สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน – ตอนที่ 209 จิ่นซี เจ้าต้องมีคำตอบให้ข้า

เวลาหนึ่งกาน้ำชาเดือดผ่านไปเร็วยิ่งนัก

เยี่ยโยวเหยาโอบเอวซูจิ่นซีพลางหมุนตัวอย่างรวดเร็ว และแย่งกระบี่หนึ่งเล่มมาจากมือของสตรีนางหนึ่ง

ก่อนหน้านี้ ขณะที่จอมวายร้ายไป๋เฉ่าต่อสู้กับสตรีเหล่านี้ เยี่ยโยวเหยาได้วิเคราะห์กระบวนท่าและค่ายกลของพวกนางแล้ว ในการต่อสู้ครั้งนี้ เยี่ยโยวเหยาจึงทำลายกระบวนท่าและค่ายกลของพวกนางได้อย่างง่ายดายดั่งพลิกฝ่ามือ

เพียงครู่เดียว เหล่าสตรีผู้มีวรยุทธ์สูงส่งหลายคนก็ล้มลงไปกว่าครึ่ง

ฮูหยินเตี๋ยเมิ่งถูกพิษจึงไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องเข้าไปขัดขวาง นางทำได้เพียงมองดูองครักษ์หญิงแต่ละคนที่ตนฝึกฝนมาอย่างดี ล้วนได้รับบาดเจ็บจากน้ำมือของเยี่ยโยวเหยา ฮูหยินเตี๋ยเมิ่งทุกข์ใจจนดวงตาทั้งคู่เริ่มแดงก่ำมีเลือดซึมออกมา

ทว่านางยังคงปากแข็งพูดว่า “เยี่ยโยวเหยา แม้เจ้าจะฆ่าพวกนางตายทั้งหมด สมุนไพรทั้งสามชนิดไม่มีก็คือไม่มี”

ยโสยิ่งนัก!

ซูจิ่นซียิ้มเย็นชา “ฮูหยินเตี๋ยเมิ่งใจแข็งยิ่งนัก อุปนิสัยแปลกประหลาดเหมือนที่ร่ำลือจริงๆ ทว่าจะมีประโยชน์อันใด? รอให้สมุนของเจ้าตายหมด หุบเขาร้อยบุปผาของเจ้าคงหายสาบสูญไปจากอาณาจักรเทียนเหอแล้ว ลองชั่งหนักเบาดูเถิดว่าสิ่งใดสำคัญกว่า ฮูหยินคงประเมินไม่ออก ทว่าข้ามองว่าฮูหยินคงจะเหลือเพียงแค่เปลือกนอกเท่านั้น”

“เจ้า… ” ฮูหยินเตี๋ยเมิ่งเดือดดาลจนแทบกระอักเลือด

“หยุดมือ! ” จู่ๆ เสียงของถังเสวี่ยก็ดังขึ้นจากระยะไกล

ซูจิ่นซีที่อยู่ในอ้อมกอดของเยี่ยโยวเหยารีบหันศีรษะไปมอง ที่ลานทางเดินหน้าเรือนโบตั๋น ซูจิ่นซีเห็นถังเสวี่ยกำลังวิ่งมาหาพวกเขาอย่างรวดเร็ว ในมือของนางมีห่อสัมภาระขนาดใหญ่

เด็กคนนี้คิดจะทำอันใด?

“เยี่ยโยวเหยา รีบจับตัวถังเสวี่ยไว้! ” ซูจิ่นซีพูดขึ้น

บางทีการใช้วิธีอื่นข่มขู่ฮูหยินเตี๋ยเมิ่งอาจไม่ได้ผล ทว่าซูจิ่นซีไม่เชื่อว่าฮูหยินเตี๋ยเมิ่งจะไม่สนใจแม้กระทั่งชีวิตของถังเสวี่ย

สิ้นเสียงซูจิ่นซี เยี่ยโยวเหยาก็จัดการเหล่าสตรีที่อยู่ตรงหน้าอย่างคล่องแคล่ว และพาซูจิ่นซีเหินไปด้านหน้าของถังเสวี่ย

