สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน – ตอนที่ 85 ชายาที่รัก ปรนนิบัติท่านอ๋องอาบน้ำ

     เยี่ยโยวเหยาที่เดินอยู่ด้านหน้า หยุดเดินแล้วหันหลังมามองซูจิ่นซีทันที

        ความโกรธในร่างกายของซูจิ่นซีลดลงในชั่วพริบตา นางยิ้มเหมือนลูกแมวเชื่องๆ แล้วกล่าวว่า “ท่านอ๋อง ไม่… ไม่มีอันใดเพคะ เรื่องอันใดก็ไม่มีเพคะ”

        แม่นมฮวายกมือปิดปากแอบหัวเราะ

        ซูจิ่นซีมองไปที่แม่นมฮวาด้วยความโกรธ

        ทันใดนั้นเยี่ยโยวเหยาก็หันศีรษะมาอีกครั้ง

        “ซูจิ่นซี ครั้งก่อนเรื่องที่ถูกลักพาตัวไป เจ้าควรอธิบายให้ข้าฟังหน่อยหรือไม่? ”

        อธิบาย?

        ซูจิ่นซีรู้สึกมืดมนอีกแล้ว

        ด้วยเหตุนี้ซูจิ่นซีที่พึ่งจะกลับคืนสู่สภาพเดิม นางยังไม่ทันได้กลับไปที่เรือนอวิ๋นไคก็ถูกเยี่ยโยวเหยาดึงไปที่ตำหนักฝูอวิ๋นเสียแล้ว

        เมื่อถึงตำหนักฝูอวิ๋น เยี่ยโยวเหยาก็ไม่รีบร้อนฟังซูจิ่นซีอธิบาย คาดไม่ถึงว่าเยี่ยโยวเหยาจะให้คนไปตักน้ำใส่ในอ่างที่ตำหนักทางตะวันตก แล้วเริ่มอาบน้ำ

        โชคดีที่ไม่ได้สั่งให้ซูจิ่นซีไปอาบให้ เพียงให้ซูจิ่นซีรออยู่ด้านนอก

        ทว่าความรู้สึกที่ต้องรอคอยนี้ทรมานมากกว่าการอาบน้ำให้เยี่ยโยวเหยาเสียอีก

        ห้องอาบน้ำของเยี่ยโยวเหยากับซูจิ่นซีไม่เหมือนกันเลยแม้แต่น้อย ตำหนักฝูอวิ๋นได้สร้างที่อาบน้ำกลางแจ้งขึ้นมาเป็นพิเศษซึ่งใช้พื้นที่ทั้งห้อง ยิ่งกว่านั้นยังสร้างได้หรูหรามาก

        สระน้ำยิ่งมีขนาดใหญ่ เวลาอาบน้ำก็ยิ่งเคลื่อนไหวได้มาก

        ไอน้ำปกคลุมไปทั่วทั้งตำหนักฝูอวิ๋น ปลายจมูกได้กลิ่นน้ำหอมหลงเสียนจางๆ ซูจิ่นซีที่กำลังดมกลิ่นน้ำหอมอยู่ ใบหน้าเห่อร้อนขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ แก้มของนางแดงระเรื่ออย่างไม่ทราบสาเหตุ แม้จะมีผ้าม่านผืนใหญ่และหนาทึบกั้นอยู่ ทว่าซูจิ่นซีกลับอดจินตนาการถึงท่วงท่าการอาบน้ำของเยี่ยโยวเหยาไม่ได้

        ในน้ำกระจ่างใส ผิวสีน้ำผึ้งเปล่งประกายเป็นเงามัน การผสมผสานระหว่างรูปร่างที่คล่องแคล่วแข็งแรงและกล้ามเนื้อได้รูปที่สมบูรณ์แบบนั้นน่าดึงดูดมากขึ้นเมื่ออยู่ใต้น้ำ ผมยาวสีเข้มเปล่งประกายพลิ้วไหวไปตามผิวน้ำ บดบังทัศนียภาพข้างใต้ ทว่าสิ่งที่สมบูรณ์แบบที่สุดคือใบหน้าหล่อเหลาที่ไม่เหมือนผู้ใดในโลกนี้

