สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน – ตอนที่ 147 เฉินไท่เฟยและเว่ยเหม่ยเจีย

   ทันใดนั้นดวงตาของซูจิ่นซีที่จ้องมองไปยังเฉินไท่เฟยพลันเปลี่ยนเป็นเย็นชา

        นางรีบเก็บเข็มเงินบนร่างของเฉินไท่เฟยอย่างรวดเร็ว

        แม้ใบหน้าที่เจ็บปวดของเฉินไท่เฟยจะซีดเผือด ทว่านางยังคงหันศีรษะมามองซูจิ่นซีอย่างสงสัย “จิ่นซีอ่า เหตุใดไม่ฝังแล้วเล่า? ”

        “พอแล้ว” ซูจิ่นซีพูดอย่างเย็นชา

        “เร็วถึงเพียงนี้เชียวหรือ? ” เฉินไท่เฟยดูเหมือนกำลังกังวลกับเรื่องบางอย่าง นางเหลือบมองออกไปนอกหน้าต่างยามค่ำคืนอันมืดมิด

        “ดีขึ้นพอใช้ได้แล้วเพคะ หากฝังต่อไปจะทรมานท่านเสียมากกว่า” ซูจิ่นซีตอบพอประมาณ

        เมื่อพูดจบ ซูจิ่นซีก็เก็บเข็มเงินและก้าวออกประตูไปอย่างเร่งรีบ

        “ท่านแม่ หลังจากฝังเข็มอาการของท่านก็ดีขึ้นแล้ว จิ่นซีจะกลับไปพักผ่อนก่อน ท่านอ๋องยังคงรอหม่อมฉันอยู่เพคะ! ”

        เดิมทีเฉินไท่เฟยฟังความหมายอีกขั้นในคำพูดของซูจิ่นซีไม่ออก อีกทั้งนางยังไม่เห็นว่าซูจิ่นซีมีบางอย่างที่ผิดปกติไป

        เฉินไท่เฟยเร่งรีบลุกขึ้นจากเตียง นางคว้าแขนของซูจิ่นซีแล้วกล่าวว่า “จิ่นซีอ่า เจ้าอย่าไปเลยนะ เจ้าดูสิว่าไม่กี่วันมานี้ผิวพรรณของแม่ไม่ค่อยดีใช่หรือไม่? หรือว่าเจ้าสั่งยาต้มให้แม่กำจัดฝ้า กระ หรือสิว เสริมความงามคงความอ่อนเยาว์อีกสักสองสามอย่างดีหรือไม่? ”

        “ท่านแม่ ท่านต้องการทำอันใดกันแน่เพคะ? หรือท่านเพียง… กล่าวออกมาตรงๆ ? ” ซูจิ่นซีหรี่ตา เอ่ยเสียงเย็นชา

        เฉินไท่เฟยจับแขนเสื้อของซูจิ่นซีไม่ปล่อย นางยกยิ้มอย่างเหลือเชื่อ “จิ่นซี นี่เจ้าเป็นอันใดเล่า? แม่จะทำกระไรได้? ไม่ได้ขอให้เจ้าสั่งยาให้ข้าสักหน่อยหรือ? เจ้าหมายความถึงกระไรกัน? ”

        ปลอม!

        ยังจะปลอมอีก!

        ซูจิ่นซีไม่เคยรังเกียจเฉินไท่เฟยถึงเพียงนี้มาก่อน

        แม้ตอนที่มาหนานย่วนครั้งแรงเฉินไท่เฟยจะจงใจวางแผนทำให้ซูจิ่นซีอับอายขายหน้า ทำให้นางลำบากใจ นางยังเห็นแก่หน้าของเยี่ยโยวเหยา อดทนอดกลั้นยิ่งนัก เพราะต้องการสร้างความสัมพันธ์ระหว่างเฉินไท่เฟยและลูกสะใภ้ให้ดี

        ทว่าเวลานี้ ซูจิ่นซีเกลียดเฉินไท่เฟยเข้ากระดูก

        “ท่านแม่ ใบสั่งยาเสริมความงามคงความอ่อนเยาว์ไม่มีหรอกเพคะ ทว่าข้าสามารถฝังเข็มชุดใหญ่ได้ ท่านต้องการหรือไม่? ”

