ซูอวี้กระอักเลือดเต็มปาก จนหมดสติไป
“คุณชายน้อยอวี้…”
แม่นางน้อยที่ทุกคนต่างคิดว่าไม่สามารถรักษาให้หายได้กลับเปิดปากเรียก ซูอวี้
เกิดอันใดขึ้นกันแน่?
ทุกคนต่างตกตะลึง
ซูจิ่นซีรีบวิ่งไปด้านข้างซูอวี้ ส่วนอวิ๋นจิ่นก็รีบเดินลงมาจากที่นั่งผู้ตัดสินเพื่อจับชีพจรให้ซูอวี้
ทุกคนต่างตกตะลึง เหตุการณ์เริ่มโกลาหล
“เกิดอันใดขึ้นกันแน่?” ซูจิ่นซีขมวดคิ้ว
“ทูลพระชายา คุณชายน้อยอวี้ได้สูดดมผงขี้เหล็กที่เป็นอันตรายต่อบาดแผลของเขา”
ผงขี้เหล็ก?
เห็นซูจิ่นซีขมวดคิ้วไม่พูดอันใด อวิ๋นจิ่นจึงอธิบายต่อไปว่า “ผงขี้เหล็กไม่เป็นอันตรายต่อร่างกายคนทั่วไป ทว่าสภาพร่างกายของคุณชายน้อยอวี้มีอาการแพ้ผงขี้เหล็ก ยิ่งไปกว่านั้นตอนนี้เขายังได้รับบาดเจ็บสาหัส ภูมิคุ้มกันของร่างกายลดลง ไม่ต้องพูดถึงการทานยาเลย เพียงสูดดมผงขี้เหล็กเข้าไปก็ส่งผลอันตรายอย่างมากต่อร่างกายของเขาแล้ว”
ซูจิ่นซีรีบใช้ระบบถอนพิษตรวจหาที่มาของผงขี้เหล็ก คาดไม่ถึงว่ายาพิษที่ระบบถอนพิษบ่งชี้ก็คือชาถ้วยนั้นที่ก่อนหน้านี้ฮั่วซื่อใช้ให้ชุนหงยกมาให้ซูอวี้
“ฮั่วซื่อ เจ้าจะอธิบายอย่างไร?” ซูจิ่นซียกถ้วยชาขึ้นแล้วถามด้วยแววตาเย็นชา
ฮั่วซื่อแสดงท่าทางเหมือนไม่รู้เรื่องอันใด “ข้าไม่รู้ว่าอวี้เอ๋อมีอาการแพ้ผงขี้เหล็ก! หากรู้ตั้งแต่แรก ข้าคงให้ชุนหงเปลี่ยนเป็นใบชาชนิดอื่นแล้ว อีกอย่าง เดิมทีชานี้เป็นของลูกรักข้า ข้าเตรียมไว้สำหรับบุตรชายของข้า ที่ยกไปให้อวี้เอ๋อร์ก็เป็นเพียงความบังเอิญ”
“ยังไม่ทันได้ดื่ม เพียงวางไว้ด้านข้างเท่านั้น แค่ได้กลิ่นใบชาก็เกิดอาการแพ้แล้ว ช่างเสแสร้งเสียจริง เจ้ายังเป็นลูกผู้ชายหรือเปล่า!” ซูจวิ้นจ้องซูอวี้ที่หมดสติไป ใบหน้าเต็มไปด้วยความเหยียดหยาม
หากเรื่องนี้ไม่ใช่ความจงใจของฮั่วซื่อ ตีซูจิ่นซีให้ตายก็ไม่มีทางเชื่อ
ฮั่วซื่อผู้นี้ช่างใจคอโหดร้ายเสียจริง
“พวกเจ้าแม่ลูกช่วยกันอธิษฐานให้อวี้เอ๋อร์ไม่เป็นอันใดดีที่สุด มิฉะนั้นแล้ว…”
