สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน – ตอนที่ 176 ได้คืบจะเอาศอก

        ยังไม่ทันเห็นตัวทว่าเสียงนำมาก่อน

        “พระชายาโยวอ๋องออกมาแล้ว! ”

        “พระชายาโยวอ๋องออกมาแล้ว! ”

        “ในที่สุดพระชายาโยวอ๋องก็ออกมาแล้ว! ”

        ……

        ซูจิ่นซีเดินออกมาจากห้องโถงด้านหลังทีละก้าวๆ ด้วยท่าทางสง่างามสูงส่ง

        เมื่อทุกคนเห็นท่าทางของซูจิ่นซีที่แน่วแน่กล้าหาญเช่นนี้ ก็อดตกตะลึงไม่ได้

        ฮั่วซื่อคาดไม่ถึงว่าซูจิ่นซีจะออกมาในเวลานี้ นางยืนตะลึงงันอยู่กับที่

        ซูจิ่นซีเดินไปถึงด้านหน้าฮั่วซื่อและกล่าวขึ้นว่า “ว่าอย่างไร? ท่านแม่? ”

        ฮั่วซื่อฟื้นคืนสติ นางพยายามอย่างเต็มที่เพื่อเผยรอยยิ้มออกมา “จิ่น… จิ่นซี เจ้าออกมาแล้วหรือ? ”

        “แน่นอนว่าออกมาแล้ว และจะไม่กลับเข้าไปอีก หากไม่มีเสือบนเขา ลิงก็คงทำตัวเป็นราชา [1] เกรงว่าอวี้เอ๋อร์อาจถูกท่านแม่ปลดออกจากการแข่งขันไปแล้ว ใช่หรือไม่? ”

        “ซูจิ่นซี เจ้าหมายความว่าอย่างไร? ลิงคือผู้ใด เจ้าต่อว่าผู้ใด! ” ซูเซียนฮุ่ยพูดขึ้นมาอย่างเดือดดาล

        ตอนที่อยู่ในจวนสกุลซู ซูจิ่นซีไม่เห็นซูเสียนฮุ่ยอยู่ในสายตาแม้แต่น้อย นับประสากระไรกับในเวลานี้

        ซูจิ่นซีไม่สนใจซูเซียนฮุ่ย นางมองเพียงฮั่วซื่อ

        ในช่วงเวลาสั้นๆ รอยยิ้มบนใบหน้าของฮั่วซื่อพลันกลายเป็นรอยยิ้มที่ละมุนสุภาพ ราวกับนางไม่ได้สนใจกระไรเลย

        “จิ่นซีอ่า ในเมื่อเจ้าออกมาแล้ว การแข่งขันในวันนี้แน่นอนว่าเจ้าต้องเป็นเจ้าภาพ เมื่อครู่แม่เพียงแบกรับความคาดหวังของทุกคนเท่านั้น เพราะแม่ไม่รู้ว่าเจ้าจะออกมาเมื่อใดไม่ใช่หรือ? กลัวว่าการแข่งขันจะล่าช้าจนทุกคนต้องผิดหวัง”

        “เช่นนี้ก็ดีแล้ว! ” ซูจิ่นซียกยิ้มมุมปากเช่นกัน

        “เช่นนั้นพวกเราก็มาเริ่มกันเถิด! ” ฮั่วซื่อกล่าวขึ้น

        “รอก่อน! ”

        รอ?

        ยังต้องรออันใดอีก?

        “จิ่นซีอา ยังมีเรื่องอันใดต้องรออีกหรือ? ”

        แม้จะไม่เห็นสิ่งผิดปกติใดบนใบหน้าที่สุภาพอ่อนโยนของฮั่วซื่อ ทว่าในเวลานี้ภายในใจของนางกำลังโกรธจนแทบกระอักเลือดแล้ว

        “อวี้เอ๋อร์ยังไม่ออกมาเจ้าค่ะ! ”

        กระไรกัน?

