อวิ๋นเจี่ยวรู้สึกขนลุกขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก นางใช้มือลูบขนแขนตัวเองเบาๆ ก่อนจะยกหนังสือแต่งงานภายในมือขึ้นอีกครั้ง “หนังสือแต่งงานนี้ ขอให้ท่านเก็บคืนไป”
“ทำไม” ราชามารตะลึง
“อาจเป็นเพราะคำพูดของข้าทำให้ท่านเข้าใจผิด แต่ข้าไม่ได้อยากแต่งงานกับท่าน”
อวิ๋นเจี่ยวพูดตามตรง
“ข้าว่าเรื่องของการแต่งงาน มันควรจะเป็นการยินยอมของทั้งสองฝ่าย ข้ากับท่านเจอกันเพียงสองครั้ง คงไม่ได้มีความรักใคร่อะไรต่อกัน หากจะข้ามขั้นไปแต่งงานเลยคงไม่เหมาะสม”
ราชามารสีหน้าไม่ใส่ใจ เหลือบมองนางอีกครั้ง สักพักถึงได้กระแอมไอออกมาทีหนึ่ง ก่อนจะหันหน้าหนี “ไม่เป็นไร ข้ารู้สึก…พอใจเจ้าอย่างยิ่ง”
แต่ว่าฉันไม่พอใจไง! อีกอย่าง ท่านจะมาหน้าแดงอะไรเนี่ย!
“ท่านราชามาร!” อวิ๋นเจี่ยวสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ ดูท่าทางพูดตรงๆ ไม่ได้เสียแล้ว “ข้าบอกความจริงกับท่านก็ได้ ข้าไม่ได้ชอบท่าน ดังนั้นจึงไม่อยากแต่งงานกับท่าน”
“อะไรนะ?” ราชามารผงะไป ราวกับไม่อยากจะเชื่อหูของตัวเอง ตอนแรกนางยังบอกอยู่เลยว่าอยากได้ตำแหน่งราชินี ทำไมตอนนี้ถึงไม่เอาแล้ว ในใจของเขารู้สึกโหวงขึ้นมาทันที “ทำไมกัน แต่งงานกับข้า เจ้าก็จะเป็นราชินิแห่งโลกมารแล้ว!”
“ไม่ต้องการ!” อวิ๋นเจี่ยวตอบเสียงทุ้ม
“ปีนี้ข้าอายุยี่สิบแปด ข้าไม่ใช่หญิงสาวที่ไม่เคยเจอโลกภายนอก ตั้งแต่เล็กจนโตมีคนมาตามข้ามากมาย”
ในฐานะที่เป็นเทพแห่งการเรียนตั้งแต่ชั้นประถมจนถึงดอกเตอร์ จะไม่มีคนมาตามจีบได้อย่างไร
“แต่ไม่ว่าพวกเขาจะให้เงินทอง ฐานะ หรือว่าสิ่งอื่น ข้าก็ไม่เคยรับ เพราะข้าเชื่อว่าสิ่งที่ดีที่สุด ข้าสามารถได้มันมาด้วยตัวเอง ไม่ต้องให้คนอื่นเป็นคนหยิบยื่นให้ หากมีวันหนึ่ง ข้าเลือกที่จะแต่งงาน นั่นก็เป็นเพราะว่าข้าชอบคนคนนั้น ไม่มีเหตุผลอื่น”
“ดังนั้นท่านราชามาร ข้าไม่ได้ต้องการตำแหน่งราชินี” เขาสูดลมหายใจเข้าลึกๆ หนึ่งที มองตรงไปยังราชามารที่รู้สึกผิดหวังเล็กน้อย ก่อนจะพูดด้วยสีหน้าจริงจังต่อว่า
“คนที่ให้คำมั่นสัญญากับข้ามีมากมาย ท่านไม่ใช่คนที่พิเศษสุด และจะไม่ใช่คนสุดท้าย”
“แต่ข้าเป็นคนที่จริงใจที่สุด” ราชามารลุกขึ้นยืนอย่างรีบร้อน
“ไม่!” อวิ๋นเจี่ยวหลุดปากออกมาทันที “ท่านเป็นคนที่แก่สุด!”
“…”
แก่…แก่…แก่…
หมออวิ๋นบอกว่าเขาแก่?