        มือของเฉินไท่เฟยที่คว้าแขนเสื้อของซูจิ่นซีไว้ชักกลับอย่างรวดเร็ว นางปล่อยซูจิ่นซีไป

        ซูจิ่นซีไม่สนใจจะพูดอันใดกับเฉินไท่เฟยอีกแม้แต่ประโยคเดียว นางเดินออกประตูไปอย่างรวดเร็วราวกับมีลมอยู่ใต้ฝ่าเท้า

        ทันทีที่ซูจิ่นซีออกจากประตูมา นางก็เปิดกำไลปี่อั้นเป็นระดับสูงสุด เสียงทั้งหมดในหนานย่วนต่างสะท้อนเข้ามายังหูของนาง

        ซูจิ่นซียิ่งฟังก็ยิ่งเดือดดาล มือของนางห้อยอยู่ข้างลำตัวกำหมัดแน่น ใต้ฝ่าเท้าราวกับลมพายุอย่างไรอย่างนั้น นางรีบไปที่ห้องของเยี่ยโยวเหยาด้วยความเร็วสูงสุด

        “เว่ยเหม่ยเจีย เจ้าคิดจะทำสิ่งใด? ”

        เมื่อซูจิ่นซีเปิดประตูเข้าไปก็ตะโกนก้องขึ้น

        เว่ยเหม่ยเจียที่คิดว่าป้าของนางกำลังยืดเวลาอยู่ เรื่องทุกอย่างอยู่ภายใต้การควบคุมของนาง คาดไม่ถึงว่าซูจิ่นซีจะปรากฏขึ้นในเวลานี้ เว่ยเหม่ยเจียเร่งรีบหยิบเสื้อผ้าบนพื้นอย่างรวดเร็วเพื่อปกปิดร่างกายของตน

        “พี่…พี่สะใภ้ ท่าน…ท่านมาได้อย่างไร? พี่สะใภ้ ท่าน…ท่านฟังข้าก่อน เรื่องทั้งหมดนี้…ล้วนเป็นการเข้าใจผิดนะเพคะ! ”

        “เพียะ! ”

        ซูจิ่นซีตบใบหน้าของเว่ยเหม่ยเจียอย่างรุนแรง

        เว่ยเหม่ยเจียถูกซูจิ่นซีตบอย่างกะทันหัน ก่อนที่จะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น มืออีกข้างหนึ่งของซูจิ่นซีก็ตบลงมาอีกครั้ง

        “เว่ยเหม่ยเจีย เจ้าหน้าด้านไร้ยางอายถึงเพียงนี้แล้วหรือ? ”

        เว่ยเหม่ยเจียทั้งอายทั้งกลัว นางเม้มริมฝีปากแน่น น้ำตาคลออยู่ในดวงตา

        ซูจิ่นซีเดินไปที่เตียงของเยี่ยโยวเหยา หลังจากแน่ใจว่าเยี่ยโยวเหยาที่อยู่ในอาการหมดสติยังมีเสื้อผ้าครบสมบูรณ์ เขาไม่ได้ถูกเว่ยเหม่ยเจียสัมผัสแต่อย่างใด ซูจิ่นซีจึงเอ่ยกับเว่ยเหม่ยเจียอย่างดุร้ายว่า “ไสหัวไป”

        “พี่สะใภ้! ”

        เว่ยเหม่ยเจียมองไปยังเยี่ยโยวเหยาที่อยู่บนเตียงอย่างไม่เต็มใจ

        ซูจิ่นซีรู้สึกขยะแขยงเมื่อเห็นสายตาของเว่ยเหม่ยเจียที่มองเยี่ยโยวเหยา นางไม่ต้องการอยู่ที่นี่อีกต่อไป องครักษ์ JX1 JX2 JX3 และ JX4 ที่เร้นกายอยู่ถูกเรียกตัวเพื่อเตรียมพร้อมนำเยี่ยโยวเหยาขึ้นรถม้าและรีบกลับจวนโยวอ๋องในชั่วข้ามคืน

