สตรีอย่างข้าน่ะหรือ คือขันที?! – ตอนที่ 85.1 เหยาเหยาเสนอแผนการอีกครั้ง (รอบสอง) (1) (รีไรท์)

เล่อเหยาเหยาแม้เพียงแอบมองชายหนุ่มด้านข้าง ด้วยท่าทางมองที่เหม่อลอย แต่ท่าทางแอบมองเหลิ่งจวิ้นอวี๋ของเธอ ยังคงถูกคนจับได้เช่นเดิม และคนผู้นั้นก็คือหนานกงจวิ้นซี!
เมื่อเห็นท่าทางนี้ของเล่อเหยาเหยา ทำให้หนานกงจวิ้นซีที่กำลังคิดจะยกถ้วยน้ำชาชั้นดีขึ้นมาจิบอดขมวดคิ้วเล็กน้อยไม่ได้ การเคลื่อนไหวของมือชะงักลง
ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด เมื่อเห็นท่าทางการแอบมองเหลิ่งจวิ้นอวี๋ของเล่อเหยาเหยา ทำให้เขารู้สึกไม่พอใจ
ในใจปรากฏความไม่พอใจออกมา ทำให้สีหน้าหนานกงจวิ้นซีเคร่งขรึมเล็กน้อย
ขันทีน้อยนี้ เหตุใดมักแอบมองศิษย์พี่ใหญ่
หรือเพราะศิษย์พี่ใหญ่หน้าตาหล่อเหลา!
แต่เขาหน้าตาก็ไม่เลวเช่นกัน! เหตุใด ‘เขา’ จึงไม่มองเขาบ้าง!
พอคิดถึงตรงนี้ หนานกงจวิ้นซีรู้สึกหึงหวงเล็กน้อย กระทั่งเขาเองก็ไม่รู้ตัว เวลานี้ตนคล้ายเด็กน้อยเพียงคนเดียวในกลุ่มที่ไม่ได้กินลูกอม คิ้วกระบี่ขมวดเล็กน้อย ริมฝีปากแดงน่ามองเม้มเป็นเส้นตรง คล้ายเบื่อหน่าย
แต่สำหรับท่าทางนี้ของหนานกงจวิ้นซี ทุกคนต่างไม่รับรู้ถึง เพราะตอนนี้ใจจดจ่ออยู่กับเรื่องควักหัวใจ
ดังนั้น ในห้องหนังสือพลันเงียบกริบ คล้ายเสียงเข็มตกลงบนพื้น ยังสามารถได้ยิน
เมื่อเห็นสีหน้าทุกคนเคร่งเครียดกว่าปกติ ทำให้เล่อเหยาเหยาที่อยู่ด้านข้างค่อยๆ ได้สติกลับมา รู้สึกเศร้าใจเช่นกัน
ทราบดีว่าเวลานี้พวกเขาคิดหาแผนการเอาคืนลัทธินอกรีตยังไม่ได้ ในใจต้องเศร้าหมองอย่างหนักแน่
เพราะลัทธินอกรีตนี้ เจ้าเล่ห์อย่างยิ่ง อีกทั้งไปมาไร้ร่องรอย ทุกคนอยากจับกุมแต่ไม่รู้ว่าต้องไปจับกุมที่ใด
อีกทั้งภายในเมืองยังมีหญิงสาวที่ยังไม่ออกเรือนมากมาย หรือจะสั่งให้นำตัวหญิงสาวพวกนั้นมารวมตัวกันเพื่อคุ้มกันไว้!
นี่ต้องเป็นไปไม่ได้เป็นแน่!
ลัทธินอกรีตนี้จะปรากฏตัวเมื่อใด ทุกคนก็คำนวณไม่ได้ ดังนั้นแผนการนี้ต้องล้มเหลวแน่
นอกจากให้หญิงสาวทุกคนมารวมตัวกัน จากนั้นก็ดึงดูดให้คนของลัทธินอกรีตปรากฏตัว คล้ายการตกปลา
แต่หากนำหญิงสาวทั้งหมดมารวมกันเพื่อเป็นเหยื่อล่อ ประการแรกครอบครัวของหญิงสาวพวกนั้นคงไม่ยินยอม สองทำเช่นนี้วุ่นวายเกินไป ลัทธินอกรีตนั้นไม่ใช่คนโง่ เมื่อเห็นต้องรู้ว่าเกิดเรื่องใดขึ้น
ที่จริงตอนนี้เล่อเหยาเหยานึกได้เพียงวิธีการเดียว ทว่าสุดท้ายจะทำเช่นไรไม่ให้ หนึ่งสามารถนำหญิงสาวพวกนั้นมาเป็นเหยื่อล่อ สองต้องไม่ทำให้ลัทธินอกรีตนั้นสงสัย!