○| ̄|_
ฉึบ!
ราชามารรู้สึกเหมือนมีมีดปักที่หน้าอก เย็นวาบเลย ความรู้สึกลุ่มร้อนตอนที่เขียนหนังสือแต่งงาน ราวกับถูกน้ำเย็นถังหนึ่งสาดและหายไปในทันที
เขาแก่ตรงไหนกัน เขาฝึกฝนยังไม่ถึงสามพันปีด้วยซ้ำ ในโลกมารอายุของเขากำลังอยู่ในช่วงวัยรุ่นเลยนะ เหล่ามารสาวล้วนหลงใหลในตัวเขาทั้งนั้น เขาลูบคลำใบหน้าของตนเอง หรือว่าจะเป็นเพราะใบหน้าของเขา
แต่ว่านี่เป็นการแปลงออกมา เขาสามารถเปลี่ยนได้นะ
ราชามารเหลือบมองอวิ๋นเจี่ยวอีกครั้ง อีกฝ่ายสีหน้าเคร่งขรึมจริงจัง เหมือนกับตอนที่ขอตำแหน่งราชินีจากเขาไม่มีผิด หรือว่าเขาจะเข้าใจผิดจริง
ไม่ๆๆ! ในฐานะราชามาร เขาไม่ยอมรับเด็ดขาดว่าตัวเองไม่มีแรงดึงดูด!
“ดูท่าทาง เสี่ยวอวิ๋นคงรู้สึกว่า ข้ายังไม่จริงใจพอ!” ราชามารไม่สนใจคำอธิบายของนาง
“ไม่ ท่าน…”
“ดีเลย! ข้ามีของบางอย่างให้เจ้าดู” พูดจบไม่รอให้นางปฏิเสธ เขาเดินหน้าขึ้นมาหลายก้าวมาลากแขนของอวิ๋นเจี่ยว “ตามข้ามา!”
“เดี๋ยว!” อวิ๋นเจี่ยวอยากจะหลบ เพียงแต่รู้สึกตาลาย ข้างหูได้ยินเสียงลมพัดผ่าน นาทีถัดมา พวกนางก็ออกมาจากตำหนักด้านข้าง และมาถึงสถานที่ที่เต็มไปด้วยหมอกควัน
อวิ๋นเจี่ยวตะลึง นางพบว่านี่คือยอดเขาแห่งหนึ่งที่สูงมาก มองลงไปเห็นวังของราชามารขนาดเล็กราวกับกล่อง
นางเพียงรู้สึกว่าขาอ่อนแรงกะทันหัน สูง…สูงมาก! พานางมาที่นี่ทำไมกัน นางกลัวความสูงนะ! ราชามารคงไม่โกรธนางแล้วผลักนางลงไปจากตรงนี้ใช่ไหม
อวิ๋นเจี่ยวก้าวถอยไปหนึ่งก้าว ทันใดนั้นรู้สึกเสียใจ หากรู้ว่าเป็นสัตวแพทย์ไม่มีผลดี ตอนนั้นน่าจะเชื่อคำของชายชรา จับเจ้าจิ้งจอกน้อยมาต้มให้มันจบๆ ไป จะได้ไม่วุ่นวายขนาดนี้
“เสี่ยวอวิ๋น” ราชามารหันมามองนางด้วยความจริงจัง ก่อนจะพูดขึ้นว่า “เจ้าเป็นคน อาจจะไม่รู้ เผ่าหมาป่าอย่างพวกข้าซื่อสัตย์ต่อคู่ครองอย่างมาก คู่ครองมีฐานะเท่าเทียมกัน ราชินีของเผ่าหมาป่าก็จะมีฐานะเท่ากับตัวข้า หรือพูดอีกแบบคือ หากเจ้าแต่งงานกับข้า ก็จะเท่ากับราชาคนที่สองของโลกมาร”
“โลกมารทั้งใบเป็นของเจ้า เหล่ามารทั้งหลายล้วนเป็นประชากรของเจ้าทั้งสิ้น” เขาพูดด้วยสีหน้าจริงจัง ทั้งคนแผ่รังสีของราชาออกมา ราวกับกำลังจะพูดว่า ดูสิ นี่คืออาณาจักรที่ข้าตีมาให้เจ้า!
