สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน – ตอนที่ 204 พิษอยู่ทุกหนทุกแห่ง

ชายชราอายุราวห้าหกสิบปีคนหนึ่ง ผมสีขาวโพลน หนวดเคราสีขาว ในชั่วพริบตาเขาก็เดินนำคนสวมชุดสีเขียวกลุ่มหนึ่งเข้ามาล้อมซูจิ่นซีกับเยี่ยโยวเหยา

“พวกเจ้าเป็นใคร? ”

ชายชราถาม

เยี่ยโยวเหยาใบหน้าสงบนิ่ง ไม่พูดจาอันใด

ซูจิ่นซียกมือขึ้นคำนับ นางพูดว่า “พวกเราเป็นชาวแคว้นจงหนิง มาที่หุบเขาร้อยบุปผาเพื่อขอสมุนไพรจากฮูหยินเตี๋ยเมิ่ง ขอท่านผู้เฒ่าโปรดชี้ทางด้วย”

“ขอสมุนไพร? ” ชายชรายิ้มเย็นชา พลางพูดว่า “หุบเขาร้อยบุปผาใช่สถานที่ที่ผู้ใดก็สามารถบุกรุกเข้ามาได้ตามใจชอบหรือ? พวกเจ้าทำร้ายผึ้งในหุบเขาร้อยบุปผาไปจำนวนมาก แล้วยังคิดจะขอสมุนไพร ไม่มีทาง ตายเสียเถิด! ”

สิ้นเสียงชายชรา บุรุษในชุดสีเขียวที่ในมือถือกระบี่ยาวยืนอยู่โดยรอบพลันขยับเข้าใกล้ซูจิ่นซีกับเยี่ยโยวเหยาด้วยท่าทางดุดัน

ซูจิ่นซีสีหน้าขึงขัง “พวกเจ้าไร้เหตุผล ผึ้งฝูงนั้นโจมตีพวกข้าก่อน พวกข้าก็ต้องป้องกันตัวเป็นธรรมดา”

“ข้ารู้ว่าเจ้าทำเพื่อป้องกันตัว แล้วอย่างไรเล่า จัดการพวกมัน! ”

ชายชราผู้นั้นตะโกน คนในชุดเขียวทั้งหมดก็ชักกระบี่พุ่งเข้าโจมตีซูจิ่นซีกับเยี่ยโยวเหยาทันที

ร่างที่อยู่ข้างหน้าเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว ซูจิ่นซียังเห็นไม่ชัดว่าเกิดอันใดขึ้น เยี่ยโยวเหยาก็ยืนขึ้นและเคลื่อนตัวอย่างรวดเร็วไปที่ด้านหน้าชายชราแล้ว เขาบีบคอของชายชรา พลางพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “รนหาที่ตาย! ”

แม้ชายชราจะถูกเยี่ยโยวเหยาจับไว้ ทว่าเขากลับไม่หวาดกลัวแม้แต่น้อย ชายชรายิ้มแล้วพูดว่า “วรยุทธ์ของใต้เท้าช่างเยี่ยมยอดเสียจริง ทว่าใต้เท้าถูกพิษไผ่แห่งหุบเขาร้อยบุปผาของข้าแล้ว หากในสองชั่วยามยังไม่ได้ยาถอนพิษ ท่านต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย ข้าขอเตือนท่านว่าอย่าทำอันใดวู่วามจะดีกว่า”

พิษไผ่?

ซูจิ่นซีเพิ่งรู้ว่า ที่แท้พิษที่เยี่ยโยวเหยาได้รับนั้นคือพิษไผ่

สิ่งที่เยี่ยโยวเหยาเกลียดที่สุดในชีวิตคือการถูกข่มขู่ เขาใช้แรงบีบรัดคอของชายชราอย่างรุนแรงและตะคอกเสียงแข็ง “พาข้าไปพบฮูหยินเตี๋ยเมิ่ง”

ชายชราหายใจไม่ออก ใบหน้าแดงขึ้นมาในทันใด ทว่ายังคงปากแข็งพูดว่า “พบ… พบฮูหยินเตี๋ยเมิ่ง ไม่มีทาง เจ้าไม่มียาถอนพิษ ถึงเวลาพิษกำเริบ เจ้าจะต้องตายอย่างอนาถ”

ทันใดนั้นซูจิ่นซีก็เดินไปด้านข้างเยี่ยโยวเหยาด้วยสีหน้าลำพองใจ นางนำเม็ดยาสีขาวหนึ่งเม็ดในมือใส่เข้าไปในปากของเยี่ยโยวเหยา

แม้ซูจิ่นซีจะไม่ได้บอกอย่างชัดเจนว่ามันคือสิ่งใด ทว่าเยี่ยโยวเหยากลับให้ความร่วมมือด้วยการอ้าปากและกินสิ่งที่อยู่ในมือของซูจิ่นซี

ชายชรามีสีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย ทว่าสิ่งที่มีมากกว่านั้นคือความสับสน

ซูจิ่นซียิ้มแล้วพูดว่า “ก็เพียงแค่พิษไผ่กระจอก ไม่มีอันใดพิเศษ เจ้าคิดว่ายาถอนพิษจะมีแค่ในหุบเขาร้อยบุปผาของเจ้าหรือ? ”

ชายชราขมวดคิ้วในทันที “เจ้า… ที่เจ้าให้เขากินเป็นยาถอนพิษหรือ? ”

ซูจิ่นซียิ้มอย่างย่ามใจ นางไม่ได้ตอบอันใด โดยทั่วไปคำตอบคือใช่อยู่แล้ว

ในช่วงเวลาฉุกเฉินเมื่อครู่ ขณะที่ผึ้งพิษหันมาโจมตีพวกเขา ระบบถอนพิษได้ประมวลวิธีการรักษาเรียบร้อยพอดี แม้ว่าพิษไผ่จะเป็นพิษที่แปลกประหลาดมาก ทว่าสำหรับระบบถอนพิษแล้ว มันกลับไม่ใช่ยาพิษที่ร้ายแรงมากนัก สมุนไพรที่จำเป็นล้วนมีอยู่แล้วในระบบถอนพิษ การปรุงยาก็อยู่ในขอบเขตที่ระดับของระบบถอนพิษสามารถจัดการได้ในตอนนั้น ดังนั้นในช่วงเวลาที่พูดคุยกับชายชรา ซูจิ่นซีก็ได้เตรียมยาถอนพิษไว้แล้ว

ชายชราไม่เชื่อในสิ่งที่เห็น “พวกเจ้า… พวกเจ้าเป็นใครกันแน่? ”

“เยี่ยโยวเหยาแห่งแคว้นจงหนิง! ” เยี่ยโยวเหยาตอบเสียงเย็นชา

“ซูจิ่นซีแห่งแคว้นจงหนิง” ซูจิ่นซีเลียนแบบน้ำเสียงและวิธีการแนะนำตัวของเยี่ยโยวเหยา

เดิมทีใบหน้าของชายชราก็ประหลาดอยู่แล้ว ตอนนี้ยิ่งตกตะลึงเข้าไปอีก “เจ้า… เจ้าก็คือ โยวอ๋องแห่งแคว้นจงหนิง! ”

ชื่อเสียงของเยี่ยโยวเหยา ไม่เพียงทำให้คนในแคว้นจงหนิงสะพรึงกลัว ยิ่งกว่านั้นมันยังลือกระฉ่อนมาถึงห้าเมืองนี้อีกด้วย

เยี่ยโยวเหยาไม่ต้องการพูดมากความ เขาสะบัดแขนเสื้อ ทันใดนั้นลมจากแขนเสื้อที่เต็มไปด้วยกำลังภายในอันแข็งกร้าว ก็กวาดชายชุดสีเขียวหลายคนให้กระเด็นไปหลายจั้ง เยี่ยโยวเหยาพูดเสียงเย็นชาว่า “พาพวกข้าไปพบฮูหยินเตี๋ยเมิ่ง”

เพียงชื่อเสียงของเยี่ยโยวเหยาก็ทำให้ชายชราตกใจกลัวไม่น้อย ยิ่งได้เห็นวรยุทธ์ของเยี่ยโยวเหยา ชายชราจึงไม่กล้ากระทำการโดยประมาท เขารีบพูดว่า “ขอ… พูดโดยไม่ปิดบัง ฮู… ฮูหยินเตี๋ยเมิ่งไม่อยู่ในหุบเขา”

ฮูหยินเตี๋ยเมิ่งไม่อยู่ในหุบเขา?

จะทำอย่างไรดี คนมากมายที่เมืองตี้จิงต่างรอพวกเขานำสมุนไพรกลับไปช่วยชีวิตอยู่นะ!

ซูจิ่นซีใช้นิ้วนางและนิ้วกลางหนีบเข็มเงินเล่มหนึ่งที่มีแสงสีฟ้าส่องประกายออกมา นางใช้เข็มจี้ไปที่ลำคอของชายชรา และบีบบังคับถาม “หากเจ้าโกหกพวกข้า ข้าจะฆ่าเจ้าเดี๋ยวนี้”

ชายชราเป็นผู้ใช้ยาพิษเช่นกัน เขาย่อมดูออกว่าเข็มเงินในมือของซูจิ่นซีมีพิษร้ายแรง “ข้า… ข้าไม่กล้าโกหกโยวอ๋องและพระชายาโยวอ๋องแห่งแคว้นจงหนิง ฮูหยินเตี๋ยเมิ่งไม่ได้อยู่ในจวนจริงๆ ”

