สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน – ตอนที่ 227 ใช้ลูกไม้ตื้นๆ ไร้ประโยชน์

จงอู่โหว!

เป็นพระสวามีของไหวหยางจวิ้นจู่

ฉินเทียนและคนที่อยู่ในเหตุการณ์ทั้งหมดต่างรู้สึกแปลกใจ แม้แต่ซูอวี้ก็ตกใจไม่น้อยเช่นกัน

ทว่าซูจิ่นซีกลับมีใบหน้าสับสน

นางไม่รู้จักจงอู่โหว!

เจ้าของร่างเดิมไม่รู้จัก วิญญาณต่างโลกที่ทะลุมิติมายิ่งไม่รู้จัก

เมื่อจงอู่โหวซึ่งก็คือทูตซ้ายชุดดำมองใบหน้าซูจิ่นซีและทุกคน เขาก็เฉลียวใจ ที่แท้พวกเขาไม่รู้ว่าตนคือทูตซ้ายชุดดำแห่งสำนักห้าพิษของไหวเจียง นี่คือกับดักที่ซูจิ่นซีเป็นคนวางไว้ เขาตกหลุมพรางเสียแล้ว

“ซูจิ่นซี เจ้าช่างเลวทรามยิ่งนัก! ” จงอู่โหวขบเคี้ยวฟันสบถด่า

เวลานี้ ซูอวี้ที่ยืนอยู่ข้างกายซูจิ่นซีกระซิบบอกนางว่าบุคคลที่อยู่ตรงหน้าคือผู้ใด

ซูจิ่นซียกยิ้มมุมปากด้วยความเย็นชา ทั้งยังแฝงความประหลาดใจเล็กน้อย “เช่นกัน เช่นกัน! จงอู่โหวเป็นผู้อาวุโส เล่ห์กลเล็กน้อยของข้า หากเทียบกับแผนซ่อนตัวมาหลายปีในแคว้นจงหนิงของท่าน… ข้าอับอายยิ่งกว่า”

ทันใดนั้นซูจิ่นซีพลันนึกถึงเว่ยเหม่ยเจียที่แต่งงานกับบุตรชายของจงอู่โหว…ฮั่วปี้ ทั้งยังมีไหวหยางจวิ้นจู่ที่เย่อหยิ่งจองหอง วันนี้สถานะที่แท้จริงของจงอู่โหวถูกเปิดเผย สำหรับนางแล้วเป็นเรื่องที่มีผลกระทบไม่น้อย

ทว่าซูจิ่นซีต้องการมอบตัวจงอู่โหวให้กับคนอีกผู้หนึ่ง

“องครักษ์ คุมตัวจงอู่โหวไปให้เยี่ยโยวเหยาที่จวนโยวอ๋อง! ”

สายลับจากไหวเจียง เรื่องนี้ล้วนเป็นความรับผิดชอบของเยี่ยโยวเหยา เรื่องที่จะจัดการกับจงอู่โหวเช่นไรนั้น คงต้องให้เยี่ยโยวเหยาเป็นผู้ตัดสินใจ

ทันใดนั้นองครักษ์ก็เข้ามาคุมตัวชายชุดดำอีกคนหนึ่งและมัดรวมกับจงอู่โหว

“ฮ่าฮ่าฮ่า! พระชายาโยวอ๋อง เจ้ามันเจ้าเล่ห์เสียจริง วันนี้ข้าอยู่ในเงื้อมมือของเจ้าแล้ว แม้ในใจจะไม่ยินยอม ทว่ายังต้องชื่นชมเจ้า! ”

ความจริงแล้ว ตอนนี้ซูจิ่นซีสามารถคุมตัวจงอู่โหวเข้าพระราชวังได้ทันที เพื่อรับการปูนบำเหน็จอย่างงามจากฮ่องเต้หรือเพื่อกดดันฮ่องเต้ให้ทรงตระหนักถึงการปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรม เช่นการกักขังเยี่ยโยวเหยาก่อนหน้านี้

ท้ายที่สุด บุรุษของคนรักเก่ากลับกลายเป็นสายลับจากแคว้นอื่น ตระกูลของคนรักเก่าย่อมพลอยติดร่างแหไปด้วย เรื่องเช่นนี้คงกระทบฮ่องเต้ไม่น้อย

ทว่าซูจิ่นซีกลับส่งตัวเขาให้กับเยี่ยโยวเหยาด้วยท่าทีเย็นชา เพื่อให้เยี่ยโยวเหยาจัดการ เห็นได้ชัดว่าสตรีนางนี้ สงบนิ่ง สุขุม และฉลาดเฉลียว ซึ่งเป็นสิ่งที่โดดเด่นกว่าสตรีนางอื่นมาก

