สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน – ตอนที่ 191 อย่าคิดหนีแม้แต่คนเดียว

         เห็นได้ชัดว่าเป็นพ่อลูกกันแท้ๆ เมื่อหยดเลือดลงในน้ำที่มีน้ำมัน กลับไม่ผสมรวมกัน เห็นได้ชัดว่าไม่มีความสัมพันธ์กัน ทางสายเลือด ทว่าเมื่อหยดเลือดลงในน้ำที่มีส่วนผสมสารส้ม ปรากฏว่าเลือดกลับผสมรวมเข้าด้วยกัน

          ยังมีคนทดลองหยดเลือดลงในบ่อปลา ผลลัพธ์ก็แตกต่างกันไป

        ทุกคนต่างพากันสงสัยและประหลาดใจ

        ด้วยความอยากรู้อยากเห็นของเจ้ากรมหวังและรองเจ้ากรมหลี่ พวกเขาจึงร่วมทดสอบด้วยเช่นกัน นึกไม่ถึงว่าเลือดของพวกเขากลับผสมรวมกัน

         “พระชายา นี่… นี่เป็นไปไม่ได้แน่นอน! ปีนี้รองเจ้ากรมหลี่อายุสี่สิบสองแล้ว ข้าเพิ่งจะห้าสิบปี รองเจ้ากรมหลี่ไม่มีทางเป็นลูกชายของข้าได้? อีกทั้งข้ายังไม่เคยได้ยินท่านแม่บอกว่าข้ามีพี่น้องที่ไหนมาก่อนเลย! ”

        ซูจิ่นซียิ้มมุมปากเล็กน้อย “สรุปได้ว่า การหยดเลือดพิสูจน์ความสัมพันธ์เช่นนี้เป็นความผิดพลาด”

        “ทว่านี่เป็นวิธีที่สืบทอดต่อกันมาจากบรรพบุรุษ ซึ่งใช้มาหลายพันปีแล้ว หรือว่าจะเป็นความผิดพลาดจริงๆ? ”เจ้ากรมหวังถามอย่างไม่อยากจะเชื่อ

         “ผิดแล้ว! ”

        ซูจิ่นซีพูดอย่างหนักแน่น

        ภายในห้องโถงเงียบงันไปชั่วขณะ ทุกคนต่างไม่พูดอันใดเลย

        พระชายาโยวอ๋องยอดเยี่ยมมาก!

        นี่เป็นผลการวิจัยทางการแพทย์ที่ยิ่งใหญ่มาก! มันได้ล้มล้างวิธีการอันเก่าแก่ที่สืบทอดต่อกันมาจากบรรพบุรุษหลายพันปี

        ในวินาทีนั้น ภาพลักษณ์ของซูจิ่นซีในสายตาของทุกคนดูสูงส่งขึ้นอีกระดับ ทุกคนต่างมองซูจิ่นซีด้วยใบหน้าชื่นชมมากขึ้นเรื่อยๆ

        ทว่า เรื่องนี้ซูจิ่นซีมิได้เป็นผู้ค้นพบ

        แม้งานวิชาการทางการแพทย์และงานเขียนทางการแพทย์ในสมัยโบราณจะมีบันทึกไว้มากมาย ทว่าในทางการแพทย์สมัยใหม่ได้มีคนทำการวิจัยยืนยันไว้ว่า วิธีการพิสูจน์เช่นนี้เชื่อถือไม่ได้

         “ท่านพี่ อวี้เอ๋อร์เป็นบุตรชายของท่านจริงๆ ข้าไม่กล้าโกหกแน่นอน” อนุปี้มองหน้าซูจ้ง น้ำตาไหลรินจากดวงตา

        ซูจ้งแสดงท่าทางสงสัยและสับสน ทว่าไม่ได้มองไปทางอนุปี้และซูอวี้แม้แต่น้อย

         “ท่านพ่อ เมื่อครู่นี้เพราะคำพูดประโยคหนึ่งของท่านแม่ ท่านพ่อยังเชื่อท่านแม่แล้วย้อนถามลูกได้ แล้วเหตุใดท่านถึงไม่เชื่ออนุปี้? ” ซูจิ่นซีพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย

        ซูจ้งมองซูจิ่นซีด้วยสายตาเย็นชา ในที่สุดก็มองไปที่อนุปี้ที่ร่างกายอ่อนแอ

        “ในเมื่อเจ้าพูดว่าซูอวี้เป็นบุตรแท้ๆ ของข้า เช่นนั้นสิ่งของที่อยู่ตรงหน้าเหล่านี้เจ้าจะอธิบายเช่นไร? ”

        หากมีเพียงสมุดบันทึกก็พอทำเนา ทว่ายังมีพัดอีกเล่มหนึ่ง สิ่งของเหล่านี้เมื่อรวมกันแล้วดูเป็นเรื่องจริงยิ่งนัก ไม่ว่าใครก็สงสัยทั้งสิ้น

         “ข้า… ข้าไม่รู้เรื่อง” อนุปี้ร้องไห้ไปพลางส่ายศีรษะไปพลาง

         “ท่านพี่ ข้าคิดว่าเรื่องนี้ยังต้องพิจารณาให้รอบคอบแล้วค่อยตัดสินใจดีกว่า น้องสาวอยู่กับท่านพี่โดยไร้ชื่อและไม่มีสถานะใดๆ มาหลายปี ทั้งนางยังตกระกำลำบากอยู่ข้างนอกมาก็หลายปี ความรักความสัมพันธ์อันดีที่มีต่อท่านเช่นนี้ ท่านเองต้องคำนึงถึงและเอาใจใส่ด้วยนะเจ้าคะ!” จู่ๆ ฮั่วซื่อก็ได้บรรยายถึงความยากลำบาก และแสดงท่าทีสงสารอนุปี้เป็นอย่างมาก

        หากคนที่ไม่เข้าใจฮั่วซื่อคงคิดว่านางพูดแทนอนุปี้ ทว่าซูจิ่นซีเข้าใจอย่างชัดเจน นี่คือวิธีการแสร้งเป็นคนจิตใจดีของฮั่วซื่อที่ใช้ได้ผลดีมาตลอด

        เห็นได้ชัดว่านางกำลังเปลี่ยนมุมมองเพื่อเตือนสติซูจ้ง อนุปี้อยู่นอกจวนมาหลายปี จะต้องมีช่องโหว่ที่ซูจ้งตรวจสอบไม่ได้อย่างแน่นอน หากอาศัยช่องโหว่นี้ไปมีสัมพันธ์ชู้สาว ก็เป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงได้ยาก

        ยิ่งไปกว่านั้น อนุปี้อยู่กับซูจ้งโดยไร้ชื่อและไม่มีสถานะอันใด แสดงว่านางก็ไม่ใช่สตรีที่อยู่ในกรอบ ราวกับเป็นสตรีใจง่าย เป็นเรื่องปกติที่จะมีความรวนเร

        แน่นอนว่า เมื่อซูจ้งได้ฟังคำพูดของฮั่วซื่อ เดิมทีแววตาที่เมินเฉยอยู่แล้ว ยิ่งเย็นชาขึ้นไปอีก

        กลับไม่คิดว่า ซูจวิ้นยังเติมเชื้อไฟเข้าไปอีก เขามุ่งทำลายความไม่แน่ใจและความสงสัยที่อยู่ในใจของซูจ้งในเวลานั้น

        “ฮึ! เป็นเพราะนางแพศยาอนุปี้ผู้นี้อาศัยอยู่ข้างนอกมาหลายปี จึงถือโอกาสลักลอบมีความสัมพันธ์ชู้สาว ใครจะไปรู้ว่าขณะที่ท่านพ่อไม่ทราบนั้น นางลักลอบมีความสัมพันธ์ไปแล้วกี่คน! ”

        ซูจ้งกำหมัดแน่นด้วยใบหน้าดุดัน เขาค่อยๆ หันไปมองซูอวี้ด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยไอสังหาร

        อนุปี้ที่นอนอยู่บนเปลไม่สามารถกลั้นแรงกดดันภายในทรวงอกได้อีก “เอื๊อก” นางกระอักเลือดออกมาเต็มปากจนหมดสติไป

        หมอหลวงอวิ๋นและหมอหลวงหวังรีบวิ่งไปยังข้างกายของอนุปี้ ทำการจับข้อมือของอนุปี้เพื่อตรวจชีพจร

         “อนุปี้เป็นอย่างไรบ้าง? ”

