สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน – ตอนที่ 112 ต้มน้ำอุ่นฮองเฮาสบายหรือไม่

        ประสิทธิภาพในการทำงานของอวิ๋นจิ่นนั้นรวดเร็วเป็นอย่างยิ่ง ในไม่ช้านางกำนัลในวังหลวงก็นำยากลับมาให้ซูจิ่นซี

        ซูจิ่นซีเปิดดูและยิ้มด้วยความพึงพอใจ นางรู้ว่าหากไปหาอวิ๋นจิ่น เรื่องที่ให้จัดการจะต้องสมบูรณ์แบบเป็นแน่

        “น้ำในอ่างต้มเสร็จแล้วใช่หรือไม่? ”

        ซูจิ่นซีถามขึ้น

        “พระชายา เรียบร้อยแล้วเพคะ”

        นางกำนัลตอบกลับ

        “ฮองเฮาเพคะ พวกกระหม่อมได้เตรียมอ่างยาให้พระองค์แล้ว รบกวนฮองเฮาถอดฉลองพระองค์แล้วเข้าไปแช่น้ำในอ่างเพคะ”

        “ได้! ”

        ฮองเฮาทรงพระสรวลและตรัสขึ้น พระองค์เข้าไปในห้องแล้วถอดฉลองพระองค์ออก ซูจิ่นซีเดินไปด้านข้างอ่างอาบน้ำเพื่อทดสอบอุณหภูมิและนำยาทั้งหมดเทลงในอ่างน้ำ

        ไม่นานหลังจากนั้น ฮองเฮาก็เสด็จออกมาจากห้องชั้นในพระวรกายสวมเพียงผ้าไหมเนื้อนิ่ม “พระชายาโยวอ๋อง เหตุใดข้าได้กลิ่นของน้ำแล้วรู้สึกว่ามันเหม็นคาวเล่า? ”

        “ฮองเฮาเพคะ โดยธรรมชาตินั้น ยาที่ดีกับยาปกติไม่สามารถเปรียบเทียบกันได้ พระองค์ทรงเชื่อหม่อมฉันนะเพคะ! ”

        “อืม! ”

        ฮองเฮายังคงสงสัยอยู่บ้างเล็กน้อย

        “จริงสิเพคะฮองเฮา เพื่อให้พระวรกายสามารถซึมซาบยาได้ดี ฉลองพระองค์ผืนนี้ก็ใส่ไม่ได้นะเพคะ” ซูจิ่นซีชี้ไปยังผ้าไหมเนื้อนิ่มบนตัวของฮองเฮา

        “กลางวันแสกๆ เช่นนี้ หากไม่ใส่ชุดนี้แล้วข้าจะอาบยาได้อย่างไร? ”

        ฮองเฮาพิถีพิถันเป็นอย่างมาก ทุกครั้งที่สรงน้ำจะต้องสวมใส่ผ้าไหมเนื้อนิ่มผืนบาง พระองค์ไม่ทรงโปรดการเปลือยกายสรงน้ำนัก

        “ไม่ได้นะเพคะฮองเฮา หากจะถอนพิษก็ต้องรีบแล้วเพคะ”

        “เช่นนั้นก็ได้! ”

        ฮองเฮาทำได้เพียงประนีประนอม พระองค์กางแขนเพื่อให้นางกำนัลถอดผ้าไหมเนื้อนิ่มออก

        ทว่าน้ำนี้มีกลิ่นคาวที่แปลกประหลาดเสียจริง! ฮองเฮาเหยียดพระบาทออกไป พระองค์ทำท่าเหยียบน้ำข้างในอยู่หลายครั้ง ทว่ายังคงไม่กล้าลงไปแช่พระวรกาย กลิ่นนี้ช่างน่าอาเจียนเหลือเกิน

        “พระชายาโยวอ๋อง ยาที่เจ้าให้ข้าใช้นี้คือยากระไรกัน? กลิ่นช่างน่าอาเจียนเสียจริง เจ้าแน่ใจหรือว่ามันสามารถรักษาพิษบนร่างกายข้าได้? ”

