สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน – ตอนที่ 218 ซูเซียนฮุ่ยกับอนุซุนหายตัวไป

“ข้าน้อยคำนับพระชายา! ”

ฮั่วซืออวี่รีบเดินเข้ามาคำนับซูจิ่นซี

“ฮั่วซืออวี่ เจ้ามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร? ” ซูจิ่นซีซ่อนแววตาประหลาดใจไว้อย่างแยบยล

ฮั่วซืออวี่ไม่ได้ตอบในทันที เขาดูเหมือนกำลังคิดว่าควรพูดกับซูจิ่นซีอย่างไรดี

ซูจิ่นซีมองอนุปี้และซูอวี้อีกครั้ง แววตาของทั้งสองคนแสดงความซับซ้อนอยู่พอสมควร

“ฮั่วซืออวี่ เจ้ายังไม่พูดออกมาอีก” ซูจิ่นซีคิดว่าต้องมีปัญหาใหญ่อันใดเกิดขึ้นเป็นแน่ นางร้อนใจจนรู้สึกขุ่นเคืองเล็กน้อย

“พระชายายังทรงจำได้หรือไม่ ก่อนหน้านี้กระหม่อมกับไท่จื่อได้รับผิดชอบตรวจสอบการวางยาพิษในค่ายทหาร? ”

เรื่องนี้ซูจิ่นซีจะลืมได้อย่างไร?

แม้ฮั่วซืออวี่จะยังไม่ได้พูดอันใด ทว่าซูจิ่นซีกลับได้กลิ่นของความไม่ชอบมาพากล นางจึงพูดหยั่งเชิง “ฮั่วซืออวี่ เจ้าต้องการกล่าวอันใด? ”

คำพูดต่อจากนี้ของฮั่วซืออวี่ ทำให้ซูจิ่นซีรู้สึกราวกับอสนีบาตฟาดลงมากลางห้อง “พระชายา กระหม่อม… กระหม่อมตรวจสอบมาแล้ว เรื่องนี้เกี่ยวพันกับจวนสกุลซู”

กระไรนะ?

เกี่ยวพันกับจวนสกุลซู?

นี่มันไม่ใช่เรื่องเล็กๆ

ในตอนนั้น ซูเมิ่งเหยาเป็นผู้หนึ่งที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการวางยาพิษฮองเฮา นางเกือบทำให้จวนสกุลซูเกิดหายนะ ถูกตัดศีรษะทั้งตระกูล เรื่องในวันนี้หนักหนาร้ายแรงกว่าเรื่องวางยาพิษฮองเฮามากนัก

โชคยังดีที่เรื่องนั้นประชาชนต่างเห็นพ้องไปทางซูจิ่นซี ทั้งฮ่องเต้ก็ต้องการได้ใจประชาชน

ทว่าเรื่องนี้ แม้พิษจะเริ่มต้นจากค่ายทหาร แต่ต่อมาได้ระบาดมายังชาวบ้านทั่วไป ชาวบ้านผู้บริสุทธิ์จำนวนมากต่างโชคร้ายถูกดึงเข้าไปเกี่ยวข้องด้วย หากเกี่ยวพันกับจวนสกุลซูจริง อย่าว่าแต่ฮ่องเต้จะทำให้เรื่องนี้กลายเป็นประเด็นเลย แม้แต่ชาวบ้านทั่วไปก็ไม่มีทางให้อภัยจวนสกุลซูอย่างแน่นอน

“ฮั่วซืออวี่ ท่านทราบหรือไม่ คำพูดของท่านมีความสำคัญเพียงใด? ” ซูจิ่นซีถามด้วยท่าทีจริงจัง

ฮั่วซืออวี่เงยศีรษะขึ้นด้วยความแน่วแน่อย่างยิ่ง และตอบคำถามด้วยใบหน้าจริงจัง “กระหม่อมทราบดี เพราะกระหม่อมรู้ถึงความสำคัญของคำพูดนี้ ทั้งยังรู้ถึงความสำคัญของเรื่องนี้ดี ดังนั้นหลังจากที่ตรวจพบเบาะแสจึงไม่ได้รายงานตรงต่อไท่จื่อ และไม่ได้พูดกับผู้ใด กระหม่อมรอจนพระชายากลับมา”

สิ่งที่ฮั่วซืออวี่พูดมา ดูไม่เหมือนเป็นเรื่องเท็จ

“ในเมื่อแม่ทัพฮั่ว… ท่านปิดบังเรื่องนี้ไว้ชั่วคราว ทั้งยังตั้งใจใช้วิธีลึกลับเช่นนี้มาที่จวนสกุลซูเพื่อบอกเรื่องนี้กับข้า ข้าพอเข้าใจได้หรือไม่ว่า แม่ทัพฮั่ว… ท่านอยู่ฝ่ายเดียวกับข้า ใช่หรือไม่? ” ซูจิ่นซีถามหยั่งเชิง

