สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน – ตอนที่ 236 แผนขององค์ไทเฮา

“พระชายา ท่านอย่าได้กังวลพระทัยเลยเพคะ ท่านอ๋องไม่มีทางแพ้อย่างแน่นอน” เสียงใสไพเราะดั่งสายน้ำ ดังเข้ามาในหู

ซูจิ่นซีหันไปมอง นางเห็นหลานเยวี่ยหลียืนอยู่ด้านหน้าของตน

พูดให้เข้าใจก็คือ ซูจิ่นซีในเวลานี้ สมควรเรียกนางว่าเสี่ยวหลี

เพราะนางคือแม่นางเสี่ยวหลีผมขาวที่มีอาการป่วย ตาบอด และเป็นใบ้ที่ซูอวี้รักษาจนหายในการแข่งขันคัดเลือกผู้สืบทอดตำแหน่งผู้นำสกุลซู

ก่อนหน้านี้ที่เสี่ยวหลีสวมผ้าไหมคลุมใบหน้าและทำการแสดงฟ้อนรำเพื่ออวยพระพรต่อพระพักตร์องค์ไทเฮา ซูจิ่นซีรู้อยู่แล้วว่าคือนาง ทว่าไม่มีโอกาสได้พูดคุย

อย่างไรก็ตาม นางคือบุตรสาวของแม่ทัพใหญ่หลาน ทั้งยังเป็นเผ่าวิหคที่มีสถานะสูงส่ง เหตุใดตอนนั้นนางถึงปรากฏตัวในการแข่งขันคัดเลือกผู้สืบทอดสกุลซู?

อาการป่วยเหล่านั้นของนางเป็นจริงหรือเท็จกันแน่?

นางมีเป้าหมายอื่นหรือไม่?

ในเวลานี้ แม้ตระกูลหลานจะอยู่ภายใต้อำนาจของเยี่ยโยวเหยา ทว่าด้วยเหตุนี้ ซูจิ่นซีจึงต้องตั้งข้อสงสัย

เมื่อนึกถึงจุดนี้ ซูจิ่นซีจึงเตรียมพร้อมรับมือกับแม่นางน้อยที่มีอายุเพียงแปดปีผู้นี้

กลับไม่คิดว่าหลานเยวี่ยหลีจะฉลาดเฉลียวมาก นางสามารถมองทะลุจิตใจได้ปรุโปร่ง นางมองออกว่าซูจิ่นซีคิดเช่นไร

“พระชายาวางพระทัยได้เพคะ ในตอนนั้นที่เสี่ยวหลีปรากฏตัวในการแข่งขันคัดเลือกผู้สืบทอดสกุลซู เสี่ยวหลีไม่ได้มีเจตนาร้ายแอบแฝง ในตอนนั้นเสี่ยวหลียังไม่ได้พบกับบิดาที่แท้จริง จึงไม่ได้แสดงสถานะของตน ขอพระชายาโปรดอภัย”

ซูจิ่นซีประหลาดใจเล็กน้อย

ทว่าหลานเยวี่ยหลีกลับไม่พูดถึงประเด็นนี้อีก นางทำเพียงหันไปมองเยี่ยโยวเหยากับฮ่องเต้ที่กำลังแข่งขันดื่มสุรา

“พระชายา ท่านดูสิ ฝ่าบาทเริ่มไม่ไหวแล้ว”

ซูจิ่นซีได้ยินคำพูดนั้นจึงหันไปมองเยี่ยโยวเหยากับฮ่องเต้ เป็นเรื่องจริง ฮ่องเต้ไม่ไหวแล้วจริงๆ

แม้ระหว่างการแข่งขัน ฮ่องเต้จะดื่มได้เร็วกว่าเยี่ยโยวเหยาอยู่หนึ่งไห ทว่าเมื่อพระองค์ดื่มถึงไหที่สิบสาม ก็ไม่สามารถดื่มได้อีกแล้ว