        “เป็นสูตรลับเฉพาะ ไม่อาจบอกได้เพคะ ฮองเฮา…พระองค์ทราบดีถึงกฎการรักษาผู้คนของหม่อมฉัน ทว่ายาอาบนี้เป็นเพียงขั้นตอนแรกเท่านั้น ต่อไปภายหลังยังมีอีกหลายขั้นตอนนะเพคะ! หากพระองค์ไม่เต็มใจยอมรับแม้แต่การรักษาในขั้นแรก เช่นนั้นก็โปรดประทานอภัยให้หม่อมฉันที่ไม่มีความสามารถ ขอพระองค์เชิญผู้มีฝีมือมาเถิดเพคะ! ”

        ไร้สาระ หากสามารถหาผู้อื่นมาถอนพิษได้ ข้าก็ไม่ต้องแบกหน้าไปหาเจ้าแล้วซูจิ่นซี

        “สามารถเปลี่ยนเป็นยาตัวอื่นได้หรือไม่? ”

        ฮองเฮาถามด้วยน้ำเสียงขอร้องอย่างแผ่วเบา

        ทว่าท่าทีของซูจิ่นซีนั้นจริงจังเป็นอย่างมาก นางยกแขนขึ้นกอดอก พร้อมกับส่ายศรีษะอย่างเชื่องช้า

        ไม่มี! อย่าคิดเลย!

        ถึงมีก็ไม่ให้พระองค์ใช้

        “เอาเถิด! ข้าไม่ลงไปแช่ได้หรือ? ”

        เพื่อถอนพิษ เพื่อมีชีวิต ฮองเฮาต้องสู้

        ฮองเฮาหลับตาและกระโดดเข้าไปในอ่างอาบน้ำ

        เพราะการเคลื่อนไหวที่มากเกินไป ยาในน้ำจึงกระเด็นออกมา กลิ่นคาวประหลาดนั้นก็โชยขึ้นอย่างรุนแรงครู่หนึ่ง น่าขยะแขยงเป็นอย่างยิ่ง

        ฮองเฮาที่อยู่ในอ่างน้ำนั่งคลื่นไส้อยู่เป็นเวลานาน อีกนิดเดียวก็คงอาเจียนเอาอวัยวะภายในทั้งหมดออกมาแล้ว

        “พระชายาโยวอ๋อง เจ้าให้ข้าใช้ยาอันใดกันแน่? เหตุใดข้าดมแล้วได้กลิ่นของส้วม”

        “ฮองเฮาเพคะ จมูกของพระองค์มีปัญหาแล้วกระมังเพคะ? ของจำพวกนั้นหม่อมฉันจะนำมาให้พระองค์ใช้ได้อย่างไร? วางใจเถิดเพคะ! เมื่อถึงเวลาแล้วหม่อมฉันจะเรียกพระองค์เอง! เชื่อหม่อมฉันเถิดเพคะ! ”

        ซูจิ่นซีขยิบตาอย่างซุกซนให้ฮองเฮาอีกครั้ง นางยกยิ้มอย่างไร้เดียงสา และสั่งให้นางกำนัลที่ยืนอยู่ด้านข้างคอยเติมไฟใต้อ่างอาบน้ำ

        จมูกของฮองเฮาไม่ได้ดมกลิ่นผิดแต่อย่างใด มันคือกลิ่นของห้องส้วมจริงแท้แน่นอน เพียงแต่มันไม่ใช่กลิ่นที่อยู่ในโถส้วม ทว่าเป็นอย่างอื่น

        วั่งเยวี่ยซา เป็นมูลของกระต่ายป่า

        เยี่ยหมิงซา เป็นมูลของค้างคาว

        อู่หลิงจือ เป็นมูลของกระรอกบิน

        ไป๋ติงเซียง เป็นมูลของนกกระจอก

        จีสื่อไป๋ เป็นมูลไก่

        สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นยาจีนขนานแท้

        ซูจิ่นซีไม่ได้ใส่เหรินจงหวง [1] ไปก็ถือว่าใจดีที่สุดแล้ว

        ก่อนหน้านี้ผู้ใดใช้ให้ซูจิ่นซีทำงานหนักเพื่อสืบหาฆาตกรให้ฮองเฮากัน ทว่าท้ายที่สุดฮองเฮากลับไร้มนุษยธรรมยิ่งนัก อีกทั้งยังทรยศนางอีก

