สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน – ตอนที่ 35 ไม่กล้าสบหน้าโดยตรง

        เว่ยเหม่ยเจียรีบวิ่งเข้าไปด้านในห้องและพบกับเฉินไท่เฟยที่หน้าซีดนอนนิ่งอยู่บนเตียง

        “พี่สะใภ้ ท่านทำอันใดกับเสด็จป้ากันแน่? ”

        ซูจิ่นซีเมินเว่ยเหม่ยเจีย ทำราวกับนางไม่มีตัวตนอยู่เลย

        เมื่อเห็นเยี่ยโยวเหยานั่งอยู่ด้านบน ซูจิ่นซีจึงเดินไปด้านหน้าแล้วเอ่ยว่า “ท่านอ๋อง อาการป่วยของเสด็จแม่ทรงตัวแล้ว ตอนนี้พ้นช่วงวิกฤตแล้วเพคะ”

        “ซูจิ่นซี แม้แต่หมอหลวงฉู่ยังสงสัยว่าอาการอาเจียนเป็นโลหิตของไท่เฟยนี้มีสาเหตุมากจากการเสวยยาของเจ้า เจ้าควรจะชี้แจงและสารภาพกระไรให้ข้าฟังสักหน่อยหรือไม่? ”

        เสียงของเยี่ยโยวเหยานุ่มนวลมาก ทว่าซูจิ่นซีรู้สึกได้ถึงรัศมีอันตรายที่คุ้นเคยบนร่างกายของเยี่ยโยวเหยาอีกครั้ง

        เขาก็เหมือนกับคนอื่นๆ ที่กำลังสงสัยตนอยู่เช่นเดียวกัน!

        ซูจิ่นซียิ้มอย่างเย็นชาที่มุมปาก หันไปมองหมอหลวงฉู่

        “หมอหลวงฉู่ ยามีมากมายและลึกซึ้งยิ่งนัก ท่านไม่ใช่เปี่ยนเชวี่ย [1] แล้วก็ไม่ใช่หวาถัว [2] ยังมีอีกหลายสิ่งหลายอย่างที่ไม่เคยพบเจอมาก่อน ใช่ว่าท่านไม่เคยพบไม่เคยดมกลิ่นแล้วผู้อื่นก็จะต้องเหมือนกับท่านที่เป็นดั่งกบในลาเช่นนั้นหรืออย่างไร? ”

        เคราของหมอหลวงฉู่กระตุกขึ้น ใบหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นสีขาว และความสงสัยก็แวบเข้ามาในตาของเขา

        ซูจิ่นซีพอใจกับปฏิกิริยาตอบสนองของหมอหลวงฉู่เป็นอย่างมาก

        “หลอหลวงฉู่ หรือมิใช่ว่าแม้แต่เปี่ยนเชวี่ยและหวาถัวท่านก็ยังไม่รู้จัก? ”

        น้ำเสียงเต็มไปด้วยความดูหมิ่นและเหน็บแนม

        ไม่จำเป็นต้องพูดให้มากความ ด้วยคำถามง่ายๆ ไม่กี่คำถามนี้ ซูจิ่นซีก็ได้อธิบายแก่เยี่ยโยวเหยาไว้มากมายแล้ว

        เรื่องเฉพาะทาง แม้แต่หมอหลวงฉู่ก็มีใบหน้าที่ว่างเปล่า แม้ว่านางจะอธิบายให้เยี่ยโยวเหยาฟัง เยี่ยโยวเหยาก็ไม่สามารถเข้าใจได้

        ใบหน้าของหมอหลวงฉู่ก็ซีดลงอีกครั้ง ทว่าเนื่องด้วยฐานะของซูจิ่นซี หมอหลวงฉู่จึงทำได้เพียงแค่ระงับความไม่พอใจไว้ภายในใจ ไม่กล้าที่จะพูดสิ่งใดให้มากความ

        ซูจิ่นซีภูมิใจมากเสียจนไม่สนใจหมอหลวงฉู่อีกต่อไป นางหันไปพูดกับเว่ยเหม่ยเจีย “รบกวนน้องหญิง นำยาทุกอย่างที่ให้เสด็จป้าเสวยมาให้ข้า ข้าต้องการจะตรวจดูทีละตัวอย่างละเอียด”