ฮ่องเต้ใช้พละกำลังอย่างมากในการดื่มสุราไหที่สิบสาม ทว่าเยี่ยโยวเหยากลับดื่มสุราไหที่สิบสามหมดแล้ว เมื่อฮ่องเต้ร้อนพระทัย ภายในกระเพาะอาหารจึงเกิดแรงกระเพื่อม พระองค์เกือบอาเจียนสุราในท้องออกมาทั้งหมด ทว่าพระองค์ยังสามารถควบคุมไว้ได้

เยี่ยโยวเหยาหยิบสุราไหที่สิบสี่ขึ้นมา ทว่ายังไม่ยกดื่ม เขาชำเลืองมองฮ่องเต้และพูดว่า “เสด็จพี่ พระองค์ยังดื่มไหวหรือไม่? ”

คำพูดเช่นนี้แสดงว่าเขากำลังสงสัยความสามารถของฮ่องเต้ ในเวลานี้พระเกียรติของฮ่องเต้ถูกทำลายจนไม่เหลือชิ้นดี พระองค์จะยอมรับคำพูดยั่วยุเช่นนี้ของเยี่ยโยวเหยาได้อย่างไร?

ฮ่องเต้กรอกสุราไหที่สิบสามลงไปคำโต พลางยกสุราไหที่สิบสี่ขึ้นมาด้วยท่าทางโซเซและตรัสว่า “เจ้าเจ็ด มา ดื่ม! ”

ฮ่องเต้ไม่เพียงดื่มสุราจนซวนเซไปมาเท่านั้น พระพักตร์ของพระองค์แดงก่ำ สายพระเนตรพร่ามัว เห็นได้ชัดว่าทรงเมาเต็มที่แล้ว

ทว่าใบหน้าเยี่ยโยวเหยายังคงเป็นปกติ เขาสงบนิ่ง ราวกับไม่ได้ดื่มสุราแม้แต่หยดเดียว ทว่าสิ่งที่ดื่มลงไปล้วนเป็นน้ำเปล่า

บุรุษผู้นี้สามารถดื่มสุราได้หรือไม่กันแน่? ซูจิ่นซีอยากรู้อยากเห็นยิ่งนัก

ในขณะนั้นเอง จู่ๆ ก็เกิดเสียง ‘โครม ตุบ’ สุราในพระหัตถ์ของฮ่องเต้ตกพื้นจนแตกกระจาย จากนั้นพระองค์ก็ล้มลงนอนกับพื้นทันที

หนึ่งคนกับสุรายี่สิบไห ทั้งยังดื่มไม่หมด ทว่าฮ่องเต้ที่แข่งดื่มสุรากับเยี่ยโยวเหยาได้ล้มพับลงไปแล้ว

สถานการณ์นี้เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ทุกคนยังไม่ทันได้ตั้งตัว

“ทหาร ฝ่าบาททรงดื่มจนเมาพับไปแล้ว รีบพยุงฝ่าบาทเข้าไปตำหนักในเดี๋ยวนี้” ไทเฮารีบเข้าไปประคองฮ่องเต้

โยวอ๋องชนะแล้ว โยวอ๋องชนะอย่างไร้คำครหา ทั้งยังชนะฮ่องเต้องค์ปัจจุบันอีกด้วย

ฮ่องเต้แข่งดื่มสุรากับโยวอ๋องจนนอนพับลงไปใต้โต๊ะ พระเกียรติถูกทำลายอีกครั้งจนไม่เหลือแล้ว

แคว้นจงหนิงในเวลานี้ ผู้ที่หาญกล้าหยามพระเกียรติของฮ่องเต้ได้ถึงเพียงนี้ คงจะมีเยี่ยโยวเหยาเพียงผู้เดียวเท่านั้น