        ซูจิ่นซีวิ่งเข้ามาด้วยความกังวล อนุปี้อาเจียนออกมาเป็นเลือดเป็นแค่การเริ่มต้น ในเวลานั้นเลือดจำนวนมากไหลออกทางปากไม่หยุด ทางจมูก ทางหู และตาก็เริ่มมีเลือดไหลออกมาอย่างเชื่องช้า สภาพเช่นนี้น่ากลัวเป็นอย่างยิ่ง

         “พระชายา แย่แล้ว อนุปี้มีอาการเลือดไหลย้อนกลับ ต้องใช้ยาที่ทำให้เลือดแข็งตัวรักษาโดยด่วน มิฉะนั้นแม้แต่เทพเจ้าจุติลงมาก็ไม่อาจช่วยได้” อวิ๋นจิ่นกล่าว

         “ท่านแม่ ท่านเป็นอย่างไรบ้าง ท่านอย่าทำให้อวี้เอ๋อร์ตกใจกลัวสิ! ท่านแม่… ท่านแม่… ” ซูอวี้ตะเกียกตะกายบนพื้นจนมาอยู่ข้างกายอนุปี้ เขาร่ำไห้จนแทบจะขาดใจ

        ยาที่ทำให้เลือดแข็งตัวนั้นหาไม่ยาก ทว่าสถานที่เก็บรักษาสิ่งของเช่นนี้ ส่วนมากอยู่ในวังหลวง

        ทว่าประตูวังปิดแล้ว ผู้ที่อยู่ในเหตการณ์ซึ่งสามารถเข้าออกวังหลวงได้มีเพียงอวิ๋นจิ่นที่เข้าไปตรวจชีพจรให้กับฮ่องเต้และฮองเฮาทุกวัน ทว่านี่เป็นเวลากลางดึก จึงไม่ใช่เวลาไปตรวจชีพจร

         “สามารถใช้สิ่งอื่นแทนได้หรือไม่? ” ซูจิ่นซีถามขึ้น

         “ได้หรือไม่นั้น แม้จะเทียบไม่ได้กับจื่อจู [1] ที่ฮองเฮาใช้ก่อนหน้านี้ ทว่ามีตัวยาที่ทำให้เลือดแข็งตัวได้ดีกว่าหลายเท่า”

         “คือสิ่งใด? ”

        อวิ๋นจิ่นมองไปยังซูจ้งและฮั่วซื่อ จากนั้นก็ตอบว่า “เห็ดหลินจือแดง [2] ”

        เห็ดหลินจือแดง?

        ไม่แปลกใจว่าเหตุใดขณะที่อวิ๋นจิ่นพูดชื่อนี้จึงได้หันไปมองซูจ้งและฮั่วซื่อก่อน

        ในโลกนี้ มีเห็ดหลินจือแดงเพียงต้นเดียว มันถูกเก็บอยู่ในหอโอสถสกุลซู ซึ่งเป็นสมบัติล้ำค่าของสกุลซู

        สกุลซูมีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักในเมืองตี้จิงหรือแม้แต่ทั่วทั้งแคว้นจงหนิง ไม่เพียงอาศัยวิชาแพทย์ที่เป็นเลิศและร้านขายยาในเมืองตี้จิงเท่านั้น ที่สำคัญก็คือหอโอสถสกุลซูยังเก็บรักษาเห็ดหลินจือแดงที่มีชื่อเสียงอีกด้วย

        ทว่าภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ ไม่รู้ว่าใครเป็นคนปั่นหัวซูจ้งจนเกิดความสงสัยว่าอนุปี้มีชายอื่นและซูอวี้ไม่ใช่บุตรแท้ๆ ของเขา นอกจากนั้นกุญแจหอโอสถของสกุลซูยังอยู่ในมือฮั่วซื่อ และฮั่วซื่อยังมีจิตใจคิดแย่งชิงสมบัติสกุลซูกับอนุปี้และซูอวี้อีกด้วย!

        พวกเขาจะมอบเห็ดหลินจือแดงให้อนุปี้หรือไม่?

        ซูจิ่นซีอดไม่ได้ที่จะมองซูจ้งด้วยความสงสัย

        ซูจ้งแสดงสีหน้าเด็ดขาด หันศีรษะไปทางอื่น

         ใจร้ายมาก!