เยี่ยโยวเหยาและซูจิ่นซียังมิได้ทำอันใด ถังเสวี่ยก็รีบแกว่งห่อสัมภาระในมือพลางพูดว่า “เยี่ยโยวเหยา ซูจิ่นซี ในมือของข้ามีสมุนไพรสามชนิดที่พวกเจ้าต้องการ ขอเพียงพวกเจ้าพาข้าออกจากหุบเขา ข้าจะมอบสิ่งของเหล่านี้ให้กับพวกท่านทั้งหมด”

ขณะที่ซูจิ่นซีเข้าไปใกล้ ระบบถอนพิษของนางได้ตรวจสอบออกมาแล้ว มันเป็นใบชีเย่ ซงหมา และหญ้าเถาเซียน สมุนไพรทั้งสามชนิดจริงๆ ทั้งยังมีสมุนไพรชนิดอื่นอีก

เยี่ยโยวเหยามองหน้าซูจิ่นซี ซูจิ่นซีพยักหน้ายืนยัน

“เสวี่ยเอ๋อร์ เจ้ากล้ามากนะ แอบเข้าไปขโมยสมุนไพรในห้องลับของแม่ แม่คงตามใจเจ้ามากเกินไปจนเจ้าไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงแล้ว ใครก็ได้มานี่ ยังไม่รีบจับตัวคุณหนูอีก! ” ฮูหยินเตี๋ยเมิ่งพูดตำหนิ

“เจ้าค่ะ! ”

แม้ว่าหญิงสาวที่ถือกระบี่ในมือจะเกรงกลัววรยุทธ์ของเยี่ยโยวเหยา ทว่าเมื่อพวกนางได้ยินฮูหยินเตี๋ยเมิ่งสั่ง ก็จำเป็นต้องพุ่งเข้าโจมตีเยี่ยโยวเหยาและซูจิ่นซีด้วยท่าทีดุดัน

มีสมุนไพรอยู่ในมือแล้ว เยี่ยโยวเหยาและซูจิ่นซีจะอยู่ที่นี่ให้เสียเวลาเพื่ออันใด?

พวกเขาสบตาอย่างเข้าใจกันอีกครั้ง

เยี่ยโยวเหยาสะบัดมืออย่างรุนแรง เขาปากระบี่ยาวในมือซัดไปด้านหน้าฮูหยินเตี๋ยเมิ่งด้วยใบหน้าเย็นชา จากนั้นก็ใช้มือข้างหนึ่งโอบเอวของซูจิ่นซี มืออีกข้างหิ้วถังเสวี่ย และกระโดดเหินขึ้น ข้ามผ่านทุกคนออกจากหุบเขาร้อยบุปผาไปในทันที

องครักษ์สตรีที่ถือดาบยาวอยู่บนพื้น วิชาตัวเบาของพวกนางก็ไม่ด้อยเช่นกัน พวกนางกระโดดเหาะไล่ตามเยี่ยโยวเหยากับซูจิ่นซีไป ในมือของซูจิ่นซีปรากฏเข็มเงินสองเล่ม นางเล็งไปยังเหล่าองครักษ์สตรี มือของเยี่ยโยวเหยาที่กำลังโอบเอวซูจิ่นซีไว้ ทันใดนั้นก็ได้ถ่ายโอนพลังเคลื่อนเข้าสู่ร่างของซูจิ่นซี ส่งผ่านไปยังมือทั้งสองของนาง เข็มเงินในมือจึงพุ่งออกไปอย่างรวดเร็ว และแทงเข้าไปบนร่างขององครักษ์สตรีได้อย่างแม่นยำ

ช่างเป็นการร่วมมือสอดประสานที่สมบูรณ์แบบงดงามยิ่งนัก

สามีภรรยาใจเป็นหนึ่งเดียว พลังแข็งแกร่งมาก

เมื่อซูจิ่นซีพบว่าพวกเขาสามารถออกจากหุบเขาร้อยบุปผาได้อย่างปลอดภัยและไม่มีใครไล่ตามมา จึงถอนหายใจด้วยความโล่งอก

