ศิษย์หลานข้า ระวังอย่าหลงผิด – ตอนที่ 60 ข่ายพลังไร้ผล

“ศิษย์พี่ ศิษย์พี่ ท่านเป็นยังไงบ้าง” ศิษย์ชุดเขียวอุทานออกมาเสียงดัง เห็นเพียงแค่คนที่อยู่บนพื้นสีหน้าย่ำแย่ลง อีกทั้งยังปรากฏลายสีดำราวกับรากของต้นไม้กำลังแผ่ขยายขึ้นไปบนใบหน้า นี่เป็นสัญญาณว่าพลังวิญญาณกำลังเข้าสู่หัวใจ  

 

 

ทำอย่างไรดี ทุกคนล้วนกังวล  

 

 

“หลบไป!” อวิ๋นเจี่ยวกระชากถังเฉินที่อยู่ด้านหน้าออก ก่อนจะควักเข็มเงินออกมาอีกครั้ง  

 

 

“เจ้า…เจ้าจะทำอะไร” ถังเฉินตกใจเมื่อเห็นว่านางกำลังจะลงเข็ม เขาตะโกนออกมา “เขาถูกพลังวิญญาณ ไม่อาจ…”  

 

 

“หุบปาก!” อวิ๋นเจี่ยวหันหน้าไปจ้องเขม็ง ทันใดนั้นราวกับมีรังสีอำมหิตแผ่ออกมาจากตัวของนาง เอ่ยเสียงทุ้มว่า “หากอยากให้เขาตาย เจ้าก็ป่วนต่อไป!”  

 

 

“…” ถังเฉินถูกท่าทางของนางข่มขู่ไว้จนหุบปากในทันที  

 

 

ว่าแต่ “อีเล่า” คือวิชาอะไร  

 

 

(⊙_⊙)?  

 

 

ทางอวิ๋นเจี่ยวกลับเริ่มลงเข็มอย่างรวดเร็ว นางผนึกเส้นชีพจรทั้งหลายที่เป็นทางเชื่อมเข้าสู่หัวใจของอีกฝ่าย เพื่อหยุดยั้งพลังวิญญาณไม่ให้วิ่งเข้าไป  

 

 

“หยุด..หยุดลงแล้ว!” ศิษย์ชุดเขียวอุทานออกมาอย่างตะลึง เห็นเพียงแต่พลังสีดำที่เหมือนกับพืชไม้เลื้อยนั้นหยุดลงอย่างรวดเร็ว แต่ว่าคนกลับไม่มีทีท่าว่าจะตื่น  

 

 

“ข้าเพียงแค่หยุดการขยายของพลังวิญญาณ หากต้องการกำจัดมันทิ้ง ต้องใช้ยาวิเศษในการช่วย ก่อนอื่นส่งเขาลงจากเขาค่อยว่ากันอีกที” อวิ๋นเจี่ยวพูด  

 

 

“ใช่ๆ ๆ !” คนที่เหลือถึงได้สติกลับมา กำลังจะพยุงคนที่อยู่บนพื้นขึ้นมา ก็กลัวว่าจะเกิดปัญหาอื่นอีก ทำได้เพียงมองไปยังอวิ๋นเจี่ยวเป็นเชิงถาม  

 

 

“เพียงแค่ไม่โดนเข็มเงินก็ไม่มีปัญหา” อวิ๋นเจี่ยวพยักหน้า  

 

 

คนที่เหลือโล่งใจในทันที ก่อนจะรีบพยุงคนที่อยู่บนพื้นขึ้นมา เนื่องจากเป็นเรื่องของชีวิตคน อีกทั้งที่นี่นอกจากอวิ๋นเจี่ยวแล้ว ไม่มีหมอคนอื่น ดังนั้นพวกชายแก่จึงต้องช่วยยกคนลงจากเขา  

 

 

เมื่อยกคนจากบนพื้นขึ้นมา เซ่าเซี่ยนที่อยู่ด้านข้างก็เอ่ยขึ้นมา “เอ๊ะ วิญญาณเมื่อกี้นี้ละ”  

 

 

ทุกคนต่างตะลึง มองไปยังรอบด้าน เห็นเพียงแต่ความว่างเปล่า เมื่อกี้พวกเขารีบมา ไม่ได้เก็บวิญญาณทั้งหมด อีกทั้งสนใจเพียงแต่ศิษย์ที่ได้รับบาดเจ็บ ไม่ทันได้สังเกต แต่ตอนนี้ถึงได้พบว่าวิญญาณหายไปหมดแล้ว ราวกับหายไปในอากาศอย่างนั้น  