พอคิดถึงตรงนี้ เล่อเหยาเหยาทุกข์ใจ เธอรู้ว่าในใจของเธอมีบางอย่างขวางกั้นอยู่ เพียงทำลายมันลง ก็จะสามารถหาวิธีที่ดีได้ แต่เธอจะทำอย่างไรกันแน่!
ขณะที่ทุกข์ใจเล่อเหยาเหยากลับไม่รู้ตัวเลยว่า เวลานี้กำลังมีคนแอบมองเธออยู่
และคนนั้นก็คือหนานกงจวิ้นซี!
เห็นเพียงเวลานี้หนานกงจวิ้นซีกำลังจิบชาชั้นดี แต่ดวงตาดอกท้อน่ามองคู่นั้น กลับไม่เคยเคลื่อนออกจากใบหน้าเล็กเท่าฝ่ามือของเล่อเหยาเหยาเลย
เพราะตอนนี้เขาพบว่า ขันทีน้อยนี้ในใจมีสิ่งใด จะปรากฏออกมาบนใบหน้า ‘เขา’ ทั้งหมด
เหมือนกับตอนนี้ ขันทีน้อยประเดี๋ยวขมวดคิ้วอย่างทุกข์ใจ ประเดี๋ยวเหมือนคิดเรื่องดีๆ บางอย่างได้ จนดวงตางดงามสุกใสคู่นั้นเปล่งประกายออกมา
วิบวับแวววาว คล้ายกับเพชรตาแมวสีดำสว่างไสว ระยิบระยับ ดึงดูดสายตายิ่งนัก และยังทำให้หนานกงจวิ้นซีแอบแปลกใจ
เพราะเขาไม่เคยเห็นดวงตากลมโตงดงามแวววาวเช่นนี้มาก่อน
คล้ายกระจ่างใสดุจเทพเซียน ทั้งยังคล้ายรวมรวบแสงจากสวรรค์และโลกทั้งหมดเอาไว้ สวยเกินบรรยาย มีเสน่ห์ดึงดูดใจ
ทำให้คนที่เห็นคลั่งไคล้จนถอนตัวออกมาไม่ได้
หนานกงจวิ้นซีค่อยๆ มองอย่างตกตะลึงอย่างไม่รู้ตัว
ในมือถือชาไว้โดยไม่รู้ตัว แต่ดวงตาดอกท้อน่ามองคู่นั้น กลับมองใบหน้าเล็กของเล่อเหยาเหยาไม่วางตา
และสงสัยในใจว่าขันทีน้อยผู้นี้กำลังคิดสิ่งใดอยู่กันแน่!
ขณะที่หนานกงจวิ้นซีกำลังสงสัยอยู่ในใจ ทางด้านเล่อเหยาเหยาพลันฉุกคิดได้ คล้ายจับบางอย่างได้ จึงดีใจก่อนพลันตบมือร้องออกมา
“อ่า ในที่สุดก็คิดออกแล้ว ฮ่าๆ”
ประโยคนี้ของเล่อเหยาเหยา เอ่ยขึ้นอย่างฉับพลันยิ่งนัก
เดิมทีภายในห้องเพราะเรื่องควักหัวใจ ทุกคนจึงต่างพากันขบคิดเรื่องนี้ ดังนั้นทั่วห้องเงียบราวกับเป่าสาก เงียบสนิทยิ่งนัก
ประโยคนี้ของเล่อเหยาเหยา คล้ายก้อนหินขนาดใหญ่พลันตกลงไปในแม่น้ำที่นิ่งสงบ จนเกิดเป็นระลอกคลื่นขึ้น ทำให้ทุกคนตกใจอย่างหนัก ก่อนพากันมองไปที่เล่อเหยาเหยา
ส่วนหนานกงจวิ้นซีที่ดื่มชาอย่างเหม่อลอยเมื่อครู่ พลันถูกเสียงของเล่อเหยาเหยาทำให้ตกใจ จนกลั้นไม่อยู่พ่นน้ำชาทั้งหมดในปากออกมา
แต่ว่าก็ยังสำลักจนขมไปทั้งคออย่างยิ่ง ทำให้หนานกงจวิ้นซีทั้งไอ ทั้งอดจ้องเล่อเหยาเหยาด้วยความแค้นใจไม่ได้ คล้ายเล่อเหยาเหยาที่พลันร้องออกมาเป็นต้นเหตุให้เขาตกใจ
สำหรับสายตาโกรธแค้นของหนานกงจวิ้นซี เล่อเหยาเหยาจะไม่สนใจได้เช่นไร!
