สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน – ตอนที่ 181 ความผิดของใคร

        ถอดเสื้อผ้าออกให้หมดอีกแล้วหรือ?

        ดูเหมือนว่าการเดิมพันเมื่อครั้งที่แล้วระหว่างฮั่วอวี้เจียวกับซูจิ่นซีก็เป็นเช่นนี้ใช่หรือไม่?

        ในเวลานั้นฮั่วอวี้เจียวก็ไม่ได้รับผลดีอันใดจากซูจิ่นซีเลย ทั้งยังพาเยี่ยเซินให้เข้าไปร่วมรับกรรมด้วย จนกระทั่งตอนนี้ บนร่างกายของฮั่วอวี้เจียวกับเยี่ยเซินที่ถูก ‘ไฟแห่งสวรรค์’ แผดเผาเป็นแผลทั่วร่างกายก็ยังไม่หายดีเลย!

        “ได้! ”

        ซูเซียนฮุ่ยที่ถือความสำเร็จอยู่ในมือ ตอบรับซูจิ่นซีโดยไม่คิดอันใดมาก

        “จิ่นซี ไม่จำเป็นหรอกกระมัง? เซียนฮุ่ยเพียงถามเท่านั้น คิดว่านี่คงเป็นข้อสงสัยในใจของทุกคนเช่นกัน อย่างไรก็ตามวิธีการปรุงยาของอวี้เอ๋อร์และผลการแข่งขันนั้นช่างเกินความคาดหมายของทุกคน หาสักคนมาตรวจสอบเสียหน่อย เพื่อไขข้อสงสัยในใจของทุกคนก็จบแล้ว จะคิดจริงจังไปไย! ”

        ท้ายที่สุดฮั่วซื่อก็สัมผัสได้ถึงอันตรายในการเดิมพันครั้งนี้อย่างรวดเร็ว

        ซูจิ่นซียังไม่ทันได้กล่าวอันใดเลย คาดไม่ถึงว่าซูเซียนฮุ่ยจะเปิดปากกล่าวขึ้นก่อน “ท่านแม่ นี่เป็นเรื่องระหว่างข้ากับซูจิ่นซี ท่านไม่ต้องสนใจหรอก! ”

        หากซูจิ่นซีแพ้ ให้นางลงโทษอย่างไรก็ได้!

        สำหรับซูเซียนฮุ่ยผู้ที่ต้องการเหยียบย่ำซูจิ่นซีมาโดยตลอด นี่คือมนต์สะกดที่น่าดึงดูดใจเพียงใด นางจะยอมพลาดได้อย่างไร?

        ยิ่งไปกว่านั้นซูเซียนฮุ่ยมั่นใจว่าผลการแข่งขันนี้จะต้องมีปัญหาอย่างแน่นอน และกรรมการผู้ตัดสินทั้งสามคนนี้ก็ใช้อุบายหลอกลวง

        เมื่อถึงเวลา ซูเซียนฮุ่ยไม่เพียงต้องการฆ่าซูจิ่นซีเท่านั้น นางยังต้องการตบชายสามคนที่ถือตนอีกคนละหนึ่งทีด้วย

        “อวิ๋นจิ่น แสดงให้ข้าเห็นก่อนว่าซูอวี้ได้ยาตำรับใด”

        อวิ๋นจิ่นส่งตำรับยาของซูอวี้ให้กับซูเซียนฮุ่ย

        ซูเซียนฮุ่ยหยิบมันมาไว้ในมือและมองดู ดวงตาไหวสั่นอย่างหมดหวัง เห็นได้ชัดว่าตำรับยานั้นนางไม่มีความสามารถพอ

        “พี่หญิง ส่งมาให้ข้าดูหน่อย” ซูจวิ้นกล่าวขึ้น

        ซูเซียนฮุ่ยยื่นตำรับยาให้ซูจวิ้น

        “เหอะ กุ้ยลิ่งลู่นี่! ” ซูจวิ้นกล่าวอย่างดูถูก “ไม่จำเป็นต้องหาคนอื่นแล้ว ข้าตรวจเองก็พอ”

        ดวงตาของซูเซียนฮุ่ยเป็นประกาย “จวิ้นเอ๋อร์ เจ้ารู้จักตำรับยานี้ด้วยหรือ? ”

        ซูจวิ้นพ่นลมหายใจและชำเลืองมองซูอวี้ “น่าขัน ตำรับยาธรรมดาๆ ถึงเพียงนี้จะต้องให้ถึงมือข้า? ”

        “ให้จวิ้นเอ๋อร์มาตรวจ ดีกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว”

        หากไม่เชื่อน้องชายแท้ๆ ของตน ซูเซียนฮุ่ยยังจะเชื่อผู้ใดได้อีก?