ทันใดนั้นซูจิ่นซีก็นำน้ำชาที่มีอยู่เต็มถ้วยสาดไปที่ใบหน้าของฮั่วซื่อ ซูจิ่นซีหรี่ตาทั้งสองข้างลง ไม่พูดประโยคตอนท้ายต่อ ทว่าน้ำเสียงกลับทำให้คนตกใจกลัวจนตัวสั่น
“หมอหลวงอวิ๋นรีบจัดเตรียมยา หวงเหลียน เปลือกส้ม เสวียนเซิน โกฐหัวบัว จงโหลว ไป๋เสา…”
ซูจิ่นซีพูดตัวยาออกมาทีละตัว อวิ๋นจิ่นรีบไปจัดยา ส่วนหมอหลวงหวังและหมอสวี่ก็ช่วยอีกแรง พวกเขารีบจัดหาตัวยาจำนวนสิบกว่าชนิดที่ซูจิ่นซีต้องการจนครบ
“สั่งคนไปต้มยาให้อวี้เอ๋อร์ดื่ม!” ซูจิ่นซีพูดกำชับ จากนั้นก็มีคนรีบนำตัวยาไปต้มอย่างรวดเร็ว
ซูจิ่นซียังหันไปสั่งให้คนอุ้มซูอวี้เข้าไปในห้อง
ขณะที่ซูจิ่นซีเดินตามเข้าไปในห้อง จู่ๆ …ก็เกิดเรื่องที่ไม่คาดคิดขึ้นอีก
ผู้ป่วยที่ซูจวิ้นรักษาหายก่อนหน้านี้ กรีดร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด เลือดไหลออกจากทวารทั้งเจ็ด
เกิดอันใดขึ้น?
ทุกคนพากันตกตะลึง
“ตู๊ด ตู๊ด ตู๊ด” ระบบถอนพิษเตือนว่ามีพิษ
ซูจิ่นซีรีบใช้ระบบถอนพิษตรวจดูผู้ป่วยคนนั้นอีกครั้ง นางจับชีพจรและตรวจร่างกาย ทันใดนั้นซูจิ่นซีก็หันมาพูดกับซูจวิ้นอย่างดุดันว่า “ใครสั่งให้เจ้าใช้พิมเสนและกระดองเต่าสดกับเขา? ”
ใบหน้าซูจวิ้นที่เคยภาคภูมิใจพลันหายไป เขาตื่นตระหนกขึ้นมาทันที
ใช้พิมเสนและกระดองเต่าสดไปจริงๆ หรือ?
หมอหลวงหวัง หมอสวี่และหมอที่มีความรู้ทางการแพทย์หลายคนที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างพากันตื่นตกใจ
แม้พิมเสนจะใช้ถอนพิษได้ดีมาก อีกทั้งกระดองเต่าสดยังมีฤทธิ์ในการใช้พิษขับพิษ
ทว่าขณะที่ถอนพิษงูนั้น ห้ามใช้กระดองเต่าสดเป็นอันขาด อีกทั้งผู้ป่วยที่มีอาการหน้าแดง แววตาอ่อนแอ มองดูแล้วเป็นกลุ่มอาการของคนที่มีร่างกายร้อนโดยธรรมชาติ ภูมิต้านทานโรคไม่เพียงพอ ดังนั้นตัวยาประเภทพิมเสน โสมคน จึงไม่ควรใช้เป็นอย่างยิ่ง
แต่ปรากฏว่าซูจวิ้นใช้ไปจริงๆ !!!