        ตอนที่อยู่ตำหนักโยวอ๋อง อนุปี้ยังห่วงใยและคิดถึงความปลอดภัยของซูจ้งที่อยู่ในคุกอย่างสุดหัวใจมาตลอด

         “อวิ๋นจิ่น หมอหลวงหวัง อาศัยวิชาแพทย์ของพวกเจ้าทั้งสอง อนุปี้สามารถรอเห็ดหลินจือแดงได้อีกนานเท่าไร? ”

        ใบหน้าหมอหลวงหวังแสดงท่าทีลำบากใจ

         “มากสุดสองชั่วยาม! ” อวิ๋นจิ่นตอบ

         “สองชั่วยามก็เพียงพอ! ” จู่ๆ การแสดงออกบนใบหน้าของซูจิ่นซีก็เปลี่ยนเป็นลึกซึ้งเกินกว่าจะคาดเดาได้ นางพูดกับเจ้ากรมหวังว่า “เจ้ากรมหวัง รบกวนท่านหาสถานที่สงบเงียบสักแห่ง ให้หมอหลวงอวิ๋นและหมอหลวงหวังนำอนุปี้เข้าไปพักรักษาตัวก่อน”

         “พระชายาโปรดวางใจ ข้าน้อยจะจัดการให้เป็นอย่างดี”

        อวิ๋นจิ่นและหมอหลวงหวังเรียกองครักษ์มาหามอนุปี้ตามเจ้ากรมหวังออกจากศาลพิจารณาคดี ซูอวี้ร้องไห้อยู่ข้างกาย เขาคิดจะเดินตามอนุปี้ไปทว่ากลับถูกซูจิ่นซีขวางไว้

         “ยังต้องพึ่งเจ้าให้ตามหายาวิเศษที่ใช้ช่วยชีวิตแม่ของเจ้า เจ้าจะไปเพื่ออันใด? ”

        ซูอวี้เป็นเด็กที่เข้มแข็งมากมาตลอด ทว่าในเวลานี้เขากลับแสดงท่าทางอ่อนแอ อีกทั้งน้ำตาไหลพราก ทำให้ซูจิ่นซีรู้สึกไม่ค่อยคุ้นชิน

        ซูอวี้หันหลังกลับ มองซูจิ่นซีด้วยแววตาขอร้องแล้วพูดว่า “พี่จิ่นซี อวี้เอ๋อร์ไม่ต้องการแย่งชิงตำแหน่งผู้สืบทอดสกุลซูแล้ว อวี้เอ๋อร์เพียงต้องการรักษาอาการบาดเจ็บของท่านแม่ให้หายดี จากนั้นก็จะไปจากที่นี่ ยิ่งไกลเท่าไรยิ่งดี”

        ทุกคนต่างฟังออก คำว่า ‘ที่นี่’ ที่ซูอวี้พูดออกมานั้นไม่ใช่ศาลพิจารณาคดีของกรมอาญา ทว่าเป็นสกุลซูสถานที่แห่งนั้น

         ซูจิ่นซีหัวใจเต้นแรง นางยกมือลูบผมของซูอวี้ “เจ้าแข็งแกร่งถึงเพียงนั้น จะกลัวอันใด? เข้มแข็งให้ข้าเห็นสิ เรื่องที่ทำแล้วไม่เป็นผลดีต่อตนเอง ทว่าเป็นผลดีต่อศัตรู พี่สาวไม่อนุญาตให้เจ้าเอ่ยออกมาอีก วันนี้เจ้าไม่เพียงต้องนำยามาเพื่อช่วยชีวิตท่านแม่ของเจ้าเท่านั้น ทว่ายังต้อง… ” น้ำเสียงของซูจิ่นซีดูคลุมเครือ นางค่อยๆ หันไปมองฮั่วซื่อ “คนที่ทำร้ายเจ้าและแม่ของเจ้า วันนี้อย่าคิดจะหนีไปได้แม้แต่คนเดียว”

        ……

เชิงอรรถ

[1] จื่อจู ผลทรงกลม เมื่อผลสุกจะมีสีม่วง ไม่มีขน เส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 2 มม. ระยะเวลาออกดอกตั้งแต่มิถุนายนถึงกรกฎาคม ช่วงเวลาติดผลในเดือนสิงหาคมถึงพฤศจิกายน ราก ผล และทั้งต้น ใช้เป็นยาควบคุมประจำเดือน รักษาประจำเดือนมาไม่ปกติ อาการอ่อนเปลี้ยเพลียแรง ตกขาว ปวดเสียดภายใน ตกเลือดหลังคลอด (สืบค้นจาก. เว็บBaidu)