        ขณะที่พูดอยู่ ซูเซียนฮุ่ยก็เหลือบมองไปทางซูจิ่นซีอย่างทะนงตน

        “ฝูลิ่ง 1 เหลี่ยง หญ้ากานลู่ 2 เหลี่ยง ไป๋จู๋ครึ่งเหลี่ยง เจ๋อเซี่ยครึ่งเหลี่ยง กวนกุ้ยปอกเปลือก 2 เหลี่ยง ผงหวาสือ 2 เหลี่ยง หานสุ่ยสือ 2 เหลี่ยง จูลิ่งครึ่งเหลี่ยง… ” นี่คือตำรับยาสำหรับการฟื้นฟูจิตวิญญาณและขจัดความร้อน ซูจวิ้นตรวจสอบอย่างละเอียด

        ตรวจไป ตรวจมา การแสดงออกอย่างดูถูกเหยียดหยามบนใบหน้าของซูจวิ้นพลันเลือนหายไป ท้ายที่สุดใบหน้านั้นก็เปลี่ยนเป็นมืดมน

        น่าเสียดายที่ซูเซียนฮุ่ยไม่มีสมอง ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่มีสมอง นางไม่ได้สังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงบนใบหน้าของซูจวิ้นเลย

        “จวิ้นเอ๋อร์ เป็นอย่างไรเล่า? พี่กล่าวได้ถูกต้องใช่หรือไม่? ยาของเด็กซูอวี้นี่มีปัญหาใช่หรือไม่? ข้าบอกแล้ว! กรรมการตัดสินนี้ไม่ยุติธรรม พวกเขาทั้งหมดเป็นพวกของซูจิ่นซีทั้งนั้น”

        ขณะที่พูดอยู่ ซูเซียนฮุ่ยก็เอียงศีรษะมองซูจิ่นซีด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยการดูถูกเหยียดหยาม “ซูจิ่นซี เรื่องนี้จบแล้ว ท่านยังมีคำพูดใดอีก”

        ซูจิ่นซียิ้มเยาะ ไม่ได้กล่าวอันใด

        “ซูจิ่นซี เจ้าขำกระไร? ”

        “ข้าขำที่เจ้าโง่อย่างไรเล่า! ”

        “ซูจิ่นซี เจ้าอย่ามากเกินไปนัก! ” ซูเซียนฮุ่ยโกรธเกรี้ยวขึ้นมาอีกครั้ง “ข้ารู้ว่าเจ้าเสียเปรียบ ต้องการหาวิธีปลอบตนเอง ทว่าไม่เป็นไร เห็นแก่ที่ท่านกับข้าเป็นพี่น้องแซ่ซูเช่นเดียวกัน ข้าจะไม่ทำให้ท่านลำบากใจมากจนเกินไปอย่างแน่นอน”

        แม้ปากพูดว่าจะไม่ทำให้ลำบาก ทว่าในดวงตาของซูเซียนฮุ่ยกลับเต็มไปด้วยการแสดงออกอย่างตั้งใจแน่วแน่

        “ผู้ใดจะไม่ทำให้ผู้ใดลำบากยังไม่แน่เลย! ” ซูจิ่นซีเยาะเย้ย

        “ซูจิ่นซี ท่าน… ท่านหมายความว่าอย่างไร? ” ทันใดนั้นก็มีแสงวาบวับในดวงตาของซูเซียนฮุ่ย ราวกับนางกำลังคิดสิ่งใดบางอย่างได้ นางจึงหันไปมองซูจวิ้น

        การแสดงออกอย่างบ้าคลั่งบนใบหน้าของซูจวิ้นพลันหายไป ในช่วงเวลาสั้นๆ ที่ซูเซียนฮุ่ยกำลังตอบโต้กับซูจิ่นซี ซูจวิ้นได้ตรวจสอบยาของซูอวี้อีกครั้งด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความไม่อยากเชื่อ

        “นี่… นี่มันเป็นไปไม่ได้แน่นอน! เป็นไปไม่ได้ อย่างไรก็เป็นไปไม่ได้! ”

        ในที่สุดซูเซียนฮุ่ยก็สังเกตเห็นบางสิ่งบางอย่าง “จวิ้นเอ๋อร์ กระไรที่ว่าเป็นไปไม่ได้? เจ้ากำลังพูดถึงสิ่งใด? ”

        “ซูอวี้ เจ้าบอกข้าที เมื่อครู่นี้เจ้าชั่งน้ำหนักของยาแต่ละชนิดอย่างแม่นยำได้อย่างไรโดยไม่ใช้เครื่องชั่ง? เจ้าบอกข้าที? ”

