สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน – ตอนที่ 252 อะไรคือสิ่งที่ซูจิ่นซีกลัวที่สุด

ซูจิ่นซีไม่ทันรอให้เยี่ยโยวเหยาเอ่ยปาก ระบบถอนพิษก็ส่งเสียงเตือนขึ้นอีกครั้งทันที ซูจิ่นซีรีบมองลงไปที่ก้นเหว

เห็นเพียงหมอกบางๆ ท่ามกลางหมู่เมฆ ก๊าซพิษกลุ่มหนึ่งค่อยๆ ลอยขึ้นมา

ก๊าซพิษและหมอกควันผสมรวมเข้าด้วยกัน หากไม่ใช่เพราะระบบถอนพิษของซูจิ่นซีตรวจพบ คงไม่มีผู้ใดแยกแยะได้ว่าเป็นก๊าซพิษ

“เยี่ยโยวเหยา มีก๊าซพิษ”

เมื่อได้ยินเสียงเตือนของซูจิ่นซี เยี่ยโยวเหยาจึงออกแรงโอบเอวซูจิ่นซีเล็กน้อย ทว่าทั้งสองไม่มีผู้ใดถอยกลับ

ซูจิ่นซีเคยรับมือกับก๊าซพิษตอนที่อยู่ในหุบเขาร้อยบุปผามาก่อน แม้ก๊าซพิษในที่แห่งนี้จะมีขนาดใหญ่และมีปริมาณมากกว่าที่หุบเขาร้อยบุปผา ทว่าหลักในการสร้างก๊าซพิษไม่แตกต่างกันนัก และไม่ได้ใช้ยาพิษที่มีฤทธิ์ร้ายแรง

ซูจิ่นซีนำสมุนไพรที่ระบบถอนพิษได้เตรียมไว้ให้แล้วมอบให้เยี่ยโยวเหยาทานหนึ่งเม็ด และนางเองก็ทานหนึ่งเม็ด จากนั้นซูจิ่นซีก็นำขวดที่มีรูปร่างประหลาดมากขวดหนึ่งออกมาจากระบบถอนพิษ ขณะที่พวกเขากำลังเคลื่อนเข้าใกล้ก๊าซพิษ ซูจิ่นซีก็พ่นน้ำยาที่อยู่ด้านในขวดใส่ตนเองและเยี่ยโยวเหยา

ผ่านไปครู่หนึ่ง พวกเขาเคลื่อนผ่านก๊าซพิษมาแล้ว ก๊าซพิษนั้นเคลื่อนที่ขึ้นไปด้านบน ส่วนพวกเขาเคลื่อนที่ลงด้านล่าง เพียงผ่านก๊าซพิษไปได้ ด่านนี้ก็นับว่าผ่านแล้ว

เวลานี้ พวกเขาเหาะจากยอดหน้าผาลงมาไกลมากแล้ว เยี่ยโยวเหยาต้องอาศัยพลังจากหินที่ยื่นออกมาจากหน้าผา

ซูจิ่นซีเงยหน้ามองเยี่ยโยวเหยา เยี่ยโยวเหยาก็ก้มหน้ามองซูจิ่นซีเช่นกัน ขณะที่ดวงตาทั้งสองคู่สบกัน ภายในใจของซูจิ่นซีพลันสั่นไหวขึ้นมา ขณะเดียวกัน ซูจิ่นซีก็จับภาพดวงตาที่เปล่งประกายอย่างแปลกประหลาดคู่นั้นของเยี่ยโยวเหยาได้

ไม่รู้เพราะเหตุใด จู่ๆ แก้มของซูจิ่นซีก็ร้อนผ่าวและแดงก่ำ

“ซูจิ่นซี เจ้าทำได้ดีมาก! ” เยี่ยโยวเหยาพูดชมเชย

ซูจิ่นซีกัดริมฝีปากแน่น ไม่ได้พูดอันใด

“พวกเราไปกันต่อ! ” เยี่ยโยวเหยาบอกซูจิ่นซีว่า พวกเขาต้องเหาะลงไปที่ก้นเหวต่อ ซูจิ่นซีจึงเก็บอารมณ์ทั้งหมดไว้ และเอื้อมมือไปกอดเอวของเยี่ยโยวเหยาอย่างแน่นหนา

พวกเขายังคงเหาะลงไปด้านล่างอย่างต่อเนื่อง

ระหว่างทาง พวกเขาไม่พบอุปสรรคใดๆ อีก

เยี่ยโยวเหยากำลังเคลื่อนที่เข้าใกล้ก้นเหว ทันใดนั้น ระบบถอนพิษก็ตรวจพบว่าที่ก้นเหวมีสารพิษปริมาณมาก

