“เข้าพิธีได้แล้ว! เข้าพิธีได้แล้ว! ”
เหล่าสตรีที่อยู่ด้านหลังฮูหยินเตี๋ยเมิ่งต่างเดินมาข้างหน้า และควบคุมตัวจอมวายร้ายไป๋เฉ่าไว้
ใบหน้าที่งดงามภายใต้ม่านลูกปัดของฮูหยินเตี๋ยเมิ่งแสดงความเขินอายอยู่เล็กน้อย นางเข้ามายืนด้านข้างจอมวายร้ายไป๋เฉ่า
“คำนับหนึ่ง ไหว้ฟ้าดิน! ”
“คำนับสอง ไหว้บิดามารดา! ”
“สามีภรรยาคำนับกัน! ”
“ส่งบ่าวสาวเข้าห้องหอ! ”
จอมวายร้ายไป๋เฉ่าถูกสกัดจุดไว้ ทั้งหมดเป็นการถูกควบคุม อีกทั้งฮูหยินเตี๋ยเมิ่งก็ได้ดำเนินการขั้นตอนพิธีทั้งหมดเสร็จสิ้นแล้ว
แม้ว่าจอมวายร้ายไป๋เฉ่าจะสวมหน้ากาก ไม่มีใครเห็นอารมณ์บนใบหน้าของเขาภายใต้หน้ากากที่เย็นชา ทว่าผู้ใดก็มองออกว่าเขาไม่เต็มใจอย่างมาก
ทว่าขณะที่จอมวายร้ายไป๋เฉ่ากำลังจะถูกบังคับส่งตัวเข้าห้องหอนั้น จุดสกัดบนร่างเขา จู่ๆ ก็คลายออก สตรีหลายนางที่ควบคุมอยู่ข้างกายเขาทั้งหมดล้วนถูกกำลังภายในของเขาสะบัดจนลอยกระเด็นออกไป
“ไร้สาระ ไร้สาระ! นี่มันเรื่องไร้สาระทั้งสิ้น! ” จอมวายร้ายไป๋เฉ่าพูดพลางฉีกเสื้อผ้าบนร่างของตน และเดินออกไปนอกประตู
ฮูหยินเตี๋ยเมิ่งรีบวิ่งมาด้านหน้าของจอมวายร้ายไป๋เฉ่า นางกางมือทั้งสองขวางทางเขา “พี่เป่าอวี้ พวกเราเข้าพิธีคำนับฟ้าดินกันแล้ว! ข้าเป็นของท่านแล้ว ท่านไม่อาจทำเป็นไม่สนใจข้า! ”
“ถอยไป! ” จอมวายร้ายไป๋เฉ่าผลักฮูหยินเตี๋ยเมิ่ง “ใครเข้าพิธีคำนับฟ้าดินกับเจ้า? ข้ายินยอมแล้วหรือ? เจ้าได้รับความยินยอมจากข้าแล้วหรือ? ข้าจะขอย้ำอีกครั้ง ข้าชื่ออู๋จุน ไม่ได้ชื่อถังเป่าอวี้! ”
จอมวายร้ายไป๋เฉ่ากำลังจะจากไป ทว่าฮูหยินเตี๋ยเมิ่งยังคงพยายามขัดขวางเขาอีกครั้ง “ฟ้าเป็นพยาน ดินเป็นสื่อกลาง วันนี้ข้าถังเสวี่ยเป็นคนของเจ้า… ถังเป่าอวี้แล้ว หากเจ้ากล้าทิ้งข้าไป ข้าจะตัดไอ้นั่นของเจ้าเสีย! ”
นางพูดพลางหยิบมีดพกออกมาเล่มหนึ่ง และยกขึ้นจ่อติดกับส่วนสำคัญของจอมวายร้ายไป๋เฉ่า
ซูจิ่นซีตกตะลึงขึ้นมาในทันที นางเพิ่งจะเข้าใจ มิน่าถึงรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ ที่แท้ผู้ที่อยู่ตรงหน้านี้ไม่ใช่ฮูหยินเตี๋ยเมิ่ง
ซูจิ่นซีอดไม่ได้ที่จะหันไปมองเยี่ยโยวเหยา คิดไม่ถึงว่าใบหน้าของเยี่ยโยวเหยาจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงสักนิด
“เยี่ยโยวเหยา ท่านดูออกตั้งแต่แรกว่าฮูหยินเตี๋ยเมิ่งเป็นตัวปลอมใช่หรือไม่? ”
เยี่ยโยวเหยาหันไปมองซูจิ่นซี เขาไม่ได้ปฏิเสธอันใด
นั่นคือการยอมรับใช่หรือไม่?