แววตาของเยี่ยโยวเหยาส่องประกายลึกซึ้ง เขามองใบหน้างดงามของซูจิ่นซีพลางยกยิ้มมุมปากอย่างพึงพอใจ

กระทั่งออกมาไกลจากหุบเขาร้อยบุปผาพอสมควร เมื่อถึงตำแหน่งที่จอดรถม้าของพวกเขา เยี่ยโยวเหยาก็ร่อนลงพื้น เขาค่อยๆ ประคองซูจิ่นซีให้ยืนบนพื้นอย่างนุ่มนวล และโยนถังเสวี่ยไปอีกทาง

ร่างของถังเสวี่ยถูกโยนไปไกลมาก หากหลังของนางมิได้ชนเข้ากับต้นไม้ นางคงตกลงบนพื้นจนได้รับอันตราย

ทว่าด้านหลังของนางก็ถูกกระแทกไม่เบาเช่นกัน

ถังเสวี่ยชี้หน้าเยี่ยโยวเหยา “เจ้านี่มันอย่างไรกัน? ข้ามอบยาให้กับพวกเจ้า เหตุใดเจ้ายังทำกับข้าอย่างรุนแรงเช่นนี้! ”

ความจริงเยี่ยโยวเหยาไม่ได้ใจร้ายกับถังเสวี่ย ทว่าเขามีนิสัยไม่ชอบใกล้ชิดอิสตรี เขาจะรู้สึกรังเกียจหากเข้าใกล้สตรีอื่นที่ไม่ใช่ซูจิ่นซี

“ส่งสมุนไพรมาเดี๋ยวนี้! ”เยี่ยโยวเหยาพูดเสียงเย็นชา

ถังเสวี่ยบ่นพึมพำอย่างไร้เดียงสา “ฮึ ต่อให้ต้องมอบให้ ข้าก็ไม่มอบให้เจ้า! ” พูดจบ นางก็ยื่นห่อสัมภาระยัดใส่มือของซูจิ่นซี “นี่ ให้เจ้า! ”

ซูจิ่นซีรู้สึกว่านิสัยของถังเสวี่ยช่างบริสุทธิ์ไร้เดียงสา นางชื่นชอบสตรีที่จริงใจและเปิดเผยเช่นนี้

ซูจิ่นซีแย้มยิ้มอย่างดีใจ และพูดว่า “ขอบใจมาก แม่นางถังเสวี่ย! ”

ถังเสวี่ยโบกไม้โบกมือ “ไม่ต้องขอบใจ! เดิมทีเป็นข้าที่ตอบตกลงกับพวกท่าน ขอเพียงพวกท่านจับพี่เป่าอวี้มาได้ ข้าก็จะมอบสมุนไพรสามชนิดนี้ให้ อีกทั้งท่านแม่ของข้ายังทำให้พวกท่านลำบากใจ ในใจข้านึกเสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นจริงๆ ทว่า… ในห่อสัมภาระนี้ ข้าได้ให้สมุนไพรเพิ่มไปอีกหลายชนิด ล้วนเป็นของล้ำค่าหายากทั้งสิ้น ถือเสียว่าชดเชยให้กับพวกท่าน! พวกเราไม่ติดค้างกันแล้ว! ”

ซูจิ่นซียิ้มมุมปากด้วยความดีใจยิ่งขึ้นไปอีก

ถังเสวี่ยผลักซูจิ่นซีไปทางรถม้า “พอแล้ว พอแล้ว! ไม่พูดแล้ว พวกท่านรีบไปเถิด! ข้าจะไปหาพี่เป่าอวี้ หากชักช้า ท่านแม่ของข้าตามมาทัน ถึงเวลานั้นข้าก็คงถูกจับกลับไปอีก”