        ท่ามกลางไอน้ำหนาทึบจนทำให้การมองเห็นไม่ชัดเจนนั้น มีร่างหนึ่งค่อยๆ หันมา ทำให้ผู้คนที่พบเห็นจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว

        “เจ้ากำลังทำอันใด? ”

        เสียงที่โกรธเกรี้ยวเล็กน้อยลากความคิดของซูจิ่นซีที่ล่องลอยอยู่ในเมฆกลับมาสู่ความเป็นจริง

        เมื่อนึกถึงสิ่งที่ตนเองพึ่งคิดเมื่อครู่ ทั้งร่างของซูจิ่นซีก็ร้อนวูบวาบขึ้นมาในทันที ร่างกายของนางร้อนไหม้จนแทบจะระเหยกลายเป็นไอขึ้นไปบนฟ้า

        เหมือนกับเด็กที่ถูกจับได้ว่าทำความผิดอย่างไรอย่างนั้น ซูจิ่นซีรีบหันกลับมา นางวางมือทาบไว้ที่หน้าอกตนเองด้วยความรู้สึกผิด

        สวรรค์!

        เมื่อครู่นางทำสิ่งใดลงไป?

        เยี่ยโยวเหยาพึ่งเดินออกมาจากอ่างอาบน้ำ เขานุ่งผ้าผืนใหญ่สีขาวราวหิมะ เมื่อมองดูซูจิ่นซีที่มีท่าทางประหม่าเช่นนั้น มุมปากก็ยกยิ้มขึ้นเล็กน้อย

        ในเวลานี้ไม่มีผู้ใดสังเกตเห็นรอยยิ้มที่สวยงามตรงมุมปากของเยี่ยโยวเหยา  เพราะแต่ไหนแต่ไรมา เยี่ยโยวเหยาก็ไม่ใช่ผู้ที่ชอบยิ้ม เขามักทำให้ผู้อื่นรู้สึกได้เพียงความเย็นชาอยู่เสมอ

        “ยืนทำสิ่งใดอยู่? ยังไม่มาปรนนิบัติข้าอีก? ”

        ปรน… ปรนนิบัติ?

        ซูจิ่นซีหันศีรษะมามองด้วยความประหลาดใจ นางยกนิ้วชี้มาที่ใบหน้าของตนเอง “ท่านอ๋อง ท่านหมายถึงหม่อมฉันหรือเพคะ? ”

        “หรือว่าที่นี่ยังมีผู้อื่นอยู่อีกหรือ? ”

        เยี่ยโยวเหยากล่าวเสียงเย็นชา

        “เพคะ! ”

        ซูจิ่นซีส่งเสียงตอบรับแห้งๆ นางเดินไปยืนอยู่ด้านข้างของเยี่ยโยวเหยา ทันใดนั้นก็รู้สึกว่ามือเท้าของตนช่างเกะกะเสียเหลือเกิน ไม่รู้ว่าควรทำอันใด

        “ช่วยข้าเช็ดน้ำบนร่างกายให้สะอาด! ”

        เยี่ยโยวเหยากางแขนแล้วพูดอย่างเย็นชา

        มือของซูจิ่นซีแข็งทื่ออีกครั้ง

        บนร่างกายของเยี่ยโยวเหยามีเพียงผ้าผืนใหญ่ที่นุ่งอยู่เท่านั้น หากช่วยเขาเช็ดน้ำก็ต้องเปิดผ้า เช่นนั้นแล้วทิวทัศน์ด้านล่างนั้นก็จะปรากฎออกมา?

        จะต้องให้นางทำตัวไม่ถูกถึงเพียงใดกัน!

