สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน – ตอนที่ 154 จดจ่อตัวต่อตัว คนรักเก่าของฮ่องเต้

        เว่ยเหม่ยเจียส่งเสียงโวยวายจนคนหูหยวกยังได้ยิน เสียงนั้นดังอึกทึกอยู่ด้านข้างเว่ยกั๋วกงและฮูหยินเว่ยกั๋วกง ทว่าทันใดนั้นนางก็พลันหยุดเสียงลง

        เว่ยเหม่ยเจียดูราวกับคนที่เสียสติไปแล้วอย่างไรอย่างนั้น นางยกมือปิดหูพลางส่ายศีรษะไปมา “ไม่ต้องพูดแล้ว ไม่ต้องพูด พวกท่านไม่ต้องพูดกระไรอีกต่อไปแล้ว”

        เรื่องราวมาถึงจุดนี้แล้ว แม้เว่ยกั๋วกงและฮูหยินเว่ยกั๋วกงจะโง่เง่าก็สามารถคิดได้ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนี้ต้องไม่ใช่เรื่องดีอย่างแน่นอน ยิ่งไปกว่านั้นหากพวกเขาเดาไม่ผิด คงเป็นบุตรสาวของพวกเขา…เว่ยเหม่ยเจียที่เป็นผู้กระทำความผิด

        “พระชายา ไหวหยางจวิ้นจู่จากจวนจงอู่โหวและฮูหยินฮั่วซื่อจากจวนสกุลซูมาถึงแล้วพ่ะย่ะค่ะ” ทันใดนั้นข้ารับใช้ก็วิ่งเข้ามารายงาน

        ไหวหยางจวิ้นจู่? ยังมีฮั่วซื่ออีกหรือ?

        ซูจิ่นซีข้องใจยิ่งนัก เวลานี้พวกนางมาทำสิ่งใด?

        หนานย่วนกับจวนจงอู่โหวล้วนไม่มีการติดต่อใดๆ กันเลยแม้แต่น้อย

        นอกจากนี้ตัวตนและสถานะของฮั่วซื่อ หากไม่ใช่เพราะติดตามไหวหยางจวิ้นจู่ ประตูหนานย่วนแห่งนี้นางคงเข้ามาไม่ได้กระมัง?

        ในเวลาเดียวกัน ซูจิ่นซียังพบว่าแววตาของเฉินไท่เฟยผิดปกติอย่างมาก ดูเหมือนนางจะเลี่ยงสายตาของซูจิ่นซีอย่างจงใจ

        หรือว่านางยังมีเรื่องกระไรปิดบังซูจิ่นซีอยู่?

        “เฉินไท่เฟย ท่านเอาบุตรชายของข้าคืนมา! ไม่เช่นนั้น ข้าจะเหยียบหนานย่วนของท่านให้จมดิน”

        ซูจิ่นซีคาดไม่ถึงว่าใต้หล้านี้ยังมีคนที่กล้าแสดงอากัปกิริยาดุดันในอาณาเขตของเยี่ยโยวเหยา ทั้งยังสามารถใช้น้ำเสียงที่ดังได้ถึงเพียงนี้อีกด้วย

        ขณะที่ซูจิ่นซีคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ สตรีนางหนึ่งที่สวมอาภรณ์สีเขียวเข้มโศภาก็เข้ามาสมทบพร้อมกับฮั่วซื่อ ในไม่ช้าก็เดินมาถึงลานด้านใน

        ซูจิ่นซี เฉินไท่เฟย เว่ยกั๋วกง และฮูหยินเว่ยกั๋วกงต่างกล่าวต้อนรับ

        “เฉินไท่เฟย บุตรชายของข้าเล่า? ทางที่ดีเจ้าส่งบุตรชายของข้าคืนมาดีกว่า มิเช่นนั้นข้าไม่จบกับเจ้าแน่” ไหวหยางจวิ้นจู่เอ่ยขึ้นกลางวง

        ไหวหยางจวิ้นจู่ผู้นี้ แท้จริงแล้วเป็นธิดาสายตรงของจวนมู่แห่งยูนนาน เมื่อยังเด็กมีบุคลิกฉุนเฉียวและงดงามน่าตราตรึง เวลานั้นนางยังเป็นบุคคลอันดับหนึ่งในเมืองตี้จิงอีกด้วย นางมีความสัมพันธ์โยงใยไปทั่วระหว่างฮ่องเต้องค์เดิมและฮ่องเต้องค์ปัจจุบัน ทว่าต่อมาไม่รู้ว่าเกิดอันใดขึ้น นางจึงได้สมรสกับจงอู่โหว

        หลังจากนั้นฮ่องเต้ได้ให้สัตยาบันนางเป็นไหวหยางจวิ้นจู่ แม้หลายปีมานี้นางยังคงทำตัวก้าวร้าวและมีอิทธิพลอำนาจถึงเพียงนั้น ทว่านางกลับปรากฏตัวในแวดวงชนชั้นสูงของเมืองตี้จิงไม่บ่อยนักหลังจากนางให้กำเนิดบุตร

        อีกอย่างจงอู่โหวนี้

        แม้จะได้รับบรรดาศักดิ์โหว ทว่าไม่ได้มีค่ามากมาย

        แม้จวนจงอู่โหวในลู่โจวของเขาจะเป็นเหมือนดั่งพี่น้องต่างมารดากับแม่ทัพฮั่วจากจวนสกุลฮั่ว ทว่าในเรื่องของยศถาบรรดาศักดิ์ในราชวงศ์และระดับความเคารพนับถือในใจของผู้คนนั้น จงอู่โหวยังห่างชั้นจากนายพลฮั่วมากนัก

        ยศฐาบรรดาศักดิในปัจจุบันของจงอู่โหวขึ้นอยู่กับสตรีผู้ล่อลวงฮ่องเต้ในเวลานั้น และขึ้นอยู่กับร่องรอยความพิสมัยของฮ่องเต้ที่หลงเหลืออยู่ต่อไหวหยางจวิ้นจู่ เขาเกาะชายกระโปรงอาศัยความสัมพันธ์ระหว่างฮ่องเต้กับไหวหยางจวิ้นจู่เพื่อให้ตนเองมีตำแหน่งยศศักดิ์

        มิฉะนั้น แม้แต่จงอู่โหวก็คงไม่ได้เป็น ไม่แน่ว่าบางทีทุกวันนี้เขาอาจเป็นเพียงข้ารับใช้ที่ถูกดูหมิ่นในตระกูลฮั่วแห่งลู่โจว

        ซูจิ่นซีค่อยๆ ชำเลืองมองนางอย่างเต็มสองตา เฝ้าชมการแสดงของไหวหยางจวิ้นจู่

        สตรีที่มีความสัมพันธ์กับฮ่องเต้ แท้จริงแล้วช่างเสแสร้ง!

        “บุตรชายกระไร? ไหวหยางจวิ้นจู่ เจ้าบังอาจยิ่งนัก! ไม่ได้ดูเลยว่าที่นี่คือที่ใด หนานย่วนใช่ที่ที่เจ้าจะมาร้องตะโกนโหวกเหวกโวยวายได้หรือ? ” เฉินไท่เฟยกล่าวขึ้นอย่างโกรธเกรี้ยว

        “หึ จู๋เหยียนบ่าวรับใช้ข้างกายบุตรชายข้าเห็นกับตาว่าคนจากหนานย่วนของท่านลักพาตัวบุตรชายข้าไป ท่านยังจะพูดกระไรได้อีกหรือ? ส่งเขามาเดี๋ยวนี้! ”

        ไหวหยางจวิ้นจู่ยกมือขึ้น ทหารทั้งสองนายก็โยนบ่าวรับใช้ที่ถูกทุบตีอย่างสาหัสไปที่เท้าของเฉินไท่เฟย

        เฉินไท่เฟยสะดุ้งตกใจถอยหลังไปหนึ่งก้าวด้วยใบหน้าที่ไม่น่าดูนัก นางกล่าวขึ้นว่า “นี่คือผู้ใด? ข้าไม่รู้จัก! ”

        ไหวหยางจวิ้นจู่หัวเราะเยาะเย้ยที่มุมปาก “เฉินไท่เฟย ท่านไม่จำเป็นต้องรู้ว่าเขาเป็นผู้ใด คนเช่นนี้ไม่อยู่ในครรลองสายตาของท่านหรอก เขาคือจู๋เหยียน บ่าวรับใช้ส่วนตัวของฮั่วปี้…บุตรชายข้า เขาเป็นผู้ที่เห็นคนจากหนานย่วนของท่านพาบุตรชายของข้าไป ท่านยังจะพูดอันใดอีกหรือ? ”

        “ไหวหยางจวิ้นจู่ เจ้าอย่าได้ใส่ร้ายผู้อื่นอย่างชั่วช้า คำพูดของคนจำพวกนี้เจ้าเชื่อหรือ? หรือเจ้าคิดว่าหนานย่วนของข้าจับตัวบุตรชายของเจ้าไป เช่นนั้นเจ้าก็ค้นเสีย! ”

        “หึ! ทหาร ค้นให้ข้าทุกซอกทุกมุม อย่าได้บกพร่อง! ” ไหวหยางจวิ้นจู่ส่งเสียงหึ ขณะเดียวกันกองกำลังทหารด้านนอกประตูก็วิ่งเข้ามาราวกับน้ำไหลในทันที ทั้งยังกล้าทำการค้นหาตามคำสั่งของไหวหยางจวิ้นจู่

        “ไหวหยางจวิ้นจู่ เจ้ากล้ายิ่งนัก เจ้า… เจ้า… เจ้าทำให้ข้าโกรธเสียจริง! ” ทันใดนั้นเฉินไท่เฟยก็ยกมือกุมอก ใบหน้าซีดเผือด

        อย่างไรก็ตาม เหตุใดซูจิ่นซีจึงรู้สึกว่าวันนี้ความมั่นใจของเฉินไท่เฟยไม่มากเท่าที่ควร เมื่อพูดต่อหน้าไหวหยางจวิ้นจู่?

        มิเช่นนั้น แม้ไหวหยางจวิ้นจู่จะอาศัยฮ่องเต้ผู้เป็นรักเก่าให้หนุนหลังอีกครั้ง เฉินไท่เฟยคงไม่ปล่อยให้นางรังแกถึงเพียงนี้

        นางเป็นผู้ใด? นางเป็นเฉินไท่เฟยผู้สง่างามเชียวนะ!

        หนานย่วนคือสถานที่ใด? หนานย่วนเป็นลานแห่งหนึ่งที่ฮ่องเต้องค์ก่อนพระราชทานให้กับเฉินไท่เฟยด้วยพระองค์เอง ทุกวันนี้ตัวอักษรบนป้ายสัญลักษณ์ที่ประตูยังเขียนด้วยพระหัตถ์ของฮ่องเต้องค์ก่อน

        เฉินไท่เฟยมีเกียรติถึงเพียงนั้น นางเป็นผู้ที่ทะนงตนผู้หนึ่ง หากไม่ใช่เพราะนางขาดความมั่นใจต่อหน้าไหวหยางจวิ้นจู่ เหตุใดจึงเอ่ยคำพูดเด็ดขาดออกมาไม่ได้เล่า?

        หรือว่าบุตรชายของไหวหยางจวิ้นจู่จะอยู่ที่หนานย่วนจริง?

        เขาถูกเฉินไท่เฟยจับตัวมาจริงหรือ?

        “ท่านแม่! ท่านแม่ ท่านมาแล้ว ท่านจะต้องช่วยข้านะขอรับ! ”

        ซูจิ่นซีกำลังครุ่นคิด ทันใดนั้นก็มีเสียงของบุรุษผู้หนึ่งดังขึ้นมาจากระยะไกล

        ซูจิ่นซีมองหาที่มาของเสียง ในขณะนั้นเองนางก็ได้เห็นใบหน้าของชายผู้นั้นที่อีกนิดก็เกือบจะตกบันไดลงมาแล้ว

        นี่… นี่ไม่ใช่ ‘ฮั่วอวี้’ เจ้าอ้วนหูกางที่พยายามเอาเปรียบนางตอนที่เพิ่งข้ามภพมาหรอกหรือ?

        เขาตกสระบัวของจวนสกุลซูและจมน้ำตายไปแล้วไม่ใช่หรือ?

        เหตุใดจึงมาปรากฏตัวที่นี่?

        หรือว่าจะเป็นผีดิบไปแล้ว?

        สายตาตื่นตระหนกของซูจิ่นซีอดไม่ได้ที่จะมองไปยังฮั่วซื่อ

        ฮั่วซื่อก็มองมายังทิศทางของซูจิ่นซีพอดีเช่นกัน นางเห็นใบหน้าของซูจิ่นซีเต็มไปด้วยความสงสัยจึงกล่าวขึ้นว่า “จิ่นซีอ่า! นี่คือลูกพี่ลูกน้องของเจ้า อวี้เอ๋อร์เป็นพี่ชาย อวี้เอ๋อร์โชคร้ายจากไปอย่างรวดเร็ว ทว่าบุตรชายที่สืบสายเลือดจากบรรพบุรุษของท่านลุงและท่านป้าของเจ้าในขณะนี้ กลับไม่คิดว่าจะเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น… เจ้าว่า ท่านลุงกับท่านป้าจะมีชีวิตต่อไปได้อย่างไรเล่า! ”

        ขณะที่พูดอยู่ ฮั่วซื่อก็น้ำตาไหลต่อหน้าผู้คน

        ท่านลุงและท่านป้าในคำพูดของฮั่วซื่อก็คือจงอู่โหวและไหวหยางจวิ้นจู่ที่อยู่ตรงหน้าท่านนี้

        แม้ซูจิ่นซีจะไม่ใช่บุตรแท้ๆ ของฮั่วซื่อ ทว่าฮั่วซื่อก็เป็นฮูหยินของซูจิ่นซี ตามหลักความอาวุโสของคนในสกุล ซูจิ่นซีควรถูกเรียกว่าเป็นบุตรสาวของฮั่วซื่อ

        ทว่าเหตุใดซูจิ่นซีจึงรู้สึกว่าข่าวสารในคำพูดของฮั่วซื่อนั้นมากมายยิ่ง?

        เกิดอันใดขึ้นกับฮั่วปี้?

        เหตุใดเฉินไท่เฟยจึงจับเขามาที่หนานย่วนและซ่อนไม่ให้ผู้อื่นพบเขา?

        นางคิดจะทำสิ่งใด?

        ในหัวของซูจิ่นซีพิจารณาเรื่องเหล่านี้อย่างรวดเร็ว ขณะนี้ดูเหมือนว่าไหวหยางจวิ้นจู่พึ่งสังเกตเห็นซูจิ่นซี “โอ้ ซูจิ่นซี เจ้าก็อยู่ด้วยหรือ? เจ้าอยู่ก็ดี เรามาคิดบัญชีใหม่เก่ากัน! ”

        บัญชีเก่า?

        คิดบัญชีเก่ากระไร?

        ซูจิ่นซีไม่เข้าใจว่าไหวหยางจวิ้นจู่ที่พึ่งพบหน้ากันครั้งแรกจะสามารถมีบัญชีเก่าอันใดได้

        จากนั้นซูจิ่นซีก็ได้ยินไหวหยางจวิ้นจู่พูดอีกครั้งว่า “ซูจิ่นซี ทุกวันนี้ชื่อเสียงของเจ้าโด่งดังไปทั่วเมืองตี้จิงแล้ว ช่างสำราญยิ่งนัก! ในเมื่อผู้คนล้วนพูดเช่นนั้น เป็นเจ้าที่ขับไล่ไสส่งเว่ยเหม่ยเจียให้ออกไปจากหนานย่วน เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนี้ไม่เกี่ยวอันใดกับบุตรชายของข้า เจ้าให้เฉินไท่เฟยปล่อยคนไปเสียเถิด! ข้าจะพาบุตรชายของข้าไปเดี๋ยวนี้”

        ไหวหยางจวิ้นจู่กล่าวอย่างเย่อหยิ่ง

        เดี๋ยวนะ!