        นี่คือชะตากรรม จุดจบของคนที่รุกรานซูจิ่นซี

        สิ่งอื่นใดของซูจิ่นซีล้วนดีทั้งนั้น เพียงแต่นางเป็นคนใจแคบ แคบมาก แคบยิ่งนัก

        ทั้งยังผูกพยาบาทเป็นอย่างยิ่ง

        แม้ว่าตอนนั้นซูจิ่นซีจะไม่สามารถแก้แค้นได้ทันที ทว่าครั้งต่อไป นางจะต้องหาโอกาสตอบแทนกลับคืนให้หนักยิ่งกว่าเดิมอย่างแน่นอน

        “โอ้ย… เหม็นมาก! เหม็นจะตายอยู่แล้ว! พระชายาโยวอ๋อง ยังเหลือเวลาอีกนานหรือไม่?  ข้าแทบจะทนไม่ไหวแล้ว”

        “ฮองเฮาเพคะ หม่อมฉันดูเวลาให้พระองค์อยู่ ใกล้แล้วเพคะ อีกนิดเดียวก็สำเร็จแล้ว พระองค์อดทนอีกนิดนะเพคะ”

        ในห้องชั้นใน ฮองเฮาส่งเสียงจวนเจียนจะระเบิดแล้ว

        ในห้องนั่งเล่น ซูจิ่นซีนั่งไขว้ขาอย่างสบายใจ น่องโยกเป็นจังหวะไปมา อีกทั้งยังฮัมเพลงเล่นอย่างอารมณ์ดี

        ซูจิ่นซีใช้ผ้าแพรไหมผืนบางผูกปมผีเสื้อไว้อย่างสวยงามที่จมูก เพื่อป้องกันอากาศที่ไม่พึงประสงค์ทั้งหมดออกไป

        ซูจิ่นซีบอกว่าอีกไม่นาน ทว่าฮองเฮาตะโกนเรียกกว่าครึ่งชั่วยามแล้ว ซูจิ่นซีก็ไม่ให้พระองค์ออกจากอ่างน้ำ

        เวลาต่อมา ฮองเฮาบอกว่าอุณหภูมิของน้ำเริ่มสูงเกินไปแล้ว

        “พระชายาโยวอ๋อง น้ำร้อนลวกจนข้าจะตายแล้ว! นางกำนัลชั่วพวกนี้ ต้องการลวกข้าให้ตายใช่หรือไม่? โอ้ย… เจ็บ… เจ็บ… เจ็บยิ่งนัก! “

        “ฮองเฮา พระองค์อดทนไว้ น้ำลวกแล้วดี ลวกแล้วยิ่งสามารถดูดซับยาได้ดีขึ้นเพคะ”

        จากนั้นซูจิ่นซีก็สั่งให้คนเพิ่มฟืนไฟต่อไป

        นี่เรียกว่ากบต้มในน้ำอุ่น

        ตอนที่ฮองเฮาลงอ่างสรงน้ำในคราแรก อุณหภูมิของน้ำไม่สูงเกินไปนัก ทว่าหลังจากนั้น ซูจิ่นซีได้สั่งให้นางกำนัลคอยควบคุมความร้อนจากด้านล่างของอ่างอาบน้ำให้อยู่ในระดับต่ำ เมื่อเวลาผ่านไปอุณหภูมิของน้ำจึงเพิ่มสูงขึ้น ความเจ็บปวดเหล่านี้เป็นความเจ็บปวดที่แทงทะลุถึงกระดูก เปรียบได้ยิ่งกว่าความเจ็บปวดเมื่อถูกน้ำร้อนเทลงบนผิวหนังโดยตรงเสียอีก