        เว่ยเหม่ยเจียตัดสินว่าที่เฉินไท่เฟยมีปัญหาก็เพราะใช้ยาของซูจิ่นซี แม้ว่าจะไม่ใช่ นางก็ตั้งใจแน่วแน่ที่จะตั้งโทษไว้ให้ซูจิ่นซีเช่นกัน

        “พี่สะใภ้ เสด็จป้าใช้เพียงแค่ยาที่ท่านให้ไว้ ยังจะให้ข้านำมาให้ท่านตรวจดูอีกรอบหรือ? ”

        “น้องหญิง ในตอนนี้คำพูดที่เจ้าพูดทุกคำเจ้าจะต้องรับผิดชอบนะ เจ้าแน่ใจใช่หรือไม่?”

        มีบางสิ่งที่ผิดปกติเกิดขึ้นบนใบหน้าโกรธขึ้งของหมอหลวงฉู่

        เว่ยเหม่ยเจียยังคงตั้งใจแน่วแน่ที่จะกัดไม่ปล่อย นางพูดด้วยรอยยิ้ม “พี่สะใภ้ ข้าแน่ใจมาก เสด็จป้าใช้เพียงแค่ยาที่ท่านให้ เหตุใดท่านจึงได้ไต่สวนข้าฉอดๆ เช่นนี้ หรือว่าท่านต้องการบอกเป็นนัยกระไรให้เหม่ยเจียหรือไม่เล่า? ”

        สตรีนางนี้ ไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตาเสียจริง

        ในเมื่อเป็นเช่นนี้ พี่สาวจะให้เจ้าดูว่าสิ่งใดที่เรียกว่าเห็นโลงศพแล้วก็ไม่มีโอกาสได้หลั่งน้ำตา!

        “หวงฉี เหรินเซิน ตังกุย ไฉหู เซิงหมา หวงเหลียน จือหมู่… น้องหญิง ต้องการให้ข้าอธิบายตัวยาพวกนี้ทีละตัวเลยหรือไม่? เสด็จแม่ช่วงนี้ดื่มยาต้มอันเสิน [3] ตลอด เหตุใดเจ้าจึงไม่รีบพูดออกมาอีกเล่า? ”

        ให้ตายเถิด!

        เพียงตรวจดูชีพจร คาดไม่ถึงว่าซูจิ่นซีจะสามารถทราบได้ว่าช่วงนี้เฉินไท่เฟยกำลังใช้ยาต้มอันเสิน

        การแสดงออกของทุกคนประหลาดใจเล็กน้อย แม้แต่เยี่ยโยวเหยาก็มีรังสีสะท้อนรอบทิศทางในดวงตาขึ้นมาทันใดเมื่อมองไปที่ซูจิ่นซี

        หลังจากแปลกใจ เว่ยเหม่ยเจียก็เกิดความดีอกดีใจที่เห็นผู้อื่นประสบเคราะห์ร้าย “พี่สะใภ้ ท่านเป็นหมอไม่ใช่หรือ? ในเมื่อท่านสามารถมองออกว่าเสด็จป้าใช้ยาต้มอันเสิน ก่อนที่จะสั่งยาก็ควรจะมองออกสิ! ความสามารถของท่านมากมาย ยังต้องให้ข้าพูดอีกหรือ?  ”

        แท้จริงแล้วก่อนหน้านี้ที่ซูจิ่นซีให้ยาพูเอ๋อร์หมิ่นกับเฉินไท่เฟยก็ควรมองออก ทว่ายาต้มอันเสินนี้ไม่อยู่ในขอบเขตของยาพิษ ระบบถอนพิษจึงไม่แจ้งเตือนโดยทันที ดังนั้นซูจิ่นซีจึงไม่ได้สังเกต เมื่อครู่นี้นางเปิดระบบถอนพิษ เมื่อตรวจสอบเฉินไท่เฟยอย่างละเอียดถี่ถ้วนจึงจะสามารถมองออก นี่เป็นความผิดพลาดของซูจิ่นซีอย่างแท้จริง และมันก็เป็นส่วนที่สามารถหลอกระบบถอนพิษได้เช่นกัน