ซูจิ่นซีรู้สึกถึงความล้มเหลวบางอย่าง บุรุษผู้นี้ดูออกแต่แรกแล้ว ทว่าไม่ยอมบอกนาง
“ในเมื่อท่านดูออกแต่แรกแล้ว เหตุใดยังไปช่วยนางจับตัวจอมวายร้ายไป๋เฉ่าอีก? ”
“สตรีผู้นี้อุปนิสัยไร้เดียงสา นางรักษาคำพูดมากกว่าฮูหยินเตี๋ยเมิ่ง” เยี่ยโยวเหยาตอบกลับแผ่วเบา
นั่นก็ใช่!
ซูจิ่นซีมองท่าทางของถังเสวี่ย นางช่างไร้เดียงสาเสียจริง ทั้งยังตรงไปตรงมา คนเช่นนี้ย่อมไม่มีเล่ห์เหลี่ยมใดๆ ในความคิดมากนัก
ตามความหมายของนาง สิ่งของที่พวกเขาต้องการนับว่าเป็นเรื่องง่ายแล้ว
ทว่าไม่มีใครคาดคิด ในเวลาเดียวกัน ฮูหยินเตี๋ยเมิ่งก็กลับมาจริงๆ
“ถังเป่าอวี้ ช่างใจกล้ายิ่งนัก ใครอนุญาตให้เจ้าเข้ามาในหุบเขาร้อยบุปผาของข้า! ”
ในขณะที่จอมวายร้ายไป๋เฉ่ากับถังเสวี่ยโต้เถียงกันอย่างไม่มีผู้ใดลดราวาศอก ทันใดนั้นด้านนอกก็มีเสียงของสตรีนางหนึ่งดังขึ้น เสียงนั้นดังกังวานทรงพลัง ทำให้หุบเขาร้อยบุปผาที่กว้างใหญ่เกิดเสียงสะท้อนไปมาจำนวนมาก ฟังดูก็รู้ว่าใช้พลังภายในเปล่งเสียงออกมา
ทันทีที่สิ้นเสียงนั้น ฮูหยินผู้มีราศีสง่างามท่านหนึ่งก็ลอยลงมาอยู่ด้านหน้าของเรือนโบตั๋น
ในที่สุดฮูหยินเตี๋ยเมิ่งตัวจริงก็ปรากฏตัวแล้ว
ซูจิ่นซีมองไป ดวงตาทั้งสองอดแสดงความประหลาดใจออกมาไม่ได้
หากดูตามอายุของนางคงประมาณสี่สิบปีเศษ ทว่าบนใบหน้ากลับไม่มีรอยย่นแม้แต่น้อย ดูแล้วเหมือนคนที่เพิ่งจะอายุยี่สิบหมาดๆ
บุคลิกสง่างามดั่งดอกโบตั๋น ราชินีแห่งมวลบุปผา งดงามไร้ผู้ใดเปรียบ นางสวมอาภรณ์ลายห่านสีเหลืองบินล้อควันไฟสีฟ้า ท่วงท่าสง่างามว่องไวอยู่ในที เสื้อคลุมแขนยาวพลิ้วไหว ท่ามกลางภูเขาที่กว้างใหญ่ไพศาล นางเร้นกายอยู่ในหุบเขาที่เต็มไปด้วยดอกไม้นานาพรรณสีสันสดใส ราวกับบุปผาแห่งแดนเซียนที่ปรากฏในบทกวี
“ท่าน… ท่านแม่… ”
ถังเสวี่ยไม่คาดคิดว่าฮูหยินเตี๋ยเมิ่งจะกลับมาในเวลานี้ ใบหน้าของนางเผยให้เห็นถึงความตื่นตระหนก ทว่านางยังเดินเข้าไปหาอย่างกล้าหาญ พลางคล้องแขนฮูหยินเตี๋ยเมิ่งและพูดว่า “ท่านแม่ ข้ากับพี่เป่าอวี้ทำพิธีไหว้ฟ้าดินกันแล้ว ท่านไม่ยอมรับไม่ได้แล้ว”
