สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน – ตอนที่ 238 ท่านหญิงจะเล่นให้เจ้าถึงตาย

ความจริงแล้ว เยี่ยโยวเหยาไม่ต้องการให้ซูจิ่นซีรับคำท้า เพราะเขาสามารถป้องกันและขัดขวางทุกอย่างแทนซูจิ่นซีได้

ทว่าซูจิ่นซีไม่ใช่ผู้หญิงที่หลบอยู่ใต้ปีก คอยให้เยี่ยโยวเหยาปกป้อง

ซูจิ่นซียิ้มให้เยี่ยโยวเหยาอย่างหนักแน่น นางเดินออกมาจากที่นั่ง เพื่อเผชิญหน้ากับหวาหรงจวิ้นจู่และคนอื่นๆ

บนใบหน้าของเยี่ยโยวเหยาไม่ปรากฏอารมณ์ใดๆ เขาทรุดตัวนั่งลงอีกครั้ง

“ซูจิ่นซี เจ้าจะทำการแข่งขันอย่างไร? เจ้าจะเลือกตัวแทนจากพวกเราให้ออกมาแข่งกับเจ้า หรือจะให้พวกเราผลัดกันออกมาเล่า? ทว่าหากผลัดกันออกมาแข่งกับเจ้า ก็ดูจะเป็นการกลั่นแกล้งเจ้ามากเกินไป! ” เห่อหลานจูพูด

“ออกมาพร้อมกันเถิด! จะได้ไม่เสียเวลา” ซูจิ่นซีพูด

ออกมาพร้อมกัน?

พระชายาโยวอ๋องช่างพูดจาโอ้อวดเสียจริง!!!

“แข่งอย่างไร? มีกฎเกณฑ์อย่างไร? ดื่มกี่ไห? ” ซูจิ่นซีถามต่อ

เดิมทีพวกนางคิดว่าซูจิ่นซีจะขลาดกลัวหรือถ่วงเวลา คาดไม่ถึงว่า ซูจิ่นซีจะตอบตกลงอย่างง่ายดายเช่นนี้ ทั้งยังตั้งคำถามด้วยใบหน้าสงบ เห่อหลานหมิ่นพูดด้วยท่าทีเขินอายเล็กน้อย “พวกเราล้วนเป็นสตรี แน่นอนว่าต้องคำนึงถึงภาพลักษณ์และกิริยาท่าทาง หากให้ดื่มสุราจากไหเหมือนพวกบุรุษคงไม่เหมาะ พวกเราใช้ชามใบใหญ่เป็นอย่างไร? ”

คนอื่นๆ ยังไม่ทันได้พูดอันใด ซูจิ่นซีก็กล่าวอย่างเฉยเมยว่า “ข้าไม่มีความเห็น พวกเจ้าว่าอย่างไร ข้าก็ว่าตามนั้น”

ซูจิ่นซีไม่มีความคิดเห็น แน่นอนว่าเหล่าสตรีที่เหลือก็ไม่มีความคิดเห็นเช่นกัน ทว่าหวาหรงจวิ้นจู่กลับพูดด้วยน้ำเสียงลำพองใจว่า “ต้องการพูดอันใดก็พูดออกมาให้หมด ไม่ใช่พอถึงเวลาก็กล่าวหาว่าพวกเราคนมากกว่า รังแกเจ้าคนน้อยกว่า”

ซูจิ่นซียกยิ้มมุมปาก เหล่าขันทีและนางกำนัลได้เตรียมสุราและชามมาพร้อมแล้ว

“กฎเกณฑ์เป็นเช่นไร? ” อวี่เหวินหลันถาม

คราวนี้ผู้อื่นยังไม่มีโอกาสได้พูด ซูจิ่นซีก็รีบพูดแทรกขึ้นก่อนว่า “ความจริงแล้วข้ามีข้อเสนอ ไม่รู้ว่าทุกท่านจะกล้าพนันหรือไม่”

ซูจิ่นซีถามเพียงว่ากล้าหรือไม่ นางจงใจไม่พูดข้อความสำคัญออกมา และไม่ได้บอกว่าจะพนันอย่างไร

“ข้อเสนออันใด? ” หวาหรงจวิ้นจู่ถาม

“พวกเรานับตามจำนวนถ้วย ไม่ต้องกำหนดจำนวนสูงสุด ใครล้มลงก่อนเป็นฝ่ายแพ้ ผู้ที่ยืนหยัดเป็นคนสุดท้ายคือผู้ชนะ เป็นเช่นไร? ”

ไม่กำหนดจำนวนสูงสุด?