        รอซูอวี้หรือ?

        ซูอวี้เป็นเช่นนั้นแล้ว ยังสามารถออกมาเข้าร่วมการแข่งขันได้อีกหรือ?

        ใบหน้าของทุกคนเต็มไปด้วยความสงสัย

        ซูเซียนฮุ่ยยกยิ้มเย็นชา นางจ้องไปที่ซูจิ่นซีอย่างดูถูก “เป็นเช่นนั้นไปแล้ว แม้จะออกมาแข่งขันได้ทว่าก็เป็นเพียงขยะไร้ค่าชิ้นหนึ่ง! คงเผยความอัปยศให้อับอายขายหน้าเสียเปล่าๆ ยังต้องการชนะการแข่งขันอีกหรือ? ”

        “ซูอวี้ เจ้าขยะไร้ค่านั่นจะมาเข้าร่วมการแข่งขันหรือ? ” ใบหน้าของซูจวิ้นเผยความดูถูกเหยียดหยาม “ในเวลาปกติ ทักษะทางการแพทย์ของเขาก็ไม่ดีเท่าข้า ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าบัดนี้เขาได้รับบาดเจ็บสาหัส ไม่ต้องออกมาทรมานหรอกกระมัง? ซูจิ่นซี อย่าตำหนิว่าข้า…น้องชายผู้นี้ไม่เตือนท่าน ถึงเวลาหากข้าเอาชนะเด็กซูอวี้นั่นแล้ว ท่านไม่สามารถแสร้งโต้แย้งว่าข้ากำลังรังแกเขาอยู่”

        ซูจิ่นซีวาดรอยยิ้มที่มุมปากอย่างเย็นชา นางหรี่ตาลงเมื่อมองไปที่ซูจวิ้น

        ทักษะและความสามารถทางการแพทย์ของซูอวี้ ซูจิ่นซีเคยเห็นมาก่อนแล้ว แน่นอนว่าเหนือกว่าซูจวิ้นอย่างแน่นอน นางสงสัยยิ่งนัก ไม่รู้ว่าซูจวิ้นเอาความมั่นใจในตนเองมากถึงเพียงนี้มาจากที่ใด

        หรือเวลาที่ซูอวี้อยู่ในจวนมักจะหลบซ่อนไม่แสดงตัวและไม่แสดงความสามารถของตนเองออกมาให้เห็น?

        “ซูอวี้เล่า? ยังออกมาไม่ได้อีกหรือ? หากออกมาไม่ได้ก็อย่าทำตัวกล้าหาญนักเลย! ” ใครบางคนตะโกนขึ้นมาท่ามกลางฝูงชน

        ทันใดนั้นก็มีคนเห็นด้วยทันที “ใช่! แท้จริงแล้วแม้เขาจะออกมาก็เสียเปล่า ปล่อยให้ตนเองทนทุกข์ทรมานไปโดยเปล่าประโยชน์”

        “ใช่ ใช่ ใช่ ได้ยินมาว่าเดิมทีซูอวี้ไม่มีทักษะทางการแพทย์ใดเลย เมื่อครั้งที่อยู่นอกจวนก็ได้รับการเลี้ยงดูจากซูจ้งมาโดยตลอด เขาเพิ่งติดตามอนุปี้เข้ามาในจวนสกุลซูได้ไม่นานนัก เดิมทีซูจ้งก็ไม่ได้สั่งสอนอันใดเขาเลยแม้แต่น้อย”

        “เดิมทีเป็นเช่นนั้นหรอกหรือ? เช่นนั้นไม่มายังจะดีเสียกว่า ออกมาก็เสียเวลาเปล่า”

        ทุกคนต่างพูดคุยด้วยเสียงอันดัง ซูจิ่นซี ซูจวิ้นและคนอื่นๆ ล้วนได้ยินอย่างชัดเจน

        “พระชายาโยวอ๋อง น้อยชายของข้า…ซูอวี้ยังสามารถออกมาได้อีกหรือ? ต้องการให้ข้าหาหิ้งเพื่อยกเขาออกมาหรือไม่? ”

