สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน – ตอนที่ 241 พิศวาสสุดซึ้ง

เมื่อซูจิ่นซีเห็นหลวงจีนรูปนั้นก็ตกตะลึงจนใบหน้าซีดขาว นางตั้งใจจะออกไปขวาง ทว่ากลับมีใครบางคนตีนางจนสลบไป

“เจ้าดื่มสิ่งนี้เสีย สิ่งนี้ไทเฮาเตรียมมาให้เจ้าโดยเฉพาะ เป็นยาปลุกกำหนัด”

แม่นมผู้นั้นหยิบขวดยาออกมาจากแขนเสื้อ พลางยื่นให้หลวงจีน

หลวงจีนรับมาโดยไม่มีท่าทีลังเล เขาเปิดขวดยาและดื่มลงไปจนหมด จากนั้นจึงเปิดประตูตำหนักเข้าไป

แม่นมสอดสายตาไปรอบๆ ด้วยใบหน้าจริงจัง เมื่อมองจนแน่ใจแล้วว่าไม่มีผู้ใด จึงรีบเดินหายไปทันที

ผ่านไปครู่หนึ่ง ภายในตำหนักมีเสียงถอดเสื้อผ้าดังขึ้นและมีเสียงลมหายใจหอบกระเส่าที่ฟังแล้วทำให้คิดไปไกล

หลังจากนั้นไม่นาน ตรงหัวมุมซึ่งห่างจากตำหนักแห่งนี้ไม่ไกลนัก แม่นมผู้ที่เรียกตัวเหล่าข้ารับใช้ที่ยืนอยู่หน้าประตูตำหนักที่หวาหรงจวิ้นจู่บรรทมอยู่ ได้เดินพาขันทีกับนางกำนัลจำนวนหนึ่งเข้ามา

นางเป็นหนึ่งในแม่นมที่มีอำนาจซึ่งอยู่ข้างพระวรกายองค์ไทเฮา มีแซ่เจิ้ง ส่วนแม่นมที่พาหลวงจีนเข้ามาในตำหนักผู้นั้น มีแซ่จู

พวกนางทั้งสองเป็นคนที่ไทเฮาไว้วางพระทัยมากที่สุด เรื่องราวทั้งหมดในวันนี้ล้วนเป็นพวกนางที่เตรียมการไว้ล่วงหน้า เพื่อวางแผนทำร้ายซูจิ่นซี

แม่นมเจิ้งออกไปตามคนในวัง นางกลับมาช้าจึงไม่ทันเห็นว่าซูจิ่นซีออกจากตำหนักแห่งนั้นไปนานแล้ว เวลานี้ผู้ที่อยู่ในตำหนักคือหวาหรงจวิ้นจู่ มิฉะนั้นนางคงให้คนเข้าไปขัดขวางนานแล้ว และเรื่องราวที่น่าอดสูเช่นนี้ก็จะไม่เกิดขึ้นอย่างแน่นอน

ตามแผนเดิม เมื่อแม่นมจูพาตัวหลวงจีนเข้ามาแล้ว นางจะออกไปส่งสัญญาณให้แม่นมเจิ้ง จากนั้นแม่นมเจิ้งจะคำนวณเวลาในใจ ให้หลวงจีนผู้นั้นทำกิจไปได้พักใหญ่ก่อน จึงพาเหล่าข้ารับใช้เข้าไป และแสดงละครว่าพวกนางเข้ามาพบเรื่องราวในตำหนักโดยบังเอิญ หากทุกอย่างเป็นไปตามแผน แม้ซูจิ่นซีจะมีปีก นางก็บินหนีไปไม่พ้น

“เสียงอันใดกัน? ” แม่นมเจิ้งแสร้งส่งเสียงประหลาดใจ

ทุกคนที่เดินตามหลังแม่นมเจิ้งต่างก็ได้ยินเสียงนี้ เมื่อฟังแล้วใบหน้าก็พลันแดงก่ำ ใบหูแดงระเรื่อ นางกำนัลคนหนึ่งพูดเสียงตะกุกตะกักว่า “แม่นม เสียงนั่น ดูเหมือนดังมาจากข้างใน เหมือนกับว่า… เหมือนกับว่า… ”

คำพูดที่ยากจะกล่าวเช่นนี้ นางกำนัลไม่สามารถพูดออกมาได้จริงๆ

“ช่างกล้านัก สถานที่แห่งนี้เป็นตำหนักใน ผู้ใดกล้ามาทำกิจส่วนตัวข้างในนี้ เข้าไปดูสิ! ”