อย่างนั้นต้องแข่งจนถึงเมื่อใด?

คราวนี้ไม่เพียงแต่เห่อหลานหมิ่นที่ตื่นตระหนก แม้แต่เห่อหลานจูและอวี่เหวินหลันก็ยังตกใจเล็กน้อย

หรือพวกนางจะคิดผิด?

ซูจิ่นซีไม่ได้อ่อนแอเหมือนที่เห็นภายนอก หรือความจริงแล้วนางจะดื่มเก่งมาก?

เห่อหลานหมิ่นมองเห่อหลานจู เห่อหลานจูค่อยๆ ส่ายศีรษะ แสดงท่าทางว่าตนก็ไม่รู้

หวาหรงจวิ้นจู่กลับพูดเสียงเย็นชาว่า “น้าสะใภ้ ตอนนี้อย่าแกล้งทำเป็นเก่งนักเลย อีกสักครู่หากท่านล้มลงเป็นคนแรก ท่านจะขายหน้าเปล่าๆ ”

ซูจิ่นซียกยิ้มมุมปาก คิดไม่ถึงว่านางจะโต้กลับ “อีกสักครู่ หากข้าล้มลง ทว่าหนึ่งในพวกเจ้ายังสามารถยืนหยัดอยู่ได้ ก็ถือว่าข้าพ่ายแพ้”

พูดจายโสโอหังยิ่งนัก!

หวาหรงจวิ้นจู่ที่เผยรอยยิ้มลำพองใจ พลันตกตะลึงขึ้นมาในทันที กระทั่งผู้คนที่นั่งฟังอยู่ด้านข้างก็รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย

ใบหน้าของเยี่ยโยวเหยาไม่ปรากฏความคิดใดๆ เขาเพียงมองซูจิ่นซีด้วยใบหน้าเฉยเมยดังเดิม

“หึ เช่นนั้นพวกเราก็มาเริ่มแข่งกันเถิด! ” หวาหรงจวิ้นจู่ได้สติขึ้นมา พลางพูดด้วยเสียงเย็นชา

คราวนี้ นางกำนัลได้เตรียมโต๊ะเล็กมาทั้งหมดสี่ตัว จัดวางไว้ด้านหน้าของซูจิ่นซี หวาหรงจวิ้นจู่ เห่อหลานหมิ่น เห่อหลานจู และอวี่เหวินหลัน

แน่นอนว่าวิธีปฏิบัติคือ โต๊ะของหวาหรงจวิ้นจู่กับพรรคพวกทั้งสี่คน แม้ไม่ได้วางอยู่ชิดติดกัน ทว่าถูกจัดวางเป็นแถวเรียงหน้ากระดาน มีโต๊ะของซูจิ่นซีเพียงผู้เดียวที่ถูกวางไว้ตรงข้ามกับพวกนาง

บรรยากาศการแข่งขันรูปแบบนี้ ช่างดุเดือดยิ่งนัก!

นอกจากนั้น บนโต๊ะของแต่ละคนยังมีชามใบใหญ่จำนวนยี่สิบใบวางไว้ และมีนางกำนัลในวังประจำอยู่ด้านข้างโต๊ะละหนึ่งคนเพื่อคอยรินสุราให้ ส่วนด้านหน้าโต๊ะของทุกคนก็มีไหสุราเตรียมไว้สิบไห

เมื่อคนจากในวังที่เป็นผู้ดำเนินการประกาศเริ่มการแข่งขัน ทุกคนต่างถือชามสุราที่อยู่ด้านหน้าขึ้นมาและเริ่มดื่มทีละชาม ทีละชาม ทีละชาม ทว่าซูจิ่นซีกลับขอเก้าอี้มาหนึ่งตัว นางนั่งบนเก้าอี้อย่างมั่นคง และถามนางกำนัลที่ยืนอยู่ด้านข้างว่า “มีหลอดดูดน้ำหรือไม่? ”

หลอดดูดน้ำ?

ในเวลาเช่นนี้ ต้องการหลอดดูดน้ำมาทำอันใด?