เพราะตั้งแต่ครั้งแรกที่พบกับหนานกงจวิ้นซีมา ความบาดหมางของพวกเขาก็ก่อตัวใหญ่ขึ้น ทั้งสองคนคล้ายติดค้างกันมาตั้งแต่ชาติที่แล้ว ชาตินี้เมื่อเจอหน้ากัน จึงทะเลาะเบาะแว้งกันไม่หยุด ไม่เคยทำสีหน้าที่ดีใส่กันเลย
ดังนั้น เล่อเหยาเหยาจึงทำเป็นมองไม่เห็นหนานกงจวิ้นซี และพบว่าสายตาของคนอื่นล้วนพุ่งตรงมาที่เธอ โดยเฉพาะพญายม
เห็นเช่นนั้น เล่อเหยาเหยาขวยเขินเล็กน้อย ทว่าพอนึกถึงเรื่องที่ตนคิดได้เมื่อครู่ ก็ไม่สนใจเรื่องอื่น เอ่ยกับพญายมที่มีสีหน้าสงสัยอย่างดีใจว่า
“ท่านอ๋อง บ่าวนึกได้แล้วว่าจะจัดการกับลัทธินอกรีตพวกนี้เช่นไร!”
เล่อเหยาเหยาเอ่ยอย่างดีใจ เพราะดีใจใบหน้าขนาดเท่าฝ่ามือจึงแย้มยิ้มสดใสราวบุปผากำลังเบ่งบาน
ความสดใสเช่นนี้ งดงาม น่าหลงใหล คล้ายแสงแดดในเดือนสามที่วิจิตรงดงาม น่ามองจนละสายตาไม่ได้
เพียงแต่สำหรับคำพูดของเล่อเหยาเหยา เหลิ่งจวิ้นอวี๋ที่อยู่ด้านข้างยังไม่ทันเอ่ยปาก หนานกงจวิ้นซีที่โกรธเคือง กลับชิงเอ่ยปากอย่างเหยียดหยามออกมา
“ฮึ!เจ้านะหรือ!”
สั้นๆ ไม่กี่คำ ทว่าแฝงด้วยความเหยียดหยาม
เพราะตั้งแต่ครั้งแรกที่หนานกงจวิ้นซีพบกับเล่อเหยาเหยา มักชอบหาเรื่องกับเล่อเหยาเหยาตลอด เวลานี้ก็ไม่ยกเว้น
ตรงกันข้ามกับหนานกงจวิ้นซี คนที่เหลือภายในห้องหนังสือกลับต่างออกไป
เพราะพวกเขารู้ดีว่า เรื่องใหญ่ทางซีเจียงและเหอหนานครั้งก่อน ทั้งอุทกภัยและภัยแล้ง ทุกคนในราชสำนักต่างหาวิธีแก้ไขไม่ได้ สุดท้ายเป็นบ่าวตัวเล็กๆ นี้ที่คิดหาวิธีออกมาได้
ดังนั้น เหลิ่งจวิ้นอวี๋จึงมองขันทีน้อยนี้ใหม่ อีกทั้งยังให้เล่อเหยาเหยาเข้าพักในตำหนักหย่าเฟิงเป็นกรณีพิเศษ
แน่นอนว่าพวกนี้เป็นความคิดของผู้อื่น เหลิ่งจวิ้นอวี๋คิดเช่นไรกันแน่ มีเพียงเขาเองรู้ชัดที่สุด
ตอนนี้นอกจากหนานกงจวิ้นซี ทุกคนต่างฟังคำพูดของเล่อเหยาเหยา มองใบหน้าเล็กที่เต็มไปด้วยความดีอกดีใจของเล่อเหยาเหยา ในใจทุกคนต่างประหลาดใจอย่างหนักก่อนพลันเอ่ยถาม
“เจ้ารีบพูดมา ว่ามีวิธีใดกันแน่!”
ทุกคนเอ่ยปากเป็นเสียงเดียวกัน พร้อมสีหน้าตื่นเต้น
หนานกงจวิ้นซีที่อยู่ด้านข้างเห็นเช่นนั้น บนใบหน้ากลับตกตะลึงเล็กน้อย
“นี่ พวกท่านคงไม่เชื่อว่าบ่าวรับใช้จะคิดแผนการอันใดออกมาได้จริงหรอกนะ!”
“นี่ องค์ชายเจ็ด แม้บ่าวจะมีสถานะต่ำต้อย แต่บ่าวไม่ได้โง่เขลา บ่าวมีความคิด สามารถคิดหาวิธีได้ มีอันใดน่าแปลกกัน!”