แม้จงอู่โหวจะถูกซูจิ่นซีจับตัวได้ ทว่าภายในใจยังคงชื่นชมนาง

ซูจิ่นซียกยิ้มมุมปากอย่างเย็นชา “ออมแรงไว้พูดกับท่านอ๋องของพวกเราดีกว่า! ข้าไม่สนใจคำพูดไม่กี่คำของเจ้าหรอก” ซูจิ่นซีพูดพลางยกมือสั่งการให้องครักษ์ควบคุมตัวจงอู่โหวออกไป

ทว่าซูจิ่นซีไม่ทันได้สังเกต เพราะคำว่า ‘ท่านอ๋องของพวกเรา’ ที่นางพูดออกไปโดยไม่ได้ตั้งใจนั้น กลับทำให้ใบหน้าของฉินเทียนที่ยืนอยู่ด้านข้างแปรเปลี่ยนไปเป็นถมึงทึง ไอสังหารคุกรุ่น เขากระชับกระบี่ในมือแน่น

“พี่จิ่นซี วันนี้อันตรายมากจริงๆ หากเมื่อครู่องครักษ์ฉินมาไม่ทันกาล พวกเราคงต้องจบชีวิตเป็นแน่” จนถึงตอนนี้ ซูอวี้ยังตกใจกลัว

ซูจิ่นซีจับมือน้อยๆ ของซูอวี้ พบว่ามือของเขาเย็นเฉียบ

“ไม่ต้องกลัว ไม่เป็นไรแล้ว! ” ซูจิ่นซีถูมือของซูอวี้ด้วยความเคยชิน

ซูอวี้เห็นการกระทำเช่นนี้ของซูจิ่นซี ทว่าหาได้ยากที่ครั้งนี้เขาไม่ปริปากปฏิเสธอันใด

“พระชายา อวี้เอ๋อร์! ”

ฮูหยินปี้วิ่งมาจากห้องโถงกลางด้วยใบหน้าซีดเผือด

เมื่อครู่นี้ขณะที่นักฆ่าบุกเข้ามานั้น นางอยู่ที่ห้องโถงกลาง ทั้งยังเห็นเหตุการณ์อันตรายทั้งหมด ทว่านางไม่ร้องตะโกนและไม่บุ่มบ่าม แม้จะหวาดกลัวและเป็นกังวลเพียงใด นางก็ยังยืนนิ่งอยู่กับบ่าวรับใช้ในห้องโถงกลางอย่างสงบ

ปี้ซื่อรู้ดี แม้นางจะออกไปก็ไม่สามารถช่วยเหลืออันใดได้ กลับกันนางอาจทำลายแผนการของพระชายาก็เป็นได้

เวลานี้ทุกอย่างปลอดภัยแล้ว นางจึงรีบวิ่งเข้ามา

“ท่านแม่! ”

ซูอวี้รีบวิ่งเข้าไปหาฮูหยินปี้ทันที

หลังจากที่ฮูหยินปี้แน่ใจแล้วว่าซูอวี้ปลอดภัยดี นางจึงหันไปมองซูจิ่นซีครั้งหนึ่ง เพื่อให้แน่ใจว่าซูจิ่นซีเองก็ปลอดภัยเช่นกัน

“พระชายาตกพระทัยหรือไม่ หม่อมฉันกับคนอื่นๆ ปลอดภัยดี ทุกคนในจวนล้วนปลอดภัยดีเพคะ”

“ดีมาก! ” ซูจิ่นซีพยักหน้าด้วยความพอใจ

ทันใดนั้น ฮูหยินปี้ก็เบิกตากว้าง นางวิ่งเข้าไปหาซูจิ่นซีอย่างรวดเร็ว ซูจิ่นซีไม่รู้ว่าเกิดอันใดขึ้น นางคิดจะหลบ ทว่าฮูหยินปี้กลับเข้ามาโอบกอดนางไว้แน่น

เสียงสะอึกสะอื้นของฮูหยินปี้ และเสียงเรียกที่แสดงความตกใจของซูอวี้ดังขึ้น “ท่านแม่… ”

ซูจิ่นซีถูกฮูหยินปี้โอบกอดเอาไว้จนถอยหลังไปหลายก้าวกว่าจะหยุดนิ่ง นางเบิกตากว้างเมื่อเห็นกระบี่ในมือของฉินเทียนแทงเข้าที่ด้านหลังของฮูหยินปี้

นางไม่อยากจะคิดเลย ในเวลาคับขันเช่นนี้ หากเมื่อครู่ฮูหยินปี้ไม่วิ่งเข้ามา กระบี่ยาวเล่มนั้นคงแทงเข้าข้างหลังของนางไปแล้ว!