แม่นมเจิ้งยกมือขึ้น ทันใดนั้นขันทีจำนวนหนึ่งก็รีบผลักประตูเข้าไป

หลังจากนั้น แม่นมเจิ้งก็พาคนที่เหลือเดินตามไปติดๆ

เหล่าขันทีที่ผลักประตูเข้าไป ต่างตกใจเป็นอย่างมาก

“อ๋า… ”

จู่ๆ ก็มีเสียงกรีดร้องของสตรีดังขึ้น

หากในตอนนี้แม่นมเจิ้งใจเย็นและละเอียดรอบคอบสักหน่อย นางจะพบว่าเสียงกรีดร้องนั้นมีบางอย่างผิดปกติ ทั้งยังเป็นเสียงของผู้ที่พวกนางคุ้นเคยอย่างดี

ทว่าน่าเสียดาย แม่นมเจิ้งมุ่งคิดแต่จะทำเรื่องนี้ให้สำเร็จ เพื่อจะได้สร้างความดีความชอบต่อพระพักตร์องค์ไทเฮา นางจึงไม่ทันได้คิดให้ละเอียดรอบคอบ

“เกิดอันใดขึ้น? ” แม่นมเจิ้งวิ่งเข้ามา พลางผลักขันทีสองคนที่ยืนขวางอยู่หน้าประตูและเปิดประตูเข้าไป นางยังไม่ทันเห็นคนที่อยู่ข้างในชัดเจนนัก ก็พูดเสียงดังว่า “ช่างกล้านัก พวกเจ้าสองคนกล้าทำกิจส่วนตัวในสถานที่แห่งนี้ ทำเรื่องสกปรกโสมมเช่นนี้… ”

“เป็น… เป็นเช่นนี้ได้อย่างไร… ”

หลวงจีนหยิบเสื้อผืนหนึ่งขึ้นมาคลุมร่างด้วยท่าทีเฉื่อยชา และนั่งลงบนเก้าอี้ด้านข้างอย่างเฉยเมย ราวกับว่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ไม่เกี่ยวข้องกับตน

หวาหรงจวิ้นจู่นอนอยู่บนเตียงด้วยร่างกายเปลือยเปล่า นางคว้าเสื้อผ้าขึ้นมาปิดบังร่างกาย ทว่าเสื้อผ้าเหล่านั้นไม่มีทางปกปิดได้มิด นางน้ำตาไหลพรากจนแทบขาดใจ

“นี่มันเรื่องอันใด… เกิดอันใดขึ้น… เจ้าเป็นใคร? เจ้าเป็นใคร? เจ้าทำอันใดกับข้ากันแน่? ”

“หึๆ เมื่อครู่เจ้ายังต้อนข้าอย่างมีความสุข ไม่ใช่หรือ? เป็นอย่างไร? ตอนนี้เนื้อตัวเปลือยเปล่า กลับไม่กล้ายอมรับแล้วหรือ? ” หลวงจีนพูดด้วยน้ำเสียงเกียจคร้าน

“ข้า… ข้า… ข้าไม่รู้เรื่อง ข้าไม่รู้เรื่องอันใดทั้งสิ้น… นี่มันเกิดอันใดขึ้นกันแน่? แม่นมเจิ้ง นี่มันเรื่องอันใดกัน? ” หวาหรงจวิ้นจู่ทั้งหวาดกลัว ทั้งตกใจ ใบหน้าของนางซีดขาวราวกับกระดาษ

ในเวลานี้ ทุกคนต่างไม่รู้ว่าเกิดอันใดขึ้น ทว่าแม่นมเจิ้งกลับเข้าใจเรื่องนี้เป็นอย่างดี

นางกับแม่นมจูเตรียมยาเสน่ห์ให้หลวงจีน สาเหตุที่ยานี้มีชื่อว่า ยาปลุกกำหนัด เพราะเมื่อดื่มยานี้ ผู้ที่ดื่มยาจะไม่ได้รับพิษ ทว่าบนร่างกายจะกระจายกลิ่นแปลกประหลาดบางอย่างออกมา ดึงดูดให้ผู้ที่เข้าใกล้เกิดอารมณ์กำหนัดอย่างไม่สามารถควบคุมสติตนเองได้

เป็นไปได้ว่าหลวงจีนไม่ได้พูดปด เมื่อครู่หวาหรงจวิ้นจู่กระทำเช่นนั้นจริงๆ นางคอยรุกไล่หลวงจีนอยู่ตลอดจริงๆ

จนกระทั่งแม่นมเจิ้งพาคนบุกเข้ามา หลวงจีนจึงผละตัวออกไป หวาหรงจวิ้นจู่ถึงได้ฟื้นคืนสติ และตกใจกับการกระทำเหล่านั้นของตนเอง

หวาหรงจวิ้นจู่จำได้ว่า นางดื่มเหล้าจนเมามาย และพบเข้ากับฉ่ายเยวี่ย จากนั้นฉ่ายเยวี่ยก็พานางมาตำหนักแห่งนี้ หลังจากนั้น นางก็เห็นหลวงจีนรูปหนึ่งเป็นภาพเลือนราง ทว่า… นางไม่ทราบว่าเหตุใดตนถึงทำเช่นนี้?