พูดจบเขายังชี้นิ้วไปแต่ละที่ ทั้งพื้นดินที่มองไม่เห็นที่สิ้นสุด ภูเขาสูงที่พุ่งทะลุเข้าชั้นฟ้า แม่น้ำที่หลั่งไหลไปอย่างไม่หยุดหย่อน คำพูดทีออกมาล้วนแฝงไปด้วยความมั่นใจและทะนงตน “เท่าที่เจ้าจะมองเห็น ทุกสิ่งจะเป็นของเจ้า…”
โครม…
เขายังพูดไม่ทันจบ แสงสีขาวก็พุ่งลงมาอย่างกับปืนใหญ่เลเซอร์ กวาดลงมาอย่างบ้าคลั่ง ได้ยินเพียงเสียงดังโครมครามสักพักหนึ่ง พื้นดิน ภูเขา แม่น้ำที่ราชามารชี้ไปเมื่อสักครู่ราวกับถูกคนฉีกออกเป็นชิ้น ราบเป็นหน้ากลอง
ทันใดนั้นทั่วฟ้าทั่วแผ่นดินสั่นสะเทือนขึ้นมาอย่างรุนแรง กวาดตามองไปพบว่าเมืองหลวงนั้นถูกเผาไหม้ทันที
ราชามาร “…”
อวิ๋นเจี่ยว “…”
อาณาจักของราชามาร…เหมือนว่าจะไม่มีแล้ว?
(⊙_⊙)
ทั้งสองคนยังไม่ทันได้ตั้งตัว
จากนั้น ทั่วทั้งท้องฟ้าราวกับถูกบางอย่างผ่าออก เกิดรอยผ่าขึ้นกลางท้องฟ้าอย่างกะทันหัน รอยผ่านั้นใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ราวกับถูกบังคับให้เปิดออก แสงที่แสบตาอย่างมาก กำลังส่งออกมาจากด้านในของรอยผ่า แสงนั้นราวกับแสงอาทิตย์อันร้อนแรง สาดส่องไปทั่วท้องฟ้าของโลกมาร
เหล่ามารที่รวมตัวอยู่ในเมืองหลวงนั้นหลบหลีกแสงสีขาวนั้น นาทีถัดมาก็รู้สึกถึงพลังอำนาจอันยิ่งใหญ่ที่ส่งออกมา สีหน้าของราชามารซีดเผือด ไม่เพียงแต่ขาสั่นขึ้นมา ในใจกลับผุดความคิดที่อยากจะคุกเข่าลงไป
ยังไม่ทันได้ตกใจ เสียงเย็นชาหนึ่งดังขึ้นกลางท้องฟ้า เสียงนั้นไม่ได้ดังมาก แต่กลับส่งออกไปทั่วโลกมาร
“เดรัจฉาน เจ้าเอาศิษย์หลานข้าไปซ่อนไว้ที่ไหน”
ทันใดนั้นเหล่ามารรู้สึกเพียงพลังนั้นยิ่งมีมากขึ้น ลูกแก้วพลังมีแนวโน้มการแตก
อวิ๋นเจี่ยวกลับรับรู้ถึงความนัยในประโยคนั้น
…ทำให้ข้าไม่ได้กินข้าวมาสองมื้อแล้ว!
อวิ๋นเจี่ยว “…”
ความรู้สึกที่ไม่ตกตะลึงมันคืออะไรกัน
“เจ้าเป็นใครกัน กล้าที่จะบุกเข้ามาในโลกมาร!” ราชามารได้สติคืนมา ทันใดนั้นความโกรธขึ้นหน้า เขาลอยขึ้นกลางอากาศ และลอยออกไปทันที “ไม่รู้จัก…อ๊าก!”
บู้ม!
เขายังไม่ทันได้มองเห็นหน้าของคนที่ลอยอยู่กลางอากาศ พลังกลุ่มหนึ่งก็พุ่งมาทางเขา และตบให้เขาร่วงลงไปอยู่บนพื้นของเมืองหลวงทันที
แพ้ราบคาบ!
เหล่ามาร “…”
อวิ๋นเจี่ยว “…”
เฮ้อ รู้สึกเสร็จงานได้เสียที!
Related