ในนั้นยังมีหนูจำนวนมากซึ่งซูจิ่นซีกลัวที่สุด

สำหรับหนู แท้จริงแล้ว ซูจิ่นซีกลัวถึงระดับที่เรียกได้ว่าสยองสุดขีด

เมื่อนึกถึงหนูตัวนุ่มๆ หัวแหลมๆ และหางยาวๆ ซูจิ่นซีก็อดเอื้อมมือไปจับเสื้อของเยี่ยโยวเหยาไม่ได้

“ข้างล่างคือสิ่งใด? ” เยี่ยโยวเหยาพบว่าซูจิ่นซีมีท่าทีแปลกๆ จึงเอ่ยถามขึ้น

“เป็น… ”

ซูจิ่นซียังไม่ทันได้พูดออกมา แววตาของเยี่ยโยวเหยาก็เปล่งประกายในทันที เขาโอบเอวซูจิ่นซีพาถอยไปข้างหน้าผา ขณะเดียวกันก็ใช้พลังตวัดกระบี่ออกไป

“ว้าย… ”

ซูจิ่นซีอดร้องตะโกนออกมาไม่ได้ นางมุดศีรษะเข้าไปในอ้อมแขนของเยี่ยโยวเหยา มือก็กำเสื้อของเยี่ยโยวเหยาไว้แน่น แม้แต่เล็บก็หยิกไปบนผิวหนังของเยี่ยโยวเหยา

น่ากลัวเกินไปแล้ว เป็นหนูบิน…

ซูจิ่นซีกลัวจนตัวสั่นอยู่ในอ้อมแขนของเยี่ยโยวเหยา

นางไม่กลัวฟ้า ไม่กลัวดิน สิ่งที่นางกลัวที่สุดคือหนู แต่ซูจิ่นซีไม่คาดคิดเลยว่า หนูจะมีปีกยาวเพิ่มขึ้นมาอีก

“ซูจิ่นซี ใช้ยาพิษ… ”

หนูบินพ่นเมือกพิษออกมาเป็นระยะ และกระพือปีกโจมตีเยี่ยโยวเหยากับซูจิ่นซีอย่างต่อเนื่อง

แม้เยี่ยโยวเหยาจะสามารถสังหารหนูบินได้ ทว่าเขาไม่รู้วิชาพิษ ทั้งยังไม่แน่ใจว่า สิ่งที่หนูบินพ่นออกมานั้นมีพิษหรือไม่

ซูจิ่นซีในตอนนี้ ไม่สามารถใส่ใจสิ่งเหล่านี้ได้

ตอนที่เห็นหนูบิน ทุกอย่างที่ปรากฏขึ้นในสมองของซูจิ่นซีคือ ดวงตากลมๆ ของหนูบินและหัวแหลมๆ ทั้งยังมีขนนุ่มๆ บนตัวของมันอีก

สมองของซูจิ่นซีลืมแล้วซึ่งหน้าที่ นางไม่สนใจเสียงเตือนของระบบถอนพิษ

“เยี่ยโยวเหยา… ”

ในเวลานี้ เยี่ยโยวเหยาเป็นฟางเส้นสุดท้ายของนาง แม้แต่มือของนางก็ย้ายไปอยู่ที่คอของเยี่ยโยวเหยา และกอดคอของเขาแน่น

มาจนถึงขั้นนี้แล้ว เป็นไปไม่ได้ที่เยี่ยโยวเหยาจะมองไม่ออกว่า ซูจิ่นซีกลัวหนูบินมากทีเดียว

แววตาของเยี่ยโยวเหยาปรากฏความเย็นชาขึ้นมาอีกครั้ง และไม่บีบบังคับซูจิ่นซีอีก เขาตวัดกระบี่รับมือกับหนูบินเพียงผู้เดียว

แม้หนูบินตัวนั้นจะร้ายกาจ ทว่าโชคดีที่มันมีเพียงตัวเดียว ใช้เวลาไม่ถึงกาน้ำชาเดือด เยี่ยโยวเหยาก็สามารถจัดการมันได้เรียบร้อย