เหตุใด?

“อ๋า… ”

ทันใดนั้น หวาหรงจวิ้นจู่ก็กรีดร้องเสียงดัง ก่อนจะกระโดดลงจากเตียงและวิ่งออกไปด้านนอกตำหนัก

แม่นมเจิ้งตกตะลึงกับเหตุการณ์ที่อยู่ตรงหน้า นางยืนอยู่ตรงประตูทางออก ทว่ากลับลืมขัดขวางหวาหรงจวิ้นจู่ไว้

หากนางขัดขวางหวาหรงจวิ้นจู่ได้ทันเวลา เรื่องราวมากมายหลังจากนี้ก็จะไม่เกิดขึ้น

“เป็นเช่นไร แม่นมเจิ้ง? ความร่วมมือของข้าในครั้งนี้ ท่านพอใจหรือไม่? ” หลวงจีนสวมเสื้อผ้าและเดินเข้ามาพูดที่ข้างหูของแม่นมเจิ้ง

ในที่สุด แม่นมเจิ้งก็ฟื้นคืนสติ แววตาเย็นชาของนางดุดันและน่ากลัวยิ่งนัก

“ทหาร! จับตัวหลวงจีนชั่วผู้นี้ไว้”

หลวงจีนตกตะลึง “แม่นมเจิ้ง นี่ท่านคิดจะทำอันใด? ไทเฮาไม่ได้รับสั่งหรือว่า… ”

คำพูดในประโยคสุดท้ายยังไม่ทันได้พูด แม่นมเจิ้งก็พูดแทรกขึ้นก่อน “เจ้าเป็นถึงพระสงฆ์ ไม่อยู่ในศีลในธรรมก็พอทำเนา ทว่าเจ้ากล้าลบหลู่หยามเกียรติจวิ้นจู่ ไทเฮาไม่มีทางปล่อยเจ้าไว้แน่”

“จวิ้นจู่… เป็นไปได้อย่างไร… ”

แม่นมจูบอกเขาว่า ฝ่ายตรงข้ามเป็นเพียงนางกำนัล เพียงเขาหยามเกียรติทำลายศักดิ์ศรีของนาง ไม่เพียงไทเฮาจะมอบสิ่งที่เขาต้องการให้เท่านั้น พระนางยังจะให้เขาได้เสวยสุขไปตลอดชีวิต ทว่านางกลับไม่พูดถึงคำว่าจวิ้นจู่แม้แต่น้อย

ในเวลานี้ ฝ่ายตรงข้ามกลายเป็นจวิ้นจู่ได้อย่างไร?

ดวงตาของหลวงจีนกลอกไปมาอย่างรวดเร็ว “ใช้ได้นี่ ที่แท้พวกเจ้าก็ร่วมมือกันทำร้ายข้า”

“ลากตัวออกไป คุมตัวอย่างเข้มงวด! ”

แม่นมเจิ้งไม่รู้ว่าควรจัดการกับเหตุการณ์ที่เปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันนี้อย่างไร นางทำได้เพียงจับตัวหลวงจีนเอาไว้ก่อน

“แม่นมเจิ้ง ข้าไม่ยอมปล่อยพวกเจ้าไว้แน่ ยังมีองค์ไทเฮาอีก พวกเจ้าทุกคนต้องไม่ได้ตายดี พวกเจ้าทั้งหมดต้องไม่ได้ตายดี”

“ทหาร! ” แม่นมเจิ้งตะโกนเสียงดังออกไปทางด้านนอก

ทันใดนั้นแม่นมจูก็พาองครักษ์จำนวนมากวิ่งเข้ามา

“จับตัวบ่าวรับใช้ที่ไม่ยอมเคารพกฎเกณฑ์ในตำหนักเดี๋ยวนี้”

จับตัวบ่าวรับใช้ด้วย?