        นี่เป็นครั้งแรกที่ซูจวิ้นจงใจเรียกซูจิ่นซีว่าพระชายาโยวอ๋องโดยสมัครใจ ทว่ากลับฟังเป็นการเยาะเย้ยและระคายหูโดยเฉพาะ

        ดวงตาของซูจิ่นซีเฉียบคม นางเหลือบมองซูจวิ้นอย่างดุร้าย “หุบปากสุนัขของเจ้าเสีย”

        ซูจวิ้นสะอึก ทว่าไม่นานก็ทำราวกับแมลงวันที่ส่งกลิ่นเหม็นอย่างไรอย่างนั้น “เป็นพระชายาแล้วจะไม่แยแสกระไรก็ได้หรือ! ดูซิว่าท่านจะยังภูมิใจได้อย่างไรหากเด็กซูอวี้นั่นพ่ายแพ้”

        “เอ๋… ท่านชายน้อยซูอวี้! ”

        “เป็นนายน้อยซูอวี้ เขาออกมาจริงๆ ด้วย! ”

        “โอ้โห เป็นถึงเพียงนี้แล้ว ยังจะเข้าร่วมการแข่งขันอีกหรือ? ”

        “ใช่! ไม่ว่าอย่างไรร่างกายก็สำคัญยิ่ง กลับไปพักผ่อนเสียเถิด! ”

        ซูจิ่นซีได้ยินเสียงจึงหันศีรษะไปมอง เห็นว่าซูอวี้เดินออกมาจริงๆ ด้วยการพยุงของอวิ๋นจิ่น

        แม้ตัวบุคคลจะออกมาแล้ว เสื้อผ้าที่สวมใส่ก็สะอาด ไม่มีคราบเลือดบนร่างกาย ทว่ารูปร่างผอมบางและอ่อนแอของซูอวี้นั้นราวกับกระดาษขาวแผ่นบาง ใบหน้าของเขายังคงซีดเซียวมาก

        ซูจิ่นซีเกิดภาพลวงตาว่าซูอวี้อาจจะล้มลงในวินาทีถัดไป

        หัวใจพลันเจ็บปวดยิ่งนัก

        ซูอวี้เดินไปข้างหน้าซูจิ่นซี เขาพูดอย่างเข้มแข็งและทิฐิยิ่งว่า “ท่านพี่จิ่นซี”

        ซูจิ่นซีไม่ได้พูดอันใดแม้แต่น้อย ซูเซียนฮุ่ยที่ยืนอยู่ด้านหลังหัวเราะเยาะซูจิ่นซี นางพูดอย่างประชดประชันว่า “ซูจิ่นซี ไม่ใช่ว่าข้าบอกเจ้าแล้วหรือ ทว่าเจ้ายังดื้อดึงเกินไป? เจ้าเห็นอวี้เอ๋อร์เป็นเช่นนี้แล้ว เจ้ายังไม่มีสามัญสำนักอีกหรือ? เจ้าทนปล่อยให้เขาออกมาแข่งขันต่อได้อย่างไร”

        ฆ่าด้วยท่อนจันทน์?  [2]

        หึหึ คาดไม่ถึงว่าซูเซียนฮุ่ยได้เรียนรู้วิธีการฆ่าคนด้วยท่อนจันทน์เช่นนี้แล้ว?