        คาดไม่ถึงว่าเมื่อเดินมาถึงหน้าประตูจะถูกเฉินไท่เฟยก้าวมาดึงตัวไว้อย่างรีบร้อน

        “ซูจิ่นซี ข้าขอเอ่ยกับเจ้า แม้เรื่องในค่ำคืนนี้เจ้าจะไม่เต็มใจ ทว่าอย่างไรไม่ช้าก็เร็ว เว่ยเหม่ยเจียก็จะต้องเป็นคนของเยี่ยโยวเหยา เมื่อถึงเวลานั้นเจ้ายอมรับได้ก็จงยอมรับ หากยอมรับไม่ได้ก็ต้องยอมรับให้ได้”

        เมื่อหมางใจกันก็เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือแล้วหรือ?

        หากไม่เห็นแก่เฉินไท่เฟยที่มีฐานะเป็นมารดาแท้ๆ ของเยี่ยโยวเหยา ซูจิ่นซีต้องการตบเฉินไท่เฟยสักสองฉาดเสียจริง

        ซูจิ่นซีกล่าวอย่างเย็นชาว่า “หากเยี่ยโยวเหยาเต็มใจจะมีเว่ยเหม่ยเจีย ท่านแม่จำเป็นต้องใช้ประโยชน์จากข้าเพื่อหลอกเขามาที่นี่ ยังต้องให้น้องสามีใช้วิธีที่ต่ำทรามเช่นนี้หรือ? ”

        ซูจิ่นซีพูดแทงใจดำเฉินไท่เฟยและเว่ยเหม่ยเจีย ใบหน้าของเฉินไท่เฟยพลันเปลี่ยนไปชั่วขณะ

        เว่ยเหม่ยเจียยืนอยู่ด้านข้างด้วยเสื้อผ้าที่ไม่เรียบร้อย นางก้มศีรษะลง ร่างกายสั่นเทาไปทั้งร่าง

        ซูจิ่นซีมองเว่ยเหม่ยเจียอย่างดูถูก พลางพูดประชดประชันว่า “น้องสามี เจ้าต้องอ้างว้างเดียวดายจนถึงขั้นหน้าด้านไร้ยางอายถึงเพียงนี้ ครั้งหน้าแนะนำให้เจ้าหาบุรุษที่มีความรับผิดชอบเมื่อได้ร่วมหลับนอนกับเจ้าแล้ว เยี่ยโยวเหยาน่ะหรือ… ” ซูจิ่นซียิ้มอย่างประชดประชัน “เกรงว่าไม่เพียงเขาจะไม่รับผิดชอบต่อเจ้า หากเขารู้ว่าเจ้ากระทำอันใดกับเขา เขาอาจจะฆ่าเจ้าก็เป็นได้”

        ประโยคสุดท้ายของซูจิ่นซีโหดร้ายเป็นอย่างยิ่ง ร่างของเว่ยเหม่ยเจียสะดุ้งด้วยความตกใจ นางทรุดตัวลงกับพื้นในทันที ดวงตาของนางมองไปที่เฉินไท่เฟยด้วยความหวาดกลัวและสิ้นหวัง

        เฉินไท่เฟยจ้องมองเว่ยเหม่ยเจียอย่างทนไม่ได้ นางกัดฟันกรอดและคว้าตัวซูจิ่นซีที่กำลังจะจากไป เฉินไท่เฟยทำน้ำเสียงให้อ่อนลงและกล่าวขึ้นว่า “จิ่นซี นับว่าแม่ขอร้องเจ้า เจ้าช่วยแม่สักครั้งเถิด! โน้มน้าวโยวเหยา ตอนนี้โหยวเหยาฟังเพียงเจ้า ตราบใดที่เขายอมรับเหม่ยเจีย ต่อไปจะให้แม่ทำกระไรแทนเจ้าก็ย่อมได้”

        ซูจิ่นซีจ้องตอบเฉินไท่เฟยเป็นเวลานาน นางไม่อยากจะเชื่อ

        ภายในใจล้วนเจ็บปวดแทนเยี่ยโยวเหยา

        เยี่ยโยวเหยาหรือเว่ยเหม่ยเจียกันแน่ที่เป็นบุตรแท้ๆ ของเฉินไท่เฟย?

