หลังจากที่อวิ๋นเจี่ยวตรวจสอบอาการของปีศาจแมวอย่างละเอียดแล้ว พบว่าเรื่องมันแย่กว่าที่นางคาดการณ์เอาไว้ หน้าอกของปีศาจแมวมีรูใหญ่ขนาดเท่ากำปั้น แต่ก็แทบจะกินพื้นที่ลำตัวของมันทั้งหมดแล้ว บาดแผลถึงแม้จะใช้พลังจัดการไว้แล้ว แต่ก็รักษาให้พออยู่รอดได้เท่านั้น ลูกแก้วพลังของมันหายไป ถึงแม้จะมีพลังควบคุมเอาไว้ แต่พลังในร่างกายก็รั่วไหลออกราวกับน้ำที่กำลังหลาก
ยิ่งกว่านั้นคาถาที่ใช้บนบาดแผลนี้ไม่เข้ากันกับพลังในร่างกายของมัน แม้ว่าจะป้องกันการสูญเสียพลังได้บ้างในระดับหนึ่ง แต่ก็ยังทำให้เกิดการปะทะของพลังในร่างกายของอีกฝ่าย ทำให้พลังไม่สามารถทำงานได้ตามปกติ และกำลังพุ่งไปยังส่วนต่างๆ ภายใน ส่งผลให้เส้นชีพจรที่เปราะบางอยู่แล้วต้านพลังไว้ไม่ได้ อีกทั้งวิญญาณก็มีแนวโน้มว่าจะไม่เสถียร
“ใครเป็นคนปิดแผลให้นาง” อวิ๋นเจี่ยวคิ้วขมวดมุ่น
จิ้งจอกน้อยและจี้เฉินสบตากัน ก่อนจะตอบกลับด้วยความฉงน “เป็นท่านพ่อของข้า ตอนแรกต้องการหยุดเลือดถึงได้…”
“นี่กำลังล้อเล่นหรือไง?” ในใจของนางเต็มไปด้วยไฟโกรธ นางไม่ห่วงว่าอาการหนัก จะห่วงก็แต่ญาติผู้ป่วยที่รักษามั่ว ทำให้อาการแย่ลง “รีบถอนคาถาตรงแผลออก” นางสั่งการก่อนจะหยิบเข็มเงินออกมา
“แต่ว่า…” จิ้งจอกน้อยลังเล มองไปยังปีศาจแมวบนเตียง ก่อนจะมองอวิ๋นเจี่ยว สีหน้าเต็มไปด้วยความกังวล
“เร็วเข้า!” อวิ๋นเจี่ยวเร่ง “หากต้องการช่วยนาง ก็รีบๆ ทำ”
จี้เฉินที่ยืนอยู่ด้านข้างกัดฟัน ก่อนจะสูดลมหายใจลึกและเดินขึ้นหน้ามาหนึ่งก้าว “ข้าเอง” พูดจบก็ยื่นมือวางลงบนบาดแผลของปีศาจแมว พลังปีศาจสีเขียวนั้นหายไปในทันที
มองดูปีศาจแมวที่เจ็บปวดมากขึ้น อวิ๋นเจี่ยวรีบลงเข็มในทันที เพียงเวลาชั่วครู่ ข่ายพลังอันหนึ่งก็สว่างขึ้นบนบาดแผลของแมวดำ แขนขาของปีศาจแมวที่ขดเอาไว้ด้วยกันค่อยๆ คลี่คลายออก ท่าทางทรมานดูลดลงไปไม่น้อย เสียงโหยหวนนั้นก็เบาลงไป ราวกับฟื้นขึ้นมาอย่างนั้น
ถึงแม้จะรู้อยู่แล้วว่าวิชาการรักษาของอวิ๋นเจี่ยวเก่งกาจ แต่จิ้งจอกน้อยและจี้เฉินยังคงตกตะลึง มองดูเข็มเงินบนตัวแมวดำ ถึงได้พบว่าเข็มเหล่านั้นราวกับมีกฎเกณฑ์อะไรบางอย่าง ระหว่างเข็มนั้นสามารถมองเห็นว่ามีบางอย่างเชื่อมไว้อย่างลางๆ ราวกับเส้นชีพจร?