        ทว่าซูจิ่นซียังคงยับยั้งชั่งใจ นางไม่อาจต้มฮองเฮาให้สุกได้

        นางมั่นใจในระยะเวลาและความร้อนดี เมื่อใกล้จะถึงเวลาก็ให้คนไปเอาไฟออก รอจนน้ำอุ่นเย็นแล้วก็ให้คนไปจุดไฟอีกครั้ง

        สิ่งที่เติมลงไปในน้ำเหล่านั้น เมื่อเจอเข้ากับน้ำอุ่นที่เดี๋ยวเย็นเดี๋ยวร้อน ทำให้เมื่อเทียบกับตอนที่พึ่งใส่สิ่งเหล่านั้นลงไปแล้ว มันยิ่งมีกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์มากกว่าเดิมเสียอีก

        ทว่าเมื่อไม่มีคำพูดจากซูจิ่นซี ฮองเฮาก็ยังไม่กล้าลุกออกจากอ่างสรงน้ำ

        นางเป็นผู้ที่กลัวความตายเป็นอย่างมาก

        กลัวว่าหากรีบออกจากน้ำจนทำให้การถอนพิษล่าช้าแล้วจะทำอย่างไร?

        หลังจากเป็นเช่นนี้ไปมาหลายรอบก็จวนจะค่ำแล้ว ซูจิ่นซีก็เหนื่อยแล้วเช่นกัน นางจึงสั่งให้คนไปพยุงฮองเฮาออกมาจากอ่างน้ำ

        พระวรกายของฮองเฮาถูกน้ำร้อนลวกและเต็มไปด้วยตุ่มน้ำขนาดเล็กใหญ่ สภาพน่าอนาถเป็นอย่างยิ่ง นอกจากนี้พระองค์ยังไม่ได้เสวยอันใดทั้งวัน อีกทั้งยังอาเจียนตลอดเวลา บัดนี้ทั้งร่างแทบจะล้มลงไปเสียให้ได้ แม้แต่แรงจะเดินก็ไม่มี นางกำนัลจึงพากันอุ้มฮองเฮาขึ้นไปบนแท่นบรรทมที่ห้องชั้นใน

        ซูจิ่นซีไม่ใช่คนโง่ หลักฐานแผลลวกบนพระวรกายของฮองเฮามากมายถึงเพียงนี้ หากฮ่องเต้เห็นเข้า แม้จะอยู่ภายใต้การถอนพิษ นางก็อาจถูกพาตัวมาวิพากษ์วิจารณ์เป็นการใหญ่ เมื่อถึงตอนนั้นคงยากที่นางจะผ่านไปได้ด้วยดีอย่างแน่นอน

        ดังนั้นซูจิ่นซีจึงเตรียมยาไว้เรียบร้อยแล้ว ยาแผนปัจจุบันสำหรับน้ำร้อนลวกรวมกับยาจีนโบราณเป็นยาทาตัวให้กับฮองเฮา แผลพุพองพวกนั้นก็จะหายไปอย่างรวดเร็ว

        เพียงแต่ผิวหนังจะยังคงแดงก่ำอยู่เล็กน้อย

        อย่าคิดว่าทำถึงเพียงนี้แล้วซูจิ่นซีจะปล่อยฮองเฮาไป นั่นเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอน

        ซูจิ่นซีใส่ยาแก้อักเสบและขจัดก้อนเลือดอีกชนิดเข้าไป และยังใส่น้ำเกลือลงไปด้วย

        ยาแก้อักเสบและขจัดก้อนเลือดสามารถทำให้รอยแผลเป็นที่น่าเกลียดเหล่านั้นบนพระวรกายของฮองเฮาหายไปอย่างรวดเร็ว ทว่าน้ำเกลือจะซึมเข้าไปในบาดแผลทำให้ฮองเฮารู้สึกเจ็บปวด

        หลังทายาเสร็จ ซูจิ่นซีก็ได้ทิ้งยาบางส่วนให้นางกำนัลข้างกายฮองเฮา สั่งให้นางทายาให้ฮองเฮาอีกครั้งก่อนเข้านอนและในเช้าวันรุ่งขึ้น