ฮูหยินเตี๋ยเมิ่งไม่ได้สนใจถังเสวี่ย นางเดินตรงเข้าไปในเรือนโบตั๋นและออกคำสั่งกับนางรับใช้ที่ตามมาด้านหลังว่า “หักขาทั้งสองของบุรุษผู้นี้ ข้าจะนำไปทำปุ๋ยเลี้ยงดอกโบตั๋นสองกระถางในห้องของข้า”
สตรีทั้งสองนางที่ตามมากับฮูหยินเตี๋ยเมิ่งชักกระบี่ยาวคู่กายออกมา พวกนางมองจอมวายร้ายไป๋เฉ่าด้วยใบหน้าขึงขัง
แม้ว่าวรยุทธ์ของจอมวายร้ายไป๋เฉ่านั้นไม่เลว ทว่าเมื่อมองดูสตรีทั้งสองนาง ภายในแววตาของเขาก็ปรากฏความหวาดกลัวอยู่บ้าง
“นางรับใช้สองคนนั้นร้ายกาจหรือไม่? ” ซูจิ่นซีกระซิบถามเยี่ยโยวเหยา
“วรยุทธ์ไม่ด้อย! ”
มีเพียงไม่กี่คนที่ทำให้เยี่ยโยวเหยายอมรับว่ามีวรยุทธ์ไม่ด้อย ในเมื่อเขาพูดเช่นนั้น วรยุทธ์ของทั้งสองนางต้องดีมากจริงๆ
“ท่านแม่ ไม่ได้!”
ในขณะที่จอมวายร้ายไป๋เฉ่ากับสตรีทั้งสองกำลังจะประมือกัน ถังเสวี่ยที่อยู่ในชุดแต่งงานสีแดงก็ยืนขวางอยู่ด้านหน้านางกางแขนทั้งสองปกป้องจอมวายร้ายไป๋เฉ่า “ข้าตั้งครรภ์กับพี่เป่าอวี้แล้ว ท่านมิอาจทำให้พ่อของหลานท่านต้องเป็นคนพิการ! ”
“ว่าอย่างไรนะ? ”
ใบหน้าของฮูหยินเตี๋ยเมิ่งตกตะลึงสุดขีด
ถังเสวี่ยเงยหน้าขึ้นมองโดยไม่เกรงกลัว พลางพูดซ้ำอีกครั้ง “ท่านแม่ ข้าพูดว่าข้าตั้งครรภ์กับพี่เป่าอวี้แล้ว! ”
ภายใต้หน้ากากที่เยือกเย็นของจอมวายร้ายไป๋เฉ่า นัยน์ตาเรียวยาวมีเสน่ห์คู่นั้นมองถังเสวี่ยด้วยสายตาประหลาดใจ
“ใครก็ได้มานี่! ฆ่าชายชั่วผู้นี้ให้ข้า! ” ฮูหยินเตี๋ยเมิ่งชี้หน้าจอมวายร้ายไป๋เฉ่า
ทันใดนั้น ข้างนอกพลันปรากฏร่างของสตรีสิบกว่านาง พวกนางสวมชุดเหมือนกับสตรีสองนางก่อนหน้านี้ สายตาของแต่ละคนช่างเย็นชา ต่างถือดาบยาวมุ่งหมายสังหารจอมวายร้ายไป๋เฉ่า
“ฉิบหายแล้ว! ”
จอมวายร้ายไป๋เฉ่าสบถด่า
ถังเสวี่ยตื่นตระหนกจนทำอันใดไม่ถูก นางร้อนใจจนแทบร่ำไห้ พลางผลักจอมวายร้ายไป๋เฉ่า “พี่เป่าอวี้ พี่รีบหนีไป! รีบหนีไป! เสี่ยวเสวี่ยเป็นคนทำร้ายท่าน! ”
“ยังยืนอึ้งทำอันใด? ” ฮูหยินเตี๋ยเมิ่งออกคำสั่งอีกครั้งด้วยน้ำเสียงเย็นชา