เหล่าผู้คนยังมีใบหน้าตกตะลึง เยี่ยโยวเหยาเดินอย่างหนักแน่นมั่นคงกลับไปยืนอยู่ข้างกายซูจิ่นซี และนั่งลงด้วยท่าทีสุขุม

“กระหม่อมขอแสดงความยินดีกับท่านอ๋อง! ”

ขุนนางชั้นผู้ใหญ่ที่อยู่ฝ่ายเยี่ยโยวเหยาต่างเข้ามาร่วมแสดงความยินดีกับเขา

เยี่ยโยวเหยายกจอกสุราขึ้นมาด้านหน้า ทำเหมือนกับจะดื่มสุราลงไปจริงๆ

จู่ๆ ซูจิ่นซีก็รู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ อีกทั้งระบบถอนพิษก็ส่งเสียงเตือนว่า ด้านข้างของนางมีระดับแอลกอฮอล์สูงมาก

ซูจิ่นซีมองหาอยู่ครู่ใหญ่ นางพบว่าแขนเสื้อของเยี่ยโยวเหยาเปียกชุ่ม มีหยดสุราไหลออกมาจากแขนเสื้อและไหลลงสู่กระถางต้นฝอโส่วที่อยู่ด้านหลังของเขา

ซูจิ่นซีขมวดคิ้วเป็นเกลียว นางพูดด้วยเสียงแผ่วเบาว่า “เยี่ยโยวเหยา มิน่าเล่า ฝ่าบาทแข่งดื่มกับท่านจนเมาล้มพับไปแล้ว ทว่าท่านกลับไม่เป็นอันใดสักนิด ที่แท้ท่านก็โกง”

เยี่ยโยวเหยายกยิ้มมุมปาก เขาคีบอาหารวางในจานให้ซูจิ่นซี

“เยี่ยโยวเหยา ท่านทำได้อย่างไร? ”

สุราเหล่านั้น ทุกคนล้วนเห็นกับตาว่าเยี่ยโยวเหยาดื่มมันลงไปจริงๆ เหตุใดตอนนี้มันถึงไปอยู่ในแขนเสื้อของเยี่ยโยวเหยาได้เล่า?

ในขณะที่ซูจิ่นซีกำลังซักไซ้และตั้งข้อสงสัย เยี่ยโยวเหยาก็ยื่นมือออกมาโดยใช้โต๊ะกำบังเอาไว้

เมื่อซูจิ่นซีเห็นก็ถึงกับนิ่งอึ้งไปในทันที

เยี่ยโยวเหยาใช้พลังภายในขับสุราที่ดื่มออกมาทางปลายนิ้วก้อย

สุราเหล่านั้นไหลออกมาจากปลายนิ้วก้อยของเยี่ยโยวเหยาราวกับสายน้ำ นอกจากนั้นซูจิ่นซียังไม่เห็นบาดแผลที่ปลายนิ้วก้อยของเยี่ยโยวเหยาแม้แต่น้อย

ครั้งหนึ่งซูจิ่นซีเคยดูหนังเรื่องแปดเทพอสูรมังกรฟ้า ต้วนอี้กับเฉียวเฟิงแข่งดื่มสุรากัน เฉียวเฟิงคอแข็งกว่าต้วนอี้มาก ดังนั้นต้วนอี้จึงใช้วิธีเช่นนี้รับมือ

ทว่านั่นมันนิยายของท่านจอมยุทธ์กิมย้ง เป็นละครที่นักแสดงแสดงออกมา คิดไม่ถึงว่าวรยุทธ์เช่นนี้จะมีอยู่จริง