        “ท่านอ๋อง! คือว่า… ”

        ซูจิ่นซีขมวดคิ้ว น้ำเสียงอู้อี้

        “มีเรื่องอันใด? ”

        “คือว่า… สามารถ… สามารถให้ผู้อื่นช่วยท่านได้หรือไม่เพคะ? หม่อมฉัน… หม่อมฉัน… ”

        เยี่ยโยวเหยาโน้มตัวลงมาทันที ส่งเสียงเย้ายวนกระซิบข้างหูของซูจิ่นซี “พระชายาที่รัก ต้องการให้ผู้ใดมาเล่า? ”

        ซูจิ่นซีมือไม้อ่อนจนทำสิ่งใดไม่ถูก นางรีบเดินไปที่โต๊ะด้านข้าง และหยิบผ้าเช็ดตัวผืนแห้งมา ซูจิ่นซีไม่ได้สังเกตด้วยซ้ำว่าชื่อที่เยี่ยโยวเหยาเรียกนางเปลี่ยนเป็น ‘พระชายาที่รัก’

        และไม่รู้ด้วยว่าเยี่ยโยวเหยาคิดอะไรอยู่ในใจ หางคิ้วของเขาปรากฏความเย็นชา เยี่ยโยวเหยาเงยหน้า หลับตาลงอย่างแผ่วเบา พึงพอใจกับการปรนนิบัติของซูจิ่นซี

        ซูจิ่นซีทำตัวราวกับลูกแมวที่เชื่อฟังอย่างไรอย่างนั้น นางถือผ้าเช็ดไปตามร่างกายของเยี่ยโยวเหยาทีละนิด ผ้าผืนใหญ่นั้นยังไม่ได้ปลดออกไป แค่เพียงแขนทั้งสองข้างของเยี่ยโยวเหยากับร่างกายครึ่งหนึ่งที่เปลือยเปล่า ซูจิ่นซีก็ใช้เวลาเช็ดนานถึงครึ่งชั่วยาม

        เยี่ยโยวเหยาไม่ได้เอ่ยเร่งรัดเช่นกัน เขายังคงรักษาไว้ซึ่งท่าทีของชายผู้มั่งคั่งและเย็นชาอยู่เสมอ

        ท้ายที่สุดแล้ว แม้จะถ่วงเวลาเท่าไร เรื่องที่ต้องเผชิญก็ต้องเผชิญจนได้

        ซูจิ่นซีวางผ้าเช็ดตัวที่ถืออยู่ไว้บนโต๊ะ นางหันหลังกลับไป สูดหายใจเข้าลึกๆ นางช่างซวยซ้ำซวยซ้อนอะไรเช่นนี้ เมื่อหันกลับมาก็ส่งยิ้มให้เยี่ยโยวเหยาอย่าง ‘มืออาชีพ’ แล้วกล่าวว่า “ท่านอ๋อง ท่านเตรียมตัวดีแล้วใช่หรือไม่เพคะ! ข้าจะดึงผ้าบนร่างกายของท่านแล้วเช็ดส่วนที่เหลือนะเพคะ! ”

        “อืม! ”

        เสียงของเยี่ยโยวเหยายังคงเย็นชาเป็นอย่างมาก ต่างจากซูจิ่นซีที่ยิ้มอย่างใจเย็น ทว่าในใจกลับยิ่งกังวลมากขึ้น

        นางถือผ้าแห้งไว้ในมือข้างหนึ่ง และยื่นมืออีกข้างออกไปปลดผ้าเช็ดตัวผืนใหญ่ของเยี่ยโยวเหยาอย่างระมัดระวัง

        ทีละนิด ทีละนิด ทีละนิด…

        ซูจิ่นซียืนอยู่ด้านหลังของเยี่ยโยวเหยา แผ่นหลังกว้างและเต็มไปด้วยแผลเป็นค่อยๆ เปิดเผยออกมา ปรากฏพื้นที่ราบไปจนสุดทาง นางเห็นเอวที่เว้าโค้งอย่างสมบูรณ์ หัวใจของซูจิ่นซีเต้น ‘ตึกตึกตึก’ อย่างบ้าคลั่งทว่าไร้ร่องรอย นางตื่นเต้นจนหัวใจแทบจะทะลุมาถึงคอหอยแล้ว