ฮั่วซืออวี่เก็บซ่อนอารมณ์อันลึกซึ้งไว้ในใจอย่างรวดเร็ว เขายกมือคำนับ พลางก้มศีรษะพูดว่า “ในวันนั้นได้รับความช่วยเหลือจากพระชายา ซืออวี่จึงรอดชีวิตมาได้ ตลอดมาซืออวี่ไม่เคยลืมบุญคุณของพระชายาที่ช่วยชีวิตไว้”

ซูจิ่นซีได้ฟังคำพูดนี้ นางเกือบแน่ใจแล้วว่าฮั่วซืออวี่มีความจริงใจที่จะช่วยเหลือนางและจวนสกุลซู

ในโลกใบนี้ไม่มีขนมเปี๊ยะที่ตกจากฟ้าลงมาบนศีรษะของเจ้าพอดี ขนมเปี๊ยะที่ตกลงมาชนกับเจ้าพอดีนั้น ล้วนมีสาเหตุทั้งสิ้น

มนุษย์ก็เป็นเช่นนี้ ไม่มีการช่วยเหลือโดยไร้สาเหตุ โดยเฉพาะในยุคสมัยที่ใจคนยากจะคาดเดา

หากฮั่วซืออวี่ไม่เอ่ยถึงบุญคุณที่เคยช่วยชีวิต ทว่าพูดถึงเรื่องอื่นหรือไม่มีเหตุผลอันใด ซูจิ่นซีคงสงสัยว่าที่ฮั่วซืออวี่ทำเช่นนี้จะต้องมีจุดประสงค์อื่นแน่นอน

“ท่านตรวจพบเบาะแสอันใด? มีพยานหลักฐานที่น่าสงสัยหรือไม่” มาถึงจุดนี้แล้ว ซูจิ่นซีจึงถามไปตามตรง

ฮั่วซืออวี่มองปี้ซื่อด้วยใบหน้าลำบากใจอยู่บ้าง

อนุปี้กลับแสดงออกอย่างนิ่งขรึม “พระชายา แม่ทัพฮั่วเพิ่งพบเบาะแสได้ไม่นาน อนุซุนที่นอนไม่ได้สติมาตลอดกับหญิงรับใช้ของนางหายตัวไป ผ่านไปไม่นาน คุณหนูใหญ่ก็หายตัวไปเช่นกัน”

อนุซุนกับหญิงรับใช้ และยังมีซูเซียนฮุ่ยอีก ทั้งหมดหายตัวไปหรือ?

เป็นไปได้อย่างไร?

ซูจิ่นซีใช้เข็มเงินฝังไว้ที่จุดฝังเข็มเพื่อให้อนุซุนกลายเป็นท่อนไม้ นอกจากนั้นเมื่อครั้งที่นางสงสัยอนุซุน นางก็ได้ตรวจสอบอย่างละเอียดแล้ว ทว่าไม่พบปัญหาอันใด

อีกทั้งขาทั้งคู่ของซูเซียนฮุ่ยยังถูกตีจนเกือบพิการ ต้องใช้เวลาสามถึงห้าเดือนจึงจะรักษาหาย พวกนางหายตัวไปได้อย่างไร?

ทว่าซูจิ่นซีเห็นว่าอนุปี้ไม่เหมือนคนพูดเท็จ

“เรือนที่พักของอนุซุนและซูเซียนฮุ่ยมีคนเข้าไปเคลื่อนย้ายอันใดหรือไม่? ”

“ตั้งแต่ที่อนุซุนกับซูเซียนฮุ่ยหายตัวไป ข้าน้อยก็ได้ออกคำสั่งปิดเรือนไม่ให้ผู้ใดเข้าไป รอจนพระชายากลับมา”

“พาข้าไปดูเดี๋ยวนี้”

อนุปี้นำซูจิ่นซีไปที่เรือนของซูเซียนฮุ่ยก่อน

ซูจิ่นซีไม่พบความผิดปกติใดๆ ทุกอย่างเหมือนกับก่อนหน้านี้ไม่มีผิดเพี้ยน

จากนั้นอนุปี้ก็พาซูจิ่นซีไปที่เรือนของอนุซุน

ก่อนหน้านี้ที่ซูจิ่นซีเพิ่งกลับมายังจวนสกุลซู ซูจิ่นซีเคยตรวจสอบเรือนของอนุซุนแล้วครั้งหนึ่ง ในตอนนั้นนางไม่พบเรื่องผิดปกติอันใด

วันนี้กลับมาอีกครั้ง เรือนอนุซุนก็ยังคงเหมือนเดิม

เมื่อซูจิ่นซีเดินเข้ามาในเรือน นางก็เปิดระบบถอนพิษทันที ทว่าระบบถอนพิษไม่ได้แจ้งว่าพบยาพิษอื่นใด

อย่างไรก็ตาม อนุซุนหายตัวไปในเวลานี้ แสดงว่าก่อนหน้านี้นางไม่ได้ถูกซูจิ่นซีใช้เข็มเงินฝังจนกลายเป็นท่อนไม้

ซูจิ่นซีไม่เข้าใจจริงๆ วิชาฝังเข็มของนางไม่น่าจะมีปัญหา อนุซุนทำได้อย่างไร?