        “โยว… พระชายาโยวอ๋อง นี่เจ้าจะ… ทิ้งให้ข้าตายแล้ว”

        ฮองเฮากัดฟันด้วยความเจ็บปวดและกล่าวขึ้นอย่างเกลียดแค้น

        ซูจิ่นซีมีรอยยิ้มบางเบาชวนโมโหปรากฎอยู่บนใบหน้า “ฮองเฮาเพคะ ท่านอย่าพึ่งรีบร้อน นี่ยังไม่เสร็จเลยนะเพคะ! ”

        ฮองเฮาคิดอยากจะบีบคอซูจิ่นซีเสียจริงหรือไม่ก็สั่งให้ผู้ใดสักคนนำนางออกไปประหารให้รู้แล้วรู้รอดเสียเลย ทว่าเห็นแก่การถอนพิษ พระองค์ยังต้องอดทนอย่างเข้มแข็ง

        “ยัง… ยังมีอันใดอีก? ” ฮองเฮาถามขึ้นอย่างอ่อนแรง

……

สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน

สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน

Status: Ongoing
อ่านนิยายเรื่อง สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน สามพันปีก่อนที่แผ่นดินเทียนเหอจะได้รับการจดบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์ สกุลซู ตระกูลแพทย์ที่เก่าแก่และร่ำรวยแห่งแคว้นจงหนิง ภายในห้องที่รกร้างทรุดโทรมห้องหนึ่ง บุตรสาวคนที่เจ็ด ‘ซูจิ่นซี’ เสื้อผ้าขาดลุ่ย ร่างกายเต็มไปด้วยบาดแผลถูกมัดติดกับเสา ข้างกายคือสาวงามนางหนึ่ง นางสวมอาภรณ์หรูหรา ในมือถือกริชค่อยๆ เฉือนลงบนร่างกายของซูจิ่นซี “ไอ้โง่ เจ้ายังไม่ยอมอ้าปากพูดอีกหรือ หยกกิเลนอยู่ที่ใด” ร่างของซูจิ่นซีสั่นสะท้านด้วยความเจ็บปวด ทว่าปากก็ยังถูกปิดสนิทให้ไม่สามารถพูดได้แม้แต่คำเดียว ดวงตาสีเข้มมืดมนคลอด้วยหยาดน้ำตา ส่งสายตาวิงวอนต่อสาวงามนางนั้น หญิงสาวยิ้มมุมปากอย่างพอใจแล้วดึงผ้าที่อุดปากซูจิ่นซีออก สาวงามตะโกนอย่างเกรี้ยวกราด “พูด! ” แต่นางกลับคาดไม่ถึงว่าซูจิ่นซีจะร้องไห้ส่งเสียงดังสนั่นราวกับเด็กน้อยขึ้นมา “พี่หญิงเป็นคนหลอกลวง ฮือ…ฮือฮือ…บอกว่าจะให้ข้ากินปลา ท่านพี่หลอกข้า ฮือฮือ ลวี่หลี… ข้าเจ็บเหลือเกิน! ลวี่หลี…ฮือฮือฮือ…ข้าเลือดไหล ลวี่หลี…” ดวงตาส่องประกายของสาวงามหม่นแสงลงทันที กริชในมือยกขึ้นจ่อคอของซูจิ่นซีอย่างไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อย “หุบปาก! หากยังตะโกนอีก ข้าจะฆ่าเจ้าเสียตอนนี้! ” ซูจิ่นซีหวาดกลัวเสียจนหยุดส่งเสียงร้องไห้ในทันใด อีกทั้งยังมองสาวงามด้วยแววตาขยาด ทว่าในขณะที่ดวงตาอันสับสนของซูจิ่นซีมองทะลุผ่านสาวงามไปยังบุรุษผู้มีรังสีมืดมนบนเก้าอี้ไม้จันทน์สีแดงแปดเหลี่ยมข้างหลังนาง ซูจิ่นซีก็รู้สึกกระสับกระส่ายขึ้นมา

Comment

Options

not work with dark mode
Reset