สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน – ตอนที่ 256 ดวงตาค่ายกลเขาวงกต

“ค่ายกลนี้ เดิมเป็นค่ายกลที่ผสมผสานและใช้ประโยชน์จากห้าธาตุ หากคนทั่วไปเผชิญหน้ากับค่ายกลประเภทนี้ต้องตายสถานเดียว ทว่าในตัวเจ้ามีอาคมกำไลปี่อั้น เจ้าสามารถได้ยินในสิ่งที่ผู้อื่นไม่ได้ยิน ดังนั้นกลไกที่มาจากธาตุทั้งห้าจะกลายเป็นจุดอ่อนในทันที”

เยี่ยโยวเหยาเริ่มอธิบาย “ธาตุทั้งห้าแบ่งออกเป็น ธาตุทอง ธาตุไม้ ธาตุน้ำ ธาตุไฟ และธาตุดิน ห้าธาตุที่สอดรับเกื้อหนุนกันคือ ไม้เกิดไฟ ไฟเกิดดิน ดินเกิดทอง ทองเกิดน้ำ น้ำเกิดไม้ และห้าธาตุที่ขัดกันหรือทำลายล้างกันคือ ไม้ทำลายดิน ดินทำลายน้ำ น้ำดับไฟ ไฟหลอมทอง ทองทำลายไม้”

เยี่ยโยวเหยาอธิบายเช่นนี้ ซูจิ่นซีจึงเข้าใจในทันที เสียงขับเคลื่อนกลไกมาจากห้าตำแหน่งที่แตกต่างกัน เสียงของกลไกที่ดังเบาและสั้นยาวนั้นมาจากธาตุทั้งห้าที่เกื้อหนุนและทำลายล้างกัน ไม่นานนักซูจิ่นซีก็สามารถแยกแยะตำแหน่งแต่ละแห่งของห้าธาตุได้

“ทิศตะวันออกไม้ ทิศใต้ไฟ ตรงกลางดิน ทิศตะวันตกทอง ทิศเหนือน้ำ”

ตำแหน่งนี้เหมือนกับตำแหน่งปกติของธาตุทั้งห้า

“ค่ายกลทุกชนิดล้วนมีดวงตาค่ายกล ดวงตาค่ายกลจะผันแปร หมุนวนรอบธาตุทั้งห้าไม่รู้จบ ในแต่ละตำแหน่ง หากต้องการทำลายค่ายกล จะต้องเข้าไปในดวงตาค่ายกลให้ได้เสียก่อน”

“ข้าหาตำแหน่งดวงตาค่ายกลพบแล้ว”

เยี่ยโยวเหยาเพิ่งอธิบายเสร็จ ซูจิ่นซีก็พูดสวนขึ้นทันที

เมื่อสิ้นเสียงพูด ซูจิ่นซีก็จูงมือเยี่ยโยวเหยา

ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ซูจิ่นซีจูงมือเยี่ยโยวเหยาก่อน แววตาของเยี่ยโยวเหยาพลันเปล่งประกาย

ซูจิ่นซีพาเยี่ยโยวเหยาเข้าไปในดวงตาค่ายกลได้อย่างรวดเร็ว

หลังจากเข้าไปในดวงตาค่ายกลได้แล้ว ทันใดนั้นก็มีแสงสว่างปรากฏขึ้นรอบๆ ลำแสงเจิดจ้าดั่งแสงศักดิ์สิทธิ์ส่องลงมาจากด้านบน ทำให้บนพื้นดินปรากฏตัวอักษรจำนวนมาก

การทำลายค่ายกล ส่วนที่ยากที่สุดคือต้องหาดวงตาค่ายกลให้พบ ในเวลานี้ พวกเขาหาดวงตาค่ายกลพบแล้ว กอปรกับความเข้าใจในเรื่องธาตุทั้งห้าของเยี่ยโยวเหยา เขาไม่จำเป็นต้องให้ซูจิ่นซีฟังเสียงกลไกอีกแล้ว ทั้งยังสามารถหาตำแหน่งประตูเป็นได้อย่างรวดเร็ว

“ไปทางนี้! ”

เยี่ยโยวเหยาพาซูจิ่นซีออกไปทางประตูเป็น

“พวกเราออกมาได้แล้ว! ”

ซูจิ่นซียืนอยู่ตรงข้ามเขาวงกต นางหันกลับไปมองด้วยความดีใจ

ทว่า รอยยิ้มบนใบหน้าของพวกเขากลับเลือนหายไปในทันที

เพราะขณะที่พวกเขาทั้งสองหันหลังกลับไป กลไกในเขาวงกตทั้งหมดก็กลับมาทำงานอีกครั้ง

“แย่แล้ว ประตูเป็นกับประตูตายของค่ายกลนี้อยู่ในตำแหน่งเดียวกัน”

ชั่วพริบตา พื้นหินสีเขียวใต้ฝ่าเท้าของพวกเขาเกิดยุบตัวลง ขณะเดียวกันอาวุธลับทั้งหมดในกลไกเขาวงกตก็พุ่งเข้ามาหาพวกเขา

เยี่ยโยวเหยาดึงมือซูจิ่นซีให้ถอยกลับ พื้นด้านหลังของพวกเขาทรุดตัวลงอย่างรวดเร็ว นี่คือช่วงวินาทีแห่งความเป็นความตาย

“เยี่ยโยวเหยา ด้านหน้ายังมีเสียงของกลไก มันคือแท่นกดทำลายกลไกหรือไม่? ”

“อยู่ตำแหน่งใด? ” เยี่ยโยวเหยาถามเสียงหนักแน่น

“ทิศเหนือ แถวที่สี่ หลังแผ่นหินก้อนที่สาม”

สวรรค์ล่วงรู้ ความเร็วของเยี่ยโยวเหยามีมากเพียงใดในเวลานี้ อาวุธลับจำนวนมากพุ่งเข้ามาหาพวกเขาดั่งห่าฝน หากเยี่ยโยวเหยาหมุนตัวกลับไปป้องกัน ย่อมไม่มีทางขัดขวางได้ พวกเขาต้องถูกอาวุธลับพุ่งเสียบร่างจนพรุนเหมือนรังแตนเป็นแน่

พวกเขาทำได้เพียงพุ่งไปข้างหน้า อีกทั้งสถานที่แห่งนี้ยังโล่งกว้าง ไม่มีวัตถุอันใดที่สามารถนำมาเป็นเกราะกำบังได้เลย

เยี่ยโยวเหยาพาซูจิ่นซีไปถึงตำแหน่งที่นางบอกไว้อย่างรวดเร็ว เขาตวัดกระบี่ยาวเสียบลงไปบนแผ่นหินสีเขียวก้อนนั้น ทันทีที่ตวัดกระบี่ลงไป แผ่นหินสีเขียวก้อนนั้นก็แตกออกเป็นเสี่ยงๆ

ในขณะเดียวกัน เสียงจากทางด้านหลังพลันเงียบลง

ทั้งสองหันหลังกลับไปมองพร้อมกัน อาวุธลับที่อยู่ด้านหลังทั้งหมด หยุดนิ่งกลางอากาศเหมือนเวทมนตร์ ลูกธนูแหลมคมดอกหนึ่งหยุดอยู่ที่กลางหว่างคิ้วของซูจิ่นซี อีกเพียงนิดเดียว นิดเดียวเท่านั้น ธนูดอกนั้นก็จะเสียบเข้าที่ศีรษะของซูจิ่นซี และนางก็จะตายในทันที

เกิดเสียงครืนดังขึ้น อาวุธทั้งหมดที่ลอยอยู่กลางอากาศตกลงบนพื้น

“เกือบไปแล้ว” ซูจิ่นซีถอนหายใจโล่งอก

หากลูกธนูดอกนี้ค้างเติ่งอยู่กลางหว่างคิ้วของเยี่ยโยวเหยา เยี่ยโยวเหยาคงไม่แม้แต่จะขมวดคิ้ว ทว่าเมื่อครู่เป็นซูจิ่นซีที่กำลังตกอยู่ในอันตราย ฝ่ามือของเยี่ยโยวเหยาจึงเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ

“ไป! ” เยี่ยโยวเหยาจูงมือซูจิ่นซี

ตามคำแนะนำของซูจิ่นซี เยี่ยโยวเหยาจึงพบห้องศิลาที่ใช้คุมขังเหล่ามือสังหาร และอาคมกำไลปี่อั้นของซูจิ่นซีก็ทำลายกลไกที่ประตูได้ไม่ยาก

ครู่เดียวพวกเขาก็เปิดประตูห้องศิลาได้

“ท่านอ๋อง พระชายา”

เหล่ามือสังหารต่างมีท่าทีประหลาดใจที่เห็นเยี่ยโยวเหยากับซูจิ่นซีมาช่วยพวกเขาด้วยตนเอง ทุกคนต่างลุกขึ้นแสดงความเคารพเยี่ยโยวเหยากับซูจิ่นซี