        ซูจิ่นซีหรี่ตามองซูเซียนฮุ่ยด้วยความสนใจ

        ฮั่วซื่อขมวดคิ้วและพูดว่า “ใช่ จิ่นซี เจ้าเห็นอวี้เอ๋อร์เป็นเช่นนี้แล้ว ให้แม่ส่งเขากลับจวนเพื่อพักผ่อนก่อนเถิด! แม้การแข่งขันจะสำคัญ ทว่าชีวิตสำคัญยิ่งกว่า! ”

        “ใช่ พระชายาโยวอ๋อง นายน้อยอวี้กลายเป็นเช่นนี้ไปแล้ว ท่านยังจะปล่อยให้เขาเข้าร่วมการแข่งขันอีกหรือ! ”

        “ใช่ นี่ไม่ใช่เรื่องล้อเล่น เป็นเรื่องของชีวิตที่เกี่ยวข้องกับความเป็นความตาย! ”

        บางคนในฝูงชนเริ่มส่งเสียงเห็นด้วย

        ใบหน้าของซูจิ่นซีคาดเดาไม่ได้ นางไม่พูดอันใดตั้งแต่ตนจนจบ

        ซูจิ่นซีรู้สึกว่าเสื้อผ้าของตนถูกใครบางคนดึงไว้ นางจึงก้มศีรษะลง คาดไม่ถึงว่าจะได้เห็นใบหน้าซีดเซียวที่ดูดื้อรั้นของซูอวี้

        ซูจิ่นซีไม่รู้ว่าจะเข้าใจหัวใจของซูอวี้ได้อย่างไร

        “อวี้เอ๋อร์ เจ้าทำได้ใช่หรือไม่? ” ซูจิ่นซีถามขึ้น

        “อื้ม! อวี้เอ๋อร์ทำได้! ” ซูอวี้ตอบอย่างหนักแน่น

        “เช่นนั้นก็ดี! พวกเรามาเริ่มการแข่งขันเถิด และจบการแข่งขันด้วยกลวิธีที่รวดเร็วที่สุด! ”

        เมื่อได้ยินบทสนทนาระหว่างซูจิ่นซีและซูอวี้ ใบหน้าของฮั่วซื่อพลันแปลกไปเล็กน้อย นางพูดด้วยท่าทางดุร้ายว่า “จิ่นซี! แม่รู้ว่าเจ้าต้องการชนะการแข่งขันครานี้ อวี้เอ๋อร์ก็เป็นไพ่ตายในการแข่งขันครานี้ของเจ้าด้วย ทว่าอย่างไรก็ตาม เจ้าไม่สามารถเล่นตลกกับชีวิตของอวี้เอ๋อร์ได้! ”

        “ใช่แล้ว! น้องหญิงเจ็ด แม้เจ้าจะต่อสู้เพื่อความมั่งคั่งของสกุลซู ทว่าไม่จำเป็นต้องป่าเถื่อนถึงเพียงนั้นกระมัง? คาดไม่ถึงว่าแม้แต่ชีวิตของน้องชาย เจ้ายังเพิกเฉยได้” ซูเซียนฮุ่ยสำทับคำพูดของฮั่วซื่อ

        ตั้งแต่โบราณกาลเป็นต้นมา โดยพื้นฐานแล้วผู้คนมักงมงาย เมื่อพวกเขาถูกคนยั่วยุ ไม่ว่าเรื่องอันใดก็ล้วนเชื่อไปเสียหมด

        “กระไรกัน? พระชายาโยวอ๋องจัดการแข่งขันครานี้เพื่อชิงความมั่งคั่งของสกุลซู นี่เป็นไปไม่ได้กระมัง? ”

        “เหตุใดจะเป็นไปไม่ได้? มิฉะนั้นพระชายาโยวอ๋องใช้ชีวิตในวันสบายๆ ที่จวนโยวอ๋องไม่ดีกว่าหรือ จะวิ่งโร่มาจัดการแข่งขันค้นหาทายาทสกุลซูเพื่ออันใดกัน? ”

        “หรือว่ามีความจำเป็น? เป็นไปได้ว่าจวนโยวอ๋องคงให้เบี้ยพระชายาไม่พอกระมัง? ”