ทันใดนั้น ซูจิ่นซีก็ย้อนนึกถึงเรื่องก่อนหน้า ตอนที่นางอยู่ที่หอสุราตู้คัง นางถูกซูเมิ่งเหยาที่ปลอมตัวเป็นซิ่งหลิวหลีหักหลัง ตอนนั้นนางได้วางยาพิษสมัยปัจจุบันกับซิ่งหลิวหลี ทว่าซิ่งหลิวหลีกลับไม่ได้ถูกพิษ

เมื่อทั้งสองคนหายตัวไปพร้อมกัน มีความเป็นไปได้เพียงอย่างเดียว

อนุซุนและซิ่งหลิวหลีเป็นพวกเดียวกัน อีกทั้งวิชาพิษของพวกเขายังร้ายกาจมาก ยิ่งไปกว่านั้นยังยอดเยี่ยมกว่าวิชาพิษในสมัยปัจจุบันอยู่บ้าง

เมื่ออนุซุนกับซิ่งหลิวหลีร้ายกาจถึงเพียงนี้ แล้วผู้ที่อยู่เบื้องหลังของพวกนางจะร้ายกาจมากเพียงใด?

“พระชายา พบอันใดหรือไม่? ” ฮั่วซืออวี่เดินตามอยู่ด้านข้างซูจิ่นซีตลอด เขาเคยตรวจสอบเรือนของซูเซียนฮุ่ยกับเรือนของอนุซุนมาแล้วครั้งหนึ่ง ทว่าไม่พบอันใดเช่นกัน

ซูจิ่นซีก็ไม่พบอันใด นางส่ายศีรษะเล็กน้อย

“ดูแล้วคงเป็นกระหม่อมที่ประมาทเกินไป ทำให้อนุซุนและซูเซียนฮุ่ยล่วงรู้และหลบหนีไปได้” ฮั่วซืออวี่ตำหนิตนเอง

“ไม่ คงเป็นอนุซุนผู้เดียว”

“เหตุใด? ” ฮั่วซืออวี่ไม่เข้าใจ

“ซูเซียนฮุ่ยไม่มีความสามารถนั้น”

ซูจิ่นซีไม่รู้ว่าเหตุใดซูเซียนฮุ่ยจึงหายตัวไปในช่วงเวลาหัวเลี้ยวหัวต่อเช่นนี้ ทว่าช่วงระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา ซูจิ่นซีเข้าใจซูเซียนฮุ่ยเป็นอย่างดี เป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอนที่นางจะเป็นผู้วางยาพิษ ทั้งนางยังไม่มีความสามารถนั้น

“ดูแล้ว หากคิดจะจับตัวคนวางยาพิษ ยังต้องใช้เวลาอีกมาก” ฮั่วซืออวี่ถอนหายใจ

ตอนที่ซูจิ่นซีกำลังเดินออกไปจากเรือนอนุซุน จู่ๆ ซูจิ่นซีก็คิดอันใดออก นางเปิดอาคมกำไลปี่อั้นทันที

แม้ระบบถอนพิษจะตรวจไม่พบยาพิษ แต่ไม่ได้หมายความว่าไม่มีเรื่องอันใดเกิดขึ้น ตอนนี้ระบบถอนพิษยังอยู่ในระดับต้น มันยังมีข้อบกพร่องอยู่บ้าง สารพิษบางอย่างที่ซ่อนไว้ในส่วนลึกจึงยากต่อการตรวจพบ

ปรากฏว่าเมื่อเปิดอาคมกำไลปี่อั้น ซูจิ่นซีก็ได้ยินเสียง ‘ซ่า ซ่า ซ่า’ ดังขึ้น เสียงนั้นไม่ดังมาก ทว่าเมื่อเปิดอาคมกำไลปี่อั้นด้วยความสามารถสูงสุด ก็เพียงพอให้นางฟังเสียงได้อย่างชัดเจน

ฮั่วซืออวี่เห็นซูจิ่นซีหยุดชะงัก ทั้งนางยังแสดงท่าทางบางอย่างที่ผิดปกติ จึงรีบถามขึ้น “พระชายา ท่านพบอันใดแล้วใช่หรือไม่? ”