 

 

เกิดอะไรขึ้นกันแน่  

 

 

ทุกคนต่างนิ่งอึ้งไป คราวนี้ไม่เพียงแต่อวิ๋นเจี่ยว คนที่เหลือก็มีความรู้สึกแปลกประหลาดผุดขึ้นมาในใจเช่นกัน  

 

 

“ส่งศิษย์พี่ลงเขาก่อนค่อยว่ากันเถอะ” ศิษย์ชุดเขียวพูด  

 

 

ทุกคนไม่ได้คิดต่อลงไป ต่างพยักหน้า และหันหลังลงเขาไป  

 

 

——————  

 

 

สำนักเทียนซือ ณ ตอนนี้  

 

 

“เจ้าสำนัก แย่แล้ว!” ศิษย์รายหนึ่งวิ่งเข้ามาในตำหนักใหญ่อย่างรีบร้อน “ข่ายพลังขนส่งของสนามสอบรอบที่สามใช้ไม่ได้แล้ว!”  

 

 

“อะไรนะ!” เจ้าสำนักสวีตกใจ ลุกพรวดขึ้นมา “ข่ายพลังทำไมถึงใช้ไม่ได้กะทันหัน ท่านอาวุโสเจียวละ เขาได้ไปดูหรือยัง”  

 

 

“ท่านอาวุโสเจียวนำหน้าไปดูแล้ว”  

 

 

เจ้าสำนักสวีรีบมุ่งไปทางสนามอย่างรวดเร็ว อีกทั้งยังถึงขั้นใช้ยันต์อย่างไม่เสียดาย ใช้ความเร็วอย่างเร็วที่สุดไปยังข่ายพลัง  

 

 

เจียวเหิงอีที่รับผิดชอบด้านข่ายพลังยืนอยู่ตรงนั้นแล้ว เพียงแต่สีหน้าไม่สู้ดีนัก  

 

 

“เกิดอะไรขึ้น” เจ้าสำนักสวีถาม  

 

 

“ข้าก็ไม่แน่ใจ” เจียวเหิงอีส่ายหัวตอบ “รูปร่างของข่ายพลังและคาถาล้วนไม่มีปัญหา เพียงแต่ยันต์ขนส่งที่เชื่อมต่อกันนั้นได้ตัดขาดจากข่ายพลังไปอย่างกะทันหัน ทำให้ข่ายพลังใช้ไม่ได้ ไม่สามารถใช้ยันต์ขนส่งส่งคนกลับมาได้อีก”  

 

 

“ซ่อมได้หรือไม่” เจ้าสำนักสวีถามอย่างร้อนรน ทางนั้นมีศิษย์ราวห้าสิบกว่าราย  

 

 

“สาเหตุไม่ได้เกิดจากทางพวกเรา แก้ไขไม่ได้!” เจียวเหิงอีส่ายหัว ก่อนจะเอ่ยเสียงทุ้ม “น่าจะเป็นเพราะสถานที่ทำการทดสอบเกิดเรื่องที่ไม่คาดฝันขึ้น ดังนั้นถึงได้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้”  

 

 

เจ้าสำนักสวีสีหน้าดำลงไป “สถานที่ทดสอบนี้ เหล่าท่านอาวุโสมากกว่าสามท่านไปตรวจดูหลายครั้งก่อนหน้า หรือว่าจะมีบางอย่างที่ขนาดท่านอาวุโสยังไม่ได้สังเกต” ยิ่งคิดเขายิ่งรู้สึกร้อนใจ ไม่มีข่ายพลังขนส่ง พวกเขาไม่มีทางรู้ว่าทางนั้นเกิดเรื่องอะไรขึ้น  

 

 

ชั่วครู่ถึงได้กัดฟัน สั่งไปยังศิษย์ที่ยืนอยู่ด้านข้าง “เร็ว ไปแจ้งท่านอาวุโสเจ้าและท่านอาวุโสเฉินให้รีบไปยังหมู่บ้านซื่อสือดูว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น” พูดจบก็หันไปมองเจียวเหิงอีแล้วพูดว่า “ท่านอาวุโสเจียว ท่านลองดูต่อไปว่าสามารถติดต่อคนทางนั้นได้หรือไม่”  

 

 

เจียวเหิงอีพยักหน้า พร้อมกับเริ่มคำนวณข่ายพลังขึ้นมา  

 

 

——————  

 

 

หมู่บ้านซื่อสือ  

 

 