“ซูจิ่นซี ไม่เป็นอันใดแล้ว! ” เยี่ยโยวเหยาพูด

ซูจิ่นซีไม่ได้ยินอันใดทั้งนั้น นางยังกอดเยี่ยโยวเหยาแน่น เนื้อตัวยังคงสั่นเทา

“ไม่เป็นอันใดแล้ว” เยี่ยโยวเหยาพูดอีกครั้ง ทว่าซูจิ่นซียังไม่มีการตอบสนอง

เยี่ยโยวเหยาจึงไม่เรียกนางอีก ทำเพียงประคองนางให้เคลื่อนลงไปด้านล่างต่อ

ขณะที่ใกล้จะถึงพื้น เยี่ยโยวเหยาก็ขมวดคิ้วแน่น

คาดไม่ถึงว่าบนพื้นจะเต็มไปด้วยหนู เมื่อนึกถึงปฏิกิริยาตอบโต้จากความหวาดกลัวของซูจิ่นซีตอนที่เห็นหนูบินก่อนหน้านี้ เยี่ยโยวเหยาจึงกอดซูจิ่นซีและเคลื่อนที่กลับขึ้นไปด้านบนทันที

ก่อนหน้านี้ ระหว่างทางที่พวกเขาลงมา เยี่ยโยวเหยาจำได้ว่าเห็นกิ่งไม้ยื่นออกมาจำนวนมาก

เยี่ยโยวเหยาหากิ่งไม้ที่แข็งแรงกิ่งหนึ่งเพื่อหยุดพัก

เดิมทีเยี่ยโยวเหยาต้องการดันซูจิ่นซีออก ทว่ามือที่เคลื่อนไปยังไหล่ของซูจิ่นซีกลับหยุดชะงักลง เขาตบไปบนหลังของซูจิ่นซีอย่างแผ่วเบาแทน “จิ่นซี? ”

ตัวของซูจิ่นซียังคงสั่นเทา และไม่มีการตอบสนอง “จิ่นซี ไม่เป็นอันใดแล้ว! ” เยี่ยโยวเหยาพูด

ซูจิ่นซีจึงค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมา

เยี่ยโยวเหยาเห็นใบหน้าของซูจิ่นซีที่ตกใจกลัวจนขาวซีดในวินาทีนั้น ดวงตาของเยี่ยโยวเหยาก็เผยให้เห็นถึงความรักใคร่เอ็นดู

“ไม่เป็นอันใดแล้ว หนูบินตัวนั้นข้าจัดการไปแล้ว”

“เยี่ยโยวเหยา! ” ซูจิ่นซีกอดคอเยี่ยโยวเหยาไว้แน่น “ด้านล่าง… ด้านล่างมีหนูจำนวนมาก ท่าน… อย่าทิ้งหม่อมฉัน… ”

เยี่ยโยวเหยาหยุดชะงักแล้วพูดว่า “ข้าไม่ทิ้งเจ้า! ”

ซูจิ่นซีไม่ได้พูดอันใด ทว่าแววตากลับเต็มไปด้วยความกลัวและความตื่นตระหนก เยี่ยโยวเหยายังพบว่าขาของซูจิ่นซีสั่นเล็กน้อย

“มอบยาที่ใช้รับมือพวกมันให้ข้า”

ซูจิ่นซีนำยาห่อหนึ่งออกมาจากระบบถอนพิษ และมอบมันให้เยี่ยโยวเหยา

“เจ้ารอข้าอยู่ที่นี่ก่อน ข้าจะลงไปจัดการพวกมัน จากนั้นค่อยมารับเจ้า”

“เยี่ยโยวเหยา ท่านอย่าทิ้งหม่อมฉันไป”

ซูจิ่นซีไม่รู้ว่า หนูที่อยู่ด้านล่างมีสภาพเช่นไร นางนึกว่าทั้งหมดจะเหมือนอย่างตัวเมื่อครู่ที่มีปีกยาว และสามารถบินได้

หากพวกมันเกิดหลุดรอดบินขึ้นมา นางไม่ตายหรอกหรือ?

ซูจิ่นซีกอดคอเยี่ยโยวเหยาไว้แน่น ให้ตายก็ไม่ยอมปล่อย ดวงตาแสดงความอ้อนวอนเล็กน้อย “เยี่ยโยวเหยา หม่อมฉันขอร้องท่าน อย่าทิ้งหม่อมฉันไป”

แท้จริงแล้ว ซูจิ่นซีไม่รู้เลยว่า ท่าทางของนางในตอนนี้มีเสน่ห์มากเพียงใด ระยะห่างและพฤติกรรมของพวกเขาแสดงถึงความสัมพันธ์ที่พิเศษมาก

“ตกลง ข้าจะไม่ไปจากเจ้า”