        “พระชายา แม้ว่าไท่เฟยจะดื่มยาต้มอันเสินนี่ ทว่าก็ไม่เกี่ยวข้องกระไรกับอาการอาเจียนเป็นโลหิตของไท่เฟยใช่หรือไม่? ”

        หมอหลวงฉู่ถามขึ้นกะทันหัน

        ไม่เกี่ยวข้อง

        ผู้ใดก็ตามที่เข้าใจการแพทย์ล้วนรู้ดีว่ายาต้มอันเสินเป็นใบสั่งยาที่ช่วยเสริมให้นอนหลับ และไม่มีผลข้างเคียงอันใด ที่สำคัญ ยิ่งไม่ควรสามารถทำให้คนอาเจียนเป็นโลหิตได้ถึงเพียงนี้

        ทว่ายาต้มนี้กับยาพูเอ๋อร์หมิ่นมีฤทธิ์ขัดกัน ไม่สามารถใช้ร่วมกันได้

        โดยเฉพาะเป็นยาแผนปัจจุบันตัวหนึ่งและยาจีนอีกตัวหนึ่ง ซึ่งห้ามรับประทานพร้อมกันมากที่สุด

        เพียงแต่นี่ก็ยังไม่ใช่สาเหตุสำคัญที่จะทำให้เฉินไท่เฟยอาเจียนเป็นโลหิต

        “พี่สะใภ้ ท่านต้องการจะพูดสิ่งใด? ไม่ใช่ว่าท่านอยากหนีความรับผิดชอบหรอกหรือ? เพียงแต่บัดนี้เสด็จป้าก็ไม่ได้เป็นกระไรแล้ว ท่านจะไม่รับผิดชอบว่ายาของท่านมีปัญหาก็ไม่เป็นไร อย่างไรเสียเสด็จพี่ก็เอาใจท่าน ผู้อื่นจะทราบอันใดก็ไม่กล้าที่จะพูดออกมา เสด็จพี่เพคะ ท่านว่าใช่หรือไม่เพคะ? ”

        เว่ยเหม่ยเจียรนหาที่ตาย คิดจะใช้เยี่ยโยวเหยาเพื่อกดดันซูจิ่นซี น่าเสียดายที่เยี่ยโยวเหยาไม่สนใจนางโดยสิ้นเชิง

        เยี่ยโยวเหยาฟังทุกคำพูด ทุกประโยคของซูจิ่นซีด้วยความสนใจอย่างมาก อยากจะรู้นักว่าซูจิ่นซีจะลบล้างโทษของตนให้พ้นผิดได้อย่างไร

        “ขอถามว่ายาต้มอันเสินของเสด็จแม่นั้นผู้ใดเป็นคนรับผิดชอบต้มมัน? ”

        ซูจิ่นซีถามข้ารับใช้ที่อยู่ถัดจากเฉินไท่เฟยโดยตรง

        “เรียนพระชายา เป็นข้าน้อยที่รับผิดชอบต้มยาเองเพคะ”

        สาวใช้ที่มวยผมสูงยืนขึ้น

        “รบกวนเจ้าช่วยนำกากยาและกระบอกยาที่ต้มแล้วคืนนี้มาให้ข้าด้วย! ”

        “เพคะ! ”

        ด้วยฐานะของชายาอ๋อง นางกำนัลจึงไม่กล้าที่จะชักช้า ดังนั้นนางจึงรีบตอบรับ จากนั้นก็ไปนำสิ่งที่ซูจิ่นซีต้องการมาให้นาง

        สีหน้าของหมอหลวงฉู่นับวันก็ยิ่งผิดปกติมากขึ้นเรื่อยๆ “พระชายา แม้แต่ผู้ที่มีความรู้เรื่องแพทย์เพียงน้อยนิดก็ยังรู้ว่ายาต้มอันเสินนี้เป็นยาต้มที่ใช้บำรุง จำเป็นที่ท่านจะต้องตรวจกากของยาต้มอันเสินเช่นนั้นเลยหรือพ่ะย่ะค่ะ? ”

        ซูจิ่นซีเหลือบมองหมอหลวงฉู่ รอยยิ้มที่อธิบายไม่ได้ปรากฏบนมุมปากของนาง โดยที่นางไม่เอ่ยสิ่งใดสักคำ

