นางกล่าวว่า “ข้า…ซูจิ่นซีไม่สนใจว่าผู้อื่นจะกล่าวอย่างไร ทว่าเยี่ยโยวเหยาเป็นสามีของข้า เว้นแต่ว่าวันหนึ่งเยี่ยโยวเหยาจะเขียนจดหมายหย่าให้กับข้า…ซูจิ่นซีด้วยตนเอง มิฉะนั้นตราบใดที่ข้า…ซูจิ่นซียังอยู่ในจวนโยวอ๋องแห่งนี้ ข้าจะไม่ยอมให้ข้างกายเขามีสตรีอื่นอีก ไม่อนุญาตเด็ดขาด! ”
ซูจิ่นซีเน้นย้ำสองคำสุดท้ายอย่างหนักแน่นยิ่งนัก
คำพูดนี้นางตั้งใจพูดให้คนที่อยู่ในที่นี้ได้ฟัง และยังเป็นคำเตือนสำหรับสตรีเหล่านั้นที่โลภปรารถนาในตัวเยี่ยโยวเหยาอีกด้วย
ทันใดนั้นฝูงชนก็สงบลงทันที
บางคนตกใจในความกล้าหาญของซูจิ่นซี บางคนอิจฉาความกล้าหาญของซูจิ่นซี แน่นอนว่าคนส่วนใหญ่ที่อิจฉาซูจิ่นซีนั้นเป็นหญิงสาว อย่างไรก็ตามยังมีบางคนที่การตอบสนองช้าคิดไม่ทันว่าประโยคที่ซูจิ่นซีกล่าวนั้นหมายความว่าอย่างไร
จากระยะไกลออกไป มีสตรีสวมเสื้อคลุมสีดำนางหนึ่งนั่งอยู่ในรถม้า เมื่อนางได้ยินคำพูดของซูจิ่นซีก็กัดฟันจนเกิดเสียงกึกกึก นางหมัดกำแน่น ทั้งร่างสั่นเทา
ผ่านไปครู่หนึ่งสตรีนางนั้นก็เปิดม่านของรถม้าและพูดกับสาวใช้ที่ยืนด้านข้างรถม้าว่า “หลิวจู คนพวกนั้นที่เจ้าส่งไปตายหมดแล้วหรือ? เหตุใดจึงไม่พูด? พวกเจ้าทุกคนไม่อยากมีชีวิตอยู่อีกต่อไปแล้วใช่หรือไม่? ”
ร่างกายของหลิวจูสั่นสะท้านอย่างรุนแรงชั่วขณะ “คุณหนูเจ้าคะ ท่านอย่าพึ่งโกรธ ข้าน้อยจะไปบอกพวกเขาเดี๋ยวนี้เจ้าค่ะ” พูดแล้วหลิวจูก็วิ่งไปยังฝูงชนทันที
“ไร้ประโยชน์ ขยะไร้ประโยชน์ทั้งสิ้น! ”
สตรีนางนั้นสาปแช่ง นางใช้มือตบลงบนโครงรถม้าอย่างแรง มองเห็นรอยแผลเป็นที่แขนจากการถูกไฟลวกได้รำไร
ฝูงชนที่เดิมทีเงียบงันกลับมาคึกคักอีกครั้งอย่างรวดเร็ว
“ซูจิ่นซี คำพูดเหล่านี้ที่ท่านพูดช่างน่าขันยิ่งนัก ไม่รู้ว่าคราแรกฝ่าบาททรงมีพระราชดำริอย่างไร คาดไม่ถึงว่าพระองค์จะออกพระราชโองการมอบท่านให้แก่โยวอ๋อง เดิมทีเจ้าไม่คู่ควรที่จะเป็นชายาโยวอ๋องเลยแม้แต่น้อย”
“ใช่ เดิมทีท่านไม่คู่ควรเป็นชายาโยวอ๋อง! ”
“ซูจิ่นซีไม่คู่ควรเป็นชายาโยวอ๋อง! โยวอ๋องเล่า? เชิญท่านอ๋องออกมากล่าวอันใดหน่อยเถิด! ” ทันใดนั้นผู้คนในฝูงชนก็ตะโกนขึ้นมา