ซูจิ่นซีไม่อยากเชื่อเลยว่า ซูจวิ้นที่สามารถชนะการแข่งขันสองครั้งติดกันจนเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศได้ แม้แต่เรื่องง่ายๆ ทั่วไปเช่นนี้ก็ไม่รู้
เห็นได้ชัดว่าเขามีความกระหายในชัยชนะ ร้อนรนเพื่อให้บรรลุผล จึงทำเรื่องเช่นนี้
เพราะนอกจากพิมเสนที่มีฤทธิ์ถอนพิษแล้ว ยังมีผลในการบำรุงฉี่และเลือดเหมือนกับโสม จึงถูกเรียกว่าโสมน้อย
ด้วยเหตุนี้ใบหน้าของผู้ป่วยที่ทุกคนเห็น เมื่อเทียบกับตอนที่เพิ่งเข้ามายังสนามแข่งขันนั้นดูดีขึ้นมากจนเห็นได้ชัด เพียงแต่ไม่ได้เป็นผลมาจากร่างกายที่ฟื้นฟูหลังจากถอนพิษ แต่เป็นสรรพคุณของพิมเสนที่ถูกระงับไว้ชั่วคราว
ตอนนี้สรรพคุณของพิมเสนลดลง และพิษที่ตกค้างในร่างกายของผู้ป่วยเกิดการปะทะกัน จึงส่งผลให้ร่างกายไม่สามารถต่อต้านได้และนำไปสู่ภาวะเลือดออกทวารทั้งเจ็ด
“เจ้ารู้หรือไม่? ตอนนี้เขาตกอยู่ในภาวะอันตรายอย่างมาก เป็นเพราะความกระหายและร้อนรนเพื่อชัยชนะของเจ้าที่ทำร้ายชีวิตคน” ซูจิ่นซีถามกลับซูจวิ้นด้วยใบหน้าดุดันอย่างมาก
เรื่องเหล่านี้ซูจวิ้นรู้ดี
ขณะที่เขาใช้ยา เขาเพียงเสี่ยงโชคโดยคิดว่าสรรพคุณของพิมเสน อย่างไรเสียคงยืนหยัดจนจบการแข่งขัน ถึงเวลานั้นเขาก็กลายเป็นผู้สืบทอดตระกูลซูแล้ว ทั้งยังได้ครอบครองป้ายคำสั่งผู้นำตระกูลซู ตอนนั้นผู้ป่วยจะเป็นหรือตายก็ไม่เกี่ยวอันใดกับเขา
กลับคิดไม่ถึงว่า ฤทธิ์ยาของพิมเสนจะสลายเร็วถึงเพียงนี้
เมื่อเผชิญหน้ากับคำถามของซูจิ่นซีและสายตาแปลกๆ ของทุกคน ซูจวิ้นก็ตกตะลึงกับเหตุการณ์นั้นและไม่ตอบสนองอันใดแม้แต่น้อย
“ทูลพระชายา เรื่องเร่งด่วนคือรีบถอนพิษให้ผู้ป่วยท่านนี้ ตอนนี้ลมหายใจของเขาแผ่วเบามาก” อวิ๋นจิ่นพูดกับซูจิ่นซี
ซูจิ่นซีใช้สายตาแหลมคมมองซูจวิ้นครั้งหนึ่ง จากนั้นนางก็ไม่มองเขาอีกต่อไป
“เตรียมเทียนไถสองเหลี่ยง มู่เซียง (โกศกระดูก) สามเฉียน ชิงปี่ห้าเฉียน จื่อซูสองเหลี่ยง [1]…”
ซูจิ่นซีพูดถึงตัวยาที่จำเป็นด้วยความจริงจัง
อวิ๋นจิ่นเข้าไปในห้องเพื่อดูแลซูอวี้ ส่วนกรรมการอย่างหมอหลวงหวัง และหมอสวี่ซึ่งทั้งสองคนล้วนมีสถานะไม่ธรรมดาต่างอาสาช่วยเหลือด้วยความเต็มใจ พวกเขาเตรียมตัวยาและต้มยาตามความต้องการของซูจิ่นซี