แม่นมจูแสดงท่าทีไม่เข้าใจ

หลังออกมาจากตำหนัก แม่นมจูก็พาองครักษ์จำนวนหนึ่งมายืนคุมอยู่ด้านนอก เพื่อป้องกันแรงต่อต้านของพระชายาโยวอ๋อง และป้องกันผู้ที่จะมาช่วยเหลือนาง เมื่อครู่ที่แม่นมจูได้ยินเสียงเรียกของแม่นมเจิ้ง นางจึงบุกเข้ามาเพื่อจับกุมพระชายาโยวอ๋อง ทว่าเหตุใด ในครั้งนี้ถึงให้จับกุมบ่าวรับใช้เหล่านี้แทนเล่า?

ตามแผนการแล้ว บ่าวรับใช้เหล่านี้คือพยานที่อยู่ในเหตุการณ์ไม่ใช่หรือ?

“แม่นมเจิ้ง เจ้า… เจ้าไม่ได้พูดผิดใช่หรือไม่? ” แม่นมจูถามเพื่อยืนยันอีกครั้ง

“ยังไม่รีบจับกุมอีก! ” แม่นมเจิ้งส่งสายตาเป็นสัญญาณให้แม่นมจู

แม้แม่นมจูจะไม่เข้าใจว่าเกิดอันใดขึ้น ทว่านางก็ออกคำสั่งให้ทหารจับตัวเหล่านางกำนัลและขันทีไว้ก่อน

“แม่นม พวกเราถูกปรักปรำ พวกเราไม่ได้ทำอันใดเลยจริงๆ ”

“ใช่ แม่นม พวกเราทุกคนถูกปรักปรำ พวกเราไม่ได้ทำผิดกฎในตำหนัก”

สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน

สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน

Status: Ongoing
อ่านนิยายเรื่อง สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน สามพันปีก่อนที่แผ่นดินเทียนเหอจะได้รับการจดบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์ สกุลซู ตระกูลแพทย์ที่เก่าแก่และร่ำรวยแห่งแคว้นจงหนิง ภายในห้องที่รกร้างทรุดโทรมห้องหนึ่ง บุตรสาวคนที่เจ็ด ‘ซูจิ่นซี’ เสื้อผ้าขาดลุ่ย ร่างกายเต็มไปด้วยบาดแผลถูกมัดติดกับเสา ข้างกายคือสาวงามนางหนึ่ง นางสวมอาภรณ์หรูหรา ในมือถือกริชค่อยๆ เฉือนลงบนร่างกายของซูจิ่นซี “ไอ้โง่ เจ้ายังไม่ยอมอ้าปากพูดอีกหรือ หยกกิเลนอยู่ที่ใด” ร่างของซูจิ่นซีสั่นสะท้านด้วยความเจ็บปวด ทว่าปากก็ยังถูกปิดสนิทให้ไม่สามารถพูดได้แม้แต่คำเดียว ดวงตาสีเข้มมืดมนคลอด้วยหยาดน้ำตา ส่งสายตาวิงวอนต่อสาวงามนางนั้น หญิงสาวยิ้มมุมปากอย่างพอใจแล้วดึงผ้าที่อุดปากซูจิ่นซีออก สาวงามตะโกนอย่างเกรี้ยวกราด “พูด! ” แต่นางกลับคาดไม่ถึงว่าซูจิ่นซีจะร้องไห้ส่งเสียงดังสนั่นราวกับเด็กน้อยขึ้นมา “พี่หญิงเป็นคนหลอกลวง ฮือ…ฮือฮือ…บอกว่าจะให้ข้ากินปลา ท่านพี่หลอกข้า ฮือฮือ ลวี่หลี… ข้าเจ็บเหลือเกิน! ลวี่หลี…ฮือฮือฮือ…ข้าเลือดไหล ลวี่หลี…” ดวงตาส่องประกายของสาวงามหม่นแสงลงทันที กริชในมือยกขึ้นจ่อคอของซูจิ่นซีอย่างไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อย “หุบปาก! หากยังตะโกนอีก ข้าจะฆ่าเจ้าเสียตอนนี้! ” ซูจิ่นซีหวาดกลัวเสียจนหยุดส่งเสียงร้องไห้ในทันใด อีกทั้งยังมองสาวงามด้วยแววตาขยาด ทว่าในขณะที่ดวงตาอันสับสนของซูจิ่นซีมองทะลุผ่านสาวงามไปยังบุรุษผู้มีรังสีมืดมนบนเก้าอี้ไม้จันทน์สีแดงแปดเหลี่ยมข้างหลังนาง ซูจิ่นซีก็รู้สึกกระสับกระส่ายขึ้นมา

Comment

Options

not work with dark mode
Reset