จิ้งจอกน้อยดูไม่ออก แต่จี้เฉินกลับผงะไป มองดูอย่างตั้งใจถึงได้พบว่านั่นไม่ใช่เส้นชีพจร ถึงแม้จะดูเหมือน แต่ว่าด้านในมีเพียงพลังที่กำลังไหลเวียนเท่านั้น เข็มเงินเชื่อมเส้นชีพจรที่เคยขาดออกจากกันของลี้เอ๋อเข้าด้วยกันอีกครั้ง กลายเป็นเส้นชีพจรชั่วคราว ทำให้พลังไหลเวียนเข้าไปในตัวของมันได้
“เข็มนี้สามารถทำให้พลังของนางไหลเวียนได้ปกติ เพราะฉะนั้นก่อนที่เส้นชีพจรของนางจะสร้างใหม่สำเร็จ เข็มเงินนี้ห้ามเอาออกเด็ดขาด” อวิ๋นเจี่ยวตรวจดูอีกรอบ เข็มเงินบนตัวปีศาจแมวกลายเป็นเข็มลับ ฝังเข้าไปภายในตัวของปีศาจแมว ด้านหนึ่งป้องกันการตกหล่น ส่วนอีกด้านหนึ่งคือช่วยให้เส้นชีพจรสร้างเสร็จเร็วขึ้น
เมื่อทำทุกอย่างเสร็จ นางจึงลุกขึ้นยืน มองไปยังจี้เฉินแล้วพูดว่า “ตอนนี้ทำได้เพียงรักษาอาการของนางไว้เท่านั้น หากต้องการแก้ไขปัญหา ยังต้องใช้ลูกแก้วพลัง” ถึงแม้จะรักษาชีวิตไว้ได้ แต่ก็เป็นเพียงรักษาไว้ซึ่งอาการในตอนนี้เท่านั้น หากต้องการฝึกฝนต่อ มีเพียงต้องหาลูกแก้วพลังกลับมา หรือหาสิ่งของอย่างอื่นมาทดแทนลูกแก้วพลังเท่านั้น “ลูกแก้วพลังของนาง ตอนนี้อยู่ไหน”
เมื่อนางพูดจบ จิ้งจอกน้อยและจี้เฉินต่างเงียบไป
“ทำไม” เห็นพวกเขาไม่ตอบ อวิ๋นเจี่ยวจึงเอ่ยถาม “ลูกแก้วพลังของนางเสียหาย?” แต่ว่าวิญญาณของปีศาจแมวนี้ไม่มีร่องรอยความเสียหาย ตามหลักแล้วลูกแก้วพลังเสียหายจะกระทบกับวิญญาณด้วย
“ไม่ใช่” จี้เฉินรู้จุดนี้ดี เขาส่ายหัวแล้วตอบ “ที่จริงแล้วเป็นเพราะว่า…พวกเราก็ไม่รู้เหมือนกันว่าลูกแก้วพลังของลี้เอ๋ออยู่ไหน”
“ไม่รู้ว่าอยู่ไหน” อวิ๋นเจี่ยวผงะไป ไม่จริงน่า ปีศาจแมวนี้ไม่ใช่ลูกแท้ๆ งั้นเหรอ
“พักก่อน ลี้เอ๋อออกจากโลกมารไปอย่างกะทันหัน ไม่รู้ว่าไปไหนมา” จี้เฉินขมวดคิ้ว ก่อนจะอธิบายต่อ “ครั้งที่แล้วข้าได้รับบาดเจ็บ เพราะว่าออกไปหานาง เพียงแต่ไม่พบร่องรอยของนางเลย จนกระทั่งสามวันก่อนนางกลับมา จากนั้นก็กลายเป็นเช่นนี้”
“พวกเจ้าไม่เคยลองใช้คาถาค้นหาเหรอ” ลูกแก้วพลังเป็นส่วนหนึ่งในร่างกายของมาร น่าจะใช้คาถาค้นหาได้
“พวกเราเคยลองแล้ว” จี้เฉินส่ายหัว “แต่ว่าคาถาค้นหานั้นไม่มีการตอบสนองเลยลูกแก้วพลังของ
ลี้เอ๋อเหมือนกับถูกอะไรบางอย่างปิดบังเอาไว้ ข้าคิดว่านางคงจะเจอคู่ต่อสู้ที่ไม่อาจรับมือได้ ถึงได้บาดเจ็บเช่นนี้”
อวิ๋นเจี่ยวหันกลับไปมองปีศาจแมวบนเตียงอีกครั้ง ดูจากสภาพแล้ว น่าเวทนาเสียจริง
“หมออวิ๋น!” จี้เฉินพูดด้วยเสียงที่กังวล “พวกเราจะพยายามตามหาลูกแก้วพลังของนางกลับมา แต่ก่อนหน้านั้นท่านไม่มีวิธีอื่นที่สามารถช่วยลี้เอ๋อได้เลยหรือ”
“วิธีไม่ใช่ไม่มี…” อวิ๋นเจี่ยวหรี่ตาลง ครุ่นคิดอยู่สักพักถึงได้พูดว่า “หากสามารถหาอะไรมาทดแทนลูกแก้วพลังได้ ก็จะสามารถทำให้นางกลับคืนร่างมนุษย์ได้ชั่วคราว เพียงแต่จะมีอาการต่อต้านอย่างแน่นอน ซึ่งก็หมายความว่านางอาจจะไม่สามารถใช้พลังได้”
เมื่อจี้เฉินได้ฟังคำพูดของนาง สีหน้าของเขาก็ยิ่งหมดหวัง จิ้งจอกน้อยที่อยู่ด้านข้างกัดฟันก่อนจะเดินขึ้นหน้าแล้วพูดว่า “ใช้ของข้าเถอะ! เอาลูกแก้วพลังของข้าเปลี่ยนให้องค์หญิง!”