พูดจบ ไม่รอให้ซูจิ่นซีพูดอันใด ถังเสวี่ยก็หันหลังวิ่งออกไปทันที

ซูจิ่นซีมองด้านหลังของถังเสวี่ยพลางส่ายศีรษะอย่างจำใจ จากนั้นก็เดินไปขึ้นรถม้า

เยี่ยโยวเหยารออยู่บนรถม้าแล้ว เขาสั่งให้สารถีออกรถทันที

ซูจิ่นซีเปิดห่อสัมภาระ แม้การตรวจสอบของระบบถอนพิษทำให้นางทราบอยู่แล้วว่าในห่อสัมภาระนั้นมีสมุนไพรอันใดบ้าง ทว่าเมื่อได้เห็นกับตาตนเอง นางก็ยังรู้สึกตกตะลึง

สมุนไพรที่เกินมานั้นมีมากกว่าสิบชนิด แต่ละชนิดยังมีจำนวนหลายต้น บางชนิดมีถึงสิบกว่าต้น

สมุนไพรเหล่านี้หายากและล้ำค่ายิ่งกว่าสมุนไพรสามชนิดที่พวกเขาตามหามากนัก

“ถังเสวี่ย แม่หนูคนนี้เป็นคนจริงใจที่เชื่อถือได้ หากมีโอกาสเป็นเพื่อนกันได้ก็คงดี”

เยี่ยโยวเหยาไม่เข้าใจเรื่องสมุนไพร และยิ่งไม่รู้สึกสนใจถังเสวี่ย

“สมุนไพรเหล่านี้ให้องครักษ์เงานำกลับไปเมืองตี้จิง ข้าจะพาเจ้าไปสถานที่แห่งหนึ่ง”

“ที่แห่งใดหรือ? ”

เมื่อซูจิ่นซีเอ่ยปากถาม นางก็รู้ว่าคำถามที่ตนถามไปนั้นจะไม่ได้รับคำตอบใดๆ สิ่งที่เยี่ยโยวเหยาไม่ต้องการพูด ไม่ว่านางจะทำอย่างไรก็ไม่สามารถเปิดปากเขาได้

ซูจิ่นซีหยิบสมุนไพรล้ำค่าที่เหลือทั้งหมดห่อรวมกัน และเขียนจดหมายขึ้นมาสามฉบับ จากนั้นจึงมอบให้องครักษ์เงานำไปพร้อมกับสมุนไพรทั้งสามชนิดนั้น

ฉบับหนึ่งให้อวิ๋นจิ่น นางอธิบายสิ่งที่ต้องระวังในการใช้สมุนไพรแต่ละขั้นตอน

อีกฉบับหนึ่งมอบให้ฮ่องเต้ นางเสนอเงื่อนไข นำสมุนไพรหลายชนิดที่เหลือเก็บในหอโอสถสกุลซูแลกเปลี่ยนกับราชโองการยกเลิกคำสั่งห้ามเปิดหอโอสถทั้งเจ็ดแห่งของสกุลซูในเมืองตี้จิง มิฉะนั้น หญ้าสักต้น นางก็จะไม่ให้

ยังมีอีกฉบับหนึ่งมอบให้ซูอวี้ นางบอกให้เขาปกป้องคุ้มครองหอโอสถสกุลซูไว้ให้ดี หากสกุลซูยังไม่ได้รับราชโองการยกเลิกคำสั่งห้ามเปิดหอโอสถทั้งเจ็ดแห่งของสกุลซู ก็ห้ามผู้ใดเข้าไป นกสักตัวก็เข้าไม่ได้

เมื่อจัดการเรื่องทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว ซูจิ่นซีก็พิงผนังรถม้าและถอนหายใจยาวด้วยท่าทีโล่งใจ

เยี่ยโยวเหยาก็จัดการจดหมายฉบับสุดท้ายที่ส่งมาในวันนี้เสร็จแล้วเช่นกัน

“ซูจิ่นซี เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในป่าหมอกพิษก่อนหน้านี้ เจ้าควรอธิบายให้ข้าฟังไม่ใช่หรือ? ”

ซูจิ่นซีสะดุ้งตกใจทันที เดิมทีนางนั่งเอนหลังด้วยท่าทางอ่อนแรงเกียจคร้าน ทว่า จู่ๆ ก็กลับลุกขึ้นนั่งขัดสมาธิตัวตรง

สิ่งที่เยี่ยโยวเหยาถามคือ การนำยาออกมาจากระบบถอนพิษ

นางควรพูดอย่างไรดี?