        หมอหลวงฉู่ยิ่งสับสนมากขึ้น ทว่าไม่รู้เพราะเหตุใด ทันใดนั้นก็ปรากฏหยาดเหงื่อเย็นเฉียบขึ้นบนหน้าผากของเขา

        “พี่สะใภ้ ท่านอาจจะไม่ทราบกระมัง? ฝีมือทางการแพทย์ของหมอหลวงฉู่ พวกเราทุกคนแห่งแคว้นจงหนิงทราบดีที่สุด ลำดับในวงการแพทย์นี้ก็เป็นอันดับสอง รองจากผู้นำสำนักซูซึ่งเป็นอันดับหนึ่งในสำหนักหมอหลวงเท่านั้น”

        หัวหน้าของสำนักหมอหลวงก็คือซูจ้ง ผู้เป็นบิดาของซูจิ่นซี

        เว่ยเหม่ยเจียใช้ซูจ้งเพื่อกดดันซูจิ่นซี และยังดูถูกนางอีกด้วย!

        สตรีนางนี้ หากเจ้าไม่สนใจนาง นางก็ยังคงสามารถพูดส่งเสียงจ๊อกแจ๊กจอแจไม่หยุดใส่หูของเจ้าเพื่อแสวงหาความสุขใส่ตน ซูจิ่นซีเคยเจอคนที่ตาไม่มีมีแววอยู่บ้าง ทว่าไม่เคยเจอคนที่ตาไม่มีแววได้ถึงเพียงนี้ ช่างน่ารำคาญเสียจริง

        “เป็นรองท่านพ่อเท่านั้น? เช่นนั้นก็อยู่ภายใต้บิดาของข้าหรอกหรือ? น้องหญิงเป็นคนนอกอาจไม่รู้ว่า แม้ว่าอันดับในโลกการแพทย์จะดีที่สุด ทว่าความสามารถที่แท้จริงนั้นแตกต่างกันราวฟ้ากับเหว ใช่หรือไม่? หมอหลวงฉู่”

        ซูจิ่นซีจัดการเว่ยเหม่ยเจียด้วยประโยคเดียว และยังไม่ลืมที่จะใส่ชื่อหมอหลวงฉู่ลงไปด้วย

        สีหน้าของหมอหลวงฉู่ดูเหมือนจะอึดอัดเป็นอย่างยิ่ง สถานที่ที่แห้งกลับมีเหงื่อเย็นเฉียบมากยิ่งขึ้นเรื่อยๆ

        เว่ยเหม่ยเจียคิดจะตอบกลับ ทว่ายังไม่ทันได้เอ่ยปาก ทันใดนั้นซูจิ่นซีก็พูดขึ้นมาอีกประโยค “หากน้องหญิงไม่เข้าใจ ความจริงก็ไม่ต้องพูดสิ่งใดก็ได้ ไม่มีเจ้ามาคอยปรับบรรยากาศ พวกข้าก็ไม่รู้สึกว่าอึดอัดกระไรหรอก อย่างไรเสียตอนนี้อาการของเสด็จแม่ก็สำคัญที่สุด ท่านอ๋อง ท่านว่าถูกต้องหรือไม่? ”

        ซูจิ่นซีที่กำลังพูดอยู่ ทันใดนั้นก็หันหน้าไปหาเยี่ยโยวเหยา

        เดิมทีเพียงคิดที่จะจัดการเว่ยเหม่ยเจียที่น่ารำคาญผู้นี้ด้วยการทำให้นางโกรธ ก็ไม่ได้หวังให้เยี่ยโยวเหยาตอบรับอันใดเช่นกัน ทว่าก็คาดไม่ถึงว่าเยี่ยโยวเหยาจะตอบรับอย่างไม่มีอารมณ์ร่วมว่า “อืม”

        ทันใดนั้นใบหน้าของเว่ยเหม่ยเจียก็เจ็บปวดจนน่าเกลียดกว่านี้ไม่ได้อีกแล้ว

        เดิมทีซูจิ่นซีอารมณ์เสียอย่างที่สุด ในทันใดนั้นก็ราวกับฟ้าเปิดและมีฝนรินทันที มองเยี่ยโยวเหยาด้วยความปิติยินดีและชื่นชมเล็กน้อย

        เยี่ยโยวเหยาเงยหน้าขึ้นเพียงนิด บังเอิญสบกับดวงตาของซูจิ่นซีโดยมิได้คาดคิด ทันใดนั้นหัวใจของนางก็เต้น “ตึกตึกตึก” ไม่เป็นจังหวะในทันที ซูจิ่นซีไม่กล้ามองเยี่ยโยวเหยาโดยตรง  จึงทำเป็นใช้ดวงตามองออกไปโดยไม่ได้ตั้งใจ

        “พระชายา นำของที่ท่านต้องการมาให้แล้วเพคะ! ”

        นางกำนัลที่ซูจิ่นซีสั่งให้ไปเอากากยาและกระบอกยากลับมา ยกของมายังเบื้องหน้าซูจิ่นซี

        การแสดงออกบนใบหน้าที่เกินจำเป็นของซูจิ่นซีหายไปในทันใด นางหันมาทำหน้าจริงจัง ขอให้นางกำนัลวางกากยาและกระบอกยาลงบนโต๊ะแล้วเริ่มตรวจสอบอย่างละเอียด

        นางต้องการจะตรวจสอบสิ่งใดกันแน่?

        ก็แค่ยาต้มอันเสินธรรมดาๆ จะเกี่ยวข้องกระไรกับอาการอาเจียนเป็นโลหิตของเฉินไท่เฟยด้วยเล่า?

……

สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน

สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน

Status: Ongoing
อ่านนิยายเรื่อง สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน สามพันปีก่อนที่แผ่นดินเทียนเหอจะได้รับการจดบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์ สกุลซู ตระกูลแพทย์ที่เก่าแก่และร่ำรวยแห่งแคว้นจงหนิง ภายในห้องที่รกร้างทรุดโทรมห้องหนึ่ง บุตรสาวคนที่เจ็ด ‘ซูจิ่นซี’ เสื้อผ้าขาดลุ่ย ร่างกายเต็มไปด้วยบาดแผลถูกมัดติดกับเสา ข้างกายคือสาวงามนางหนึ่ง นางสวมอาภรณ์หรูหรา ในมือถือกริชค่อยๆ เฉือนลงบนร่างกายของซูจิ่นซี “ไอ้โง่ เจ้ายังไม่ยอมอ้าปากพูดอีกหรือ หยกกิเลนอยู่ที่ใด” ร่างของซูจิ่นซีสั่นสะท้านด้วยความเจ็บปวด ทว่าปากก็ยังถูกปิดสนิทให้ไม่สามารถพูดได้แม้แต่คำเดียว ดวงตาสีเข้มมืดมนคลอด้วยหยาดน้ำตา ส่งสายตาวิงวอนต่อสาวงามนางนั้น หญิงสาวยิ้มมุมปากอย่างพอใจแล้วดึงผ้าที่อุดปากซูจิ่นซีออก สาวงามตะโกนอย่างเกรี้ยวกราด “พูด! ” แต่นางกลับคาดไม่ถึงว่าซูจิ่นซีจะร้องไห้ส่งเสียงดังสนั่นราวกับเด็กน้อยขึ้นมา “พี่หญิงเป็นคนหลอกลวง ฮือ…ฮือฮือ…บอกว่าจะให้ข้ากินปลา ท่านพี่หลอกข้า ฮือฮือ ลวี่หลี… ข้าเจ็บเหลือเกิน! ลวี่หลี…ฮือฮือฮือ…ข้าเลือดไหล ลวี่หลี…” ดวงตาส่องประกายของสาวงามหม่นแสงลงทันที กริชในมือยกขึ้นจ่อคอของซูจิ่นซีอย่างไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อย “หุบปาก! หากยังตะโกนอีก ข้าจะฆ่าเจ้าเสียตอนนี้! ” ซูจิ่นซีหวาดกลัวเสียจนหยุดส่งเสียงร้องไห้ในทันใด อีกทั้งยังมองสาวงามด้วยแววตาขยาด ทว่าในขณะที่ดวงตาอันสับสนของซูจิ่นซีมองทะลุผ่านสาวงามไปยังบุรุษผู้มีรังสีมืดมนบนเก้าอี้ไม้จันทน์สีแดงแปดเหลี่ยมข้างหลังนาง ซูจิ่นซีก็รู้สึกกระสับกระส่ายขึ้นมา

Comment

Options

not work with dark mode
Reset