[2] เห็ดหลินจือแดง มีลักษณะแบน ปลอดสารพิษ เป็นเลือดของเห็ดหลินจือ เป็นสายพันธุ์หายากในกลุ่มเห็ดหลินจือ เส้นผ่านศูนย์กลางของฝาเมื่อโตขึ้น 4 ถึง 13 ซม. และขาจะยาวกว่าเห็ดหลินจือธรรมดา หลังจากการอบแห้ง เส้นผ่านศูนย์กลางมากกว่า 2 ถึง 7 ซม. สรรพคุณทางยาดีกว่าเห็ดหลินจือชนิดอื่นๆ มาก และให้ผลค่อนข้างครอบคลุม ส่วนใหญ่ใช้รักษาโรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง โรคหลอดเลือดหัวใจ นอนไม่หลับ และโรคอื่นๆ หากใช้งานในระยะยาวสามารถป้องกันมะเร็ง ต่อต้านเนื้องอก ปกป้องตับ และชะลอความแก่ เสริมสร้างร่างกาย ปรับปรุงภูมิคุ้มกัน มีผลดีชัดเจนต่อหัวใจ สมอง และหลอดเลือด และไม่เป็นอันตรายต่อร่างกายมนุษย์เหมาะสำหรับการดูแลสุขภาพในระยะยาว (สืบค้นจาก. เว็บBaidu)

สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน

สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน

Status: Ongoing
อ่านนิยายเรื่อง สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน สามพันปีก่อนที่แผ่นดินเทียนเหอจะได้รับการจดบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์ สกุลซู ตระกูลแพทย์ที่เก่าแก่และร่ำรวยแห่งแคว้นจงหนิง ภายในห้องที่รกร้างทรุดโทรมห้องหนึ่ง บุตรสาวคนที่เจ็ด ‘ซูจิ่นซี’ เสื้อผ้าขาดลุ่ย ร่างกายเต็มไปด้วยบาดแผลถูกมัดติดกับเสา ข้างกายคือสาวงามนางหนึ่ง นางสวมอาภรณ์หรูหรา ในมือถือกริชค่อยๆ เฉือนลงบนร่างกายของซูจิ่นซี “ไอ้โง่ เจ้ายังไม่ยอมอ้าปากพูดอีกหรือ หยกกิเลนอยู่ที่ใด” ร่างของซูจิ่นซีสั่นสะท้านด้วยความเจ็บปวด ทว่าปากก็ยังถูกปิดสนิทให้ไม่สามารถพูดได้แม้แต่คำเดียว ดวงตาสีเข้มมืดมนคลอด้วยหยาดน้ำตา ส่งสายตาวิงวอนต่อสาวงามนางนั้น หญิงสาวยิ้มมุมปากอย่างพอใจแล้วดึงผ้าที่อุดปากซูจิ่นซีออก สาวงามตะโกนอย่างเกรี้ยวกราด “พูด! ” แต่นางกลับคาดไม่ถึงว่าซูจิ่นซีจะร้องไห้ส่งเสียงดังสนั่นราวกับเด็กน้อยขึ้นมา “พี่หญิงเป็นคนหลอกลวง ฮือ…ฮือฮือ…บอกว่าจะให้ข้ากินปลา ท่านพี่หลอกข้า ฮือฮือ ลวี่หลี… ข้าเจ็บเหลือเกิน! ลวี่หลี…ฮือฮือฮือ…ข้าเลือดไหล ลวี่หลี…” ดวงตาส่องประกายของสาวงามหม่นแสงลงทันที กริชในมือยกขึ้นจ่อคอของซูจิ่นซีอย่างไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อย “หุบปาก! หากยังตะโกนอีก ข้าจะฆ่าเจ้าเสียตอนนี้! ” ซูจิ่นซีหวาดกลัวเสียจนหยุดส่งเสียงร้องไห้ในทันใด อีกทั้งยังมองสาวงามด้วยแววตาขยาด ทว่าในขณะที่ดวงตาอันสับสนของซูจิ่นซีมองทะลุผ่านสาวงามไปยังบุรุษผู้มีรังสีมืดมนบนเก้าอี้ไม้จันทน์สีแดงแปดเหลี่ยมข้างหลังนาง ซูจิ่นซีก็รู้สึกกระสับกระส่ายขึ้นมา

Comment

Options

not work with dark mode
Reset