ชายแก่ขว้างยันต์ปราบมารออกไป ดูเหมือนว่าผีตัวนั้นจะรู้ทัน มันเริ่มพุ่งเข้าหาพวกนางด้วยดวงตาของมันมีสีแดงเลือด
เซ่าเซี่ยนร่ายคาถาจับผีอย่างรวดเร็ว พลางสะกดร่างพลางพุ่งกระบี่ไม้ท้อพุ่งไปยังอีกฝ่าย ชายแก่ก็หยิบยันต์เก็บผีออกมาทันที ครู่ต่อมา เงาโปร่งแสงก็กลายเป็นควันลางๆ และถูกเก็บเข้าไปในยันต์
“เจ้าหนู จับผีเร่ร่อนได้หนึ่งตัวแล้ว” ชายแก่ไม่คิดว่าจะราบรื่นขนาดนี้ ความกลัวผีในใจก็หมดไปในทันที เขายกยันต์ในมือขึ้นอย่างภาคภูมิใจ
อวิ๋นเจี่ยวเหลือบมองยันต์ในมือของเขา มีความรู้สึกแปลกๆ ปรากฏขึ้นในใจ “นี่มัน…ไม่ง่ายไปเหรอ?” พวกผีพวกก่อนหน้านี้ ดูเหมือนจะไม่ง่ายขนาดนี้
“ที่พวกเราเจอเมื่อก่อนเป็นผีร้าย ผีเร่ร่อนพวกนี้จะเทียบกันได้ยังไง” ชายแก่โบกมืออย่างไม่ใส่ใจ อันที่จริง วิญญาณธรรมดามักจะจัดการเช่นนี้ ความแตกต่างอยู่ที่จำนวนยันต์ที่ใช้ “สองครั้งก่อนเป็นเพราะเราโชคไม่ดี ผีร้ายไม่ได้พบเจอได้ง่ายนัก พวกเรารีบไปหาตัวต่อไปกัน”
อวิ๋นเจี่ยวก็ไม่ได้คิดลึกลงไป พวกเขายังคงมุ่งหน้าขึ้นเขาไป ต่อมาก็เป็นเหมือนที่ชายแก่พูด ผีที่เจอส่วนใหญ่ล้วนเป็นเหมือนตัวก่อน พวกเขาก็จัดการได้อย่างราบรื่น นอกจากชายแก่ที่ขาพลิกเพราะความไม่ระวังแล้ว ก็ไม่มีเรื่องวุ่นวายอื่นเกิดขึ้น พวกเขาเจอผีตัวหนึ่งก็เก็บเข้ายันต์ตัวหนึ่ง จนกระทั่ง…พวกเขาเจอฝูงหนึ่ง
“บ้าเอ้ย! ตรงนี้อย่างน้อยก็มีหลายร้อยตัวแล้ว?” มันจะมากเกินไปแล้ว
บริเวณด้านหน้าเป็นพื้นราบเต็มไปด้วยวัชพืช บนพื้นดินราบนั้นมีร่างโปร่งแสงที่รวมกันราวกับกำลังชุมนุมกัน ล่องลอยไปมาอย่างไร้จุดหมาย
ชายแก่นับยันต์ที่เหลืออยู่ ใบหน้าของเขาเปลี่ยนสีไป “ยันต์ปราบมารของข้ามีไม่พอ พวกเจ้าสามารถจัดการผีพวกนี้ได้ไหม?”