สตรีสิบกว่านางที่ถือกระบี่อยู่ด้านนอกไม่ลังเลอีก พวกนางพุ่งเข้าโจมตีจอมวายร้ายไป๋เฉ่าทันที ไม่นานหลังจากนั้น จอมวายร้ายไป๋เฉ่ากับพวกนางก็ปะทะฝีมือกันอลหม่าน
ซูจิ่นซีกับเยี่ยโยวเหยาที่ยืนอยู่ด้านข้างต่างนิ่งเงียบไม่พูดอันใด
จากอุปนิสัยของฮูหยินเตี๋ยเมิ่งและความร้ายกาจของบุตรสาวถังเสวี่ย คาดว่าข้อตกลงก่อนหน้านี้ระหว่างพวกเขากับถังเสวี่ยที่ปลอมตัวเป็นฮูหยินเตี๋ยเมิ่งคงเกิดการเปลี่ยนแปลง ซูจิ่นซีกำลังครุ่นคิดว่า อีกสักครู่พวกเขาควรใช้วิธีใดจึงจะได้ในสิ่งที่ตนเองต้องการ
ทว่าเยี่ยโยวเหยากลับมองไปด้านนอก เฝ้าสังเกตกระบวนการต่อสู้ระหว่างจอมวายร้ายไป๋เฉ่ากับสตรีสิบกว่านางอย่างละเอียด
พวกนางคงเป็นมือสังหารที่ฮูหยินเตี๋ยเมิ่งฝึกฝนมาเป็นพิเศษ แต่ละกระบวนท่าล้วนแปลกประหลาดและน่ากลัว อีกทั้งยังใช้อาวุธลับได้ทุกเวลา ขณะที่ออกกระบวนท่าก็ไม่ไร้แบบแผน ทว่าเป็นการจัดวางยุทธวิธีอย่างเป็นระเบียบ
เยี่ยโยวเหยากำลังครุ่นคิดว่า หากอีกสักครู่ไม่สามารถขอสมุนไพรทั้งสามชนิดได้อย่างสันติวิธี เขาจะบีบบังคับเอาสมุนไพรสามชนิด หลังจากนั้นก็จะพาซูจิ่นซีบุกออกไป เขาจะมีโอกาสชนะสักเท่าใด
ถังเสวี่ยมองดูจอมวายร้ายไป๋เฉ่าต่อสู้ระยะประชิดจนมีบาดแผลทั่วทั้งร่างกาย ทั้งยังโดนอาวุธลับไปหลายจุด นางหลั่งน้ำตาด้วยความสงสาร พลางกล่าวขอร้องฮูหยินเตี๋ยเมิ่งครั้งแล้วครั้งเล่า ทว่าก็ไร้ประโยชน์ มิหนำซ้ำฮูหยินเตี๋ยเมิ่งยังออกคำสั่งให้คนนำตัวนางกลับไปห้องพัก
ในที่สุดถังเสวี่ยก็ตระหนักได้ว่า วันนี้เป็นนางเองที่ทำร้ายพี่เป่าอวี้ให้อยู่ในสภาพน่าอนาถเช่นนี้
ทันใดนั้น ถังเสวี่ยก็ดิ้นหลุดจากการควบคุมตัวของบ่าวรับใช้ทั้งสอง นางหยิบมีดพกที่ก่อนหน้าเคยใช้ข่มขู่จอมวายร้ายไป๋เฉ่า และกดไปบนคอของตน
“ท่านแม่ หากวันนี้ท่านไม่ปล่อยพี่เป่าอวี้ไป ลูกจะฆ่าตัวตายต่อหน้าท่านเดี๋ยวนี้! ”
คำพูดข่มขู่ที่เพิ่งพูดออกไป ยังไม่ทันรอให้ฮูหยินเตี๋ยเมิ่งตอบสนอง ถังเสวี่ยก็กดมีดพกในมือปาดไปที่ลำคอหนึ่งแผล เลือดสีแดงสดค่อยๆ ไหลออกมาจากลำคอขาวนวลของนาง