ขณะที่พูด เยี่ยโยวเหยาก็ดึงมือขวาของซูจิ่นซีออกมาและปิดอาคมกำไลปี่อั้น จากนั้นก็จัดแจงเสื้อคลุมของซูจิ่นซีใหม่อีกครั้ง พลางห่อซูจิ่นซีไว้อย่างแน่นหนา

“อีกสักครู่ หากเกิดเรื่องอันใดขึ้นก็ไม่ต้องดู จำไว้ ข้าอยู่เคียงข้างเจ้าเสมอ”

ซูจิ่นซีพยักหน้าอย่างเชื่อฟัง

ไม่มีผู้ใดสังเกตเห็นว่า แท้จริงแล้วในตอนนี้ ระยะห่างระหว่างหัวใจของพวกเขา ใกล้กันมากเพียงใด

นี่คือสิ่งที่ซูจิ่นซีต้องการให้เป็นมาโดยตลอดไม่ใช่หรือ?

ซูจิ่นซีมักครุ่นคิดอยู่เสมอว่า นางมองเยี่ยโยวเหยาไม่ออก นางคิดอยู่เสมอว่า ชีวิตของเยี่ยโยวเหยาปกคลุมไปด้วยเมฆหมอกหนาทึบ ทว่าในเวลานี้ หัวใจของเยี่ยโยวเหยาและหัวใจของนางกลับใกล้ชิดแนบแน่นเข้าด้วยกัน แต่ซูจิ่นซีกลับไม่รู้สึกถึงอารมณ์นั้น

สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน

สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน

Status: Ongoing
อ่านนิยายเรื่อง สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน สามพันปีก่อนที่แผ่นดินเทียนเหอจะได้รับการจดบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์ สกุลซู ตระกูลแพทย์ที่เก่าแก่และร่ำรวยแห่งแคว้นจงหนิง ภายในห้องที่รกร้างทรุดโทรมห้องหนึ่ง บุตรสาวคนที่เจ็ด ‘ซูจิ่นซี’ เสื้อผ้าขาดลุ่ย ร่างกายเต็มไปด้วยบาดแผลถูกมัดติดกับเสา ข้างกายคือสาวงามนางหนึ่ง นางสวมอาภรณ์หรูหรา ในมือถือกริชค่อยๆ เฉือนลงบนร่างกายของซูจิ่นซี “ไอ้โง่ เจ้ายังไม่ยอมอ้าปากพูดอีกหรือ หยกกิเลนอยู่ที่ใด” ร่างของซูจิ่นซีสั่นสะท้านด้วยความเจ็บปวด ทว่าปากก็ยังถูกปิดสนิทให้ไม่สามารถพูดได้แม้แต่คำเดียว ดวงตาสีเข้มมืดมนคลอด้วยหยาดน้ำตา ส่งสายตาวิงวอนต่อสาวงามนางนั้น หญิงสาวยิ้มมุมปากอย่างพอใจแล้วดึงผ้าที่อุดปากซูจิ่นซีออก สาวงามตะโกนอย่างเกรี้ยวกราด “พูด! ” แต่นางกลับคาดไม่ถึงว่าซูจิ่นซีจะร้องไห้ส่งเสียงดังสนั่นราวกับเด็กน้อยขึ้นมา “พี่หญิงเป็นคนหลอกลวง ฮือ…ฮือฮือ…บอกว่าจะให้ข้ากินปลา ท่านพี่หลอกข้า ฮือฮือ ลวี่หลี… ข้าเจ็บเหลือเกิน! ลวี่หลี…ฮือฮือฮือ…ข้าเลือดไหล ลวี่หลี…” ดวงตาส่องประกายของสาวงามหม่นแสงลงทันที กริชในมือยกขึ้นจ่อคอของซูจิ่นซีอย่างไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อย “หุบปาก! หากยังตะโกนอีก ข้าจะฆ่าเจ้าเสียตอนนี้! ” ซูจิ่นซีหวาดกลัวเสียจนหยุดส่งเสียงร้องไห้ในทันใด อีกทั้งยังมองสาวงามด้วยแววตาขยาด ทว่าในขณะที่ดวงตาอันสับสนของซูจิ่นซีมองทะลุผ่านสาวงามไปยังบุรุษผู้มีรังสีมืดมนบนเก้าอี้ไม้จันทน์สีแดงแปดเหลี่ยมข้างหลังนาง ซูจิ่นซีก็รู้สึกกระสับกระส่ายขึ้นมา

Comment

Options

not work with dark mode
Reset