ตาโจวและเซ่าเซี่ยนมองยันต์ที่เหลือ ต่างส่ายหน้า “ข้ายังมีสิบใบ ท่านสหายโจวมีแค่เจ็ดใบ รวมกับของท่านสหายไป๋ อย่างมากก็สามารถเก็บได้เพียงสี่ห้าสิบตัว”
กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือไม่มีทางที่จะจัดการพวกมันทั้งหมดในคราวเดียว ชายแก่ขมวดคิ้วและมองอวิ๋นเจี่ยวด้านข้างยังไม่ได้ออกมืออย่างเคยชิน “เจ้าหนู ทำยังไงดี”
อวิ๋นเจี่ยวมองไปยังฝูงผีที่อยู่ด้านหน้า คิดไปคิดมาก่อนจะพูดว่า “วางข่ายพลังจัดการแล้วกัน”
ชายแก่ตาสว่างขึ้นในทันที จริงสิ หากวางข่ายพลังบริเวณโดยรอบ สามารถกำจัดพลังผีของวิญญาณพวกนี้ได้ ถือว่าเป็นการจัดการเหมือนกัน
“ได้!” ชายแก่รีบหยิบธงสำหรับสร้างข่ายพลังออกมา พร้อมส่งให้คนละผืน “เจ้าหนู เจ้าบอกมา วางยังไง”
อวิ๋นเจี่ยวมองดูภูมิประเทศโดยรอบอย่างละเอียด จากนั้นจึงสั่งให้แต่ละคนวางธงที่ตำแหน่งที่กำหนด ไม่ถึงครึ่งดอกธูป ข่ายพลังก็สร้างเสร็จ ก่อนที่แสงสีขาวสว่างขึ้น พลังในตัวของวิญญาณนับร้อยที่อยู่ตรงกลางเริ่มสลายไปอย่างช้าๆ และพวกมันกำลังจะเปลี่ยนกลับเป็นผีธรรมดา
ชายแก่หยิบยันต์เก็บผีออกมาทันทีและพูดอย่างตื่นเต้นว่า “ข้าจะไปเก็บพวกมัน” ผีจำนวนมากเช่นนี้ ผลสอบครั้งนี้ไม่เลวแน่นอน
“เดี๋ยว!” อวิ๋นเจี่ยวกลับดึงเขาไว้ รู้สึกถึงความประหลาด
ชายแก่ผงะไป กำลังจะถาม กลับพบว่าวิญญาณในข่ายพลังนั้นกลับตื่นตระหนกและเริ่มโจมตีขึ้นมา
“เกิด…เกิดอะไรขึ้น” ชายแก่ตกตะลึงไป ตาโจวและเซ่าเซี่ยนด้านข้างก็มีสีหน้างงงวย
อวิ๋นเจี่ยวมองดวงตาที่ยังคงว่างเปล่าของพวกมัน คิ้วขมวดขึ้นเล็กน้อย “พวกมันไม่มีสติสัมปชัญญะ ดูเหมือนจะไม่ใช่โจมตีจากสัญชาตญาณ แต่ราวกับ… ถูกอะไรบางอย่างควบคุม”
“ฮะ?” ชายแก่ตะลึง ยังไม่ทันเข้าใจในสิ่งที่นางพูด ก็มีเสียงโหยหวนของผีดังขึ้นมา ก่อนจะตามมาด้วยลมราวกับมีดที่แหลมคมพัดมาหาพวกเขาอย่างบ้าคลั่ง
“ชายแก่ ข่ายพลังป้องกัน!” อวิ๋นเจี่ยวเอ่ยเสียงดัง
ชายแก่หยิบยันต์ขึ้นมาทันที ก่อนที่จะมีกำแพงแสงโปร่งใสห่อหุ้มพวกเขาทั้งสี่ไว้ พวกนางได้ยินเพียงกระทบดังขึ้น มีบางอย่างกวาดข้ามกำแพงไป ต้นไม้รอบด้านดูเหมือนจะถูกตัดด้วยมีดคมก่อนจะล้มลง ทำให้ทรายและหินบนพื้นปลิวว่อนไปทั่วที่อื่นๆ แม้แต่ทุ่งหญ้าก็ดูเหมือนถูกรื้อจนกระจุยกระจาย ยกเว้นบริเวณรอบด้านของพวกนาง ข่ายพลังที่วางไว้เมื่อกี้ก็พังทลายลง
พวกนางต่างตกใจยังไม่ได้เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น
“นั่น…นั่นคืออะไร!” เซ่าเซี่ยนอุทานออกมา
พวกนางเงยหน้าขึ้นมอง เห็นเพียงร่างสีดำปรากฏขึ้นบริเวณใจกลางของพื้นราบ ดวงตาสีแดงคู่หนึ่งจ้องมองมาที่พวกเขา
ผีร้าย!