“ไม่ได้!” ทันทีที่เขาพูดจบ สีหน้าของจี้เฉินดำทะมึนลงก่อนจะปฏิเสธทันที “เจ้าเพิ่งฝึกฝนสำเร็จ หากไม่มีลูกแก้วพลัง เจ้าจะตาย”
“ไม่เป็นไร!” จิ้งจอกน้อยมองดูปีศาจแมวที่อยู่บนเตียง ราวกับนึกอะไรขึ้นได้ สีหน้ายิ่งแน่วแน่ “ตอนนั้น…องค์หญิงช่วยชี้แนะข้า หากไม่ใช่องค์หญิงส่งพลังให้ข้า ข้าก็คงจะตายอยู่ในกับดัก และก็คงไม่ได้เปิดสติสัมปชัญญะ ไม่มีโอกาสช่วยองค์ชาย องค์หญิงมีบุญคุณต่อข้าอย่างมาก พวกจิ้งจอกอย่างข้ารู้บุญคุณ ข้า…ข้า…ข้ามอบชีวิตคืนให้องค์หญิง”
“หูจี๋!” จี้เฉินไม่เห็นด้วยอย่างมาก “ห้ามพูดแบบนี้ เจ้าช่วยข้าไว้ บุญคุณครั้งนั้นถือว่าได้คืนแล้ว ข้าถือว่าเจ้าเป็นพี่น้องของข้า จะให้เจ้าเสียสละตัวเองเพื่อลี้เอ๋อได้อย่างไร”
“แต่ว่าองค์หญิงมีบุญคุณกับข้า…”
“ข้าบอกไม่ได้ก็คือไม่ได้!”
“องค์ชาย…”
ดูท่าทางทั้งสองคนกำลังจะแสดงละครตอนเย็นขึ้นมา อีกคนตั้งใจตาย อีกคนตั้งใจห้าม
“จิ้งจอกน้อยพูดไม่ผิด มีบุญคุณก็ต้องทดแทน” อวิ๋นเจี่ยวอดไม่ได้ที่จะพูดแทรก
“หมออวิ๋น”
ทั้งสองคนหันหน้ามา ก่อนจะตะโกนออกมาพร้อมกัน เพียงแต่เสียงหนึ่งเต็มไปด้วยความดีใจ เสียงหนึ่งเต็มไปด้วยความไม่พอใจ
อวิ๋นเจี่ยวพูดต่อ “แต่ว่า บุญคุณที่ข้าช่วยชีวิตเจ้าเอาไว้ จะตอบแทนเมื่อไหร่”
หูจี๋ผงะไป ราวกับไม่คิดว่านางจะถามเช่นนี้ ก่อนจะหลุดปากออกไปว่า “ข้าไม่ได้จ่ายค่ารักษา…แล้วหรือ”
อวิ๋นเจี่ยว ”…”
เฮ้อ ที่แท้บุญคุณของปีศาจแมวมีค่าเท่ากับชีวิต ส่วนของนางมีค่าเท่ากับไก่ไม่กี่ตัวสินะ
มารอย่างพวกเจ้านี่ต่อต้านคนนอกใช่ไหม
Related