        ซูจวิ้นไม่ตอบคำถามของซูเซียนฮุ่ย ทว่ารบเร้าบังคับถามซูอวี้

        ใบหน้าของซูอวี้ซีดเผือดจนไม่สามารถซีดได้มากกว่านี้แล้ว เขาจับหน้าอกของตนและไอหนักๆ สองครั้ง “ตรวจก็ตรวจหมดแล้ว หากไม่มีข้อสงสัย พวกเราควรไปที่การแข่งขันรอบต่อไปเลยหรือไม่? ”

        “ไม่! ” ซูจวิ้นส่ายศีรษะและตะโกนอย่างไม่อยากเชื่อ เขาก้าวไปข้างหน้าและกดไหล่ของซูอวี้ด้วยมือทั้งสองข้างพลางกล่าวว่า “เดิมทีท่านพ่อไม่ได้สอนทักษะทางการแพทย์ให้เจ้ามากมายเท่าใด เจ้าก็เหมือนกับซูจิ่นซีที่โง่เขลา ล้วนเป็นขยะทางการแพทย์ เจ้าบอกข้ามา เมื่อสักครู่นี้เจ้าทำได้อย่างไร? เจ้าใช้เล่ห์กลอันใดบางอย่างใช่หรือไม่? ”

        ซูอวี้ที่อ่อนแออยู่แล้ว ร่างเล็กๆ ของเขาถูกซูจวิ้นกดไว้อย่างแรงและอาจล้มลงได้ทุกเมื่อ ทว่าเขายังคงยืนตัวตรงอย่างเด็ดเดี่ยว มุมปากซีดเซียวเปล่งเสียงหัวเราะเย้ยหยัน “เมื่อสักครู่นี้การกระทำของข้าและเจ้าทั้งหมดล้วนอยู่ภายใต้สายตาของทุกคน ข้าจะสามารถใช้เล่ห์กลอันใดได้กัน? ท่านพี่คิดว่าในโลกใบนี้มีเล่ห์กลเช่นนั้นจริงๆ หรือ? ”

        “ไม่… เป็นไปไม่ได้… นี่จะเป็นไปได้อย่างไร? ” ซูจวิ้นยังคงส่ายศีรษะอย่างไม่เชื่อ อย่างไรก็ตามเขาได้ปล่อยมือทั้งสองที่จับบนไหล่ของซูอวี้แล้ว

        เมื่อเห็นว่าซูจวิ้นปล่อยมือจากไหล่ของซูอวี้ ซูจิ่นซีและอวิ๋นจิ่นก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก

        ไม่มีผู้ใดรู้สถานการณ์ปัจจุบันของซูอวี้ดีไปกว่าพวกเขาทั้งสองคนแล้ว

        หากไม่ใช่เพราะสถานการณ์ของซูอวี้เลวร้ายจนแทบจะยืนหยัดต่อไปไม่ได้ ในรอบที่สองของการแข่งขันซูอวี้คงไม่ยืนเหม่ออยู่กับที่เป็นเวลานานจนทำให้ล่าช้า และเป็นไปไม่ได้ที่ซูอวี้จะเปิดเผยความเชี่ยวชาญทางการแพทย์อย่างชัดเจนให้ซูเซียนฮุ่ยและพี่น้องสงสัย

        “จวิ้นเอ๋อร์ นี่… นี่เป็นไปได้อย่างไร? เจ้า… เจ้าไม่ได้ทำผิดใช่หรือไม่? ”

        ซูเซียนฮุ่ยไม่กล้าเชื่อหูของตนเอง เป็นไปได้อย่างไรที่ยาของซูอวี้จะไม่มีปัญหา?

        แม้ซูจวิ้นจะไม่ได้ตอบคำถามของซูเซียนฮุ่ย แต่ดวงตาที่แสดงถึงความไม่อยากเชื่อของเขาได้อธิบายทุกอย่างให้ซูเซียนฮุ่ยฟังแล้ว

        “จวิ้นเอ๋อร์ เจ้าต้องทำผิดแน่ๆ หรือไม่เจ้าลองตรวจสอบอีกครั้ง? ตรวจอีกครั้ง! ” ซูเซียนฮุ่ยจับมือของซูจวิ้น นางต้องการให้ซูจวิ้นตรวจสอบอีกครั้ง ทว่าซูจวิ้นไม่ขยับ ซูเซียนฮุ่ยจึงเดินไปในทิศทางของฝูงชน “นี่มันเป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอน จวิ้นเอ๋อร์…เจ้าต้องทำผิดพลาดอย่างแน่นอน พี่จะหาคนอื่นมาตรวจสอบใหม่ หาคนอื่นมาตรวจสอบใหม่ ยาของซูอวี้ต้องมีปัญหาอย่างแน่นอน”

        “ท่านพี่! ไม่ต้องตรวจแล้ว! ”

        “พอแล้ว! ”