จากนั้นก็มีคนพูดตามกันทันทีว่า “ใช่ เกิดเหตุการณ์ใหญ่โตถึงเพียงนี้ โยวอ๋องควรออกมาเป็นประธานในการทวงความยุติธรรมด้วยเช่นกัน! ไม่สามารถปล่อยให้ซูจิ่นซี หญิงแพศยาผู้นี้กระทำความชั่วแล้วพูดพล่ามไร้สาระที่นี่ได้”
“ใช่ ท่านอ๋อง เชิญท่านออกมากล่าวสักหน่อยเถิด! ”
“ท่านอ๋อง หย่ากับซูจิ่นซีหญิงแพศยาผู้นี้เถิด! เดิมทีนางก็ไม่คู่ควรเป็นชายาโยวอ๋อง”
“ใช่ ขอโยวอ๋องหย่ากับซูจิ่นซี! ”
“ขอโยวอ๋องหย่ากับซูจิ่นซี! ”
“ขอโยวอ๋องหย่ากับซูจิ่นซี! ”
“ขอโยวอ๋องหย่ากับซูจิ่นซี! ”
……
“พอแล้ว! ” ซูจิ่นซีกล่าวอย่างเย็นเยียบ
การร้องเรียนของฝูงชนหยุดลงเพียงครู่หนึ่ง ทันใดนั้นก็มีคนนำและเริ่มส่งเสียงขึ้นมาอีกครั้ง
การแสดงออกของซูจิ่นซีเคร่งขรึมเอาจริงเอาจัง นางยืนบนบันไดสูงหน้าจวนโยวอ๋องด้วยร่างกายเหยียดตรง สายตาจ้องไปที่ฝูงชนเบื้องล่างอย่างเย็นชา
ทันใดนั้นซูจิ่นซีก็ตะโกนขึ้นว่า “JX3”
JX3 ที่ยืนอยู่ด้านหลังซูจิ่นซีกระโดดขึ้นไปในอากาศทันที เขาหยุดอยู่กลางอากาศราวกับนกอินทรีกำลังเล็งไปที่เหยื่อของมันอย่างไรอย่างนั้น
เสียงของฝูงชนหยุดลงกะทันหัน ทุกคนต่างส่งเสียงถอนหายใจยาวและเงยหน้ามองขึ้นไปพร้อมกัน
ขณะนั้น JX3 พลันพลิกข้อมือของตน ทันใดนั้นดาบยาวในมือก็เกิดเสียงลม ร่างที่ถือดาบยาวหมุนตัวอย่างรวดเร็วและแทงผู้ใดบางคนท่ามกลางฝูงชน
“โอ้ย… ฆ่าคนแล้ว… ” ฝูงชนเริ่มตื่นตระหนก ดาบยาวในมือของ JX3 แทงกระดูกสะบักไหล่ของคนผู้หนึ่งแล้วเขวี้ยงไปยังเบื้องหน้าของซูจิ่นซีอย่างแม่นยำ
สีแดงของโลหิตปกคลุมทั่วท้องฟ้า ดวงตาของซูจิ่นซีไร้ซึ่งความปรานี ใบหน้าไร้อารมณ์ นางมองคนผู้นั้นอย่างเย็นชา
“พระชายาโยวอ๋องฆ่าคนแล้ว! ”
“พระชายาโยวอ๋องฆ่าคนแล้ว! ”
มีคนใช้เสียงสูงตะโกนขึ้นสองครั้ง
ซูจิ่นซีเหลือบมองไปยัง JX4 ที่อยู่ด้านหลังด้วยสายตาเย็นเยียบ ทันใดนั้น JX4 ก็กระโดดขึ้นมาแทงชายที่ตะโกนเมื่อครู่และโยนไปยังเท้าของซูจิ่นซีด้วยดาบอย่างรวดเร็วเช่นกัน