มหัศจรรย์ยิ่งนัก

ความอิจฉาบนใบหน้าของซูจิ่นซีไม่อาจปกปิดไว้ได้

นี่เป็นครั้งแรกที่ซูจิ่นซีเกิดความคิดอยากเรียนวรยุทธ์

“วางใจเถิด ต้องมีสักวันที่เจ้าสามารถทำเช่นนี้ได้” เยี่ยโยวเหยาบีบมือของซูจิ่นซี

ซูจิ่นซีไม่ได้รู้สึกอึดอัดที่เยี่ยโยวเหยาล่วงรู้ถึงความต้องการของตน นางมองเยี่ยโยวเหยาด้วยแววตาเปล่งประกายพลางพูดว่า “เมื่อใด? เยี่ยโยวเหยา ท่านจะสอนวรยุทธ์ให้ข้าหรือ? ”

ทว่าเยี่ยโยวเหยาเพียงยกยิ้มมุมปากด้วยความรักใคร่ เขาไม่ได้ตอบคำถามของซูจิ่นซีแต่อย่างใด

ซูจิ่นซีในเวลานี้คอยแต่จะสนทนากับเยี่ยโยวเหยา นางไม่ได้มองพฤติกรรมของไทเฮาที่ประทับอยู่ด้านบน

หลังจากที่ฮ่องเต้ถูกนางกำนัลประคองเข้าไปในห้องบรรทมแล้ว ที่ประทับด้านบนจึงเหลือไทเฮาเพียงพระองค์เดียว

พระเนตรของไทเฮาฉายแววเคร่งขรึม พระองค์หันพระพักตร์ไปมองไหวหยางจวิ้นจู่ที่ประทับอยู่บนที่นั่งด้วยพระพักตร์สุขุม

เมื่อไหวหยางจวิ้นจู่สบสายตากับไทเฮา นางก็ยกจอกสุราบนโต๊ะ และรวบรวมความกล้าเดินเข้าไปหาเยี่ยโยวเหยากับซูจิ่นซี

“โยวอ๋อง เวลานี้ท่านโดดเด่นเป็นเลิศ ไร้ผู้ใดเทียบเทียม ทั้งยังควบคุมอำนาจในราชสำนักไว้ได้ วันนี้ท่านทำให้ทุกคนได้ประจักษ์ถึงอำนาจบารมีของท่าน ข้านับถือท่านยิ่งนัก เชิญ โยวอ๋อง ข้าขอดื่มให้ท่านหนึ่งจอก” ไหวหยางจวิ้นจู่พูดขึ้น

ทว่าน่าเสียดาย แม้แต่เปลือกตาของเยี่ยโยวเหยาก็ไม่เหลือบขึ้นมองแม้แต่น้อย ยิ่งไม่ต้องพูดถึงสุราที่ไหวหยางจวิ้นจู่นำมาอวยพร

ไหวหยางจวิ้นจู่ล่วงรู้ถึงผลที่จะเกิดขึ้นอยู่แล้ว นางจึงไม่มีท่าทีอึดอัดอันใด

นางหันไปมองเว่ยเหม่ยเจียที่ยืนอยู่ด้านข้าง

เว่ยเหม่ยเจียยกจอกสุราขึ้นมา และพูดกับซูจิ่นซีว่า “พี่สะใภ้ เสด็จพี่โยวเหยาดื่มสุราไปมากแล้ว ในเมื่อเสด็จพี่ดื่มไม่ไหว เช่นนั้นท่านดื่มแทนเป็นเช่นไร! โชคดีที่เหม่ยเจียเคยเป็นคนในตำหนักหนานย่วน และเป็นลูกผู้น้องของเสด็จพี่โยวเหยา ในตอนนั้นที่เหม่ยเจียออกเรือนไป พวกท่านยังไม่ได้ดื่มสุรามงคลเลย วันนี้…สุราจอกนี้ ไม่ว่าอย่างไร ท่านจะต้องดื่มชดเชยให้ข้านะเพคะ”

เว่ยเหม่ยเจียพูดด้วยท่าทีนอบน้อมจริงใจ อีกทั้งแววตายังแสดงความเสียใจเล็กน้อย

ราวกับว่า ในตอนนั้นที่ซูจิ่นซีกับเยี่ยโยวเหยาไม่ได้ไปร่วมพิธีสมรสของนาง ทำให้นางเสียใจ

ในเวลานี้ สายตาของผู้คนรอบด้านต่างจับจ้องมาทางซูจิ่นซี

สถานการณ์เช่นนี้… ทำให้ซูจิ่นซีลำบากใจอย่างมาก!