ทางคณะของอวิ๋นเจี่ยวมีราวสิบคน พวกนางกลับเข้าบ้านเป็นที่เรียบร้อย แต่ที่น่าแปลกคือระหว่างทางพวกนางไม่แม้แต่จะเจอวิญญาณสักตัว เดินทางลงเขาอย่างราบรื่นไร้อุปสรรค  

 

 

เมื่อกลับถึงบ้าน ถังเฉินก็ใช้ยันต์ขนส่งของตนเองลองอีกครั้ง แต่ก็ใช้ไม่ได้ ไม่ว่าจะใช้ยันต์อีกกี่ใบ ก็ไม่สามารถส่งคนกลับไปยังสำนักเทียนซือได้  

 

 

“ข้าลองใช้ยันต์ส่งข่าวของตระกูลถังแล้ว ไม่สามารถติดต่อได้เลย” เซ่าเซี่ยนชี้ไปที่ยันต์สามเหลี่ยมในมือแล้วพูดออกมา  

 

 

“แต่ว่าอาการของศิษย์พี่ไม่สามารถรอได้แล้ว” ทางศิษย์ชุดเขียวร้อนใจมากขึ้น มองไปยังสีหน้าของคนบนพื้นที่แย่ลงเรื่อยๆ มองไปยังคนที่เหลือก่อนจะพูดว่า “หรือไม่พวกเราพาศิษย์พี่กลับไปสำนักเทียนซือเอง”  

 

 

“ไม่ได้!” ถังเฉินส่ายหัวแล้วพูดว่า “ที่นี่ห่างจากสำนักเทียนซืออย่างน้อยก็มีสีห้าสิบลี้ เดินเท้าเร็วยังไงก็ต้องใช้เวลากว่าหนึ่งวัน อีกทั้งพวกเจ้ายังต้องยกคนอีกทั้งคน”  

 

 

ศิษย์ชุดเขียวยิ่งร้อนใจ คิดไปคิดมาแล้วพูดออกมาว่า “หากไม่ได้จริงๆ ข้าจะไปยืมรถจากคนในหมู่บ้าน ส่งคนออกไป”  

 

 

“ที่นี่ค่อนข้างห่างไกล ไม่มีทางเดินรถ ถึงแม้จะไปได้…แต่เกรงว่าเขาคงทนไม่ไหว” ถังเฉินยังคงส่ายหัว  

 

 

“งั้น…งั้นทำยังไง”  

 

 

ถังเฉินขมวดคิ้ว ก่อนจะเอ่ย “ตอนนี้ทำได้เพียงส่งคนไปสำนักเทียนซือแจ้งเจ้าสำนัก ให้ท่านส่งหมอมา ข้ามียันต์พันลี้อยู่หลายใบ อาจจะ…”  

 

 

“ได้ ข้าไปเดี๋ยวนี้!” ศิษย์ชุดเขียวพยักหน้าทันที  

 

 

“ไม่ต้องแล้ว!” กำลังจะออกจากประตู ทางอวิ๋นเจี่ยวกลับเอ่ยขึ้น ชี้ไปทางคนที่นอนอยู่บนหญ้าแห้ง “ไม่เป็นไรแล้ว”  

 

 

ฮะ?  

 

 

ถังเฉิน “…”  

 

 

ชุดเขียว “…”  

 

 

ทุกคน “…”  

 

 

เกิดอะไรขึ้น  

 

 

(⊙_⊙)  

 

 

ทุกคนต่างตะลึง หันหน้าไปมองคนที่เดิมยังนอนหายใจรวยรินอยู่บนพื้น ตอนนี้กลับกลายเป็นปกติ รอยดำที่น่ากลัวบนตัวนั้นกำลังถดถอยไปอย่างช้าๆ เพียงแต่บริเวณหน้าอกของเขามีข่ายพลังที่สร้างจากเข็มเงินกำลังส่องแสงอยู่ พลังวิญญาณกำลังถูกดึงออกมาจากด้านในอย่างต่อเนื่อง  

 

 

“นี่…นี่คือ…” ถังเฉินไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเอง “พลังวิญญาณ…ถูกดึงออกมา?!”  

 

 

“ประมาณนั้น” อวิ๋นเจี่ยวตอบตามความเคยชิน “อีกห้านา…เอ่อ ครึ่งดอกธูปก็จะกำจัดหมดแล้ว”  

 

 

“เจ้า…” ถังเฉินเบิกตาโต ชี้ไปยังคนบนพื้น แล้วชี้ไปทางอวิ๋นเจี่ยว ชั่วครู่ถึงได้หาเสียงของตัวเองเจอ “เจ้าบอกว่าต้องใช้ยาช่วยไม่ใช่เหรอ”  

 

 

“อ่อ…” อวิ๋นเจี่ยวเอ่ยอย่างไม่ใส่ใจ “ข้าเปลี่ยนอีกวิธีที่ไม่ต้องใช้ยา”  

 

 

“…” นี่ก็ได้?  