“ข้าจะดูว่ายังมีผู้ใดกล้าปล่อยข่าวลืออีก! ” ซูจิ่นซีพูดอย่างเยือกเย็น
ฝูงชนเริ่มตกอยู่ในความเงียบอีกครั้ง หลายคนก้มศีรษะและไม่กล้าพูดอันใดแม้แต่คำเดียว
บางคนดวงตาโกรธเกรี้ยวทว่าพูดอันใดไม่ได้เนื่องจากกลัว JX3 และ JX4
ซูจิ่นซีเดินทีละก้าวไปยังด้านหน้าของชายที่ถูก JX3 แทงที่ไหล่ นางนั่งยองมองสบตากับเขา
“ในคราแรกข้าได้รับพระราชโองการจากฝ่าบาทที่รับสั่งด้วยพระองค์เองว่าให้ข้าสมรสกับเยี่ยโยวเหยา และเยี่ยโยวเหยาก็พาข้าเข้ามาในจวนโยวอ๋องต่อหน้าผู้คนทั้งหมดในเมืองตี้จิงเช่นกัน หากเจ้าคิดว่าฝ่าบาทกระทำผิด เจ้าสามารถไปที่ประตูวังและตะโกนร้องเรียน! อ้อ… จริงสิ… ” ซูจิ่นซีแสร้งทำเป็นประหลาดใจและกล่าวขึ้นว่า “ข้าพึ่งนึกขึ้นได้เมื่อครู่ว่า สถานะตอนนี้ของเจ้าไม่สามารถเข้าใกล้ประตูวังได้ หรือจะให้ข้าผู้นี้พาเจ้าไปเข้าเฝ้าฝ่าบาทเล่า? ในใจเจ้าไม่พอใจหรือไม่สบายใจอันใด ก็กล่าวต่อเบื้องพระพักตร์ฝ่าบาทให้หมดดีหรือไม่? ”
เดิมทีคนผู้นั้นมีใบหน้าซีดเซียวเพราะอาการบาดเจ็บ เมื่อฟังคำพูดเช่นนี้ของซูจิ่นซียิ่งทำให้ใบหน้าซีดขาวและน่าหวาดกลัวยิ่งขึ้น เขาเอียงศีรษะและไม่พูดจาอันใด
ซูจิ่นซียิ้มเยาะที่มุมปาก นางเดินไปยังด้านหน้าชายอีกคนที่ถูก JX4 เขวี้ยงขึ้นมาและนั่งลงจ้องมองสบตาชายผู้นั้นเช่นกัน
ซูจิ่นซียังไม่ทันได้พูดอันใด ร่างของคนผู้นั้นก็หดเกร็งอย่างควบคุมตนเองไม่ได้
รอยยิ้มที่มุมปากของซูจิ่นซีเย้ยหยันยิ่ง “กล้าหาญถึงเพียงนี้ ทั้งยังกล้าเอาหัวคาดเอว [1] เพื่อทำสิ่งต่างๆ ให้กับผู้อื่น นายจ้างที่จ้างเจ้าเขาจ่ายให้เจ้าเท่าใดกัน? หากข้าให้เจ้าเพิ่มเป็นสองเท่า และให้เจ้าเปิดโปงเขาต่อหน้าผู้คนในที่สาธารณะ เจ้าจะว่าอย่างไร? ”
ใบหน้าของคนผู้นั้นเปลี่ยนเป็นซีดเผือดในทันที เขาหลบสายตาไม่กล้ามองซูจิ่นซีตรงๆ “ท่าน… ท่านกำลังพูดถึงสิ่งใด? ข้าไม่เข้าใจ! ”
มุมปากของซูจิ่นซียังคงยกยิ้ม นางยื่นมือออกมา ทันใดนั้น JX4 ก็หยิบกริชเล่มเล็กส่งให้ในมือของซูจิ่นซีอย่างรวดเร็ว
ซูจิ่นซีดึงฝักกริชออก แสงที่แหลมคมพลันปรากฏขึ้นทันใด ส่องแสงจนบางคนไม่อาจลืมตาขึ้นได้