ซูจิ่นซีไม่ได้กล่าวอันใด นางเดินกลับไปที่ห้องของอนุซุนอีกครั้ง สุดท้ายก็หยุดอยู่ที่กำแพงทางทิศตะวันออก

ผ่านไปครู่หนึ่ง ซูจิ่นซีก็พูดว่า “ด้านหลังกำแพงน่าจะมีเส้นทางลับหรือห้องลับ ค้นหากลไกให้ละเอียด”

ไม่เพียงแต่ฮั่วซืออวี่ ยังมีอนุปี้กับซูอวี้ที่ติดตามซูจิ่นซี พวกเขาต่างตกตะลึง

จวนสกุลซูมีห้องลับอยู่บ้าง ทว่าห้องลับเหล่านั้นล้วนมีบันทึกไว้ในห้องเก็บของสกุลซู ซูอวี้และอนุปี้ควบคุมดูแลจวนสกุลซู ขณะเดียวกันก็ล่วงรู้ข้อมูลเหล่านั้น แต่ไม่มีบันทึกว่าในเรือนของอนุซุนมีห้องลับหรือเส้นทางลับอันใด!

แม้อนุปี้กับซูอวี้จะไม่เชื่ออยู่บ้าง ทว่าพวกเขายังเชื่อในตัวซูจิ่นซีเป็นอย่างมาก พวกเขาจึงช่วยฮั่วซืออวี่ค้นหาอีกแรง ทันใดนั้นไม่รู้ว่าซูอวี้ไปขยับสิ่งของอันใด เดิมทีผนังกำแพงที่ดูสมบูรณ์กลับถูกเปิดขึ้น เส้นทางลับที่แคบและมืดสนิทพลันปรากฏต่อหน้าทุกคน

ในเส้นทางลับมีอันใด?

สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน

สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน

Status: Ongoing
อ่านนิยายเรื่อง สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน สามพันปีก่อนที่แผ่นดินเทียนเหอจะได้รับการจดบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์ สกุลซู ตระกูลแพทย์ที่เก่าแก่และร่ำรวยแห่งแคว้นจงหนิง ภายในห้องที่รกร้างทรุดโทรมห้องหนึ่ง บุตรสาวคนที่เจ็ด ‘ซูจิ่นซี’ เสื้อผ้าขาดลุ่ย ร่างกายเต็มไปด้วยบาดแผลถูกมัดติดกับเสา ข้างกายคือสาวงามนางหนึ่ง นางสวมอาภรณ์หรูหรา ในมือถือกริชค่อยๆ เฉือนลงบนร่างกายของซูจิ่นซี “ไอ้โง่ เจ้ายังไม่ยอมอ้าปากพูดอีกหรือ หยกกิเลนอยู่ที่ใด” ร่างของซูจิ่นซีสั่นสะท้านด้วยความเจ็บปวด ทว่าปากก็ยังถูกปิดสนิทให้ไม่สามารถพูดได้แม้แต่คำเดียว ดวงตาสีเข้มมืดมนคลอด้วยหยาดน้ำตา ส่งสายตาวิงวอนต่อสาวงามนางนั้น หญิงสาวยิ้มมุมปากอย่างพอใจแล้วดึงผ้าที่อุดปากซูจิ่นซีออก สาวงามตะโกนอย่างเกรี้ยวกราด “พูด! ” แต่นางกลับคาดไม่ถึงว่าซูจิ่นซีจะร้องไห้ส่งเสียงดังสนั่นราวกับเด็กน้อยขึ้นมา “พี่หญิงเป็นคนหลอกลวง ฮือ…ฮือฮือ…บอกว่าจะให้ข้ากินปลา ท่านพี่หลอกข้า ฮือฮือ ลวี่หลี… ข้าเจ็บเหลือเกิน! ลวี่หลี…ฮือฮือฮือ…ข้าเลือดไหล ลวี่หลี…” ดวงตาส่องประกายของสาวงามหม่นแสงลงทันที กริชในมือยกขึ้นจ่อคอของซูจิ่นซีอย่างไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อย “หุบปาก! หากยังตะโกนอีก ข้าจะฆ่าเจ้าเสียตอนนี้! ” ซูจิ่นซีหวาดกลัวเสียจนหยุดส่งเสียงร้องไห้ในทันใด อีกทั้งยังมองสาวงามด้วยแววตาขยาด ทว่าในขณะที่ดวงตาอันสับสนของซูจิ่นซีมองทะลุผ่านสาวงามไปยังบุรุษผู้มีรังสีมืดมนบนเก้าอี้ไม้จันทน์สีแดงแปดเหลี่ยมข้างหลังนาง ซูจิ่นซีก็รู้สึกกระสับกระส่ายขึ้นมา

Comment

Options

not work with dark mode
Reset