 

 

(๑ŐдŐ)b  

 

 

“จริงสิ!” นางเงยหน้าขึ้นมามองถังเฉิน “เจ้ามียาฟื้นฟูไม่ใช่หรือ หากอยากให้เขากิน ก็รอให้พลังวิญญาณถูกกำจัดหมดก่อน เจ้าก็ป้อนให้เขากิน” ถือว่าได้ใช้ยาแล้ว ตามใจเจ้า!  

 

 

ถังเฉิน “…”  

 

 

เขาไม่ได้อยากป้อนยาสักหน่อย!  

 

 

(╯°Д°)╯︵┻━┻  

 

 

นั่นเป็นถึงพลังวิญญาณเชียวนะ พลังวิญญาณของผีร้าย! ถึงแม้จะเป็นหมอรักษาระดับดอกไม้ ก็ต้องใช้พลังและเวลาอย่างมากถึงจะกำจัดได้ นางก็แค่…แค่ใช้เข็มไม่กี่เล่มก็กำจัดได้แล้ว?! นี่ใช้เวลานานแค่ไหนเอง หนึ่งเค่อ?!  

 

 

“เจ้า…เจ้าเป็นหมอจริงๆ หรือ”  

 

 

“ไม่งั้นละ” อวิ๋นเจี่ยวถามกลับ  

 

 

“แต่เจ้า…เจ้าฝึกทางข่ายพลังไม่ใช่เหรอ” เมื่อรกันที่ข่ายพลังกับการรักษาสามารถฝึกได้พร้อมกัน  

 

 

“ข้าเคยบอกเจ้าเหรอว่าข้าฝึกข่ายพลัง” อวิ๋นเจี่ยวอยากจะกรอกตาใส่ แต่ไม่สำเร็จ  

 

 

“…” ไม่เคยจริงๆ !  

 

 

○| ̄|_  

 

 

อวิ๋นเจี่ยวไม่ได้สนใจท่าทางของเขา เห็นเพียงแต่พลังวิญญาณของคนด้านหน้าได้กำจัดจนหมดสิ้นแล้ว ถึงได้ดึงเข็มที่ปักเอาไว้ออกทีละเล่ม  

 

 

กลับเป็นชายแก่ที่อยู่ด้านข้างคอยส่งเข็มให้อวิ๋นเจี่ยวลุกขึ้นยืนและตบไหล่ของถังเฉินเบาๆ พร้อมมอบสายตาของคนที่ผ่านมาก่อนให้เขา “เดี๋ยวก็ชิน!” จะใช้ตรรกะของคนธรรมดากับเทพแห่งการเรียนได้อย่างไร  

 

 

ถังเฉิน “…” เอ็มเอ็มพี!  

 

 

มีคำมากมายในใจ ไม่รู้จะพูดดีหรือไม่!  

Related

ศิษย์หลานข้า ระวังอย่าหลงผิด

ศิษย์หลานข้า ระวังอย่าหลงผิด

Status: Ongoing
อ่านนิยายเรื่อง ศิษย์หลานข้า ระวังอย่าหลงผิด อวิ๋นเจี่ยว ศัลยแพทย์ปริญญาเอกจากคณะแพทย์ศาสตร์มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ถึงคราวต้องกุมขมับเมื่อทำดีกลับไม่ได้ดี ช่วยเหลือคนแก่ที่หกล้มกลับโดนรีดไถและสาปแช่งให้เห็นผี! ยังไม่พอยันต์ที่ยายแก่คนนั้นสาปเธอยังทำให้เธอทะลุมิติไปยังโลกยุคโบราณและโดนล่อลวง (?) ให้เข้าเป็นศิษย์สำนักเต๋าที่ทำหน้าที่ปราบปีศาจผดุงคุณธรรมอีกด้วย เล่าลือกันว่าท่านปรมาจารย์เจ้าสำนักอารามชิงหยางนั้นสำเร็จเป็นเซียนและโบยบิน ขึ้นสวรรค์ไปเมื่อหลายแสนปีก่อน แต่หากเป็นอย่างนั้นจริงเงาร่างหล่อเหลาเปล่ง รัศมีเจิดจ้าที่กำลังนั่งเล่นควันธูปอยู่นี่คือใครกันเล่า?!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset