สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน – ตอนที่ 174 เล็กถึงเพียงนั้น ใหญ่ถึงเพียงนั้น

        “หมอหลวงอวิ๋น ท่านแน่ใจหรือว่ามีความมั่นใจเพียงหนึ่งส่วนเท่านั้น? ”

        ดวงตาของซูจิ่นซีมองตรงเข้าไปในดวงตาของอวิ๋นจิ่น นางพยายามมองหาความคาดหวังบางอย่างในดวงตาที่เปิดเผยคู่นั้น

        อย่างไรก็ตาม ความจริงได้พิสูจน์แล้วว่าอวิ๋นจิ่นอ่อนโยน และอำมหิตด้วยเช่นกัน

        “พระชายาพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมมีความมั่นใจเพียงหนึ่งส่วนเท่านั้นพ่ะย่ะค่ะ”

        เขาไม่มีความมั่นใจมากเท่าซูจิ่นซี

        แม้ซูจิ่นซีจะไม่แน่ใจเท่าใดนัก ทว่านางก็มั่นใจอย่างน้อยห้าในสิบส่วน

        เพียงแต่นางไม่เคยรักษาอาการบาดเจ็บภายนอกมาก่อน ยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นอาการบาดเจ็บที่สาหัสถึงเพียงนี้อีกด้วย

        “หมอหลวงอวิ๋น ท่านควรไปจวนโยวอ๋องก่อน! อนุปี้ แม่ของอวี้เอ๋อร์ก็ได้รับบาดเจ็บสาหัสเช่นกัน ท่านไปดูเถิด! ที่นี่… ข้าจัดการเอง! ”

        แม้ซูจิ่นซีจะไม่มั่นใจมากนักเมื่อพูดประโยคสุดท้ายออกมา ทว่านางยังคงพูดอย่างเด็ดขาดและให้ความมั่นใจกับตนเองเป็นอย่างมาก

        “พระชายาโยวอ๋อง อาการบาดเจ็บของซูอวี้กับอาการบาดเจ็บของมารดาเขา ผู้ใดมีความร้ายแรงกว่าหรือพ่ะย่ะค่ะ? ”

        ผู้ใดร้ายแรงกว่ากัน?

        “คงเป็นอนุปี้ แม้พวกเขาจะได้รับบาดเจ็บที่เสื้อนอกเช่นเดียวกัน ทว่าอนุปี้ถูกทับอยู่ใต้รถม้า นางอาจมีอาการบาดเจ็บอื่นบนร่างกายอีก”

        จากสถานการณ์ ณ ขณะนั้น ซูจิ่นซีสงสัยว่าอนุปี้จะได้รับบาดเจ็บที่ตำแหน่งใกล้หัวใจ

        “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ หากกระหม่อมไปแล้ว แม้แต่ความมั่นใจหนึ่งส่วนก็คงไม่มี”

        “อวิ๋นจิ่น! ”

        ซูจิ่นซีโกรธเล็กน้อย

        อวิ๋นจิ่นรีบอธิบาย “พระชายาโยวอ๋องไม่ต้องวิตกไป แม้กระหม่อมจะไม่มั่นใจเกี่ยวกับการรักษาอาการบาดเจ็บของอนุปี้ ทว่ากระหม่อมมีสหายในเมืองตี้จิงท่านหนึ่งที่สามารถช่วยเหลือได้อย่างแน่นอนพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมจะเขียนจดหมายส่งไป ขอให้เขารีบไปที่จวนโยวอ๋องทันที”

        “ท่านแน่ใจหรือ? ”

        ซูจิ่นซีรับปากกับซูอวี้ไว้ ดังนั้นจะต้องมั่นใจว่าอนุปี้จะได้รับการช่วยเหลือที่ดี

        “กระหม่อมมั่นใจ! ”

        “ดี! ท่านเขียนจดหมายเถิด! ”

        คงเป็นการดีหากสหายของอวิ๋นจิ่นสามารถช่วยชีวิตอนุปี้ไว้ได้จริงๆ หากไม่แน่ใจมากนัก เพียงอาศัยความไว้วางใจในฐานะของอวิ๋นจิ่น เดาว่าอาจถ่วงเวลาไปได้เล็กน้อย รอจนกว่าพ่อบ้านจะพบจิ่วหรง

        ยิ่งไปกว่านั้นยังมีหมอเทวดาหวาอยู่ในจวนโยวอ๋อง

        อย่างน้อยสถานการณ์ของอนุปี้ฝั่งนั้นคงดีกว่าของซูอวี้อยู่มาก

        ทว่าอนุปี้เป็นคนดีสวรรค์ย่อมเมตตา สามารถพลิกเหตุร้ายให้กลายเป็นความปลอดภัยได้

        อวิ๋นจิ่นส่งจดหมายถึงสหายของเขาแล้ว

        ซูจิ่นซีไม่มั่นใจนักว่าจะสามารถช่วยชีวิตซูอวี้ได้ นางทำเพียงกัดฟันลงมือ

        นางไม่อาจปล่อยให้เกิดปัญหากับซูอวี้ได้

        การแสดงออกของซูจิ่นซีสงบนิ่งเป็นอย่างมาก

        ขั้นแรก ซูจิ่นซีหยิบถุงเข็มเงินออกมา จากนั้นก็ตัดเสื้อผ้าบนตัวของซูอวี้ออก นางใช้วิธีการฝังเข็มเงินขนาดใหญ่หลายเล่มรอบๆ บาดแผล

        หลังจากนั้นซูจิ่นซีก็ฝังเข็มสองสามเล่มที่จุดฝังเข็มขนาดใหญ่บนหน้าอกและหัวใจของซูอวี้เพื่อปกป้องหัวใจไว้

        เข็มที่ซูจิ่นซีใช้ทั้งหมดคือชุดของขวัญวันเกิดที่จิ่วหรงมอบให้นางก่อนหน้านี้ เข็มน้ำแข็งเย็นยะเยือก เมื่อเทียบกับเข็มเงินทั่วไป ผลตอบแทนที่ได้นั้นมากเป็นทวีคูณทั้งที่ลงทุนลงแรงน้อย

        ในไม่ช้าเลือดรอบปากแผลก็ถูกยับยั้งไว้ได้

        ขั้นตอนต่อไปนั้นสำคัญมาก นั่นคือการดึงมีดออก

        ซูจิ่นซีสูดลมหายใจเข้าลึกๆ จับด้ามกริชด้วยมือทั้งสอง นางหยุดชะงักเพียงครู่และดึงกริชออกมาโดยไม่ลังเลแม้แต่น้อย

        ขณะที่ปลายมีดกรีดเนื้อแผล ทันใดนั้นเลือดก็ไหลทะลักออกมาจากบาดแผลราวกับเสาหลักทรงกระบอก สาดกระเซ็นไปทั่วร่างซูจิ่นซี อาบท่วมเข็มเย็นยะเยือกของซูจิ่นซีที่ฝังไว้รอบบาดแผล

        ในเวลานี้เข็มเงินไม่มีผลอีกต่อไป

        ซูจิ่นซีรีบห้ามเลือดบนบาดแผลด้วยยาที่เจ้าของหอกุ้ยเหรินนำมาให้อย่างรวดเร็ว

        ทว่าเลือดไหลเร็วและมากจนเกินไป วัตถุดิบที่โปรยบนบาดแผลจึงถูกเลือดชะล้างออกไปอย่างรวดเร็ว ไม่มีผลอันใดเลย

        ทำอย่างไรดี?

        ทำอย่างไรดี?

        “พระชายาโยวอ๋อง! ใช้ยานี้พ่ะย่ะค่ะ! ”

        ไม่รู้ว่าเมื่อใดที่อวิ๋นจิ่นเปิดประตูเข้ามาและยื่นยาขี้ผึ้งจำนวนหนึ่งให้ซูจิ่นซี

        ซูจิ่นซีเหลือบมองอวิ๋นจิ่น นางไม่ได้ถามกระไรมากมาย จากนั้นจึงรับยาขี้ผึ้งมาทาเคลือบทั่วทั้งบาดแผล

        ความเหนียวและการยึดเกาะของยาขี้ผึ้งนั้นมีประสิทธิภาพสูงยิ่ง ทำให้ปิดผนึกบาดแผลได้โดยง่าย ในที่สุดเลือดก็หยุดไหล

        “หยุดเลือดได้แล้ว! ”

        ซูจิ่นซีหัวเราะอย่างมีความสุขและพูดกับอวิ๋นจิ่นว่า “ขอบใจอวิ๋นจิ่นยิ่งนัก! ”

        “พระชายาพ่ะย่ะค่ะ นี่คือสิ่งที่กระหม่อมสมควรทำ มีกระหม่อมเป็นลูกมือช่วย ท่านจะต้องเชื่อมั่นในตนเองนะพ่ะย่ะค่ะ”

        ซูจิ่นซีตกตะลึง รอยยิ้มหวานผุดขึ้นที่มุมปาก

        ผู้ใดจะคิดว่าหมออัจฉริยะผู้สง่างามแห่งสำนักหมอหลวงจะเต็มใจทำหน้าที่เป็นลูกมือช่วยเหลือซูจิ่นซี และดูเหมือนจะมากกว่าหนึ่งครั้งเสียด้วย

        หากสาวงามที่ชื่นชมอวิ๋นจิ่นรู้เรื่องเหล่านั้นเข้า ไม่รู้ว่าจะมีคนอิจฉาริษยาแทบตายกี่คนกัน

        รูปลักษณ์ของอวิ๋นจิ่นโดดเด่นมากเช่นกัน มีหญิงสาวมากมายที่แอบชื่นชมในตัวเขา

        ทันใดนั้นซูอวี้ที่นอนอยู่บนเตียงก็ร้องโอดโอยขึ้นมา

        ซูจิ่นซีหันศีรษะกลับไป รอยยิ้มบนใบหน้าหายวับไปในทันที

        ขี้ผึ้งที่ช่วยสมานแผลอย่างดีเมื่อครู่ คาดไม่ถึงว่าจะถูกทำลายโดยเลือดจากหลอดเลือดใหญ่ที่ไหลทะลุทะลวงออกมา

        ซูจิ่นซีตกตะลึงอยู่กับที่

        อวิ๋นจิ่นตรวจวัดชีพจรของซูอวี้อย่างรวดเร็ว

        “พระชายาพ่ะย่ะค่ะ ชีพจรของซูอวี้อ่อนแอยิ่งนัก”

        ซูจิ่นซีรีบดึงมือของซูอวี้ไปตรวจชีพจร ชีพจรนั้นอ่อนแอมากจริงๆ อ่อนแอจนแทบจะหยุดเต้น

        เห็นได้ชัดว่าเกิดจากการเสียเลือดมากจนเกินไป

        ทำอย่างไรดี?

        หรือว่าซูอวี้จะต้องตายเช่นนี้หรือ?

        เขายังเด็กมากถึงเพียงนั้น อีกทั้งยังเชื่อในตัวซูจิ่นซี

        ขณะนี้สมองของซูจิ่นซีเต็มไปด้วยภาพแววตาของซูอวี้ที่ดึงรั้งซูจิ่นซีไว้ก่อนที่เขาจะตกอยู่ในอาการหมดสติ ซูอวี้ร้องขอความช่วยเหลือจากซูจิ่นซีซ้ำแล้วซ้ำเล่า

        เขายังเด็กมากถึงเพียงนั้น เจตจำนงที่จะมีชีวิตรอดของเขาแข็งแกร่งมากถึงเพียงนั้น ซูจิ่นซีจะสูญเสียศรัทธาในตัวเขาได้อย่างไร? จะให้เขาตายได้อย่างไร?

        ทว่าบัดนี้ซูจิ่นซีไม่รู้ว่าควรทำอย่างไรแม้แต่น้อย

        หากเป็นสิ่งที่เกี่ยวข้องกับพิษ ซูจิ่นซียังสามารถคิดหาวิธีได้

        พูดได้ว่าในมุมของการผ่าตัดหรือศัลยศาสตร์ นางราวกับเป็นคนอ่อนหัด ยิ่งไปกว่านั้นอุบัติเหตุที่ไม่คาดคิดดังกล่าวก็เกิดขึ้นแล้วในขณะนี้

        สภาพชีพจรของซูอวี้อ่อนแอลงอย่างต่อเนื่อง ลมหายใจเริ่มอ่อนแรงลงเรื่อยๆ อ่อนแรงลงเรื่อยๆ กระทั่งในท้ายที่สุดก็ไม่สามารถรับรู้ได้ถึงชีพจรของหัวใจและการหายใจอีกต่อไป

        ร่างเล็กๆ ของเขาราวกับกระดาษแผ่นบางแผ่นหนึ่งที่พาดอยู่บนเตียงอย่างไรอย่างนั้น ริมฝีปากของเขาเม้มแน่น ดวงตาปิดลงอย่างเงียบงัน ยังมีหยดน้ำตาแวววาวบนขนตาของเขาอยู่ มือเล็กคู่หนึ่งกำผ้าห่มบนหน้าอกอย่างสิ้นหวัง เพื่อพิสูจน์ความแข็งแกร่งและความกล้าหาญของเขาอีกครั้ง

        “ท่านพี่จิ่นซี ช่วยข้า… ช่วยข้าด้วย… ”

        “จิ่น… พี่จิ่นซี… ท่านพี่ อวี้เอ๋อร์…ไม่…หลับ ไม่…หลับ… ”

        สมองของซูจิ่นซีปรากฏซ้ำภาพเหตุการณ์และเสียงของซูอวี้ก่อนที่จะตกอยู่ในอาการหมดสติอย่างสาหัส

        ในที่สุดซูจิ่นซีก็ทำสิ่งใดบางอย่าง

        นางฉีกผ้าสะอาดและผ้าม่านทั้งหมดในห้องนำมากางบนโต๊ะ จากนั้นจึงนำยาห้ามเลือดที่เหลืออยู่ทั้งหมดใส่ลงไปในนั้นและวางไว้บนเตียง

        หลังจากนั้นซูจิ่นซีก็นำร่างของซูอวี้ทาบลงบนห่อยา ปล่อยให้ยาประคบบาดแผล

        ด้วยวิธีนี้น้ำหนักของร่างกายจะกดทับอยู่ระหว่างห่อยากับบาดแผลอย่างพอดี ผงในห่อยาสามารถเกาะติดแผลได้โดยไม่ถูกชะล้างด้วยเลือดที่ไหลออกจากบาดแผลอย่างต่อเนื่อง

        จากนั้น ซูจิ่นซีก็ฉีกเสื้อผ้าและกางเกงของซูอวี้ออกทั้งหมด

        นางสุขุม แน่วแน่ และเริ่มฝังเข็มอย่างเชี่ยวชาญ

        เวลาทุกนาทีทุกวินาทีผ่านไป จำนวนเข็มเย็นยะเยือกในกระเป๋าเข็มของซูจิ่นซีลดลงทุกที เข็มเย็นยะเยือกบนร่างกายของซูอวี้ก็เพิ่มจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ แทบจะครอบคลุมทั่วร่างของซูอวี้ ทั้งศีรษะ ร่างกาย ขา เท้า ฝ่ามือ ที่ใดเป็นจุดฝังเข็มที่เรียนมา ซูจิ่นซีไม่ปล่อยว่างแม้แต่จุดเดียว

        การแสดงออกของซูจิ่นซีจริงจังและจดจ่อตั้งแต่ต้นจนจบ

        อวิ๋นจิ่นยืนอยู่ด้านข้างของซูจิ่นซี เขาตกตะลึงเมื่อมองดูเข็มเงินที่ฝังบนร่างกายซูอวี้ จุดฝังเข็มแต่ละเล่มของซูจิ่นซีนั้น อวิ๋นจิ่นไม่สามารถระบุชื่อได้เลย

สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน

สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน

Status: Ongoing
อ่านนิยายเรื่อง สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน สามพันปีก่อนที่แผ่นดินเทียนเหอจะได้รับการจดบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์ สกุลซู ตระกูลแพทย์ที่เก่าแก่และร่ำรวยแห่งแคว้นจงหนิง ภายในห้องที่รกร้างทรุดโทรมห้องหนึ่ง บุตรสาวคนที่เจ็ด ‘ซูจิ่นซี’ เสื้อผ้าขาดลุ่ย ร่างกายเต็มไปด้วยบาดแผลถูกมัดติดกับเสา ข้างกายคือสาวงามนางหนึ่ง นางสวมอาภรณ์หรูหรา ในมือถือกริชค่อยๆ เฉือนลงบนร่างกายของซูจิ่นซี “ไอ้โง่ เจ้ายังไม่ยอมอ้าปากพูดอีกหรือ หยกกิเลนอยู่ที่ใด” ร่างของซูจิ่นซีสั่นสะท้านด้วยความเจ็บปวด ทว่าปากก็ยังถูกปิดสนิทให้ไม่สามารถพูดได้แม้แต่คำเดียว ดวงตาสีเข้มมืดมนคลอด้วยหยาดน้ำตา ส่งสายตาวิงวอนต่อสาวงามนางนั้น หญิงสาวยิ้มมุมปากอย่างพอใจแล้วดึงผ้าที่อุดปากซูจิ่นซีออก สาวงามตะโกนอย่างเกรี้ยวกราด “พูด! ” แต่นางกลับคาดไม่ถึงว่าซูจิ่นซีจะร้องไห้ส่งเสียงดังสนั่นราวกับเด็กน้อยขึ้นมา “พี่หญิงเป็นคนหลอกลวง ฮือ…ฮือฮือ…บอกว่าจะให้ข้ากินปลา ท่านพี่หลอกข้า ฮือฮือ ลวี่หลี… ข้าเจ็บเหลือเกิน! ลวี่หลี…ฮือฮือฮือ…ข้าเลือดไหล ลวี่หลี…” ดวงตาส่องประกายของสาวงามหม่นแสงลงทันที กริชในมือยกขึ้นจ่อคอของซูจิ่นซีอย่างไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อย “หุบปาก! หากยังตะโกนอีก ข้าจะฆ่าเจ้าเสียตอนนี้! ” ซูจิ่นซีหวาดกลัวเสียจนหยุดส่งเสียงร้องไห้ในทันใด อีกทั้งยังมองสาวงามด้วยแววตาขยาด ทว่าในขณะที่ดวงตาอันสับสนของซูจิ่นซีมองทะลุผ่านสาวงามไปยังบุรุษผู้มีรังสีมืดมนบนเก้าอี้ไม้จันทน์สีแดงแปดเหลี่ยมข้างหลังนาง ซูจิ่นซีก็รู้สึกกระสับกระส่ายขึ้นมา

Comment

Options

not work with dark mode
Reset