        แม้ซูจิ่นซีจะไม่ทราบว่าเหตุใดเยี่ยโยวเหยาจึงสลบไปอย่างกะทันหัน ทว่าซูจิ่นซีกล้ารับประกันว่าเรื่องนี้จะต้องเกี่ยวข้องกับเฉินไท่เฟยอย่างแน่นอน

        หากเยี่ยโยวเหยาเป็นบุตรแท้ๆ ของนาง นางจะทนทำเช่นนี้กับบุตรแท้ๆ ของตนได้อย่างไร?

        “ให้ข้าโน้มน้าวเยี่ยโยวเหยา? ” ซูจิ่นซีถามขึ้นอย่างเจ็บปวดใจ

        เฉินไท่เฟยคิดว่านางมีความหวังที่จะเกลี้ยกล่อมซูจิ่นซีได้ หางคิ้วจึงเต็มไปด้วยด้วยความปิติ “ใช่ จิ่นซี ตราบใดที่เจ้าสามารถเกลี้ยกล่อมโยวเหยาได้ จะให้แม่ทำกระไรแทนเจ้าก็ย่อมได้ทั้งนั้น”

        “เช่นนั้น ข้าต้องการชีวิตของท่านได้หรือไม่เล่า? ” ซูจิ่นซีพูดขึ้นทันที นอกจากนี้ยังเป็นการทดสอบว่าเฉินไท่เฟยสามารถทำกระไรให้เว่ยเหม่ยเจียได้ถึงเพียงใดกันแน่

        เฉินไท่เฟยชะงักไปชั่วครู่ สุดท้ายราวกับว่านางยอมทุกอย่างแล้ว “ได้ จิ่นซี ตราบใดที่เจ้าพูดกับเยี่ยโยวเหยา และยินยอมรับเหม่ยเจียเป็นสนมของเยี่ยโยวเหยาอย่างจริงใจ”

        “ไป! ”

        ซูจิ่นซีส่งเสียงบอกองครักษ์ลับ นางหัวเราะเยาะเฉินไท่เฟย หลังจากนั้นจึงหันหลังเดินจากไป

        เฉินไท่เฟยสับสนเล็กน้อย ไม่เข้าใจว่าซูจิ่นซีหมายความว่ากระไรกันแน่

        เมื่อเว่ยเหม่ยเจียเห็นว่าซูจิ่นซีกำลังจะหายไปจากสายตา นางจึงรู้สึกกังวลเล็กน้อยและกล่าวขึ้นว่า “พี่สะใภ้ ท่านหมายความว่าอย่างไร ท่านรับปากแล้วใช่หรือไม่? ”

        ซูจิ่นซีหยุดเดิน นางไม่ได้หันหลังกลับมาแต่อย่างใด ท่ามกลางค่ำคืนที่สงบเงียบ นัยน์ตาของนางเปล่งประกายเย็นยะเยือก “เว่ยเหม่ยเจีย ตราบใดที่ข้า…ซูจิ่นซียังมีชีวิตอยู่ ทั้งชีวิตนี้ของเยี่ยโยวเหยาจะมีข้าเป็นสตรีเพียงผู้เดียว ผู้อื่น… อย่าหวัง! ”

        นี่ซูจิ่นซีหมายความว่ากระไรกัน?

        อันใดที่เรียกว่าเป็นสตรีเพียงผู้เดียวที่อยู่ข้างกายเยี่ยโยวเหยาตลอดไป?

        นี่นางหมายถึงตนเองหรือหมายถึงเยี่ยโยวเหยา?