ฉินเทียนเป็นคนของเยี่ยโยวเหยา เหตุใดถึงต้องการสังหารนาง?

“ฮูหยินปี้” ซูจิ่นซีโอบฮูหยินปี้ไว้ในอ้อมกอด แววตาแสดงถึงความเจ็บปวด

กลับไม่คิดว่าฮูหยินปี้ที่กำลังหายใจรวยรินจะยกยิ้มแผ่วเบา นางแย้มยิ้มให้กับซูจิ่นซีด้วยสายตาหมดห่วงพลางพูดว่า “พระชายา ท่านไม่ต้องกังวล หม่อมฉันไม่เป็นอันใด”

“ท่านแม่ ท่านจะไม่เป็นอันใดได้อย่างไร บาดแผลเก่าของท่านยังไม่หายดี ทั้งยังมีเลือดไหลออกมามากมายถึงเพียงนี้” ซูอวี้ตกใจร้องห่มร้องไห้

“ไม่ต้องพูดอันใดแล้ว รีบห้ามเลือดก่อน”

ซูจิ่นซีรีบหยิบเข็มเหมันต์เทวะออกมายื่นให้ซูอวี้

การห้ามเลือดไม่ใช่เรื่องยากสำหรับซูอวี้

สาเหตุที่นางไม่ได้ห้ามเลือดให้ฮูหยินปี้ด้วยตนเองนั้น เป็นเพราะฉินเทียนยังถือกระบี่ที่เปื้อนเลือดและเดินตรงเข้ามาหาพวกเขาด้วยท่าทางโหดเหี้ยม

ซูจิ่นซีแสดงสีหน้าขึงขัง ดวงตาทั้งสองที่เคยงดงามพลันแปรเปลี่ยนเป็นเย็นชา นางลุกขึ้นยืนเหมือนเสาไม้ที่แทงทะลุขึ้นมาจากผืนดิน และมองฉินเทียนด้วยสายตาเย็นเยียบ

“ฉินเทียน เหตุใด? เจ้า… ถึงต้องการสังหารข้า? ”

ฉินเทียนยกยิ้มเย้ยหยัน “ซูจิ่นซี ในเมื่อเจ้าเอ่ยปากถามแล้ว ข้าก็จะบอกเหตุผลให้เจ้าฟัง เพื่อให้เจ้าได้ตายตาหลับ นี่คือคำสั่งของเยี่ยโยวเหยา”

คำสั่งของเยี่ยโยวเหยาหรือ?

การแสดงออกของซูจิ่นซีไร้การเปลี่ยนแปลง มองไม่ออกว่านางกำลังคิดสิ่งใดอยู่ในใจ

ฉินเทียนเห็นท่าทางเช่นนี้ของซูจิ่นซี ก็คิดว่านางตกใจจนขวัญหนีดีฝ่อ เขายกยิ้มด้วยใบหน้าลำพองใจ “ซูจิ่นซี ตายเสียเถิด! วันนี้เป็นวันตายของนางมารร้ายอย่างเจ้า! ”

ฉินเทียนพูดพลางตวัดกระบี่พุ่งเข้าแทงซูจิ่นซี

แววตาของซูจิ่นซีเย็นยะเยือก นางถอยหลังหลบอย่างรวดเร็วโดยไม่มีท่าทีหวาดกลัวแม้แต่น้อย จากนั้นก็สาดผงพิษเข้าใส่ กลับคิดไม่ถึงว่าฉินเทียนจะสามารถหลบผงพิษได้

ซูจิ่นซีซัดเข็มเงินออกไปอีกครั้ง ฉินเทียนก็หมุนตัวหลบ กระบี่ในมือพลันกวัดแกว่งตามไปด้วย เขาปัดป้องเข็มเงินของซูจิ่นซีจนตกกระจัดกระจายลงบนพื้น

ซูจิ่นซีรู้สึกประหลาดใจนัก!

เป็นเช่นนี้ได้อย่างไร?