        ลงไปอีก… จะเห็นสิ่งที่ไม่ต้องการเห็นที่สุดแล้ว ซูจิ่นซียอมรับว่าตนเองไม่ได้มีความอดทนมากพอที่จะต้านทานความหล่อระดับพระเจ้าของเยี่ยโยวเหยา ทว่านั่นไม่ได้หมายความว่านางบ้าผู้ชาย

        นางยังมีขอบเขต นางไม่เคยแต่งงานมาก่อน และยังเป็นสตรีที่ไม่มีประสบการณ์ทางโลก

        ทันใดนั้นซูจิ่นซีก็หลับตาแน่น อารมณ์ที่แสดงออกมาไม่ยี่หระต่อความตายใดๆ ทั้งสิ้น  นางดึงผ้าเช็ดตัวผืนใหญ่ของเยี่ยโยวเหยาออก ใช้ฝ่ามือทั้งสองข้างถือผ้าแห้งเช็ดมั่วไปหมด

        “อ่ะอ่ะอ่ะอ่ะ! ”

        ซูจิ่นซีเช็ดเช็ดเช็ดเช็ด เช็ดอยู่อย่างนั้นสักพักอย่างมั่วซั่วทั้งบนล่าง อย่างไรก็ตามดวงตาของนางปิดอยู่จึงไม่รู้ว่ามือของตนเช็ดที่ใดไปบ้าง หลังจากเช็ดด้านหลังเสร็จแล้ว ซูจิ่นซีก็กะองศาหามุมย้ายมาเช็ดทางด้านหน้าของเยี่ยโยวเหยาต่อ

        “อืม…ส์… ”

        ไม่รู้ว่าซูจิ่นซีเช็ดโดนส่วนใดของเยี่ยโยวเหยาเช่นกัน ทันใดนั้นเยี่ยโยวเหยาก็ส่งเสียงต่ำคลุมเคลือที่ทั้งเจ็บปวดและมีความสุขออกมา

        “ให้ตายเถิด!”

        เยี่ยโยวเหยาจับมือของซูจิ่นซี

        พระเจ้า ฆ่าข้าเลยเถิด!

        ดวงตาทั้งสองข้างของซูจิ่นซียังคงปิดสนิท ไม่กล้าลืมตาขึ้นมาแม้แต่น้อย ท่าทางแสดงออกถึงการขอความเมตตาจากท่านอ๋อง

        “ท่านอ๋อง… เป็นท่าน… เป็นท่านที่สั่งให้ข้าเช็ดนะ! ”

        “ข้าให้เจ้าเช็ดน้ำให้ข้า ไม่ใช่ให้คนตาบอดมานวด”

        ซูจิ่นซีตกใจร่างกายสั่นสะท้านทันที นางมีความคิดอยากเอาหัวโหม่งให้ตาย

        “ท่านอ๋อง… หม่อมฉันไม่ได้ตั้งใจเพคะ หม่อมฉันสาบาน! ”

        “ออกไป! ”

        เยี่ยโยวเหยาสะบัดซูจิ่นซีออกไป

        ซูจิ่นซีกลิ้งสองสามครั้งแล้วล้มลงบนเตียงนุ่ม พอลืมตาขึ้น ก็ไม่กล้ามองสถานการณ์รอบๆ ซูจิ่นซีรีบลุกขึ้นและเดินออกจากตำหนักฝูอวิ๋นไป

        ไม่ ช้าก่อน!

        เหมือนว่านางจะมองเห็นสิ่งใดบางอย่าง

        ซูจิ่นซีรีบ ‘เบรก’ หยุดเท้าอย่างกะทันหันแล้วหันหลังกลับไป

        ที่แท้เยี่ยโยวเหยาก็ใส่กางเกงไว้ข้างใน

        หากนางรู้ว่าจะเป็นเช่นนี้ นางคงไม่กังวลถึงเพียงนั้น เหตุใดนางต้องรีบหลับตาด้วย?