        “โอ้โห พวกเจ้าอย่าเดามั่วดีกว่า ข้าไม่เชื่อว่าพระชายาโยวอ๋องจะเป็นคนเช่นนั้น! ”

        “ข้าก็ไม่เชื่อเช่นกัน! ”

        “ข้าก็ไม่เชื่อเช่นกัน! ”

        เมื่อซูเซียนฮุ่ยเห็นว่าความคิดเห็นของประชาชนกำลังทำให้ซูจิ่นซีเสื่อมเสียชื่อเสียง นางจึงยกยิ้มอย่างเย็นชา พลางกล่าวด้วยน้ำเสียงอันดังว่า “ใจมนุษย์ได้คืบจะเอาศอก แท้จริงแล้วพระชายาโยวอ๋องในดวงใจของพวกเจ้าก็ไม่ได้ดีถึงเพียงนั้น! พวกเจ้าอย่าปล่อยให้นางหลอกลวงด้วยรูปลักษณ์ภายนอก”

……

สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน

สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน

Status: Ongoing
อ่านนิยายเรื่อง สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน สามพันปีก่อนที่แผ่นดินเทียนเหอจะได้รับการจดบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์ สกุลซู ตระกูลแพทย์ที่เก่าแก่และร่ำรวยแห่งแคว้นจงหนิง ภายในห้องที่รกร้างทรุดโทรมห้องหนึ่ง บุตรสาวคนที่เจ็ด ‘ซูจิ่นซี’ เสื้อผ้าขาดลุ่ย ร่างกายเต็มไปด้วยบาดแผลถูกมัดติดกับเสา ข้างกายคือสาวงามนางหนึ่ง นางสวมอาภรณ์หรูหรา ในมือถือกริชค่อยๆ เฉือนลงบนร่างกายของซูจิ่นซี “ไอ้โง่ เจ้ายังไม่ยอมอ้าปากพูดอีกหรือ หยกกิเลนอยู่ที่ใด” ร่างของซูจิ่นซีสั่นสะท้านด้วยความเจ็บปวด ทว่าปากก็ยังถูกปิดสนิทให้ไม่สามารถพูดได้แม้แต่คำเดียว ดวงตาสีเข้มมืดมนคลอด้วยหยาดน้ำตา ส่งสายตาวิงวอนต่อสาวงามนางนั้น หญิงสาวยิ้มมุมปากอย่างพอใจแล้วดึงผ้าที่อุดปากซูจิ่นซีออก สาวงามตะโกนอย่างเกรี้ยวกราด “พูด! ” แต่นางกลับคาดไม่ถึงว่าซูจิ่นซีจะร้องไห้ส่งเสียงดังสนั่นราวกับเด็กน้อยขึ้นมา “พี่หญิงเป็นคนหลอกลวง ฮือ…ฮือฮือ…บอกว่าจะให้ข้ากินปลา ท่านพี่หลอกข้า ฮือฮือ ลวี่หลี… ข้าเจ็บเหลือเกิน! ลวี่หลี…ฮือฮือฮือ…ข้าเลือดไหล ลวี่หลี…” ดวงตาส่องประกายของสาวงามหม่นแสงลงทันที กริชในมือยกขึ้นจ่อคอของซูจิ่นซีอย่างไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อย “หุบปาก! หากยังตะโกนอีก ข้าจะฆ่าเจ้าเสียตอนนี้! ” ซูจิ่นซีหวาดกลัวเสียจนหยุดส่งเสียงร้องไห้ในทันใด อีกทั้งยังมองสาวงามด้วยแววตาขยาด ทว่าในขณะที่ดวงตาอันสับสนของซูจิ่นซีมองทะลุผ่านสาวงามไปยังบุรุษผู้มีรังสีมืดมนบนเก้าอี้ไม้จันทน์สีแดงแปดเหลี่ยมข้างหลังนาง ซูจิ่นซีก็รู้สึกกระสับกระส่ายขึ้นมา

Comment

Options

not work with dark mode
Reset