ควรอธิบายอย่างไรดี?

นี่เป็นผลิตภัณฑ์เทคโนโลยีขั้นสูงในยุคสมัยสามพันปีข้างหน้า เมื่อนำมาอยู่ในยุคสมัยนี้ อย่างไรเสียคงยากที่จะอธิบายให้เข้าใจได้ หากเกิดความผิดพลาดจนล่วงรู้ถึงชาวบ้านหรือคนทั่วไปที่มีความรู้ตื้นเขิน พวกเขาอาจคิดว่าเป็นวิชาพ่อมด หมอผีนอกรีต หรือภูตผีปีศาจ นางอาจถูกจับไปเผาทั้งเป็นได้

“ว่าอย่างไร? ”

เยี่ยโยวเหยาใบหน้าเคร่งขรึมขมวดคิ้วเล็กน้อย ส่งสายตาเย็นชากดดันซูจิ่นซี

สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน

สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน

Status: Ongoing
อ่านนิยายเรื่อง สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน สามพันปีก่อนที่แผ่นดินเทียนเหอจะได้รับการจดบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์ สกุลซู ตระกูลแพทย์ที่เก่าแก่และร่ำรวยแห่งแคว้นจงหนิง ภายในห้องที่รกร้างทรุดโทรมห้องหนึ่ง บุตรสาวคนที่เจ็ด ‘ซูจิ่นซี’ เสื้อผ้าขาดลุ่ย ร่างกายเต็มไปด้วยบาดแผลถูกมัดติดกับเสา ข้างกายคือสาวงามนางหนึ่ง นางสวมอาภรณ์หรูหรา ในมือถือกริชค่อยๆ เฉือนลงบนร่างกายของซูจิ่นซี “ไอ้โง่ เจ้ายังไม่ยอมอ้าปากพูดอีกหรือ หยกกิเลนอยู่ที่ใด” ร่างของซูจิ่นซีสั่นสะท้านด้วยความเจ็บปวด ทว่าปากก็ยังถูกปิดสนิทให้ไม่สามารถพูดได้แม้แต่คำเดียว ดวงตาสีเข้มมืดมนคลอด้วยหยาดน้ำตา ส่งสายตาวิงวอนต่อสาวงามนางนั้น หญิงสาวยิ้มมุมปากอย่างพอใจแล้วดึงผ้าที่อุดปากซูจิ่นซีออก สาวงามตะโกนอย่างเกรี้ยวกราด “พูด! ” แต่นางกลับคาดไม่ถึงว่าซูจิ่นซีจะร้องไห้ส่งเสียงดังสนั่นราวกับเด็กน้อยขึ้นมา “พี่หญิงเป็นคนหลอกลวง ฮือ…ฮือฮือ…บอกว่าจะให้ข้ากินปลา ท่านพี่หลอกข้า ฮือฮือ ลวี่หลี… ข้าเจ็บเหลือเกิน! ลวี่หลี…ฮือฮือฮือ…ข้าเลือดไหล ลวี่หลี…” ดวงตาส่องประกายของสาวงามหม่นแสงลงทันที กริชในมือยกขึ้นจ่อคอของซูจิ่นซีอย่างไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อย “หุบปาก! หากยังตะโกนอีก ข้าจะฆ่าเจ้าเสียตอนนี้! ” ซูจิ่นซีหวาดกลัวเสียจนหยุดส่งเสียงร้องไห้ในทันใด อีกทั้งยังมองสาวงามด้วยแววตาขยาด ทว่าในขณะที่ดวงตาอันสับสนของซูจิ่นซีมองทะลุผ่านสาวงามไปยังบุรุษผู้มีรังสีมืดมนบนเก้าอี้ไม้จันทน์สีแดงแปดเหลี่ยมข้างหลังนาง ซูจิ่นซีก็รู้สึกกระสับกระส่ายขึ้นมา

Comment

Options

not work with dark mode
Reset