“พวกเราต้องการสมุนไพรไม่กี่ชนิด ในหุบเขานี้ ผู้ใดเป็นผู้รับผิดชอบ? ” เยี่ยโยวเหยาถามเสียงเย็นชา

“หากเป็นสมุนไพรทั่วไปข้าสามารถรับผิดชอบได้ ไม่ทราบว่าโยวอ๋องและพระชายาต้องการสมุนไพรชนิดใด? ”

“ใบชีเย่ ซงหมา และหญ้าเถาเซียน” ซูจิ่นซีตอบ

“ซงหมากับหญ้าเถาเซียน ข้าสามารถจัดการมอบให้ท่านทั้งสองได้ ทว่าใบชีเย่เป็นของล้ำค่าหายากและมีน้อยมาก สามารถมอบให้ได้หรือไม่นั้น ต้องรอฮูหยินกลับมาจัดการเท่านั้น”

ท่าทางของชายชราผู้นั้นไม่เหมือนกับพูดเท็จ ซูจิ่นซีขมวดคิ้ว

“ยาสมุนไพรทั้งสามชนิด ไม่สามารถขาดชนิดใดชนิดหนึ่งได้ วันนี้ข้าต้องได้มันไป พาพวกข้าเข้าไปในหุบเขา” เยี่ยโยวเหยาบีบคอชายชราแรงขึ้น

ใบหน้าของชายชราแสดงถึงความลำบากใจ “โยวอ๋อง ต้องขออภัยจริงๆ หากฮูหยินไม่อนุญาต ข้าไม่สามารถมอบใบชีเย่ให้พวกท่านได้จริงๆ ขอร้อง ท่านอย่าทำให้ข้าลำบากใจเลย”

หากเป็นจริงอย่างที่ชายชราพูดมา ฮูหยินเตี๋ยเมิ่งไม่ได้อยู่ในหุบเขา และใบชีเย่นั้น มีเพียงฮูหยินเตี๋ยเมิ่งที่สามารถมอบให้กับพวกเขาได้ ทว่าพวกเขาไม่สามารถรอจนฮูหยินเตี๋ยเมิ่งกลับมา เมื่อเป็นเช่นนี้ หากต้องการสมุนไพรก็มีเพียงวิธีเดียว นั่นคือใช้กำลังบีบบังคับ

ซูจิ่นซีและเยี่ยโยวเหยาสบสายตา พลันพยักหน้าตกลงพร้อมกัน

ขณะที่เยี่ยโยวเหยากำลังจะลงมือ จู่ๆ ก็มีหญิงชราในชุดสีเขียวนางหนึ่ง อายุรุ่นราวคราวเดียวกับชายชรา นางวิ่งเข้ามาก้มลงพูดบางอย่างที่ข้างหูของชายชรา

อาคมกำไลปี่อั้นของซูจิ่นซีกำลังเปิดอยู่ นางจึงได้ยินว่าสตรีนางนั้นพูดอันใด

หญิงชราผู้นั้นพูดว่า “อาหญิงให้เจ้าพาพวกเขาเข้าไปในหุบเขา”

ชายชราผู้นั้นขมวดคิ้ว จากนั้นก็รีบพูดกับซูจิ่นซีและเยี่ยโยวเหยาว่า “ทั้งสองท่าน เชิญตามข้ามา! ข้าจะนำทางพวกท่านเข้าไปในหุบเขา”

“ฮูหยินเตี๋ยเมิ่งกลับมาแล้วหรือ? ” ซูจิ่นซีถาม

“ทั้งสองท่านตามข้ามาก็จะรู้เอง” ชายชราไม่อธิบายอันใด

ซูจิ่นซีรู้สึกสงสัยเป็นอย่างมาก หญิงชราผู้นั้นอายุก็คงห้าสิบกว่าแล้ว อาหญิงที่นางพูดถึงจะอายุเท่าใดกัน?

และอาหญิงผู้นั้นเป็นใครในหุบเขาแห่งนี้?

ก่อนหน้านี้ที่เยี่ยโยวเหยาให้ข้อมูลเกี่ยวกับหุบเขาร้อยบุปผามานั้น ซูจิ่นซีได้อ่านแล้ว ทว่านางไม่เคยได้ยินว่าในหุบเขาร้อยบุปผามีผู้อื่นที่มีอำนาจ นอกจากฮูหยินเตี๋ยเมิ่งกับลูกสาวของนาง

คนสวมชุดสีเขียวที่ยืนล้อมรอบต่างเก็บกระบี่ในมือและเปิดทางให้ทันที ชายชรานำทางซูจิ่นซีกับเยี่ยโยวเหยาเข้าไปในหุบเขาร้อยบุปผา