เมื่อทนไม่ได้ที่องค์ชายเจ็ดเหยียดหยามและไม่เชื่อตน เล่อเหยาเหยาจึงโมโหเล็กน้อย ก่อนอดเอ่ยกับหนานกงจวิ้นซีสักประโยคไม่ได้
แม้น้ำเสียงของเธอเวลานี้ จะดูเลยเถิดบางส่วน แต่นอกจากหนานกงจวิ้นซี ทุกคนต่างไม่ใส่ใจ
เพราะตอนนี้สิ่งที่ทุกคนสนใจที่สุด คือคำพูดที่เล่อเหยาเหยาบอกว่า เธอนึกวิธีออกแล้ว
“ศิษย์น้อง เจ้าหุบปากก่อน กระต่ายน้อย เจ้าคิดสิ่งใดได้ รีบพูดออกมาเร็ว”
เมื่อกลัวหนานกงจวิ้นซีกับเล่อเหยาเหยาจะทะเลาะกันขึ้นมา จนเสียงาน เหลิ่งจวิ้นอวี๋จำต้องใช้สถานะศิษย์พี่ใหญ่ออกมาหยุดคำพูดของหนานกงจวิ้นซี ก่อนหันหน้ามาเอ่ยถามเล่อเหยาเหยา
เมื่อเห็นเหลิ่งจวิ้นอวี๋คล้ายเชื่อเล่อเหยาเหยาเช่นนี้ ทำให้หนานกงจวิ้นซีรู้สึกไม่พอใจ แต่สุดท้ายยังหยุดปากไว้ ทว่าในใจยังรู้สึกสงสัยบางส่วน
หรือบ่าวรับใช้นี้จะคิดหาวิธีออกมาได้จริง! อีกทั้งทุกคนยังเชื่อใจ‘เขา’เช่นนี้ หรือ‘เขา’จะมีฝีมือที่ยอดเยี่ยมจริง!
ขณะที่หนานกงจวิ้นซีสงสัยอยู่ในใจ ทางด้านเล่อเหยาเหยาทราบดีว่าเรื่องนี้จะล่าช้าไม่ได้ ดังนั้นจึงเอ่ยเล่ารายละเอียดเรื่องที่นึกได้เมื่อครู่ออกมาอย่างรวดเร็ว
“ท่านอ๋อง หากลัทธินอกรีตต้องการสังหารคน เพื่อสร้างยาอายุวัฒนะ ตอนนี้มีคนตายไปแล้วสามสิบสี่ศพ เช่นนั้นคนของลัทธินอกรีต จำเป็นต้องสังหารหญิงสาวอีกหกสิบหกคน หากเป็นเช่นนั้น พวกเราสามารถใช้อุบายล่องูออกจากถ้ำได้!”
“ล่องูออกจากถ้ำหรือ!”
สำหรับคำพูดของเล่อเหยาเหยา ทุกคนต่างเอ่ยปากออกมาอย่างพร้อมเพรียงกัน แม้จะเข้าใจบางส่วนว่าเล่อเหยาเหยาต้องการพูดอันใด แต่ในใจทุกคนยังสงสัย
เพราะเรื่องนี้ทุกคนต่างนึกถึงไปแล้ว แต่สุดท้ายต้องยับยั้งไป เพราะใช้การไม่ได้!
เล่อเหยาเหยาเห็นสีหน้าทุกคน ในใจก็เดาความคิดในใจของทุกคนออกหลายส่วน ก่อนพลันเม้มริมฝีปากแดง ยิ้มอย่างมั่นใจ
“ทุกท่านอาจคิดว่าวิธีนี้ใช้การไม่ได้ ความจริงเมื่อครูข้าเองก็คิดถึงจุดนี้เช่นกัน ทว่าทุกคนโปรดฟังวิธีต่อมาของข้าก่อนเถอะ!”
“ได้ งั้นกระต่ายน้อยเจ้ารีบพูดมาเถิด!”
เมื่อเห็นเล่อเหยาเหยายิ้มอย่างมั่นใจที่มุมปาก ทำให้เหลิ่งจวิ้นอวี๋อดเชื่อมั่นเล่อเหยาเหยาอย่างมากไม่ได้
อีกทั้งท่าทางภายนอกเวลานี้ของเล่อเหยาเหยาน่าหลงใหลยิ่งนัก

สตรีอย่างข้าน่ะหรือ คือขันที?!

สตรีอย่างข้าน่ะหรือ คือขันที?!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset