือของตัวเองขึ้น ชี้ไปที่ผ้าพันแขนของตนพร้อมพูดว่า “ข้ากระดูกหัก”

 

 

ไป๋อวี้ “…”

 

 

จู่ๆ ก็ไม่รู้ว่าควรเริ่มด่าตั้งแต่ตอนไหนดี

 

 

อวิ๋นเจี่ยวหันหน้าไปมองทางเจดีย์สูง ก่อนที่จะถอนหายใจอีกครั้ง ถึงแม้วันนั้นเมื่อพลั้งมือไปแล้ว นางก็สำนึกได้และขอโทษอย่างจริงใจทันที แต่ว่าอาจารย์ปู่ดูท่าทางยังคงโกรธอย่างมาก หลายวันมานี้สีหน้าบูดบึ้งอย่างยิ่ง การแสดงออกที่ชัดเจนที่สุดคือ ไม่มาช่วยนางปั้นยาอีกแล้ว

 

 

“เฮ้อ! ดูท่าทางครั้งนี้อาจารย์ปู่จะไม่ไปสำนักเทียนซือกับเราแล้ว”

 

 

 

 

อวิ๋นเจี่ยวเดาไว้ไม่ผิด อาจารย์ปู่ไม่มีความประสงค์ที่จะไปสอบกับพวกเขาจริงๆ ดูท่าวันออกเดินทางใกล้เข้ามาทุกที ไป๋อวี้และอวิ๋นเจี่ยวได้แต่เพียงไปลากับอาจารย์ปู่ที่ยอดเจดีย์

 

 

เยี่ยยวนไม่มีอะไรกำชับ กวาดตามองทั้งสองคน สายตาหยุดอยู่บนตัวอวิ๋นเจี่ยว ทันใดนั้นราวกับนึกอะไรขึ้นได้ สีหน้าเปลี่ยนไปทันที ทั้งที่การตบในวันนั้นยังไม่ทันได้ทำร้ายเขาก็ถูกพลังเซียนที่ปกป้องตัวของเขาต้านกลับไป แต่เขากลับรู้สึกแสบร้อนบนหน้าอย่างแปลกๆ

 

 

อาจเป็นเพราะว่าเป็นครั้งแรกที่มีคนกล้าตบหน้าเขา อีกทั้งยังเป็นศิษย์หลานตัวน้อยที่เขาให้ความสำคัญอย่างยิ่ง จะลงโทษ เขาก็หวง จะไม่ลงโทษ เขาก็ไม่รู้ว่าจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน ดังนั้นยิ่งมองยิ่งรู้สึกเครียด

 

 

สักพัก จึงทำได้แต่หันไปมองจ้องไป๋อวี้ และพูดด้วยเสียงเย็น “หากไม่ผ่าน ก็ไม่ต้องกลับมาแล้ว” เรียนมานานขนาดนี้ยังไม่ผ่าน จะกลับมาทำไม แล้วก็หันหน้าไปมองอวิ๋นเจี่ยว ราวกับกลัวว่านางจะเข้าใจผิด พูดเสริมขึ้น “เจ้าต้องกลับมา!”

 

 

เขายังคิดไม่ออกว่าจะลงโทษยังไง ฮึ! อย่างน้อยก็ต้องมีน้ำแกงไก่ห้าชาม

 

 

อวิ๋นเจี่ยว “…”

 

 

ไป๋อวี้ “…” อาจารย์ปู่ ท่านลำเอียงเช่นนี้ ไม่ปวดใจบ้างหรือไง

 

 

-_-|||

 

 

เยี่ยยวนกวาดตามองทั้งสองคนอีกครั้ง ถึงได้สะบัดมือครั้งหนึ่ง ทันใดนั้นยันต์สองใบก็ลอยออกมา ใบหนึ่งบินไปทางอวิ๋นเจี่ยว ส่วนอีกใบบินไปทางไป๋อวี้ และหยุดอยู่ข้างหน้าของพวกเขา

 

 

อวิ๋นเจี่ยวเอื้อมมือรับ พบว่านั่นเป็นยันต์สีเหลืองธรรมดา แตกต่างกับยันต์ปกติที่ส่องแสงสีทองที่อาจารย์ปู่ใช้ บนยันต์ใบนี้นอกจากจะเป็นสัญลักษณ์ที่อ่านไม่ออกแล้ว ก็ไม่มีอะไรแตกต่างจากยันต์ที่ชายแก่วาด

 

 

“หากเจอเรื่องที่ไม่สามารถจัดการได้ ให้เผายันต์ใบนี้” เยี่ยยวนมองอวิ๋นเจี่ยวและกำชับ

 

 

ชายแก่ก็ยื่นมืออกไปรับยันต์อีกใบ กำลังจะเอ่ยปากถาม “งั้นใบนี้ของข้าคือ…”

 

 

อาจารย์ปู่กลับเพียงสะบัดมือแล้วพูดว่า “ไปเถอะ! รีบไปรีบกลับ” จากนั้นก็หายเข้าไปในป้ายบูชา ไม่มีความคิดอยากจะอธิบาย

 

 

ไป๋อวี้ “…”

 

 

ทำไมเลือกปฏิบัติเช่นนี้ ชายแก่ปวดใจ

 

 

(ಥ_ಥ)

 

 

“นี่คงเป็นยันต์ขนส่ง” อวิ๋นเจี่ยวมองไปยังยันต์ที่อยู่บนมือเขา “อาจารย์ปู่น่าจะอยากส่งพวกเราไปที่สำนักเทียนซือโดยตรง”

 

 

“จริงหรือ!” ไป๋อวี้สีหน้าดีใจ ระยะจากที่นี่ไปยังเมืองเสวียนที่สำนักเทียนซือตั้งอยู่ค่อนข้างไกล ต้องเดินทางราวครึ่งเดือน เดิมทีพวกเขาคิดว่ามีอาจารย์ปู่อยู่ ใช้ข่ายพลังขนส่งส่งพวกเขาไป จะได้ไม่ต้องลำบากในการเดินทาง แต่ว่าอาจารย์ปู่กลับไม่ไปอย่างกะทันหัน ตอนนี้เวลาก็ไม่ทันแล้ว ยังคิดอยู่ว่าจะพูดยังไงให้ท่านส่งพวกเขาไป ไม่คิดว่าท่านกลับเตรียมไว้อยู่แล้ว

 

 

“พรุ่งนี้ก็คือวันทดสอบขึ้นทะเบียนแล้ว รีบไปเถอะ” อวิ๋นเจี่ยวเอ่ยเตือน

 

 

“ได้!” ไป๋อวี้ใช้ยันต์ในมือ ทันใดนั้นยันต์กลายเป็นแสงสีขาวครอบคลุมทั้งสองคนไว้ พวกเขารู้สึกเพียงทิวทัศน์ตรงหน้าเปลี่ยนไป นาทีถัดมาก็มายืนอยู่ที่หน้ากำแพงเมืองสูงชันแห่งหนึ่ง กำแพงเมืองมีป้ายที่เขียนด้วยตัวอักษรสองตัว ‘เมืองเสวียน’ ซึ่งก็คือเมืองอันเป็นที่ตั้งของสำนักเทียนซือ

 

 

บริเวณรอบด้านมีแต่คนไปๆ มาๆ คึกคักมากเป็นพิเศษ ในนั้นยังมีศิษย์เสวียนเหมินที่สวมชุดนักพรตอยู่ไม่น้อย อาจเป็นเพราะเคยชินแล้ว พวกเขาไม่ได้มีสีหน้าประหลาดใจที่ทั้งสองคนปรากฏตัวอย่างกะทันหัน

 

 

“เร็วมาก!” ไป๋อวี้ตกตะลึง ยันต์ขนส่งเขาวาดเป็น แต่ว่าเป็นยันต์ขนส่งทั่วไป สามารถส่งไปยังระยะทางสองสามลี้เท่านั้น อีกทั้งสถานที่ยังเป็นแบบสุ่มอีก แต่ว่าสำนักชิงหยางและเมืองเสวียนห่างกันเป็นพันลี้ ยันต์ขนส่งใบเดียวก็สามารถส่งคนมาได้ ก็คงจะมีแต่อาจารย์ปู่ที่ทำได้แล้ว

 

 

ดูท่าทางอาจารย์ปู่ก็เอ็นดูเขาเหมือนกัน รู้ว่าเขาอายุมากแล้ว แขนขาไม่เหมาะกับการเดินทาง ถึงได้ให้ยันต์ใบนี้มา

 

 

เอ๊ะ เดี๋ยว!

 

 

เมื่อกี้อาจารย์ปู่ให้ยันต์อะไรเจ้าหนู เหมือนได้ยินว่าสามารถใช้ในเวลาที่อันตราย งั้นก็คือ…ยันต์วิเศษที่คุ้มครองชีวิต!?

 

 

(⊙_⊙)

 

 

ยันต์ขนส่ง กับ ยันต์คุ้มครอง

 

 

ไป๋อวี้ “…”

 

 

งอนแล้ว!

ศิษย์หลานข้า ระวังอย่าหลงผิด

ศิษย์หลานข้า ระวังอย่าหลงผิด

Status: Ongoing
อ่านนิยายเรื่อง ศิษย์หลานข้า ระวังอย่าหลงผิด อวิ๋นเจี่ยว ศัลยแพทย์ปริญญาเอกจากคณะแพทย์ศาสตร์มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ถึงคราวต้องกุมขมับเมื่อทำดีกลับไม่ได้ดี ช่วยเหลือคนแก่ที่หกล้มกลับโดนรีดไถและสาปแช่งให้เห็นผี! ยังไม่พอยันต์ที่ยายแก่คนนั้นสาปเธอยังทำให้เธอทะลุมิติไปยังโลกยุคโบราณและโดนล่อลวง (?) ให้เข้าเป็นศิษย์สำนักเต๋าที่ทำหน้าที่ปราบปีศาจผดุงคุณธรรมอีกด้วย เล่าลือกันว่าท่านปรมาจารย์เจ้าสำนักอารามชิงหยางนั้นสำเร็จเป็นเซียนและโบยบิน ขึ้นสวรรค์ไปเมื่อหลายแสนปีก่อน แต่หากเป็นอย่างนั้นจริงเงาร่างหล่อเหลาเปล่ง รัศมีเจิดจ้าที่กำลังนั่งเล่นควันธูปอยู่นี่คือใครกันเล่า?!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset