สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน – ตอนที่ 89 ก่อความวุ่นวายอันใดไร้เหตุผล ผู้ใดจะทำไม่ได้กัน

        “มีคนออกมาแล้ว”

        “เป็นพระพระชายาโยวอ๋อง”

        “มาดูเร็ว พระชายาโยวอ๋องออกมาแล้ว”

        “พระชายาโยวอ๋อง คดีเกี่ยวกับฆาตกรที่วางยาพิษฮองเฮา ท่านสืบได้ความว่าอย่างไรบ้าง? บอกผลลัพธ์กับทุกคนหน่อยเถิด! ที่บ่อนพนันทุกคนได้วางเดิมพันไปแล้ว ท่านอย่าทำให้ทุกคนผิดหวังนะ! ”

        “ใช่! สรุปสืบความได้ว่าอย่างไรบ้าง ท่านรีบพูดเถิด! ”

        เดิมพัน?

        เรื่องนี้ซูจิ่นซีไม่เคยได้ยินมาก่อน!

        ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้เอง คนในยุคโบราณก็เล่นการพนัน

        “พระชายาโยวอ๋อง ท่านพูดอันใดสักหน่อยเถิด! ”

        “พระชายาโยวอ๋อง ท่านเป็นใบ้แล้วหรืออย่างไร? พูดสิ! มีผลแล้วก็คือมีผลแล้ว ไม่มีผลก็บอกไม่มีผล ท่านเงียบเช่นนี้ต้องการปล่อยให้ทุกคนกังวลอย่างนั้นหรือ! ”

        “ใช่! พระชายาโยวอ๋อง ทุกคนต่างก็รออยู่นะ! ”

        ทันใดนั้นฝูงชนก็ส่งเสียงเห็นพ้องดังลั่น ทว่าไม่ว่าจะบีบบังคับอย่างไร ซูจิ่นซีก็ยังคงยืนนิ่งอยู่กับที่ไม่พูดอันใดแม้แต่ประโยคเดียว

        ด้านบนโรงน้ำชาฝั่งตรงข้าม มีร่างผู้ที่คุ้นเคยเป็นอย่างมากยืนอยู่ ‘ฮั่วอวี้เจียว’

        ฮั่วอวี้เจียวยืนมองสถานการณ์ที่หน้าประตูจวนโยวอ๋องอย่างเย็นชา ใบหน้าเล็กที่งดงามเต็มไปด้วยคำถาม

        ทว่าการแสดงออกของฉิงสั่ว สาวใช้ที่ยืนอยู่ด้านข้างกลับเต็มไปด้วยความโกรธแค้น

        “คุณหนู รอดูว่าข้าน้อยจะจัดการกับนางอย่างไรนะเจ้าคะ! ”

        ฉิงสั่วพูดแล้วเดินลงไปด้านล่างโรงน้ำชา

        ฮั่วอวี้เจียวขวางนางไว้

        “ฉิงสั่ว พวกเรามาเพื่อสังเกตดูว่าทางซูจิ่นซีสืบความอันใดได้หรือไม่ เจ้าอย่าก่อเรื่อง”

        “คุณหนู! รอจนซูจิ่นซีสืบเรื่องราวได้ก็คงสายไปเสียแล้วนะเจ้าคะ! หากใจสตรีไม่เด็ดเดี่ยว ก็ไม่สามารถยืนหยัดได้อย่างมั่นคงนะเจ้าคะ หรือว่าหลังจากนี้ ท่านเต็มใจที่จะเห็นท่านอ๋องกับซูจิ่นซีอยู่ด้วยกันหรือเจ้าคะ? ”

        ฉิงสั่วทุกข์ใจกับเรื่องนี้มากกว่าฮั่วอวี้เจียวเสียอีก

        “นี่มิใช่ว่าไม่มีผลลัพธ์หรือ? แล้วอีกอย่าง เรื่องที่ท่านพี่และฮองเฮาถูกพิษนั้น… ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่ได้เด็ดขาด เจ้าไปไม่ได้”

        ฮั่วอวี้เจียวดึงฉิงสั่วไว้ไม่ยอมปล่อยไปง่ายๆ

        “คุณหนู เพราะว่าเรื่องที่คุณชายใหญ่กับฮองเฮงถูกพิษนั้นเกี่ยวข้องกับพวกเรา ดังนั้นข้าน้อยจึงยิ่งต้องไปเจ้าค่ะ เรื่องนี้ท่านกับข้าน้อยต่างรู้อยู่แก่ใจ ไม่มีที่ว่างให้หนีอีกแล้ว หากซูจิ่นซีประกาศทุกอย่างต่อสาธารณชน ก็สายเกินไปเสียแล้วนะเจ้าคะ”

        ฮั่วอวี้เจียวขมวดคิ้วแน่น สภาพจิตใจของนางตอนนี้ไม่มั่นคง ฉิงสั่วใช้โอกาสนี้สะบัดตัวหลุดจากมือของฮั่วอวี้เจียว แล้วรีบลงไปด้านล่าง

        “พระชายาโยวอ๋อง ท่านต้องการสิ่งใด หากพูดออกมาไม่ได้ ก็ไม่ต้องพูดแล้ว เพียงสารภาพผิดกับคุณหนูใหญ่ฮั่วก็พอ ทุกคนจะไม่กล่าวโทษอันใดท่าน ทว่าหลังจากจบเรื่องนี้แล้วขอให้ท่านรักษาสัญญา ออกไปจากจวนโยวอ๋องด้วยตนเอง”

        ทันใดนั้นก็มีเสียงประหลาดท่ามกลางฝูงชนดังขึ้นดึงดูดความสนใจของซูจิ่นซี เมื่อครู่ทุกคนต่างกดดันซักถาม ทว่าไม่มีผู้ใดที่กล้าหาญและยั่วยุอย่างเปิดเผย

        ชาวบ้านอยากรู้อยากเห็นมากเช่นกัน พวกเขาต่างมองหาทิศทางว่าเสียงนั้นมาจากที่ใด อีกทั้งยังหลีกทางออกเป็นสองฝั่งจนเหลือเพียงพื้นที่ตรงกลาง ฉิงสั่ว…เจ้าของเสียงเดินเข้าไปหาซูจิ่นซีทีละก้าวๆ

        “อ้อ? เจ้ามาเป็นเดือดเป็นร้อนแทนคุณหนูฮั่วหรือ? ”

        ฉิงสั่วคิดไม่ถึงว่าสายตาของซูจิ่นซีจะเฉียบแหลมเช่นนี้ คาดไม่ถึงว่าเพียงแวบเดียวก็สามารถมองเห็นถึงความตั้งใจของนางได้อย่างรวดเร็ว ฉิงสั่วรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย เพียงแต่ไม่ได้แสดงให้เห็นชัดเจนบนใบหน้า ถึงอย่างไรเสีย ที่จวนสกุลฮั่ว นางก็ไม่ใช่สาวใช้ธรรมดา

        “ข้าเพียงต้องการรู้ความจริงเท่านั้น เช่นเดียวกับคนอื่นๆ อย่างไรเล่า ข้าเป็นสมาชิกคนหนึ่งของบ่อนพนันที่ลงเดิมพัน”

        “ในเมื่อวางเดิมพัน เช่นนั้นก็รอดู เมื่อสิ้นสุดการเดิมพัน ผลการแข่งขันจะประกาศอย่างเป็นทางการเอง”

        ซูจิ่นซีกล่าว

        ฉิงสั่วถูกตอกกลับจนหน้าหงาย

        ในสมองครุ่นคิดอย่างรวดเร็ว “เมื่อลงเดิมพันแล้ว ก็เป็นเรื่องปกติที่ต้องรอจนกว่าจะประกาศผลแล้วค่อยพูด เพียงแต่พระชายาโยวอ๋อง ทุกคนต่างก็ได้ยินข่าวลือ เรื่องที่ฮองเฮาต้องพิษนั้นเป็นท่านที่วางยา ยอดฝีมือแห่งการถอนพิษก็คือยอดฝีมือในการวางยาพิษ มิเช่นนั้นฮองเฮาจะทรงประชวรมานานถึงเพียงนี้ได้อย่างไรกัน แม้แต่หมอหลวงแห่งสำนักหมอหลวงก็ไม่มีวิธีรักษา เหตุใดพระชายาโยวอ๋องจึงรักษาให้หายได้? ”

        น่าขัน ฮองเฮาได้รับพิษเมื่อสองปีก่อน ตอนนั้นซูจิ่นซียังไม่ทันได้ข้ามภพมาเลย! เจ้าของร่างเดิมยังเป็นเพียงคนโง่เขลาผู้หนึ่ง แม้แต่โอกาสที่จะเข้าวังยังไม่มี นางจะวางยาพิษฮองเฮาได้อย่างไร?

        “อะไรนะ? คงไม่ใช่เรื่องจริงหรอกกระมัง? เจ้าไปฟังมาจากผู้ใดกัน? มีข่าวลือพวกนี้ด้วยหรือ? ”

        “นั่นนะสิ? ผู้ใดที่พูดกัน? ”

        “เป็นเรื่องจริงหรือไม่? หากพิษบนร่างกายของฮองเฮาเป็นพระชายาโยวอ๋องที่เป็นผู้วางยา เช่นนั้นก็น่ากลัวเกินไปแล้ว”

        “ไม่แน่ อาจจะเป็นเรื่องจริงก็ได้นะ! ข้าได้ยินมาว่าก่อนหน้านี้ท่านอ๋องก็เคยถูกพิษ พวกเจ้าลองคิดดูสิ ท่านอ๋องเก่งกาจถึงเพียงนั้น ผู้ใดกันที่มีความสามารถวางยาพิษท่านอ๋องได้? ไม่แน่ว่าอาจเป็นคนข้างกายของท่านอ๋องที่ทำ อาจเป็นพระชายาโยวอ๋อง”

        หึๆ ตอนที่เยี่ยโยวเหยาถูกพิษ ซูจิ่นซียังไม่รู้จักเขาเลย นางยังไม่ได้แต่งเข้าจวนเขาเลยด้วยซ้ำ!

        คนพวกนี้มีความสามารถแพร่ข่าวลือได้กว้างขวางเสียจริง

        ฝูงชนมองไปยังทิศทางของซูจิ่นซี ทันใดนั้นพวกเขาก็รู้สึกกลัวเสียยิ่งกว่าพบเทพเฮยไป๋อู่ฉาง [1] เสียอีก ต่างพากันออกห่างจากซูจิ่นซีให้ไกลขึ้นอีกหน่อย พวกเขากลัวว่าในวินาทีต่อมาจะถูกซูจิ่นซีลอบวางยาพิษ

        ฉิงสั่วเห็นว่าฝูงชนที่โง่เขลาถูกนางยั่วยุได้สำเร็จ รอยยิ้มพอใจก็ปรากฏขึ้นที่มุมปาก

        “แม่นางผู้นี้ แม้แต่เจ้าเองยังพูดว่าเป็นข่าวลือ เพียงข่าวลือเจ้าก็เชื่อแล้วเช่นนั้นหรือ? ”

        รอยยิ้มที่มุมปากของฉิงสั่วเลือนหายไป ทว่าคำพูดของซูจิ่นซีไม่ได้ระงับความหยิ่งยโสของฉิงสั่วได้ทั้งหมด

        “ไม่มีลมไหนเลยจะมีคลื่น หากไม่ใช่เพราะพระชายาโยวอ๋องกระทำสิ่งใดจริง ข่าวลือนั้นคงไม่สามารถแพร่สะพัดไปยังท่านได้โดยไม่มีต้นสายปลายเหตุหรอก! มิเช่นนั้น พระชายาโยวอ๋อง ท่านพูดอธิบายให้ทุกคนฟังเสียหน่อยเถิด! ฆาตกรที่วางยาพิษฮองเฮานั้น ท่านสืบได้ความว่าอย่างไรเล่า?  ”

        ฉิงสั่วกล่าวเสียงดัง

        “ทุกคนต่างก็พูดกัน จะเป็นเพราะสาเหตุนี้หรือไม่! ”

        ฉิงสั่วตะโกนอีกครั้ง

        “เช่นนั้นพระชายาโยวอ๋องผู้มีมือสะอาดจนไม่จำเป็นต้องล้างเช่นท่าน ก็ควรอธิบายเสียหน่อย! ”

        “พูดเถิด! พระชายาโยวอ๋อง ในเมื่อทุกคนต่างก็วางเดิมพันข้างท่านแล้ว ต่างยืนยันว่าเชื่อในฝีมือของท่าน ท่านก็อย่าได้ปล่อยให้ทุกคนที่อยู่ที่นี่ต้องเป็นกังวลกับการรอคอยเลย! ใช่หรือไม่? ”

        “พระชายาโยวอ๋อง หากท่านยังไม่ยอมพูดอีก ทุกคนก็คงสงสัยว่าคำพูดของแม่นางผู้นี้เป็นความจริง หรือว่าพิษของฮองเฮา หัวหน้าขุนพลฮั่ว รวมถึงพิษบนร่างกายของท่านอ๋องต่างก็เป็นท่านที่เป็นผู้ลงมือ? ”

        ภายนอกซูจิ่นซีดูราวกับสงบนิ่งเป็นอย่างมาก แท้จริงแล้วภายในใจแม้แต่แผนการก็ยังไม่มี คดีวางยาพิษนี้ความจริงยังไม่ปรากฎเลย แล้วจะให้นางพูดอันใด?

        คนพวกนี้ช่างโง่เขล่าเสียจริง ถูกคนพูดจายุยงเพียงประโยคสองประโยคก็เชื่อเสียทุกอย่าง และยังมาขวางทางไม่ยอมปล่อยนางไปอีก

        หากรู้ว่าจะเป็นเช่นนี้ ก่อนหน้านี้นางน่าจะเชื่อฟังแม่นมฮวา ยอมออกไปทางประตูหลัง คนในวังได้เร่งรัดนางมาหลายครั้งว่าทุกคนต่างมาถึงแล้ว ขาดเพียงนางผู้เดียว หากนางยังไม่ไปปรากฏตัวอีก ฮองเฮาอาจมีโทษะก็เป็นได้

        เช่นนี้… จะทำอย่างไรดี?

        ซูจิ่นซีกำลังรีบร้อน ทันใดนั้นสายตาก็เหลือบไปเห็นร่างของคนในโรงน้ำชาที่อยู่ฝั่งตรงข้าม

        แม้ว่าคนผู้นั้นจะซ่อนตัวอย่างรวดเร็ว ทว่ายังถูกซูจิ่นซีเห็นเข้าจนได้

        ฮั่วอวี้เจียว?

        ที่แท้ทั้งหมดนี้ ฮั่วอวี้เจียวเป็นผู้บงการนี่เอง!

        ซูจิ่นซียิ้มเล็กน้อยที่มุมปาก ทันใดนั้นก็เกิดความคิดร้ายกาจแวบเข้ามาในหัว

        นางยกกระโปรงที่รุ่มร่ามทว่าหรูหราเป็นอย่างมาก เดินข้ามฝูงชนไปยังโรงน้ำชาฝั่งตรงข้าม

        ฉิงสั่วเห็นทิศทางที่ซูจิ่นซีกำลังเดินไปก็ให้รู้สึกแปลกๆ อยู่บ้าง นางร้อนรนขึ้นมาในทันที “พระชายาโยวอ๋อง นี่ท่านต้องการจะทำสิ่งใด? หรือว่าท่านขลาดกลัว หดหัวอยู่แต่ในกระดองใช่หรือไม่? ”

        “พระชายาโยวอ๋อง ท่านช่างขี้ขลาด พวกเราเหยียดหยามท่าน! ”

        ปากของฉิงสั่วช่างไม่น่าให้อภัย ทว่าเมื่อซูจิ่นซีก้าวขึ้นบันไดไปยังชั้นสองทีละก้าวๆ อย่างสง่างาม ใจของฉิงสั่วก็เต้น “ตึกตึกตึก” ระรัวไม่เป็นจังหวะจนแทบจะทะลุออกทางหน้าอกอยู่รอมร่อ

        แม้ฉิงสั่วจะตื่นตระหนกเพียงใด ก็ไม่เท่ากับฮั่วอวี้เจียวที่อยู่ชั้นบน

        โรงน้ำชาแห่งนี้มีบันไดขึ้นลงชั้นสองเพียงทางเดียว ซูจิ่นซีเพิ่งเดินขึ้นมาบนขั้นบันได ฮั่วอวี้เจียวก็รีบซ่อนตัวข้างริมหน้าต่าง เดิมทีก็ไม่มีที่ให้หลบซ่อนได้อยู่แล้ว หากคิดจะหลบหนียิ่งเป็นไปไม่ได้เลย

        ท้ายที่สุด ท่ามกลางสายตาของผู้คน ซูจิ่นซีก็จับฮั่วอวี้เจียวได้ตัวเป็นๆ

        “คุณหนูใหญ่ฮั่ว นี่เจ้ากำลังทำอันใดหรือ? แม้วันนี้จะเป็นวันสุดท้ายของการนัดหมายเรื่องเดิมพันระหว่างเจ้ากับข้า ทว่ายังเหลือเวลาอีกหลายชั่วยามก่อนจะถึงเส้นตายนี่! เจ้าจงใจให้คนมาขวางทางข้า ไม่ให้ข้าออกไปสืบคดี นี่มันเรื่องอันใดกัน? เจ้าคงไม่ได้โกงหรอกกระมัง? ”

        แมวตัวผู้ตัวเมีย ถูกจับได้แล้วก็เป็นแมวตาย

        ก่อความวุ่นวายอันใดไร้เหตุผล เรื่องใส่ร้ายป้ายสีผู้คน เหตุใดจะทำไม่ได้เล่า?

        เพียงคำพูดหนึ่งประโยคของซูจิ่นซีก็ราวกับเทน้ำสกปรกทั้งหมดลงบนร่างของฮั่วอวี้เจียวแล้ว

สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน

สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน

Status: Ongoing
อ่านนิยายเรื่อง สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน สามพันปีก่อนที่แผ่นดินเทียนเหอจะได้รับการจดบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์ สกุลซู ตระกูลแพทย์ที่เก่าแก่และร่ำรวยแห่งแคว้นจงหนิง ภายในห้องที่รกร้างทรุดโทรมห้องหนึ่ง บุตรสาวคนที่เจ็ด ‘ซูจิ่นซี’ เสื้อผ้าขาดลุ่ย ร่างกายเต็มไปด้วยบาดแผลถูกมัดติดกับเสา ข้างกายคือสาวงามนางหนึ่ง นางสวมอาภรณ์หรูหรา ในมือถือกริชค่อยๆ เฉือนลงบนร่างกายของซูจิ่นซี “ไอ้โง่ เจ้ายังไม่ยอมอ้าปากพูดอีกหรือ หยกกิเลนอยู่ที่ใด” ร่างของซูจิ่นซีสั่นสะท้านด้วยความเจ็บปวด ทว่าปากก็ยังถูกปิดสนิทให้ไม่สามารถพูดได้แม้แต่คำเดียว ดวงตาสีเข้มมืดมนคลอด้วยหยาดน้ำตา ส่งสายตาวิงวอนต่อสาวงามนางนั้น หญิงสาวยิ้มมุมปากอย่างพอใจแล้วดึงผ้าที่อุดปากซูจิ่นซีออก สาวงามตะโกนอย่างเกรี้ยวกราด “พูด! ” แต่นางกลับคาดไม่ถึงว่าซูจิ่นซีจะร้องไห้ส่งเสียงดังสนั่นราวกับเด็กน้อยขึ้นมา “พี่หญิงเป็นคนหลอกลวง ฮือ…ฮือฮือ…บอกว่าจะให้ข้ากินปลา ท่านพี่หลอกข้า ฮือฮือ ลวี่หลี… ข้าเจ็บเหลือเกิน! ลวี่หลี…ฮือฮือฮือ…ข้าเลือดไหล ลวี่หลี…” ดวงตาส่องประกายของสาวงามหม่นแสงลงทันที กริชในมือยกขึ้นจ่อคอของซูจิ่นซีอย่างไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อย “หุบปาก! หากยังตะโกนอีก ข้าจะฆ่าเจ้าเสียตอนนี้! ” ซูจิ่นซีหวาดกลัวเสียจนหยุดส่งเสียงร้องไห้ในทันใด อีกทั้งยังมองสาวงามด้วยแววตาขยาด ทว่าในขณะที่ดวงตาอันสับสนของซูจิ่นซีมองทะลุผ่านสาวงามไปยังบุรุษผู้มีรังสีมืดมนบนเก้าอี้ไม้จันทน์สีแดงแปดเหลี่ยมข้างหลังนาง ซูจิ่นซีก็รู้สึกกระสับกระส่ายขึ้นมา

Comment

Options

not work with dark mode
Reset