“รีบทานยานี้ก่อน”

ซูจิ่นซียื่นยาถอนพิษที่ปรุงเรียบร้อยแล้วให้กับทุกคน

“ยาถอนพิษนี้สามารถระงับพิษในร่างกายได้ชั่วคราวและฟื้นคืนวรยุทธ์ของทุกคน ส่วนพิษที่หลงเหลืออยู่ หลังจากออกไปได้แล้ว ข้าจะหาสมุนไพรมาทำยาถอนพิษให้อีกครั้ง” ซูจิ่นซีพูดขึ้น

“ขอบพระทัยพระชายา”

เหล่ามือสังหารทานยา และแสดงความขอบคุณซูจิ่นซี

“ทุกท่านไม่จำเป็นต้องกล่าวขอบคุณ กลไกด้านนอกได้ถูกทำลายไปแล้ว กูสือซานกับพวกคงล่วงรู้แล้ว ข้ากับท่านอ๋องจะเป็นด่านหน้าป้องกันเผื่อฝ่ายตรงข้ามใช้พิษ ทุกคนคอยคุมเชิงด้านหลัง พวกเราออกไปได้แล้วค่อยว่ากัน”

“พ่ะย่ะค่ะ” ทุกคนต่างตอบรับอย่างพร้อมเพรียง

เยี่ยโยวเหยายังคงจูงมือเดินนำซูจิ่นซีอยู่ด้านหน้า

เป็นไปตามคาด ขณะที่พวกเขาเดินออกจากเขาวงกต กูสือซานก็พาพรรคพวกบุกเข้ามาพอดี

“โยวอ๋อง ราชครูอย่างข้า รอต้อนรับท่านอยู่นานแล้ว”

แววตาของเยี่ยโยวเหยาเผยไอสังหาร ใบหน้าเคร่งขรึม เขาไม่ได้พูดอันใด ทำเพียงคว้ากระบี่ออกมาเตรียมพร้อมต่อสู้อย่างเต็มกำลัง

เยี่ยโยวเหยามีบุคลิกเย็นชา พูดน้อยต่อยหนักและไม่ไว้หน้าผู้ใดมาแต่ไหนแต่ไร เขาจะไม่พูดจาให้มากความในเรื่องที่ต้องใช้กำลังในการแก้ปัญหา

“บุก วันนี้ผู้ใดจัดการโยวอ๋องได้ ข้าจะตกรางวัลเป็นทองหมื่นชั่ง”

กูสือซานออกคำสั่ง ทันใดนั้น องครักษ์ที่อยู่ด้านหลังทั้งหมดต่างพุ่งเข้าโจมตีเยี่ยโยวเหยา

การรับมือกับลูกสมุนพวกนี้ ไม่จำเป็นต้องให้เยี่ยโยวเหยาที่อยู่ในฐานะท่านอ๋องลงมือด้วยตนเอง เยี่ยโยวเหยาเผยใบหน้าเย็นชา เขาดึงซูจิ่นซีให้ถอยหลังสองก้าว เหล่ามือสังหารที่อยู่ด้านหลังทั้งหมดต่างพุ่งเข้าโจมตีแทน

เยี่ยโยวเหยาพาซูจิ่นซีเหาะลอยข้ามไป พุ่งเข้าโจมตีกูสือซาน

“หึ โอบสตรีงามเข้าร่วมรบ โยวอ๋อง เจ้าช่างสุขกายสุขใจ ทั้งยังเจ้าชู้ไม่เบา” กูสือซานกระชากเสียง พร้อมเข้าประมือกับเยี่ยโยวเหยาได้มากกว่าสิบกระบวนท่า

แม้ซูจิ่นซีจะไม่รู้วรยุทธ์ ทว่าหลังจากได้ร่วมต่อสู้มาหลายครั้งหลายครา นางพอจะมองรูปแบบการต่อสู้ภายนอกได้บ้าง

ต้องบอกว่า กูสือซานนับเป็นผู้ที่มีวรยุทธ์ร้ายกาจผู้หนึ่ง อย่างน้อยเขาก็เก่งกว่าจอมวายร้ายไป๋เฉ่ามากนัก สามารถรับมือกับเยี่ยโยวเหยาได้อย่างทัดเทียม