ชายแก่เบิกตาโต บ้าเอ้ย! นี่พวกเขาถูกคำสาปอะไรหรือเปล่า ออกมาทีไรเจอผีร้ายทุกทีเลย
ชายแก่จ้องมอง และก็รู้สึกประหลาด ผีตัวนั้นถึงแม้จะมีพลังผีรอบตัว แต่ไม่ได้มีมาก อีกทั้งบริเวณโดยรอบก็ไม่มีพลังอาฆาต
“นี่น่าจะเป็นวิญญาณที่กำลังจะกลายเป็นผีร้าย” ชายแก่หันไปบอกคนที่เหลือ “ต้องห้ามมันเอาไว้ สลายพลังของมัน!”
ตาโจวและเซ่าเซี่ยนก็เข้าใจในทันที พวกเขาหยิบอาวุธออกมา ก่อนจะพุ่งออกไป
ผีตัวนั้นดูเหมือนจะรู้ทันแผนการของพวกนาง กรีดร้องออกมาครั้งหนึ่ง ก่อนจะโบกมือเป็นการสั่งผีที่อยู่รอบๆ โจมตีพวกเขา ชายแก่ทั้งสามคนไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องหลีกเลี่ยง และหาทางเข้าใกล้ผีสาว
อวิ๋นเจี่ยวกลับหันหลังกลับไปซ่อมแซมข่ายพลัง แต่ว่าวิญญาณบริเวณโดยรอบมีมากเสียจริง ถึงแม้จะไม่ได้ดุร้าย แต่ว่าจำนวนมีมากเกินไป เมื่อโจมตีเข้ามาพร้อมกัน นอกจากทำให้พวกเขาไม่สามารถเข้าใกล้ผีร้ายที่อยู่ตรงกลางได้ อีกทั้งยังมีแผลติดตัวกลับมาอีก
เมื่อเห็นว่าพลังของผีร้ายแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ และดูเหมือนว่ามันจะต้องการโจมตีอีกระลอกหนึ่ง เมื่อคิดถึงลมที่แหลมคมราวกับใบมีดเมื่อกี้ ชายแก่ก็กังวลขึ้นมาเล็กน้อยและส่งเสียงเรียกออกมา “เจ้าหนู…” จะทำยังไงดี บนตัวเขาไม่มียันต์ป้องกันแล้ว!
อวิ๋นเจี่ยวเงยหน้ามอง ก่อนจะออกเสียง “คาถาเสวียนซิน บทที่หกย่อหน้าที่สี่”
บทที่หกย่อหน้าที่สี่?
คาถานำสายฟ้า!
(⊙ o ⊙)
ชายแก่ผงะไปชั่วครู่ ทันใดนั้นเขาก็นึกขึ้นได้ ผนึกมือทั้งสองข้างกระตุ้นพลังในร่างกาย และท่องคาถาบทยาวออกมา ในเวลาต่อมา ได้ยินเพียงเสียงฟ้าร้อง ก่อนที่จะมีสายฟ้าสีขาวก็พุ่งผ่านอากาศ ฝ่าผ่านฝูงผีไป และโจมตีเข้าที่ผีร้ายที่อยู่ตรงกลาง
ผีร้ายตัวนั้นกรีดร้องออกมาอย่างทรมาน ก่อนที่พลังในตัวของมันจะสลายหายไป อีกทั้งร่างของมันก็ใสขึ้นมาทันที
ชายแก่โยนยันต์เก็บผีออกไปหนึ่งไป
เก็บ!
แต่ว่า…ไม่มีอะไรเกิดขึ้น!