“ท่าน… ท่านต้องการจะทำสิ่งใด? ”
ชายผู้นั้นมองซูจิ่นซีอย่างขลาดกลัว เขาพยายามหลบหนี ทว่าไหล่ของเขากลับถูก JX4 กดไว้อย่างแน่นหนาไม่สามารถหลบหนีได้เลย
ซูจิ่นซียกยิ้มอย่างเย็นชาอีกครั้ง เมื่อยื่นมืออีกข้างหนึ่งออกไป ไม่รู้ว่าเมื่อใดที่ในมือของนางปรากฎขวดยากระเบื้องสีฟ้าขาวขวดเล็ก
ซูจิ่นซีเปิดขวดยาขนาดเล็กและค่อยๆ เทยาในขวดลงบนกริชอย่างเชื่องช้า
ยาน้ำสีดำและใบมีดสีเงินขาวดูราวกับว่ามันมีความรุนแรงมากกว่าปกติ ทำให้ผู้คนสั่นสะท้านยิ่งขึ้น
“ไม่ต้องห่วง ข้าไม่ปล่อยให้เจ้าตายในทันที ทว่าจะทำให้เจ้ามีชีวิตอยู่อย่างลำบากยิ่ง เมื่อครู่ที่ทุกคนเรียกข้าว่านางหญิงแพศยา ผู้ที่ตะโกนดังที่สุดคือเจ้าใช่หรือไม่? โชคร้ายที่ข้าต้องจัดการกับข้อกล่าวหานี้ แม้มันจะไม่คุ้มกับบาปที่เจ้าเอามาสวมให้กับข้า เจ้าว่าอย่างไรเล่า? ”
ขณะที่พูด กริชในมือของซูจิ่นซีก็ค่อยๆ หันไปทางร่างกายชายคนนั้นและกดลงไป ทีละแผล… ทีละแผล แม้นางจะเบาแรงเป็นพิเศษจนเหมือนเป็นการเกาเนื้อหนังเท่านั้น
ทว่าเมื่อส่วนผสมยาน้ำสีดำสัมผัสผิวหนังของชายคนนั้นกอปรกับเลือดที่ไหลออกจากบาดแผล ฟองฟอดสีขาวก็ปรากฏขึ้นในทันใด ดูแล้วช่างน่ากลัวมากเสียจริง
“ซูจิ่นซี ท่านจะทำกระไร? นี่ท่านคิดจะทำกระไร? พวกท่านปล่อยข้า! ปล่อยข้า! ” ชายผู้นั้นดิ้นรนอย่างสิ้นหวัง ทว่าไม่สามารถหนีจากการควบคุมของ JX4 ได้
“เมื่อครู่คนที่เป็นผู้นำในการตะโกนบอกว่าข้าฆ่าคน เป็นเจ้าใช่หรือไม่? เบิกตาสุนัขของเจ้าให้ชัดเจน จำให้ดีว่าวิธีที่ข้าจะฆ่าคนนั้นทำเช่นไร! ” ซูจิ่นซีกล่าวอย่างเย็นชา
ทุกคนที่มุงดูต่างพากันสั่นสะท้าน ขณะนี้ไม่มีผู้ใดพูดกระไรเลยแม้แต่น้อย
ทันใดนั้นก็มีเสียง “เพล้ง” ซูจิ่นซีโยนกริชในมือลงกับพื้น เกิดเป็นเสียงคมชัดขึ้นชั่วขณะ
“พูด! ผู้ใดกันแน่ที่บอกให้พวกเจ้ามาปล่อยข่าวลือ? เจ้ามีเวลาเพียงครึ่งชั่วยาม หากไม่ยอมพูด พอถึงเวลา เนื้อและเลือดของเจ้าจะเน่าเฟะไปทั้งตัว แม้จะไม่ตาย ทว่าการมีชีวิตอยู่นั้นกลับทรมานเสียยิ่งกว่า”
……