ทว่าหากเป็นเช่นนี้ต่อไป มือสังหารที่ต่อสู้อยู่ด้านหลังคงยืนหยัดได้ไม่นานนัก ทั้งกูสือซานยังมีฝีมือที่ร้ายกาจเช่นนี้ วันนี้พวกเขาคงออกไปจากที่นี่ได้ยาก

ต้องคิดหาหนทางอื่น

ในเวลานี้ หมอพิษสี่คนที่มาพร้อมกับกูสือซาน และคอยยืนคุมเชิงอยู่ด้านหลัง ได้เริ่มใช้พิษแล้ว

ระบบถอนพิษส่งเสียงแจ้งเตือนอย่างบ้าคลั่ง

หมอพิษใช้พิษอย่างต่อเนื่อง ซูจิ่นซีก็กำจัดพิษอย่างต่อเนื่องเช่นกัน

เป็นเช่นนี้ไปห้าหกกระบวนท่า กูสือซานเริ่มให้ความสนใจกับสตรีที่อยู่ในอ้อมกอดของเยี่ยโยวเหยาบ้างแล้ว

“คิดไม่ถึงว่า สตรีอย่างเจ้าจะเป็นยอดฝีมือในการใช้พิษเช่นกัน มิน่าเล่า เยี่ยโยวเหยาถึงไม่ยอมปล่อยเจ้าออกจากอ้อมกอด ทว่าเยี่ยโยวเหยา อาศัยสตรีเพียงผู้เดียวร่วมรบ นับเป็นยอดฝีมืออันใด เจ้ามีความสามารถเท่านี้เองหรือ? ”

สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน

สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน

Status: Ongoing
อ่านนิยายเรื่อง สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน สามพันปีก่อนที่แผ่นดินเทียนเหอจะได้รับการจดบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์ สกุลซู ตระกูลแพทย์ที่เก่าแก่และร่ำรวยแห่งแคว้นจงหนิง ภายในห้องที่รกร้างทรุดโทรมห้องหนึ่ง บุตรสาวคนที่เจ็ด ‘ซูจิ่นซี’ เสื้อผ้าขาดลุ่ย ร่างกายเต็มไปด้วยบาดแผลถูกมัดติดกับเสา ข้างกายคือสาวงามนางหนึ่ง นางสวมอาภรณ์หรูหรา ในมือถือกริชค่อยๆ เฉือนลงบนร่างกายของซูจิ่นซี “ไอ้โง่ เจ้ายังไม่ยอมอ้าปากพูดอีกหรือ หยกกิเลนอยู่ที่ใด” ร่างของซูจิ่นซีสั่นสะท้านด้วยความเจ็บปวด ทว่าปากก็ยังถูกปิดสนิทให้ไม่สามารถพูดได้แม้แต่คำเดียว ดวงตาสีเข้มมืดมนคลอด้วยหยาดน้ำตา ส่งสายตาวิงวอนต่อสาวงามนางนั้น หญิงสาวยิ้มมุมปากอย่างพอใจแล้วดึงผ้าที่อุดปากซูจิ่นซีออก สาวงามตะโกนอย่างเกรี้ยวกราด “พูด! ” แต่นางกลับคาดไม่ถึงว่าซูจิ่นซีจะร้องไห้ส่งเสียงดังสนั่นราวกับเด็กน้อยขึ้นมา “พี่หญิงเป็นคนหลอกลวง ฮือ…ฮือฮือ…บอกว่าจะให้ข้ากินปลา ท่านพี่หลอกข้า ฮือฮือ ลวี่หลี… ข้าเจ็บเหลือเกิน! ลวี่หลี…ฮือฮือฮือ…ข้าเลือดไหล ลวี่หลี…” ดวงตาส่องประกายของสาวงามหม่นแสงลงทันที กริชในมือยกขึ้นจ่อคอของซูจิ่นซีอย่างไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อย “หุบปาก! หากยังตะโกนอีก ข้าจะฆ่าเจ้าเสียตอนนี้! ” ซูจิ่นซีหวาดกลัวเสียจนหยุดส่งเสียงร้องไห้ในทันใด อีกทั้งยังมองสาวงามด้วยแววตาขยาด ทว่าในขณะที่ดวงตาอันสับสนของซูจิ่นซีมองทะลุผ่านสาวงามไปยังบุรุษผู้มีรังสีมืดมนบนเก้าอี้ไม้จันทน์สีแดงแปดเหลี่ยมข้างหลังนาง ซูจิ่นซีก็รู้สึกกระสับกระส่ายขึ้นมา

Comment

Options

not work with dark mode
Reset