        เยี่ยโยวเหยาถูกองครักษ์ลับพาไปแล้ว เว่ยเหม่ยเจียมองไปยังแผ่นหลังที่กำลังจากไปของซูจิ่นซีอย่างบ้าคลั่ง

        เรื่องราวในคืนนี้ทำให้เว่ยเหม่ยเจียเสียเกียรติมากเกินไปแล้ว นางไม่เพียงเสียเกียรติต่อหน้าซูจิ่นซีเท่านั้น กระทั่งภายในจวนก็ล้วนไม่มีเกียรติอันใดหลงเหลืออีกต่อไป

        เมื่อทำเรื่องนี้ไม่สำเร็จ ไม่รู้ว่าหลังจากที่เสด็จพี่ตื่นขึ้นมาทราบเรื่องนี้แล้วจะปฏิบัติต่อนางอย่างไร

        นางทั้งอาย ทั้งกลัว ทั้งรู้สึกคับข้องใจ

        เว่ยเหม่ยเจียตะโกนใส่เฉินไท่เฟยว่า “เพราะท่าน! ทุกสิ่งเป็นเพราะท่าน! หากไม่ใช่เพราะท่าน เรื่องจะมาถึงจุดที่เป็นอยู่นี้ได้อย่างไร ข้าเกลียดท่านจนจะตายอยู่แล้ว! ”

        ขณะที่พูด เว่ยเหม่ยเจียก็ดึงทึ้งเสื้อผ้าบนร่างที่หลุดลุ่ยอย่างเหลือทนและวิ่งออกไปจากหนานย่วน

สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน

สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน

Status: Ongoing
อ่านนิยายเรื่อง สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน สามพันปีก่อนที่แผ่นดินเทียนเหอจะได้รับการจดบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์ สกุลซู ตระกูลแพทย์ที่เก่าแก่และร่ำรวยแห่งแคว้นจงหนิง ภายในห้องที่รกร้างทรุดโทรมห้องหนึ่ง บุตรสาวคนที่เจ็ด ‘ซูจิ่นซี’ เสื้อผ้าขาดลุ่ย ร่างกายเต็มไปด้วยบาดแผลถูกมัดติดกับเสา ข้างกายคือสาวงามนางหนึ่ง นางสวมอาภรณ์หรูหรา ในมือถือกริชค่อยๆ เฉือนลงบนร่างกายของซูจิ่นซี “ไอ้โง่ เจ้ายังไม่ยอมอ้าปากพูดอีกหรือ หยกกิเลนอยู่ที่ใด” ร่างของซูจิ่นซีสั่นสะท้านด้วยความเจ็บปวด ทว่าปากก็ยังถูกปิดสนิทให้ไม่สามารถพูดได้แม้แต่คำเดียว ดวงตาสีเข้มมืดมนคลอด้วยหยาดน้ำตา ส่งสายตาวิงวอนต่อสาวงามนางนั้น หญิงสาวยิ้มมุมปากอย่างพอใจแล้วดึงผ้าที่อุดปากซูจิ่นซีออก สาวงามตะโกนอย่างเกรี้ยวกราด “พูด! ” แต่นางกลับคาดไม่ถึงว่าซูจิ่นซีจะร้องไห้ส่งเสียงดังสนั่นราวกับเด็กน้อยขึ้นมา “พี่หญิงเป็นคนหลอกลวง ฮือ…ฮือฮือ…บอกว่าจะให้ข้ากินปลา ท่านพี่หลอกข้า ฮือฮือ ลวี่หลี… ข้าเจ็บเหลือเกิน! ลวี่หลี…ฮือฮือฮือ…ข้าเลือดไหล ลวี่หลี…” ดวงตาส่องประกายของสาวงามหม่นแสงลงทันที กริชในมือยกขึ้นจ่อคอของซูจิ่นซีอย่างไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อย “หุบปาก! หากยังตะโกนอีก ข้าจะฆ่าเจ้าเสียตอนนี้! ” ซูจิ่นซีหวาดกลัวเสียจนหยุดส่งเสียงร้องไห้ในทันใด อีกทั้งยังมองสาวงามด้วยแววตาขยาด ทว่าในขณะที่ดวงตาอันสับสนของซูจิ่นซีมองทะลุผ่านสาวงามไปยังบุรุษผู้มีรังสีมืดมนบนเก้าอี้ไม้จันทน์สีแดงแปดเหลี่ยมข้างหลังนาง ซูจิ่นซีก็รู้สึกกระสับกระส่ายขึ้นมา

Comment

Options

not work with dark mode
Reset