ฉินเทียนยกยิ้มมุมปาก “ซูจิ่นซี เจ้าไม่ต้องดิ้นรนให้เสียแรงเปล่า เจ้าไม่เป็นวรยุทธ์ เข็มเงินที่ซัดออกมากับผงพิษล้วนไร้พลังภายใน ยิ่งไปกว่านั้น ข้าล่วงรู้รูปแบบการใช้พิษของเจ้าจนหมดสิ้นแล้ว”

เพราะฉินเทียนเป็นคนของฝ่ายตน ซูจิ่นซีจึงไม่ได้ระมัดระวังไว้ก่อน และเพราะฉินเทียนเป็นคนของฝ่ายตน เขาจึงจับจุดรูปแบบการใช้พิษของซูจิ่นซีได้โดยง่าย

ยาพิษของซูจิ่นซีทำให้ทูตซ้ายชุดดำของสำนักห้าพิษแห่งไหวเจียงป้องกันตัวไม่ทัน เขาหลงกลจนถูกจับตัวไว้ได้ อย่างไรก็ตาม นางไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าจะต้องมาเสียทีให้กับคนของฝ่ายตนโดยที่ไม่ทันได้ระวังตัว

“เยี่ยโยวเหยา… ” จู่ๆ ซูจิ่นซีก็มองไปทางด้านหลังของฉินเทียนด้วยแววตาแปลกใจ

“หึ… ลูกไม้ตื้นๆ เช่นนี้ เจ้ายังกล้าใช้อีกหรือ”

กระบี่ยาวของฉินเทียนอยู่ห่างจากหน้าอกของซูจิ่นซีเพียงหนึ่งนิ้ว ทว่าไม่ได้แทงเข้าไป

สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน

สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน

Status: Ongoing
อ่านนิยายเรื่อง สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน สามพันปีก่อนที่แผ่นดินเทียนเหอจะได้รับการจดบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์ สกุลซู ตระกูลแพทย์ที่เก่าแก่และร่ำรวยแห่งแคว้นจงหนิง ภายในห้องที่รกร้างทรุดโทรมห้องหนึ่ง บุตรสาวคนที่เจ็ด ‘ซูจิ่นซี’ เสื้อผ้าขาดลุ่ย ร่างกายเต็มไปด้วยบาดแผลถูกมัดติดกับเสา ข้างกายคือสาวงามนางหนึ่ง นางสวมอาภรณ์หรูหรา ในมือถือกริชค่อยๆ เฉือนลงบนร่างกายของซูจิ่นซี “ไอ้โง่ เจ้ายังไม่ยอมอ้าปากพูดอีกหรือ หยกกิเลนอยู่ที่ใด” ร่างของซูจิ่นซีสั่นสะท้านด้วยความเจ็บปวด ทว่าปากก็ยังถูกปิดสนิทให้ไม่สามารถพูดได้แม้แต่คำเดียว ดวงตาสีเข้มมืดมนคลอด้วยหยาดน้ำตา ส่งสายตาวิงวอนต่อสาวงามนางนั้น หญิงสาวยิ้มมุมปากอย่างพอใจแล้วดึงผ้าที่อุดปากซูจิ่นซีออก สาวงามตะโกนอย่างเกรี้ยวกราด “พูด! ” แต่นางกลับคาดไม่ถึงว่าซูจิ่นซีจะร้องไห้ส่งเสียงดังสนั่นราวกับเด็กน้อยขึ้นมา “พี่หญิงเป็นคนหลอกลวง ฮือ…ฮือฮือ…บอกว่าจะให้ข้ากินปลา ท่านพี่หลอกข้า ฮือฮือ ลวี่หลี… ข้าเจ็บเหลือเกิน! ลวี่หลี…ฮือฮือฮือ…ข้าเลือดไหล ลวี่หลี…” ดวงตาส่องประกายของสาวงามหม่นแสงลงทันที กริชในมือยกขึ้นจ่อคอของซูจิ่นซีอย่างไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อย “หุบปาก! หากยังตะโกนอีก ข้าจะฆ่าเจ้าเสียตอนนี้! ” ซูจิ่นซีหวาดกลัวเสียจนหยุดส่งเสียงร้องไห้ในทันใด อีกทั้งยังมองสาวงามด้วยแววตาขยาด ทว่าในขณะที่ดวงตาอันสับสนของซูจิ่นซีมองทะลุผ่านสาวงามไปยังบุรุษผู้มีรังสีมืดมนบนเก้าอี้ไม้จันทน์สีแดงแปดเหลี่ยมข้างหลังนาง ซูจิ่นซีก็รู้สึกกระสับกระส่ายขึ้นมา

Comment

Options

not work with dark mode
Reset