        “หืม? ”

        เยี่ยโยวเหยาหันศีรษะกลับมาทันทีด้วยสายตาที่เย็นชา

        ทันใดนั้นซูจิ่นซีก็ราวกับลูกแมวที่ถูกเหยียบหางอย่างไรอย่างนั้น นางรีบพาตนเองอันตรธานหายไปจนไม่เห็นแม้แต่เงาในชั่วพริบตา

        กังวลเกินไป กลัวเกินไป ผิดปกติเกินไป… ซูจิ่นซีเอาแต่เดิน จนลืมไปเสียสิ้นถึงจุดประสงค์เดิมของเยี่ยโยวเหยาที่ลากนางมายังตำหนักฝูอวิ๋น เพื่อฟังนางอธิบายเกี่ยวกับเรื่องที่ถูกลักพาตัวไป

สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน

สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน

Status: Ongoing
อ่านนิยายเรื่อง สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน สามพันปีก่อนที่แผ่นดินเทียนเหอจะได้รับการจดบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์ สกุลซู ตระกูลแพทย์ที่เก่าแก่และร่ำรวยแห่งแคว้นจงหนิง ภายในห้องที่รกร้างทรุดโทรมห้องหนึ่ง บุตรสาวคนที่เจ็ด ‘ซูจิ่นซี’ เสื้อผ้าขาดลุ่ย ร่างกายเต็มไปด้วยบาดแผลถูกมัดติดกับเสา ข้างกายคือสาวงามนางหนึ่ง นางสวมอาภรณ์หรูหรา ในมือถือกริชค่อยๆ เฉือนลงบนร่างกายของซูจิ่นซี “ไอ้โง่ เจ้ายังไม่ยอมอ้าปากพูดอีกหรือ หยกกิเลนอยู่ที่ใด” ร่างของซูจิ่นซีสั่นสะท้านด้วยความเจ็บปวด ทว่าปากก็ยังถูกปิดสนิทให้ไม่สามารถพูดได้แม้แต่คำเดียว ดวงตาสีเข้มมืดมนคลอด้วยหยาดน้ำตา ส่งสายตาวิงวอนต่อสาวงามนางนั้น หญิงสาวยิ้มมุมปากอย่างพอใจแล้วดึงผ้าที่อุดปากซูจิ่นซีออก สาวงามตะโกนอย่างเกรี้ยวกราด “พูด! ” แต่นางกลับคาดไม่ถึงว่าซูจิ่นซีจะร้องไห้ส่งเสียงดังสนั่นราวกับเด็กน้อยขึ้นมา “พี่หญิงเป็นคนหลอกลวง ฮือ…ฮือฮือ…บอกว่าจะให้ข้ากินปลา ท่านพี่หลอกข้า ฮือฮือ ลวี่หลี… ข้าเจ็บเหลือเกิน! ลวี่หลี…ฮือฮือฮือ…ข้าเลือดไหล ลวี่หลี…” ดวงตาส่องประกายของสาวงามหม่นแสงลงทันที กริชในมือยกขึ้นจ่อคอของซูจิ่นซีอย่างไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อย “หุบปาก! หากยังตะโกนอีก ข้าจะฆ่าเจ้าเสียตอนนี้! ” ซูจิ่นซีหวาดกลัวเสียจนหยุดส่งเสียงร้องไห้ในทันใด อีกทั้งยังมองสาวงามด้วยแววตาขยาด ทว่าในขณะที่ดวงตาอันสับสนของซูจิ่นซีมองทะลุผ่านสาวงามไปยังบุรุษผู้มีรังสีมืดมนบนเก้าอี้ไม้จันทน์สีแดงแปดเหลี่ยมข้างหลังนาง ซูจิ่นซีก็รู้สึกกระสับกระส่ายขึ้นมา

Comment

Options

not work with dark mode
Reset