ขณะที่ทุกคนไม่ทันสังเกตเห็น ซูจิ่นซีได้พลิกฝ่ามือ พลันในมือของนางก็ปรากฏยาประหลาดเพิ่มขึ้นหนึ่งชนิด ซูจิ่นซีป้อนให้ผู้ป่วยทาน เมื่อทานแล้วก็อาเจียนออกมาไม่หยุด
นี่คือยาทำให้อาเจียน เพื่อให้ยาที่รับประทานไปก่อนหน้านี้ทั้งหมดถูกอาเจียนออกมา
“โจ๊กข้าวฟ่างเล่า! ”
“คุณหนู โจ๊กข้าวฟ่างเสร็จแล้วเพคะ”
ลวี่หลีรีบยกโจ๊กข้าวฟ่างถ้วยหนึ่งออกมาจากห้องโถงด้านหลัง นางรีบป้อนให้ผู้ป่วยตามความต้องการของซูจิ่นซี
“ยา! ”
“ยาต้มเสร็จแล้ว! ”
หมอหลวงหวังรีบยกยาที่ต้มเสร็จแล้วมาอย่างรวดเร็ว และป้อนให้ผู้ป่วยดื่มตามที่ซูจิ่นซีต้องการ
“ถอดเสื้อผ้าของเขาออก”
ตั้งแต่ต้นจนจบ การแสดงออกบนใบหน้าของซูจิ่นซีเป็นไปอย่างจริงจัง หลังจากออกคำสั่งแล้ว ซูจิ่นซีก็หยิบเข็มเหมันต์เทวะของตนออกมา
“เอ่อ…”
ลวี่หลี หมอหลวงหวัง และ หมอสวี่ ลังเลเล็กน้อย
อย่างไรก็ตามพระชายาเป็นสตรี ทั้งยังเป็นคนของโยวอ๋อง มีสถานะสูงศักดิ์ เมื่ออยู่ต่อหน้าบุรุษเปลื้องผ้าในที่สาธารณะคงไม่เหมาะสมกระมัง?
“ถอดสิ!” ซูจิ่นซีพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“ผู้เป็นหมอ ไม่แบ่งแยกชายหญิง! ”
หมอหลวงหวังกล่าวประโยคนี้แล้ว ก็เริ่มลงมือถอดเสื้อผ้าของผู้ป่วย
หลังจากถอดเสื้อผ้าของผู้ป่วยออกจนหมด อวิ๋นจิ่นและคนอื่นๆ ก็ย้ายไปยืนด้านข้างทันที ซูจิ่นซีจึงเริ่มฝังเข็มให้ผู้ป่วย
นี่เป็นครั้งแรกที่ซูจิ่นซีฝังเข็มต่อหน้าผู้คนจำนวนมาก
ไม่ต้องพูดถึงความมหัศจรรย์และความเป็นเอกลักษณ์ของเข็มเหมันต์เทวะที่ทำให้ทุกคนมองอย่างตกตะลึง แม้แต่วิธีการฝังเข็มของซูจิ่นซี ผู้ที่อยู่ในอาชีพเดียวกันต่างก็ไม่เคยเห็นมาก่อน
โดยเฉพาะหมอหลวงหวังและหมอสวี่ที่อยู่ใกล้ซูจิ่นซีมากที่สุด กล่าวได้ว่าช่างน่าอัศจรรย์ยิ่งนัก แววตาของพวกเขาแสดงความนับถือชื่นชมซูจิ่นซีอย่างมาก มิหนำซ้ำยังลืมไปว่าคนที่อยู่ตรงหน้าเป็นเพียงหญิงสาวนางหนึ่งเท่านั้น
การแสดงออกของซูจิ่นซีเป็นไปอย่างจริงจังตั้งแต่ต้นจนจบ ทุกคนเคยเห็นท่าทางหลากหลายของซูจิ่นซีมาแล้ว ทว่าไม่เคยเห็นท่าทางในการทำงานของซูจิ่นซีมาก่อน
การวางตัวแบบนั้น ท่าทางแบบนั้น จิตวิญญาณแบบนั้น และวิธีการฝังเข็มที่ไม่เหมือนผู้ใด ทำให้ทุกคนต่างรู้สึกราวกับไม่ใช่ความจริง
หลายคนราวกับเห็นภาพมายาของหมอเทวดาที่ลงมายังโลกมนุษย์
……