        หรือว่าเมื่อคืนเป็นฮั่วปี้ที่ข่มเหงรังแกเว่ยเหม่ยเจีย?

        ไม่ใช่กระมัง?

        แม้จะเล่นตัวต่อตัว ก็ไม่น่าเป็นเรื่องบังเอิญถึงเพียงนี้ใช่หรือไม่?

        เหตุใดเว่ยเหม่ยเจียจึงพบคนสกุลฮั่วได้?

        ทันใดนั้นซูจิ่นซีก็เกิดลางสังหรณ์บางอย่างที่เลวร้ายยิ่ง

สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน

สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน

Status: Ongoing
อ่านนิยายเรื่อง สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน สามพันปีก่อนที่แผ่นดินเทียนเหอจะได้รับการจดบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์ สกุลซู ตระกูลแพทย์ที่เก่าแก่และร่ำรวยแห่งแคว้นจงหนิง ภายในห้องที่รกร้างทรุดโทรมห้องหนึ่ง บุตรสาวคนที่เจ็ด ‘ซูจิ่นซี’ เสื้อผ้าขาดลุ่ย ร่างกายเต็มไปด้วยบาดแผลถูกมัดติดกับเสา ข้างกายคือสาวงามนางหนึ่ง นางสวมอาภรณ์หรูหรา ในมือถือกริชค่อยๆ เฉือนลงบนร่างกายของซูจิ่นซี “ไอ้โง่ เจ้ายังไม่ยอมอ้าปากพูดอีกหรือ หยกกิเลนอยู่ที่ใด” ร่างของซูจิ่นซีสั่นสะท้านด้วยความเจ็บปวด ทว่าปากก็ยังถูกปิดสนิทให้ไม่สามารถพูดได้แม้แต่คำเดียว ดวงตาสีเข้มมืดมนคลอด้วยหยาดน้ำตา ส่งสายตาวิงวอนต่อสาวงามนางนั้น หญิงสาวยิ้มมุมปากอย่างพอใจแล้วดึงผ้าที่อุดปากซูจิ่นซีออก สาวงามตะโกนอย่างเกรี้ยวกราด “พูด! ” แต่นางกลับคาดไม่ถึงว่าซูจิ่นซีจะร้องไห้ส่งเสียงดังสนั่นราวกับเด็กน้อยขึ้นมา “พี่หญิงเป็นคนหลอกลวง ฮือ…ฮือฮือ…บอกว่าจะให้ข้ากินปลา ท่านพี่หลอกข้า ฮือฮือ ลวี่หลี… ข้าเจ็บเหลือเกิน! ลวี่หลี…ฮือฮือฮือ…ข้าเลือดไหล ลวี่หลี…” ดวงตาส่องประกายของสาวงามหม่นแสงลงทันที กริชในมือยกขึ้นจ่อคอของซูจิ่นซีอย่างไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อย “หุบปาก! หากยังตะโกนอีก ข้าจะฆ่าเจ้าเสียตอนนี้! ” ซูจิ่นซีหวาดกลัวเสียจนหยุดส่งเสียงร้องไห้ในทันใด อีกทั้งยังมองสาวงามด้วยแววตาขยาด ทว่าในขณะที่ดวงตาอันสับสนของซูจิ่นซีมองทะลุผ่านสาวงามไปยังบุรุษผู้มีรังสีมืดมนบนเก้าอี้ไม้จันทน์สีแดงแปดเหลี่ยมข้างหลังนาง ซูจิ่นซีก็รู้สึกกระสับกระส่ายขึ้นมา

Comment

Options

not work with dark mode
Reset