นางกำนัลย่อมไม่กล้าถาม และรีบไปนำหลอดดูดมาให้ซูจิ่นซี

ขณะที่รอนางกำนัลไปเอาหลอดดูดมานั้น เห่อหลานจูดื่มได้เร็วที่สุด นางดื่มไปแล้วห้าชาม

เห่อหลานจูยิ้มพลางพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “พระชายาโยวอ๋อง เหตุใดท่านจึงยังไม่ดื่มเล่า? ท่านคงไม่ได้ตกใจกลัวหรอกกระมัง? หรือท่านดื่มสุราไม่เป็น? ต้องการให้ข้าสอนหรือไม่ว่าสุรา… ดื่มอย่างไร! ”

ขณะที่พูด เห่อหลานจูก็ดื่มสุราสองชามที่อยู่ด้านหน้าลงไป สายตานั้นแสดงถึงการยั่วยุและดูหมิ่น ไม่ว่าใครก็ดูออก

ทว่าซูจิ่นซีไม่สนใจเห่อหลานจู นางหยิบหลอดที่ทำด้วยเงินบริสุทธิ์มาจากนางกำนัล ก่อนจะนำมาใส่ลงในชามสุราใบแรกที่วางอยู่ตรงหน้า และเริ่มต้นดื่ม

ดื่ม ดื่ม ดื่ม ดื่ม ดื่ม…

เห่อหลานจูและอวี่เหวินหลันดื่มไปแล้วยี่สิบชาม นางกำนัลที่อยู่ด้านข้างจึงวางชามใบใหม่ลงมาอีกยี่สิบใบ แม้แต่ผู้ที่ดื่มช้าที่สุดอย่างหวาหรงจวิ้นจู่ ก็ดื่มไปแล้วสิบแปดชาม ทว่าชามสุราด้านหน้าของซูจิ่นซีกลับมีเพียงห้าใบ

เห่อหลานจูพูดเสียดสีว่า “พระชายาโยวอ๋อง ดูจากความเร็วของท่านแล้ว ท่านยอมรับความพ่ายแพ้เสียเถิด ท่านชนะพวกข้าไม่ได้หรอก จะใช้อะไรดื่มก็ไร้ประโยชน์ทั้งสิ้น ท่านจะแกล้งทำตัวเป็นกุลสตรีเพื่ออันใด? ”

“ใช่! ” อวี่เหวินหลันพูด “แม้ท่านจะแกล้งทำ อย่างไรท่านก็คือนกกระจอกที่บินเข้ามาในฝูงหงส์ ไม่มีทางกลายเป็นหงส์จริงๆ ได้หรอก”

ในเวลานี้ เหล่าขุนนางชั้นผู้ใหญ่ฝ่ายโยวอ๋องเริ่มร้อนใจขึ้นมาบ้างแล้ว “พระชายาโยวอ๋อง อย่าได้ชักช้าอยู่เลย ท่านต้องเอาอย่างพวกเห่อหลานจู ยกทั้งชามดื่มเลย! หากทำเช่นนี้ท่านจะตามพวกเขาไม่ทัน เดิมทีก็เริ่มต้นช้ากว่าพวกเขาอยู่แล้วนะพ่ะย่ะค่ะ”

“ใช่ พระชายาโยวอ๋อง! ท่านดื่มเช่นนี้ จะต้องแพ้แน่นอนพ่ะย่ะค่ะ”

ผู้อื่นต่างกังวลใจไปกับซูจิ่นซี ทว่าน่าเสียดาย มีเยี่ยโยวเหยาเพียงผู้เดียวที่ไม่เป็นกังวลแม้แต่น้อย ก่อนหน้านี้ที่แข่งดื่มสุรากับฮ่องเต้ เขาก็ดื่มไปมากเช่นกัน ในเวลานี้ยังดื่มลงไปอีก แม้จะดื่มได้น้อยลงแล้วก็ตาม

ไม่รู้ว่าเยี่ยโยวเหยาคิดอย่างไร

ซูจิ่นซีไม่ใส่ใจคำพูดของผู้อื่นแม้แต่น้อย

นางยังคงใช้หลอดดื่มอย่างเชื่องช้า

อย่างไรก็ตาม แม้วิธีการดื่มของซูจิ่นซีดูเหมือนจะช้ามาก ทว่าการดื่มสุราอีกสิบชามในรอบที่สอง ซูจิ่นซีกลับดื่มได้มากกว่าอวี่เหวินหลันและเห่อหลานหมิ่น ส่วนหวาหรงจวิ้นจู่ที่ดื่มช้าอยู่แล้ว ซูจิ่นซียิ่งทิ้งห่างไปไกล

“จะว่าไปแล้ว วิธีของพระชายาโยวอ๋องก็เป็นวิธีที่รวดเร็วเช่นกัน” มีใครบางคนพูดขึ้น

เห่อหลานจูที่ดื่มได้เร็วที่สุด นางดื่มสุราไปหนึ่งชาม พลางมองไปทางซูจิ่นซีด้วยดวงตาพร่ามัว “ไอ๊หยา ข้ายังไหว ข้าเก่งอยู่แล้ว”