หากไม่ดื่มสุราแทนเยี่ยโยวเหยา ก็เหมือนนางไม่ให้เกียรติไหวหยางจวิ้นจู่กับเว่ยเหม่ยเจีย หากนางดื่มสุราจอกนี้ ก็เท่ากับยอมรับว่า ในตอนนั้นนางทำให้เว่ยเหม่ยเจียเสียใจจริงๆ

เว่ยเหม่ยเจีย นางได้สร้างปัญหาใหญ่ให้กับซูจิ่นซีเสียแล้ว

ซูจิ่นซีควรทำเช่นไร?

สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน

สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน

Status: Ongoing
อ่านนิยายเรื่อง สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน สามพันปีก่อนที่แผ่นดินเทียนเหอจะได้รับการจดบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์ สกุลซู ตระกูลแพทย์ที่เก่าแก่และร่ำรวยแห่งแคว้นจงหนิง ภายในห้องที่รกร้างทรุดโทรมห้องหนึ่ง บุตรสาวคนที่เจ็ด ‘ซูจิ่นซี’ เสื้อผ้าขาดลุ่ย ร่างกายเต็มไปด้วยบาดแผลถูกมัดติดกับเสา ข้างกายคือสาวงามนางหนึ่ง นางสวมอาภรณ์หรูหรา ในมือถือกริชค่อยๆ เฉือนลงบนร่างกายของซูจิ่นซี “ไอ้โง่ เจ้ายังไม่ยอมอ้าปากพูดอีกหรือ หยกกิเลนอยู่ที่ใด” ร่างของซูจิ่นซีสั่นสะท้านด้วยความเจ็บปวด ทว่าปากก็ยังถูกปิดสนิทให้ไม่สามารถพูดได้แม้แต่คำเดียว ดวงตาสีเข้มมืดมนคลอด้วยหยาดน้ำตา ส่งสายตาวิงวอนต่อสาวงามนางนั้น หญิงสาวยิ้มมุมปากอย่างพอใจแล้วดึงผ้าที่อุดปากซูจิ่นซีออก สาวงามตะโกนอย่างเกรี้ยวกราด “พูด! ” แต่นางกลับคาดไม่ถึงว่าซูจิ่นซีจะร้องไห้ส่งเสียงดังสนั่นราวกับเด็กน้อยขึ้นมา “พี่หญิงเป็นคนหลอกลวง ฮือ…ฮือฮือ…บอกว่าจะให้ข้ากินปลา ท่านพี่หลอกข้า ฮือฮือ ลวี่หลี… ข้าเจ็บเหลือเกิน! ลวี่หลี…ฮือฮือฮือ…ข้าเลือดไหล ลวี่หลี…” ดวงตาส่องประกายของสาวงามหม่นแสงลงทันที กริชในมือยกขึ้นจ่อคอของซูจิ่นซีอย่างไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อย “หุบปาก! หากยังตะโกนอีก ข้าจะฆ่าเจ้าเสียตอนนี้! ” ซูจิ่นซีหวาดกลัวเสียจนหยุดส่งเสียงร้องไห้ในทันใด อีกทั้งยังมองสาวงามด้วยแววตาขยาด ทว่าในขณะที่ดวงตาอันสับสนของซูจิ่นซีมองทะลุผ่านสาวงามไปยังบุรุษผู้มีรังสีมืดมนบนเก้าอี้ไม้จันทน์สีแดงแปดเหลี่ยมข้างหลังนาง ซูจิ่นซีก็รู้สึกกระสับกระส่ายขึ้นมา

Comment

Options

not work with dark mode
Reset