        ซูจวิ้นและซูจิ่นซีกล่าวขึ้นแทบจะพร้อมกัน

        ทว่าซูจวิ้นกลับเจ้าเล่ห์มาก เขาชิงพูดก่อนซูจิ่นซี “ท่านพี่ ยาของซูอวี้ไม่มีปัญหาจริงๆ ดูเหมือนว่าพวกเราจะดูถูกเด็กคนนี้เกินไปเสียแล้ว ทว่าท่านวางใจ ยังมีรอบที่สาม! ข้าจะเป็นตัวแทนท่านกับท่านแม่เพื่อแย่งชิงเกียรติยศความเฉลียวฉลาดกลับมาอย่างแน่นอน”

        ผู้ใดจะคิดว่าซูจวิ้น น้องชายที่ไร้เหตุผลและเย่อหยิ่งผู้นั้น จะมีจิตใจเป็นเลิศในช่วงเวลาวิกฤติเช่นนี้? สมกับเป็นลูกของฮั่วซื่อ! สมดังคำกล่าวนั้นที่ว่า ลูกไม้หล่นไม่ไกลต้น ช่างตีความวางแผนเก่งเหมือนกับฮั่วซื่อ

        “เวลาก็ล่วงเลยมามากแล้ว ซูจิ่นซี มาเริ่มการแข่งขันรอบที่สามกันเถิด! การแข่งขันรอบที่สามคือกระไร? ” ซูจวิ้นถามซูจิ่นซีด้วยเสียงกังวาน

        ซูจิ่นซีนั่งบนเก้าอี้อย่างเกียจคร้าน ราวกับกำลังดูการแสดงดีๆ “รีบอันใดกัน เรื่องราวยังไม่ถึงตอนจบเลย! ”

        เรื่องยังไม่จบอีกหรือ?

        ยังจะมีอันใดอีก?

สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน

สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน

Status: Ongoing
อ่านนิยายเรื่อง สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน สามพันปีก่อนที่แผ่นดินเทียนเหอจะได้รับการจดบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์ สกุลซู ตระกูลแพทย์ที่เก่าแก่และร่ำรวยแห่งแคว้นจงหนิง ภายในห้องที่รกร้างทรุดโทรมห้องหนึ่ง บุตรสาวคนที่เจ็ด ‘ซูจิ่นซี’ เสื้อผ้าขาดลุ่ย ร่างกายเต็มไปด้วยบาดแผลถูกมัดติดกับเสา ข้างกายคือสาวงามนางหนึ่ง นางสวมอาภรณ์หรูหรา ในมือถือกริชค่อยๆ เฉือนลงบนร่างกายของซูจิ่นซี “ไอ้โง่ เจ้ายังไม่ยอมอ้าปากพูดอีกหรือ หยกกิเลนอยู่ที่ใด” ร่างของซูจิ่นซีสั่นสะท้านด้วยความเจ็บปวด ทว่าปากก็ยังถูกปิดสนิทให้ไม่สามารถพูดได้แม้แต่คำเดียว ดวงตาสีเข้มมืดมนคลอด้วยหยาดน้ำตา ส่งสายตาวิงวอนต่อสาวงามนางนั้น หญิงสาวยิ้มมุมปากอย่างพอใจแล้วดึงผ้าที่อุดปากซูจิ่นซีออก สาวงามตะโกนอย่างเกรี้ยวกราด “พูด! ” แต่นางกลับคาดไม่ถึงว่าซูจิ่นซีจะร้องไห้ส่งเสียงดังสนั่นราวกับเด็กน้อยขึ้นมา “พี่หญิงเป็นคนหลอกลวง ฮือ…ฮือฮือ…บอกว่าจะให้ข้ากินปลา ท่านพี่หลอกข้า ฮือฮือ ลวี่หลี… ข้าเจ็บเหลือเกิน! ลวี่หลี…ฮือฮือฮือ…ข้าเลือดไหล ลวี่หลี…” ดวงตาส่องประกายของสาวงามหม่นแสงลงทันที กริชในมือยกขึ้นจ่อคอของซูจิ่นซีอย่างไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อย “หุบปาก! หากยังตะโกนอีก ข้าจะฆ่าเจ้าเสียตอนนี้! ” ซูจิ่นซีหวาดกลัวเสียจนหยุดส่งเสียงร้องไห้ในทันใด อีกทั้งยังมองสาวงามด้วยแววตาขยาด ทว่าในขณะที่ดวงตาอันสับสนของซูจิ่นซีมองทะลุผ่านสาวงามไปยังบุรุษผู้มีรังสีมืดมนบนเก้าอี้ไม้จันทน์สีแดงแปดเหลี่ยมข้างหลังนาง ซูจิ่นซีก็รู้สึกกระสับกระส่ายขึ้นมา

Comment

Options

not work with dark mode
Reset