หลังจากนั้น นางก็ดื่มต่อ…

ดื่ม ดื่ม ดื่ม ดื่ม ดื่ม ดื่ม ดื่ม…

พวกนางดื่มจนมืดฟ้ามัวดิน สตรีเหล่านี้ดื่มสุราราวกับดื่มน้ำเปล่า

แท้จริงแล้วการดื่มสุราก็ไม่ต่างจากการดื่มน้ำ แอลกอฮอล์ที่อยู่ในร่างกายได้กลายเป็นตัวต้านทาน กระทั่งสุรามีรสชาติเช่นไร บัดนี้พวกนางไม่สามารถรับรู้ได้แล้ว มันกลายเป็นเพียงสิ่งที่ถูกบรรจุลงไปในท้องเท่านั้น

“ซูจิ่นซี เจ้าช่างไร้ยางอาย วันนี้ท่านหญิงอย่างข้าจะเล่นเจ้าให้ถึงตาย”

หวาหรงจวิ้นจู่ถือชามสุราในมือพลางเดินโซเซไปหาซูจิ่นซีด้วยความเมามาย

นางทำราวกับลืมไปว่าตนเองกำลังแข่งขันอยู่ จากนั้นนางก็ขว้างชามสุราในมือออกไปและกอดไหสุรายกขึ้นดื่ม

“ท่านหญิงอย่างข้าจะเล่นเจ้าให้ถึงตาย… ”

หวาหรงจวิ้นจู่พูดพลางเงยหน้าขึ้นยกไหสุรากรอกใส่ปากโดยตรง

ทุกคนต่างตกตะลึงในทันที…

สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน

สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน

Status: Ongoing
อ่านนิยายเรื่อง สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน สามพันปีก่อนที่แผ่นดินเทียนเหอจะได้รับการจดบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์ สกุลซู ตระกูลแพทย์ที่เก่าแก่และร่ำรวยแห่งแคว้นจงหนิง ภายในห้องที่รกร้างทรุดโทรมห้องหนึ่ง บุตรสาวคนที่เจ็ด ‘ซูจิ่นซี’ เสื้อผ้าขาดลุ่ย ร่างกายเต็มไปด้วยบาดแผลถูกมัดติดกับเสา ข้างกายคือสาวงามนางหนึ่ง นางสวมอาภรณ์หรูหรา ในมือถือกริชค่อยๆ เฉือนลงบนร่างกายของซูจิ่นซี “ไอ้โง่ เจ้ายังไม่ยอมอ้าปากพูดอีกหรือ หยกกิเลนอยู่ที่ใด” ร่างของซูจิ่นซีสั่นสะท้านด้วยความเจ็บปวด ทว่าปากก็ยังถูกปิดสนิทให้ไม่สามารถพูดได้แม้แต่คำเดียว ดวงตาสีเข้มมืดมนคลอด้วยหยาดน้ำตา ส่งสายตาวิงวอนต่อสาวงามนางนั้น หญิงสาวยิ้มมุมปากอย่างพอใจแล้วดึงผ้าที่อุดปากซูจิ่นซีออก สาวงามตะโกนอย่างเกรี้ยวกราด “พูด! ” แต่นางกลับคาดไม่ถึงว่าซูจิ่นซีจะร้องไห้ส่งเสียงดังสนั่นราวกับเด็กน้อยขึ้นมา “พี่หญิงเป็นคนหลอกลวง ฮือ…ฮือฮือ…บอกว่าจะให้ข้ากินปลา ท่านพี่หลอกข้า ฮือฮือ ลวี่หลี… ข้าเจ็บเหลือเกิน! ลวี่หลี…ฮือฮือฮือ…ข้าเลือดไหล ลวี่หลี…” ดวงตาส่องประกายของสาวงามหม่นแสงลงทันที กริชในมือยกขึ้นจ่อคอของซูจิ่นซีอย่างไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อย “หุบปาก! หากยังตะโกนอีก ข้าจะฆ่าเจ้าเสียตอนนี้! ” ซูจิ่นซีหวาดกลัวเสียจนหยุดส่งเสียงร้องไห้ในทันใด อีกทั้งยังมองสาวงามด้วยแววตาขยาด ทว่าในขณะที่ดวงตาอันสับสนของซูจิ่นซีมองทะลุผ่านสาวงามไปยังบุรุษผู้มีรังสีมืดมนบนเก้าอี้ไม้จันทน์สีแดงแปดเหลี่ยมข้างหลังนาง ซูจิ่นซีก็รู้สึกกระสับกระส่ายขึ้นมา

Comment

Options

not work with dark mode
Reset