ระหว่างทางซูจิ่นซีรู้สึกได้ว่าลูกธนูไม้ไผ่ที่หุบเขาก่อนหน้านี้และหมอกพิษ คือแนวป้องกันไม่ให้คนภายนอกเข้ามาในหุบเขาร้อยบุปผา

หุบเขาร้อยบุปผา แท้จริงแล้วก็เหมือนกับชื่อของมัน ทุกที่ล้วนมีดอกไม้ละลานตา กลิ่นหอมตราตรึง นกและผีเสื้อบินวนเวียนล้อบุปผา อีกทั้งท้องฟ้าที่นี่ก็เหมือนเป็นสีน้ำเงินยิ่งกว่าข้างนอก เป็นดั่งแดนสวรรค์บนโลกมนุษย์

ทว่าทิวทัศน์จะสวยงามมากเพียงใด ก็เป็นเพียงรูปลักษณ์ภายนอก ต้นไม้และต้นหญ้าทุกต้น ยิ่งกว่านั้นแม้แต่ผีเสื้อหลากสีและผึ้งที่โบยบินอยู่รอบๆ ล้วนมีพิษร้ายแรง ซูจิ่นซีเพิ่งเข้ามาที่นี่ ระบบถอนพิษก็ดัง ‘บี๊บบี๊บบี๊บ’ ไม่หยุด

แม้นางจะรำคาญกับเสียงนั้น ทว่าเพื่อความปลอดภัย ซูจิ่นซีจึงยังไม่ปิดระบบถอนพิษ

โชคดีที่ก่อนหน้านั้นพวกเขาไม่ได้บุกเข้ามาในหุบเขาร้อยบุปผา หากไม่เดินตามทางที่ชายชรานำทางเข้ามา สำหรับที่ที่มีพิษร้ายอยู่ทั่วทุกตารางนิ้วเช่นนี้ พวกเขาต้องเสียเปรียบอย่างแน่นอน

สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน

สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน

Status: Ongoing
อ่านนิยายเรื่อง สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน สามพันปีก่อนที่แผ่นดินเทียนเหอจะได้รับการจดบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์ สกุลซู ตระกูลแพทย์ที่เก่าแก่และร่ำรวยแห่งแคว้นจงหนิง ภายในห้องที่รกร้างทรุดโทรมห้องหนึ่ง บุตรสาวคนที่เจ็ด ‘ซูจิ่นซี’ เสื้อผ้าขาดลุ่ย ร่างกายเต็มไปด้วยบาดแผลถูกมัดติดกับเสา ข้างกายคือสาวงามนางหนึ่ง นางสวมอาภรณ์หรูหรา ในมือถือกริชค่อยๆ เฉือนลงบนร่างกายของซูจิ่นซี “ไอ้โง่ เจ้ายังไม่ยอมอ้าปากพูดอีกหรือ หยกกิเลนอยู่ที่ใด” ร่างของซูจิ่นซีสั่นสะท้านด้วยความเจ็บปวด ทว่าปากก็ยังถูกปิดสนิทให้ไม่สามารถพูดได้แม้แต่คำเดียว ดวงตาสีเข้มมืดมนคลอด้วยหยาดน้ำตา ส่งสายตาวิงวอนต่อสาวงามนางนั้น หญิงสาวยิ้มมุมปากอย่างพอใจแล้วดึงผ้าที่อุดปากซูจิ่นซีออก สาวงามตะโกนอย่างเกรี้ยวกราด “พูด! ” แต่นางกลับคาดไม่ถึงว่าซูจิ่นซีจะร้องไห้ส่งเสียงดังสนั่นราวกับเด็กน้อยขึ้นมา “พี่หญิงเป็นคนหลอกลวง ฮือ…ฮือฮือ…บอกว่าจะให้ข้ากินปลา ท่านพี่หลอกข้า ฮือฮือ ลวี่หลี… ข้าเจ็บเหลือเกิน! ลวี่หลี…ฮือฮือฮือ…ข้าเลือดไหล ลวี่หลี…” ดวงตาส่องประกายของสาวงามหม่นแสงลงทันที กริชในมือยกขึ้นจ่อคอของซูจิ่นซีอย่างไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อย “หุบปาก! หากยังตะโกนอีก ข้าจะฆ่าเจ้าเสียตอนนี้! ” ซูจิ่นซีหวาดกลัวเสียจนหยุดส่งเสียงร้องไห้ในทันใด อีกทั้งยังมองสาวงามด้วยแววตาขยาด ทว่าในขณะที่ดวงตาอันสับสนของซูจิ่นซีมองทะลุผ่านสาวงามไปยังบุรุษผู้มีรังสีมืดมนบนเก้าอี้ไม้จันทน์สีแดงแปดเหลี่ยมข้างหลังนาง ซูจิ่นซีก็รู้สึกกระสับกระส่ายขึ้นมา

Comment

Options

not work with dark mode
Reset