ชายแก่ “…”
ยันต์ใบนั้นโจมตีโดนตัวของผีแล้ว แต่ไม่รู้ทำไม ถึงไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“เป็นไปได้อย่างไร?!” ชายแก่ผงะไปหรือว่ายันต์เขาใช้ไม่ได้ผลแล้ว เป็นไปไม่ได้ ตั้งแต่เจ้าหนูคุมเขาด้วยตัวเอง เขาก็ไม่เคยวาดยันต์ที่ใช้ไม่ได้อีกเลย
“ข้าลองดู!” เซ่าเซี่ยนก็ควักยันต์เก็บผีออกมาหนึ่งใบ
ผลลัพธ์ก็เหมือนกัน ยันต์ใบนั้นโดนตัวของผีร้ายแล้วก็เหมือนกับยันต์เสียที่ใช้ไม่ได้ ร่วงลงพื้นไป
“ทำไมถึงเป็นเช่นนี้…” เซ่าเซี่ยนก็ผงะไป กำลังคิดจะลองใหม่ แต่มีวิญญาณบางตัวคิดจะพุ่งมาหาเขา
“ระวัง!” ตาโจวที่อยู่ด้านข้างเอ่ยเตือนเสียงดังแต่ก็ไม่ทันการ
เมื่อเห็นว่ากรงเล็บที่แหลมคมของผีกำลังจะโดนตัวของเซ่าเซี่ยน ข่ายพลังในมือของอวิ๋นเจี่ยวก็ซ่อมแซมเสร็จพอดี แสงสีขาวสว่างขึ้นในทันที ทำให้ร่างของผีที่เข้ามานั้นเคลื่อนที่ไม่ได้ ทันใดนั้น กลุ่มของลมพัดผ่านอากาศมาทางพวกเขา ก่อนจะกระแทกผีพวกนั้นออกไป
ร่างในชุดสีฟ้าโผล่ออกมาจากด้านหลังพุ่มไม้
“ศิษย์พี่ถัง!” เซ่าเซี่ยนสีหน้าดีใจ คนที่มาที่แท้ก็เป็นเจ้ากรรมนายเวรของพวกข้า
ถังเฉินมองเซ่าเซี่ยนอย่างไม่พอใจ ก่อนจะส่งเสียงเย็นในลำคอ “ฮึ! มีกันสี่คน แต่รับมือกับผีแค่นี้ไม่ได้” พูดจบก็มองอวิ๋นเจี่ยวอย่างท้าทาย สีหน้าราวกับกำลังบ่งบอกว่า ที่หนึ่งก็ทำได้เพียงเท่านี้
อวิ๋นเจี่ยว “…”
ถังเฉินไม่มีความคิดจะหยุดมือ เขายกมือขึ้นขว้างยันต์ออกไป ยันต์นั้นกลายเป็นเปลวเพลิงขนาดใหญ่ทันที ก่อนจะมุ่งตรงไปในทิศทางของผีที่อยู่ตรงกลาง
“เดี๋ยวก่อน” อวิ๋นเจี่ยวอยากจะห้าม แต่ก็สายเกินไป ผีที่อยู่ตรงกลางถูกไฟกลืนกินและส่งเสียงกรีดร้องออกมา และหายไปในเปลวเพลิงในเวลาไม่นาน
ถังเฉินหยิบยันต์เก็บผีออกมาอีกหลายใบ มองดูคนสองสามคนที่ตะลึงไป ก่อนจะเอ่ย “มัวแต่ทำอะไร รีบเก็บวิญญาณสิ ข้าไม่ยอมพวกเจ้าหรอกนะ!”
ทั้งสามถึงได้สติกลับมาราวกับเพิ่งตื่นจากฝัน ต่างควักยันต์ออกมา เริ่มเก็บวิญญาณที่โดนสะกดเอาไว้บริเวณรอบข่ายพลัง มีเพียงอวิ๋นเจี่ยวที่ไม่ขยับ แต่กลับหันไปมองที่ที่ผีร้ายหายไป ที่ตรงนั้นถูกไฟวิเศษเผาไหม้จนเป็นรอยดำ เหลือเพียงแต่บริเวณตรงกลาง ที่ว่างออกมาเป็นวงกลม มืดสนิทมองไม่เห็นว่าด้านในเป็นอะไร
“เจ้าหนู ดูอะไร” หากไม่เก็บวิญญาณ เดี๋ยวก็โดนหนุ่มคนนั้นแย่งไปหมด
“ชายแก่ ท่านว่า…ทำไมผีร้ายเมื่อกี้ถึงไม่หลบ”
“ฮะ?” ชายแก่ตะลึงไป ไม่เข้าใจความหมายของนาง กำลังจะถาม ทันใดนั้น บริเวณไม่ไกลมีเสียงร้องของชายหนุ่มดังขึ้น พวกเขาต่างตกใจ
ถังเฉินสีหน้าเปลี่ยนไป ก่อนจะหันไปมองทางขวา “มีคนเกิดเรื่องแล้ว!”
“…”